ลุ่มลึกอิสราวดี 14

แก้วประเสริฐ


                     ลุ่มลึกอิสราวดี  14
     แสงอาทิตย์เริ่มทอแสงประกายร้อนแรงขึ้น   เหล่าทหารทั้งหลายที่ถูกจัดขึ้น
เป็นกลุ่มๆ    ต่าง ก็รีบออกเดินทางเข้าสู่เมืองอิสราวดี ซึ่งคล้ายตรงกับชื่อของ
แม่น้ำอิรวดีโดยตัวเมืองนั้นใกล้ๆกับฝั่งของแม่น้ำห่างกันไม่ถึงโยชน์  
ใช้เป็นที่ค้าขายทางเรือตลอดจนเป็นที่ดื่มกินของชาวเมืองอิสราวดี
     ครั้นถึงประตูเมืองต่างก็แยกย้ายกัน  บ้างกลับไปบ้านพักบ้าง  บ้างที่อยู่ตามนอก
เมืองก็พากันแยกย้ายโดยถือเอาตลาดเป็นที่นัดหมาย   ที่ทุกๆคนจะต้องมาพบกัน
ทุกๆอาทิตย์ในตอนเช้า เพื่อจะได้คอยสัญญาณที่ถูกกำหนดไว้   
หากไม่พบเห็นสัญญาณดังกล่าวก็จะพากันกลับที่พักดังเดิม
     ส่วนนายกองเหมี่ยวนรธาก็แยกจากแม่ทัพ   พร้อมด้วยทหารคู่ใจสองนายแฝงตัว
เป็นพ่อค้าพานิช  ในระหว่างทางเขาทราบจากพวกพ่อค้าถึงเรื่องเกิดการขบถภายใน
วัง    ด้วยมหาอำมาตย์ใหญ่พร้อมด้วยเสนาบดีฝ่ายทหารเข้ายึดอำนาจจาก พระแม่เจ้า
เหนือหัว        ซึ่งได้หนีออกจากวังได้แต่ไม่รู้ไปอยู่ ณ หนใด   เพียงข่าวคราวนี้ 
นายกองทหารกล้าก็แสนจะดีใจที่  พระนางเจ้าไม่ต้องตกถูกจับกุมอยู่ภายใต้การยึด
ครองครั้งนี้    
    ดังนั้นทหารกล้าคนนี้ก็เปิดร้านขายของและด้านหนึ่งก็สะสมกำลังพลให้เพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้งส่งสายเข้าไปสืบความลับต่างๆทั้งนอกและในวัง  เพื่อจะได้เตรียมการยึดอำนาจคืน        
    แต่ในช่วงระยะนี้ด้านหนึ่งก็ส่งคนคอยติดตามข่าวคราวพระแม่เจ้าเหนือหัวด้วย
    สายได้กลับมารายงานว่าทางในวังกำลังจัดตั้งพิธีสถาปนากษัตริย์องค์ใหม่คือท่าน
อำมาตย์ใหญ่ “มังสุระบดี”ขึ้นครองราชย์แทน   หากแม้นข้าราชบริพารคนใดมิยอมก้มหัว
ให้ก็จะถูกนำไปประหารทันที     อีกประการหนึ่งที่ถูกคัดค้านก็ด้วยดวงตราแผ่นดินที่
ถูกปกครองมานานแสนนานนั้นสาบสูญไปพร้อมกับเจ้าแม่เหนือหัวด้วย    
      ด้วยความที่มันเกรงจะล่าช้าถึงไม่มีตราแผ่นดินก็จะสถาปนาตัวขึ้นก่อน  ด้วยชาวเมือง
พากันวุ่นวายระส่ำระสาย   แบ่งออกเป็นหลายๆฝ่าย   ชาวบ้านชาวเมืองได้อพยพหนีออก
จากเมืองตลอดเวลา   มันเกรงว่าหากสิ้นหรือเป็นเช่นนี้เมืองก็จะตกอยู่ในอันตรายทำให้
แคว้นต่างๆพากันกระด้างกระเดื่องแข็งเมือง
ยากต่อการยกกำลังทหารออกปราบปราม
      มันจึงรวมกับมหาเสนาบดีมังสีหะมะทาคิดแก้ไขโดยยกตนขึ้นเป็นกษัตริย์ก่อนที่เมือง
