ลุ่มลึกอิสราวดี 15
ภายหลังจากที่นายกองของเสนาบดีจากไปพร้อมเหล่าทหารไปตรวจ
ยังร้านอื่น ลับหลังนายกองก็รีบเข้าไปยังห้องลับทันทีพร้อมเขียน
หนังสือรายงานไปยังแม่ทัพเหมี่ยวสุรินทราบดีทันที เพื่อให้ระมัดระวัง
ในการดำเนินการตลอดจนรับรายงานหากมี
เสร็จแล้วก็มอบให้ทหารในร่างพ่อค้า แฝงตัวนำไป มอบแก่แม่ทัพใหญ่
แล้วก็ออกจากร้านค้าเพื่อออกนอกเมืองไปยัง หน่วยสะสมกำลังซ่อนอยู่
ในป่าลึกที่ใช้สำหรับฝึกฝนอาวุธต่างๆ
เมื่อไปถึงก็เรียกหัวหน้าหมู่ที่ควบคุมเหล่าทหารใหม่สอบถามเหตุการณ์
และทราบมาว่า บรรดาทหารที่หนีออกจากเมืองมานั้นต่างก็มาสมทบ
ด้วย ที่ไม่พอใจในการกระทำของอำมาตย์ใหญ่และมีความจงรักภักดี
ต่อเจ้าแม่เหนือหัวรวมทั้งแม่ทัพต่างๆตลอดจนนายกองอื่นๆ
นายกองเหมี่ยวนรธาเมื่อทราบดังนั้นก็ตรงไปยัง ที่พักของบรรดาแม่ทัพ
นายกอง แสดงความเคารพต่อแม่ทัพต่างๆแล้วรายงานเรื่องภายในเมืองให้
ทราบไว้เพื่อจะได้ระมัดระวังตัว บรรดาแม่ทัพเห็นดังนั้นก็พากันลุกขึ้นแล้ว
กล่าวขึ้นว่า
“ท่านเหมี่ยวนรธา พวกของเราถึงแม้จะเป็นแม่ทัพนายกองมาก่อน แต่
บัดนี้หาใช่เป็นแม่ทัพและนายกองไม่ เห็นว่าท่านซึ่งมีความจงรักภักดีต่อ
พระแม่เจ้ารวบรวมจัดกำลังพลขึ้น พวกข้าทั้งหลายขอยกย่องท่านให้เป็น
หัวหน้าพวกเรา จะสั่งการใดๆ ถึงจะลุยน้ำลุยไฟเราก็หาหวั่นเกรงใดไม่
และจะเชื่อฟัง เรื่องบรรดาศักดิ์ยศฐานันดรนั้นหมดสิ้นไปแล้ว”
“ และต่อแต่นี้ไป พวกเราจะถือท่านเป็นหัวหน้าพวกเราเท่านั้น”
และพากันน้อมกายแสดงคาราวะแก่นายกองเหมี่ยวนรธา
ครั้นเหมี่ยวนรธาเห็นเช่นนั้นพลางกล่าวว่า
“ข้าขอขอบใจพวกท่านยิ่งนักที่ให้เกียรติแก่เรา แต่ทว่าถึงอย่างไรหาก
นับด้วยความอาวุโสแล้วตลอดประสบการณ์ ท่านมีความเชี่ยวชาญกว่า
ข้ามากนัก จำต้องพึ่งพาอาศัยท่านอีกมาก เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเรามาสาบาน
เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันดีกว่านะขอรับ”
บรรดาแม่ทัพนายกองเห็น เหมี่ยวนรธาแสดงอาการอ่อนน้อมให้เกียรติ
แก่พวกตนเช่นนี้ พากันซาบซึ้งในน้ำใจจึงพร้อมใจกันตกลงรับปากคำ
เหมี่ยวนรธาหันไปทางทหารที่คอยรับใช้ว่าให้ไปเอาเหล้ามาให้พร้อม
จอกขันในการดื่มกิน พร้อมอาหารต่างๆมาเพื่อไหว้ฟ้าดินในการสาบานตนกัน
เหล่าทหารที่ได้รับคำสั่งก็ออกไปนำสิ่งของอุปโภคบริโภคและรีบนำมา