ต่างๆจะกระด้างกระเดื่อง       แต่สายกลับรายงานว่าถึงเหตุจะเป็นเช่นนี้แต่ก็ยังมีเหล่าทหาร
ที่ไม่พอใจ    ต่างแฝงตัวแยกย้ายกันหนีออกนอกเมือง  ซึ่งภายในวังคงเหลือแต่เหล่าทหารที่
อยู่ในการปกครองของเสนาบดีเท่านั้นกับทหารรักษาพระองค์ฝ่ายในที่แปรภักดิ์
        ดังนั้นมันจึงรวมหัวกันขึ้นสถาปนาตนเองและยกให้เสนาบดีใหญ่ฝ่ายทหารขึ้นเป็น
มหาอำมาตย์ใหญ่แทนทันที       การจัดงานจะเริ่มในอีกอาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้แล้ว
        ทันใดนั้นทหารในร่างของพ่อค้าก็เข้ามารายงานอีก   พร้อมส่งหนังสือให้นายกองทันที
เหมี่ยวนรธา  ครั้นนำหนังสือที่มีตราลับอันเป็นของแม่ทัพใหญ่มาอ่าน     พลางหันไปสั่งแก่
ทหารคู่ใจว่า
       “ ท่านมังสุระยะข่า...   เราได้รับหนังสือแจ้งมาว่าให้พวกเราเข้าก่อกวนงานพิธีในครั้งนี้ 
 แต่เรายังนึกไม่ออกเลยว่าจะดำเนินการอย่างไรดี  ไหนๆท่านลองออกความเห็นหน่อยซิ”
      “ข้าแต่ท่านนายกอง   ข้าคิดว่าหากจะเข้าไปในวังเห็นทีจะยากด้วยมันมีทหารมากมาย
และเหล่าทหารองค์รักษ์ที่ล้วนเข้ากับพวกมหาอำมาตย์หมดสิ้นและล้วน
ที่เจนจัดและรู้หนทางดีกว่าพวกเรามากนัก   ข้าเองว่ามีทางเดียวเท่านั้นแหละ”
      “อะไรหรือท่านมังสุระยะข่า???...”     นายกองถาม
      “ข้าคิดว่าในช่วงระหว่างการทำพิธีนั้น   ให้พวกเราต่างวางเพลิงไปตามสถานที่ต่างๆรอบๆ
เมือง     ก็จะเกิดการสับสนจะทำให้เสียฤกษ์ในพิธี  บางทีงานอาจจะหยุดชะงักก็ได้” ทหารคู่ใจตอบแก่ท่านนายกอง
      “อืมมๆๆๆ....เป็นความคิดที่ดี  หากเราจะนำทหารเข้าไปก็เหมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟ
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ    ฉะนั้นใครล่ะจะจัดการเรื่องนี้ล่ะ”  นายกองถาม
      “ข้าเองท่านนายกอง...”     ทหารคู่ใจฝ่ายซ้ายอีกคนตอบ
      “เอาๆๆ...ในเมื่อพวกเราเห็นพ้องด้วยกันในแผนการนี้  ข้าขอมอบให้ท่าน “ท่านมังละเว้”
ไปดำเนินการก็แล้วกัน   แต่ว่าท่านอย่าได้ประมาทนะ  เมื่อพวกเราหากเมื่อวางเพลิงแล้วให้รีบ
หนีออกไปโดยเร็วและอย่าได้ถูกจับตัวหากจวนตัวจริงๆให้ดื่มยาพิษเสีย    หากแม้นว่างานนี้สำเร็จ
ข้าจะบำเหน็จรางวัลให้อย่างงามบอกทหารที่ทำการด้วยนะ     อ้อๆ..ด้วยข้าได้รับรายงานมาว่าตอนนี้
มันใช้ทหารแฝงตัวสมทบกับประชาชนไว้ด้วย”   เหมี่ยวนรธากล่าว
      “เรื่องนี้ข้าก็พอจะระแคะระคายเหมือนกันท่านนายกอง  ข้าจะคัดคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้และแจ้ง
ถึงงานนี้ที่ตัดสินใจในเรื่องความตายด้วย  อนึ่งทหารกล้าพวกเราที่แฝงตัวล้วนแล้วแต่สาบานตัวกัน
ไว้แล้ว  ท่านนายกอง”    มังละเว้ตอบขึ้น
       ครั้นแล้วนายกองก็เรียกคู่ใจทั้งสองมาแล้วกางแผนที่ภายในเมืองทั้งหมด  แล้ววางแผนที่จะจุด
ไฟในสถานที่หลายๆแห่งรวมทั้งคลังเสบียงอาวุธและอาหารด้วย
     “ข้าเห็นว่าการเรียกพวกเรามาในครั้งนี้  ควรจะกระทำยังชายป่านอกเมืองเห็นจะเหมาะ ด้วย
ในเมืองนี้มีสายของฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งเราไม่รู้ว่าใครเป็นใครกัน    แต่ควรจัดคนคอยเฝ้าไว้ด้วย
ข้าขอมอบหน้าที่นี้ให้ท่านทั้งสองดำเนินการ    ส่วนตัวข้าจะคอยรับฟังข่าวและติดตามเรื่องภาย
ในเมืองด้วย    หากมีเหตุไม่เหมาะสมอย่างไรจะรีบส่งข่าวไปให้พวกท่านทราบ    อ้อๆๆ....
อีกประการหนึ่ง    การกระทำในครั้งนี้   ให้ท่านมังละเว้ดำเนินการ ส่วน ท่านมังสุระยะข่าให้คุม
ทหารรอเชิงหรือจะเข้ามาแล้วแยกย้ายกันคอยช่วยเหลือท่านมังละเว้ต่อไป”  นายกองกล่าว
       เมื่อทั้งสองได้รับทราบว่าจะต้องทำประการใดแล้ว   ก็น้อมกายอำลาออกเดินทางเพื่อไปส่ง
สัญญาณเรียกตัวเหล่าทหารกล้าทั้งหลายให้มาประชุมยังที่ป่านอกเมืองทันที   เพื่อจะทำการอีก
ในอาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้
       ครั้นเหมี่ยวนรธาสั่งการเสร็จ  ก็ออกจากห้องลับมาทำหน้าที่ขายสินค้าหน้าร้านต่อไป  
หากมีใครที่รู้จักมาเห็นก็คงจะจำเขาไม่ได้  เนื่องจากเขาปล่อยผมรุงรังเพียงคาดผมด้วยผ้า
ธรรมดาไว้หนวดยาวย้อมสีเลาๆแต่ก็ให้มีบุคลิกดั่งพวกพ่อค้าทั่วๆไป
        ในขณะที่เขากำลังว้าวุ่นอยู่กับการจำหน่ายของนั้นๆ    เขาเหลือบไปเห็น นายกองของ
ท่านเสนาบดีกำลังนำทหารกลุ่มหนึ่งเที่ยวเดินตรวจสอบตามร้านค้าทั่วๆไป   เมื่อมาถึงยัง
ร้านค้าของนายกอง    
    เหมี่ยวนรธารีบเข้าไปน้อมคาราวะนายกองผู้นั้นทันที พร้อมกล่าวว่า
    “ท่านนายกองท่านจะให้ข้าพอจะช่วยเหลือท่านอะไรได้หรือไม่ขอรับ”
นายกองซึ่งวางมาดหยิ่งยโสหันมามอง แล้วพลางถามว่า
    “เจ้าเป็นเจ้าของร้านค้านี้หรือ”
    “ขอรับท่านนายกอง”
    “เอ...ข้าจำรูปร่างท่านคลับคล้ายคลับคลาว่าเราเคยเจอกันหรือเปล่านะ”  
นายกองผู้นั้นถาม