ให้แก่เหมี่ยวนรธาทันที เขาสั่งให้จัดโต๊ะบูชาฟ้าดินตลอดจนที่องค์พระรัตนตรัย
ด้วย เมื่อเห็นครบถ้วนแล้ว ทั้งหลายต่างคุกเข่าสักการบูชาพระรัตนตรัยกล่าว
คำสาบานร่วมเป็นพี่น้องเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายทันที
แล้วหันไปยังโต๊ะที่สำหรับไหว้ฟ้าดิน เหมี่ยวนรธาหยิบเหล้าออกมา
เทยังขันใบใหญ่จนหมดไหแล้วนำมีดดาบออกมากรีดเลือดที่ยังท่อนแขน
ให้ไหลหลั่งลงไปยังเหล้าในขันนั้น
บรรดาแม่ทัพนายกองเห็นดังนั้น ก็ต่างทยอยกันมากรีดเลือดหลั่งสู่ขันนั้นทันที
พร้อมนำมีดวางไว้บนปากขันใบนั้น แล้วต่างจุดธูปกล่าวคำสาบานต่อฟ้าดินทันที
ว่าทั้งหมดจะขอร่วมเป็นร่วมตายไม่ว่าจะสิ้นชีวิตในการครั้งนี้ก็ตาม เพื่อกอบกู้
อำนาจเพื่อมอบให้แก่พระแม่เจ้า
ทั้งหมดเมื่อสาบานกันแล้วก็ต่างน้ำขันใบใหญ่ที่ผสมเหล้ากับเลือดต่างยกขึ้นดื่ม
วนเวียนกันจนหมดสิ้นทุกตัวนาย
ครั้นพิธีเสร็จสิ้น นายกองเหมี่ยวนรธาก็หันไปทางหญิงรับใช้ที่ผ่านการอบรมเป็น
ทหารให้จัดเตรียมอาหารต่างๆเพื่อใช้ในการต้อนรับพี่น้องร่วมสาบานทันที ครั้นแล้ว
ทั้งหมดก็เข้าร่วมดื่มกิน ต่างส่งเสียงเฮฮาหัวร่อต่อกระซิก กันผลที่สุดไม่ว่าใครจะอาวุโส
เท่าไหร่หรือมียศสูงสักเพียงใด ต่างลงมติให้เหมี่ยวนรธาเป็นหัวหน้า
เหมี่ยวนรธาครั้นได้รับการยกย่องเช่นนี้ ก็ให้สัตย์แก่บรรดาพี่น้องร่วมสาบานว่าจะ
พยายามรักษาปกป้องพวกพี่น้องทั้งหลายด้วยชีวิต หากมาดแม้นเขาจะผิดพลาดอย่างไร
ก็อย่าได้เกรงใจเขา ให้ช่วยตักเตือนแก่เขาด้วย พร้อมยกจอกขึ้นหันไปทางบรรดาพี่น้อง
ร่วมสาบาน
ทุกๆคนต่างลุกขึ้นยืนแล้วยกจอกเหล้ามาชนกันกล่าวสัตย์พร้อมกันว่าจะรักษาราชบัลลังก์
ให้แก่พระแม่เจ้าเหนือหัวด้วยชีวิตจะหาไม่ แม่ทัพที่อาวุโสท่านหนึ่งก็นำแผนที่ออกมากาง
เป็นแผนที่แสดงถึงเขตพระราชฐานทุกซอกมุม และกล่าวว่า
“ ท่านหัวหน้าเหมี่ยวนรธา แผนที่นี้ไม่ใช่เพียงแต่แสดงเขตต่างๆแล้ว
ยังประกอบด้วยห้องลับน้อยใหญ่ที่น้อยคนนักจะล่วงรู้ได้
แต่ด้วยข้าเองมีคนใกล้ชิดเป็นญาติทำงานเกี่ยวกับราชเลขาของ
องค์เจ้าเหนือหัวองค์ก่อน ควบคุมห้องหนังสือทั้งปวง ด้วยเหตุที่ข้าสังเกตเห็นไอ้อำมาตย์นั้น
มีความทะเยอทะยานมากไม่เห็นหัวผู้ใดและเป็นที่ใกล้ชิดไว้เนื้อเชื่อใจแก่องค์เจ้าเหนือหัว
จึงคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ไม่วันใดวันหนึ่งจะต้องมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นแน่นอน ข้าจึงให้ญาติ
ข้าพยายามคัดลอกเขตราชฐานให้ละเอียด ด้วยญาติข้านั้นเป็นผู้รับผิดชอบต่อห้องคลังหนังสือนี้
จึงทราบและคัดลอกมาให้ข้า” แม่ทัพผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
“โอ้ๆๆ...เมื่อเป็นเช่นนี้นับว่าฟ้าดินยังเมตตาแก่เมืองยิ่งนัก เห็นทีการครั้งนี้คงจะสำเร็จสมความ
ตั้งใจแก่พวกเรา และเป็นประโยชน์ยิ่งนัก ฉะนั้นข้าเองคิดว่าหากนำมาลอกเพื่อมอบให้แก่บรรดา
พี่น้องทั้งหลายนี้ก็จะดี ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวหากมาดแม้นเกิดเหตุการณ์ที่คาดมิถึงขึ้นก็จะสามารถ
รักษาตัวเองและพวกพ้องได้ทางหนึ่ง พวกท่านเห็นเป็นประการใด” เหมี่ยวนรธาหันไปถาม
ทั้งหมดหันมามองหน้ากันและคิดตรงกันว่า สมแล้วที่เรายกย่องให้เขาเป็นหัวหน้าพวกเรา
ด้วยมีน้ำใจรักพวกพ้องยิ่งนัก ตลอดจนความละเอียดรอบคอบ
หากเกิดเหตุแผนที่ลับนี้สูญหายไป หรือตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงกันข้ามยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไร
และแผนการต่างๆที่วางไว้ก็จะสูญสิ้นไปหมด นายกองท่านหนึ่งกล่าวขึ้นว่า
“ความคิดอ่านของหัวหน้าเป็นความคิดกว้างไกลนัก แต่ทว่ารู้มากก็ยิ่งเปิดเผยมาก ดังคำกล่าว
ของคนโบราณว่า ความลับย่อมไม่มีในโลก ถึงมีก็ควรจะน้อยลง เอกสารนี้หากพวกเราเกิดถูกจับ
และค้นพบก็จะเป็นภัยอันใหญ่หลวงแก่พวกเรานะท่าน”
“จริงของท่านนายกอง ที่กล่าวมานี้ก็ถูกต้องเห็นที่ควรคัดลอกเพียงไม่กี่ฉบับมอบให้แก่คนที่
รอบรู้เชี่ยวชาญการศึกครั้งนี้ เพื่อจะได้จัดการวางกำลังได้อย่างถูกต้องนะ”
“ท่านหัวหน้าเหมี่ยวนรธามอบหมายจะดีกว่า” แม่ทัพอีกนายหนึ่งกล่าวขึ้น
“หากเป็นเช่นนั้น ท่านนายกองและแม่ทัพท่านก็กล่าวถูก ข้าเพียงถามพวกท่านว่าจะทำฉันท์ใด
ส่วนในใจข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” เหมี่ยวนรธากล่าว
“เมื่อท่านหัวหน้ากล่าวเช่นนี้.....แล้วจะคัดลอกสักเท่าไหร่ตามแต่หัวหน้ากระทำเถิดจะมอบให้
ใครๆก็เหมือนกัน เราต่างเป็นพี่น้องกันอยู่แล้วย่อมมีค่าเท่าเทียมกันหรอก” แม่ทัพอีกนายหนึ่งกล่าว
“เอาอย่างนี้ดีกว่าข้าคิดว่า จะคัดเพียงแค่ห้าฉบับ และข้าจะมอบให้แก่ท่านแม่ทัพนายกองสลับ