     “หามิได้หรอกขอรับ  ข้าเป็นชาวเมืองนี้แต่ได้ไปค้าขายและนำสินค้าจากเมืองยะไข่พึ่ง
จะมาถึงในราวอาทิตย์สองอาทิตย์นี่แหละ  ท่านจะสนใจผ้าหรืออุปโภคจากเมืองยะไข่หรือไม่ขอรับท่าน”    เหมี่ยงนรธา น้อมกายตอบ
     “เออนั่นซิถึงแม้ว่าบุคลิกท่านจะไปทางพ่อค้าก็จริง  แต่ทำไมท่านถึงไม่มีพุงและลักษณะ
คล้ายเป็นทหารนะ ทำให้ข้าสงสัยนัก”  นายกองถามด้วยความสงสัย
     “ข้าเองก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้างขอรับ  ด้วยต้องคุมสินค้าไปยังต่างแดนไกล อีกอย่างหนึ่งทาง
ก็เต็มไปด้วยพวกกะเหรี่ยงและแม้ว   ซึ่งพวกนี้ชอบมาปล้นสะดมอยู่เสมอๆจึงจำเป็นต้อง
ฝึกอาวุธไว้ป้องกันตัวบ้างขอรับ”
     “ยังงั้นหรือ...แล้วเจ้ามิคิดจะเป็นทหารบ้างหรือไม่   
ด้วยหน่วยก้านท่านเหมาะกับเป็นทหารนัก”
     “ไม่หรอกขอรับท่านนายกอง  ตระกูลของข้าเป็นพวกพ่อค้าวานิชมาและข้าเองก็สืบทอดมา
จนถึงตัวข้า    เพียงแค่ส่งส่วยให้แก่ทางราชการมิได้ขาดก็ถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณแก่แผ่นดิน
ได้อีกทางหนึ่งขอรับ”
     “เออๆๆๆ....จริงซินะหากขาดพ่อค้าเมืองเราก็จะขัดสนเงินทอง   อ้อๆๆ...แล้วนี่อะไรหรือ???”
     “อ้อนี้คือเครื่องเงินและหินประดับหลากสีต่างๆ   ท่านจะนำหินหลากสีในเมืองเราไม่มีเพื่อ
นำไปให้แม่บ้านท่านบ้างไหมขอรับ  ข้าจะเลือกที่ดีที่สุดให้แก่ท่านขอรับ”
    “เอาล่ะๆไม่เป็นไร  เอๆๆ...แต่ก็ดีเหมือนกันนะพอดีเสร็จจากตรวจราชการแล้วข้ากำลังจะ
กลับบ้านจะได้หาสิ่งของแปลกๆไปฝากเมียข้าบ้าง    เจ้าจะให้อะไรแก่ข้าหรือ ไม่ต้องดีเด่นอะไร
มากนะ” 
 นายกองตอบแต่ในส่วนลึกๆคิดว่าหากมันนำสิ่งไม่ดีมาให้เห็นที่จะหาเรื่องมัน
     “สร้อยเส้นนี้เป็นอย่างไรขอรับ   ประดับด้วยหินหลากสีและตรงอุบะยังฝังพลอยสีแดงล้อม
รอบด้วยหินหลากสีอีกด้วย   แต่หากนับราคาแล้วคนธรรมดาไม่สามารถจะสู้ราคาได้  ข้าเก็บไว้เพื่อ
ขายให้แก่พวกพ่อค้าด้วยกันขอรับ”   เหมี่ยวนรธา กล่าว
      นายกองหยิ่งยโส   ยื่นมือมารับของจากนายกองเหมี่ยวนรธาพลางยกขึ้นพิจารณา ในระหว่าง
นั้นพวกทหารที่ติดตามมาด้วยต่างก็พากันหยิบของภายในร้านคนละชิ้นสองชิ้นใส่กระเป๋ามัน  
ลูกน้องของเหมี่ยวนรธาไม่กล้าเอ่ยปากได้แต่มองตาปริบๆเท่านั้น
      “เออๆๆ...เส้นนี้ก็แล้วกันนะสวยด้วยซี   อ้อเจ้าชื่ออะไรล่ะหากวันหน้าหากจะให้ข้าช่วยเหลือ
ได้บ้าง”  นายกองยโสกล่าว