กันไป ด้วยข้าเองไว้ใจพวกท่านทั้งหลายนัก” เหมี่ยวนรธากล่าวขึ้น
เมื่อต่างคนต่างตกลงกันได้ เหมี่ยวนรธาก็จัดการเขียนคัดลอกด้วยทุกๆคนต่างก็ช่วยกัน
ในไม่ช้า งานละเอียดต่างๆก็สำเร็จลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว แล้วต่างมอบเอกสารลับให้แก่นายกอง
เหมี่ยวนรธาทันที
ครั้นเมื่อท่านเหมี่ยวนรธาได้รับหนังสือลับมาแล้วก็เก็บไว้ในอกเสื้อยังมิได้มอบหมายให้แก่
ผู้ใด พร้อมเชิญชวนร่วมกันดื่มหาความสำราญกันต่อไปโดยมีทหารหญิงที่ได้รับการฝึกฝนอบรม
มาอย่างเชี่ยวชาญคอยปรนนิบัติตลอดเวลา แล้วก็พากันแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อรุ่งขึ้นจะได้มา
ทำการฝึกอาวุธตลอดจนค่ายกลต่างๆแก่เหล่าทหารทั้งหลายต่อไป
เมื่อต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว นายกองเหมี่ยวนรธาก็นำเอกสารลับมาพิจารณาและจดจำ
รายละเอียดภายในเมืองตลอดจนสถานที่ต่างๆจนขึ้นใจ แล้วหันไปยังทหารที่คอยรับใช้ให้ไปเรียก
แม่ทัพนายกองบางนายมาสี่นาย ครั้นทหารออกไปเรียกแม่ทัพนายกองที่ท่านหัวหน้าสั่งแล้ว
ในไม่ช้าร่างของแม่ทัพนายกองทั้งสี่รวมทั้งผู้ที่มอบบันทึกลับนี้รวมอยู่ด้วย
เมื่อต่างเข้ามาแล้วก็แสดงความเคารพต่อท่านเหมี่ยวนรธา
นายกองก็เชิญท่านทั้งสี่นั่งลงพร้อมสนทนาเป็นพิธีต่างคุยและวางแผนการด้วย
ว่าจะดำเนินการวางเพลิงในเมืองเพื่อให้เกิดความจลาจลในงานพิธีสถาปนา
ตนเองของเจ้ามหาอำมาตย์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ต่างคนก็ออกความคิดเห็น ร่วมช่วยกันวางแผนในการ
ดำเนินงานครั้งนี้จนเสร็จ เมื่อปรึกษาเรียบร้อยแล้ว
นายกองเหมี่ยวนรธาก็ล้วงหยิบบันทึกลับมามอบให้แก่แม่ทัพนายกองทั้งสี่
ว่าให้ศึกษาให้ละเอียดเพื่อใช้ในการดำเนินการต่อไป
แล้วก็เชิญให้แม่ทัพทั้งสี่กลับไปพักผ่อนได้
เสร็จแล้วก็ล้วงบันทึกลับคัดลอกอีกฉบับหนึ่งมาใส่ซองพร้อมบันทึกสิ่งต่างๆในการดำเนินการ
ขัดขวางในงานพิธีนี้แก่ท่านแม่ทัพใหญ่ โดยคัดคนที่ไว้ใจได้ไปส่งเอกสารนี้ ในการครั้งนี้นั้น
เขาก็ส่งทหารติดตามไปห่างๆถึงสามช่วงด้วยกันเพื่อความไม่ประมาท หากเกิดการผิดพลาดใน
ระหว่างทาง จะได้เข้าประสานงานรับช่วงต่อไป
เมื่อสั่งการแก่เหล่าทหารภายในค่ายเรียบร้อยแล้ว นายกองในร่างพ่อค้าก็เดินทางกลับมา
ยังร้านทันที แล้วสั่งเหล่าทหารในร่างพ่อค้าตามร้านต่างๆที่แยกย้ายกันไปทั่วบริเวณเมืองให้เตรียม