      “ข้าเองชื่อ”มังมะค่า” ขอรับท่านนายกอง”    เหมี่ยวนรธา ตอบ
      “เอาล่ะข้าจะจำชื่อเจ้าไว้   หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใดก็ไปหาข้าที่จวนถามหาข้าก็ได้
นะ    ข้าเกิดถูกใจเจ้าแล้ว”  นายกองผู้นั้นตอบ      พลางหันไปเรียกกลุ่มทหารให้เดินไปตรวจยังอีกที่
หนึ่ง
      “เดี๋ยวก่อนขอรับ  รอก่อนขอรับ”   เหมี่ยวนรธาตอบ
      “อะไรหรือ????...หรือเจ้าเสียดายของเสียแล้ว”
      “เปล่าหรอกขอรับ   นึกว่าเป็นสินน้ำใจที่ท่านเอ็นดูแก่ข้าเผื่อว่าโอกาสหน้าข้าอาจจะพึ่งพาใบบุญ
ท่านอีกขอรับ “   กล่าวจบชายหนุ่มก็หยิบยื่นห่อผ้ามอบให้แก่นายกองผู้นั้นอีก
 นายกองนั้นพลางเปิดดู   แล้วพลันหัวร่อเสียงดังลั่น
      “เจ้าช่างมีน้ำใจยิ่งนัก เจ้ามังมะค่า”
      “แล้วทำไมท่านนายกองถึงต้องมาตรวจด้วยตนเอง ใยไม่ใช้ทหารระดับต่ำกว่าท่านก็ได้นี่ขอรับ”
      “อ้อๆๆ...ที่ข้ามานี้ด้วยเหตุได้ข่าวว่ากองทัพของนายทัพใหญ่ เหมี่ยวสุรินทราบดีเคลื่อนกำลัง
จะเข้ามาในเมือง   ท่านมหาเสนาบดีเกรงว่าคงจะปลอมแปลงแฝงเข้าเมืองมานะ”
      “เอ๊ะๆๆๆ   เจ้าจะรู้ไปทำหรือหรือ???....
      “อ้อๆข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้นขอรับ  ก่อนนั้นเห็นแค่เพียงทหารและหัวหมู่เท่านั้นขอรับ”
      “อืมมๆ...จริงของเจ้าข้าระแวงมากไป   ปกติก็แค่หัวหมู่แต่นี่ข้าเป็นถึงนายกองมาเอง”
      “ใช่ขอรับ  ข้าถึงได้สงสัยนักคิดว่าต้องมีเรื่องสำคัญ   จะได้เตรียมตัวขนของเก็บไว้ยังไม่ขาย
จนกว่าเรื่องจะเรียบร้อย   ข้าเองกลัวจะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นขอรับ”
      “เออๆๆไม่ต้องกลัวหรอก   หากข้ายังอยู่จะให้ทหารช่วยเหลือเจ้านะ  ข้าไปก่อนล่ะ
เดี๋ยวงานยังมีอีกมากต้องไปตรวจดูความสงสัย”
      “ขอรับข้าน้อยขอส่งแค่นี้นะขอรับ”  เหมี่ยวนรธาตอบ
      “เออๆๆขายของไปเถอะ คนเข้ามาในร้านเจ้ามายืนมองดู แต่เห็นพวกข้าจึงไม่กล้าเข้ามา”
      “ขอบคุณท่านนายกองมากขอรับ”   เหมี่ยวนรธาน้อมกายคาราวะด้วยความอ่อนน้อม
พลางนึกในใจว่า  มันช่างโลภเสียจริงๆแม้แต่สินบนแค่นี้ยังเกิดอยากได้ทำให้ลืมหน้าทีไป  หากเราทำการสำเร็จ   
เจ้าคือคนแรกที่ข้าจะต้องชำระแน่นอน   เขานึกในใจ........
               *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    9 กุมภาพันธ์ 2553 15:54 น. - comment id 114377