พร้อมเพื่อจะดำเนินการคัดคนที่มีฝีมือที่สุดในการทำงานครั้งนี้โดยอำพรางซ่อนเร้นรอกำหนดเวลา
รอคำสั่ง เพื่อคอยช่วยเหลือกำลังทหารของมังละเว้ และมังสุระยะข่าต่อไป
ครั้นก่อนวันครบการสถาปนาเถลิงราชสมบัติของเจ้ามหาอำมาตย์มังสุระบดี บรรดาเจ้าเมือง
แคว้นต่างๆที่เป็นเมืองขึ้นแก่เมืองอิสราวดีก็ต่างทยอยกันเข้าเมืองมาพร้อม
เครื่องราชบันนาการเพื่อมอบแก่ผู้จะเข้าครอบครองเมืองต่อไป
จวบจนถึงเวลาในรุ่งอาทิตย์ที่ได้ฤกษ์ตามโหราจารย์กำหนดแล้ว ภายในท้องพระโรงที่
ประดับไปด้วยความสวยงาม บรรดาแขกเมืองต่างก็นั่งยังเก้าอี้ด้านหน้า ตรงกลางเป็นพื้นเป็นที่
นั่งกับพื้นของบรรดาเหล่าแม่ทัพนายกองและเจ้าหน้าที่สูงสุดที่ควบคุมกิจกายภายในเมืองทั้งสิ้น
ส่วนราชบัลลังก์นั้นเป็นตั่งสองชั้นที่แกะสลักลวดลายสวยงามยิ่งนัก เป็นช่อลายต้นไม้ประดับ
ด้วยสัตว์หิมพานต์ทั้งสิ้น เหนือตั่งเป็นฉัตรใหญ่สามชั้นขลิบทองสวยงามนัก แต่ยังไม่มีผู้ใดนั่ง
ข้างถัดลงมาสองข้างเป็นที่นั่งของมหาอำมาตย์ใหญ่มังสุระบดี
และเสนาดีมังสีหะมะทา ด้านข้างท้องพระโรง ยืนเรียงรายไปด้วยเหล่าทหารทั้งหลายในมือถืออาวุธ
อีกด้านหนึ่งของท้องพระโรงจัดเป็นที่นั่งของพระสงฆ์ที่จะมาคอยเจริญพุทธมนต์ ส่วนอีก
ด้านหนึ่งเป็นที่อยู่ของพวกพราหมณ์ ซึ่งกำลังร่ายมนต์เบื้องหน้าเป็นที่เซ่นสังเวยเทพยดาอยู่
พิธีเริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างการร่ายอัญเชิญเทพยดาฟ้าดินนั้น พลันก็เกิดพายุพัดกระหน่ำขึ้น
ตลอดจนฝนพร่ำๆ เสียงฟ้าร้องคำรามลั่นสายฟ้าฟาดสลับกันไปๆมา พราหมณ์ก็ร่ายมนต์ต่อไป
เสียงฟ้าก็ยังคำรามตลอดเวลา ลมพายุก็โหมกระหน่ำอย่างไม่รู้หยุด จนพราหมณ์ร่ายเวทย์จบ
มหาอำมาตย์ก็ให้อัญเชิญมงกุฎที่นางสนมกำนัลใส่พานทองถือเดินออกมาจากม่านชั้นใน
เพื่อจะส่งมอบให้แก่มหาอำมาตย์ ใช้เพื่อสวมศีรษะปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ต่อไป
เมื่อมหาอำมาตย์มังสุระบดีรับมงกุฎมาถือไว้ ก็บังเกิดอสุนีบาตฟาดดั่งสนั่นยังยอดประสาท
ราชวังหักล้มลงมา เสียงสนั่นหวั่นไหวลั่นเลื่อนไปทั่ว
ยอดฉัตรที่ตั้งไว้เบื้องหลังตั่งก็หักโค่นลงมายังทำความตกใจให้แก่เหล่าเจ้าเมืองทั้งหลาย
ตลอดจนข้าราชบริพาร ทำให้มหาอำมาตย์ถึงกับตกใจมหามงกุฎพลันพลัดหลุดจากมือทันที............
* แก้วประเสริฐ. *
11 กุมภาพันธ์ 2553 10:36 น. - comment id 82226
คุณ แขกประจำบ้านกออน ไม่เป็นไรครับผมยังเขียนไปเรื่อยๆย้อนมา อ่านก็ได้ครับหากติดตาม ขอบคุณครับรักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

10 กุมภาพันธ์ 2553 16:02 น. - comment id 114402
เรื่องราว กำลังเข้มข้นแล้วครับครู.

10 กุมภาพันธ์ 2553 19:38 น. - comment id 114405
คุณ กิ่งโศก ครูเองก็เริ่มเรื่องไปเรื่อยๆจ้า ศิษย์รักเรา อ่านไปให้เดาใจครูไปด้วยนะจะได้เพิ่มอรรถรส มากยิ่งขึ้นนะ รักศิษย์เรามากเสมอ
แก้วประเสริฐ.

10 กุมภาพันธ์ 2553 22:06 น. - comment id 114406
อิอิ ครูแก้ว จบตอนกำลัง ตื่นเต้นได้ที่เลยนะคะ วันนี้เข้ามาอ่านช้าไปหน่อย ขอบคุณมากนะคะ

10 กุมภาพันธ์ 2553 22:29 น. - comment id 114407
เดี๋ยวจะไปหาตอนเก่าๆอ่านครับ ตอนนี้สนุกดีครับ ถ้าขออนุญาตCOPY ไว้ จะเป็นอะไรมั้ยครับ จะได้อ่านยาวๆทีเดียว แหะๆ

11 กุมภาพันธ์ 2553 10:42 น. - comment id 114408
คุณ แขม่วแมน ตามสบายครับผมไม่ค่อยจะคิดมากอะไร หรอกครับ เชิญตามสบายได้ครับหากคุณชอบ ผมแค่เพียงเล่นเพื่อความเพลิดเพลืนสนุกกับงาน เขียนและฝึกสมองเท่านั้น ขอบคุณครับ
แก้วประเสริฐ.

11 กุมภาพันธ์ 2553 11:38 น. - comment id 114410
คนที่มักใหญ่ใฝ่สูง มักจะเป็นคนที่ไม่มีบุญญาธิการนะคะ

11 กุมภาพันธ์ 2553 14:33 น. - comment id 114412
กำลังสนุกอีกแล้วนะคะคุณลุง

11 กุมภาพันธ์ 2553 15:44 น. - comment id 114413
คุณ โคลอน คงจะเป็นเช่นนี้กระมังครับคุณฝน ผมไป ธุระข้างนอกบ้านพึ่งกลับมา ก็รีบแต่งต่อเลยครับ ขอบคุณรักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

11 กุมภาพันธ์ 2553 15:47 น. - comment id 114414
คุณ เพียงพลิ้ว จ้าหลานรัก ด้วยจิตใจลุงเองปล่อยว่างๆไว้ จึงเกิดเป็นคลังสมบัติที่สามารถหยิบยกอะไรๆก็ได้ กระมัง เพราะก่อนนี้ได้สะสมไว้คงจะเยอะนะ รักหลานเราเสมอๆ
แก้วประเสริฐ.