    บทที่ 13 แล้ว ..
  • แก้วประเสริฐ

    9 กุมภาพันธ์ 2553 16:06 น. - comment id 114378

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
        ศิษย์รักเรา เรื่องพระเอกนั้นยังต้องผจญภัย
    ต่อไปอีกมากนัก  แต่ครูต้องการหักมุมให้คนอ่าน
    บางคนสงสัยว่าในเมื่อเริ่มต้นแล้วเหล่าทหารนั้น
    หายไปไหนแล้วจะค่อยๆเดินเรื่องเข้าสู่เป้าหมาย
    ในตอนข้างหน้า ด้วยเหตุที่ทำไมเหล่าทหารจึงแยก
    ตัวเข้าเมือง เพื่อขจัดความสงสัยเมื่อเขียนไประยะ
    หนึ่งจนพอเพลาๆแล้วก็ย้อนเข้าสู่การผจญภัยต่อไป
    เรียกว่าการหักมุมเขียนจ้า รักศิษย์เราเสมอ
    
         16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • โคลอน

    9 กุมภาพันธ์ 2553 18:11 น. - comment id 114379

    11.gif11.gif11.gif
    
    เริ่มมีเบื้องลับซับซ้อนเข้ามาแล้วนะคะ 46.gif
  • แก้วประเสริฐ

    9 กุมภาพันธ์ 2553 20:53 น. - comment id 114381

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
         คุณน้ำฝนครับ เปลี่ยนแนวเพื่อจะผสานกัน
    ในตอนหลังครับ ขอบคุณรักเสมอ
    
          16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แขกประจำบ้านกลอน

    9 กุมภาพันธ์ 2553 21:44 น. - comment id 114382

    มาติดตามต่อคะ เปิดมาเห้นภาพ
    ผู้หญิงอยุ่ที่แม่น้ำ คิดว่าพะเอก
    จะพบกับนางเอก แต่พออ่านไป
    21.gif ทหารหารเข้าเมือง อิอิ
    ขอบคุณมากนะคะครูแก้ว
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • คมดาบนารี

    9 กุมภาพันธ์ 2553 23:21 น. - comment id 114385

    เริ่มแฝงข้อคิดคุณธรรม..เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ..41.gif
  • แก้วประเสริฐ

    10 กุมภาพันธ์ 2553 11:05 น. - comment id 114394

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ  แขกประจำบ้านกลอน
    
          ผมเองนั้นเห็นว่าให้คนอ่านเปลี่ยนอารมณ์
    ไปบ้างครับ เพราะอย่างไรเรื่องมันก็ดำเนินมาถึง
    สมควรปรับเปลี่ยนอารมณ์คนอ่านเสียบ้างครับ
          แล้วค่อยสลับกันไปแล้วย่นย่อเข้าหากัน
    ครับ  ขอบคุณรักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    10 กุมภาพันธ์ 2553 11:09 น. - comment id 114395

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ คมดาบนารี
    
         ครับผมเห็นว่าสมควรปรับเปลี่ยนอารมณ์
    คนอ่านแล้ว เพราะอย่างไรการครั้งนี้ก็ต้องประกอบ
    เข้าด้วยกันตามความคิดผมนะครับ  ส่วนไม่ว่า
    กลอนหรือเรื่องนี้ปกติผมมักจะแฝงไว้เสมอๆครับ
    ขอบคุณ  รักเสมอ
    
           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน