ลุ่มลึกอิสราวดี 16
หลังจากพายุฟ้าคำรามสงบลงแล้ว มังสุระบดีและมังสีหะมะทาซึ่งตื่นตระหนก
จากเสียงคำรามของฟ้าตลอดจนยอดปราสาท ยอดฉัตรเหนือบัลลังก์หักโค่นลง
ทำให้นึกสังหรณ์ในใจ แต่ด้วยความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงเข้าครอบงำไว้
มังสุระบดีมหาอำมาตย์ใหญ่ที่คิดจะสถาปนาตนเองก็ส่งเสียงหัวร่อดังลั่น
พลันกล่าวขึ้นในท่ามกลางเจ้าแห่งแคว้นต่างๆตลอดจนเหล่าแม่ทัพนายกองขึ้นว่า
“เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นทีฟ้าดินจะอำนวยอวยพรให้แก่เราว่า การครั้งนี้เห็นที
ว่าจะเป็นฤกษ์งามยามดี ที่เราจะปรับเปลี่ยนแผ่นดินใหม่
เพื่อความผาสุกของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย
ตลอดจนความสุขแก่เหล่าแว่นแคว้นต่างๆเสียเป็น
มั่นเป็นเหมาะแล้วแน่แท้นะ ราชวงศ์เก่าคงจะหมดสิ้นแล้ว
เพื่อให้เราได้สร้างเศวตฉัตรและยอดปราสาทขึ้นเพื่อความรุ่งเรือง
ของราชวงศ์ใหม่เป็นแน่ พวกท่านทั้งหลายเห็นเป็นประการใดรึ”
เหล่าเจ้าแคว้นต่างๆตลอดมวลอำมาตย์ข้าราชบริพารแม่ทัพนายกอง ครั้นได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ ซึ่งต่างก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจ
ก็พากันสรรเสริญ ยกยอปอปั้นไปตามๆ
กันหาได้มีผู้หนึ่งผู้ใดกล่าวขัดขวางก็หาไม่
เจ้าแคว้นแห่งเมืองตองอูกล่าวว่า
“ นั่นซิ ฟ้าดินคงจะอำนวยชัยให้แก่ท่านเป็นแน่แท้” ทั้งๆที่ภายในใจมันก็นึก
ประหวั่นต่อเหตุการณ์เช่นนี้ หากจะกล่าวตรงๆไปก็เกรงภัยจะเกิดขึ้นได้
ข้างฝ่ายอำมาตย์น้อยใหญ่และแม่ทัพต่างก็ร้องสรรเสริญยกยอเป็นการใหญ่
เมื่อมังสุระบดีได้ยินความเช่นนั้น ก็หันไปสั่งแก่เหล่าสนมกำนัลให้นำมหามงกุฎ
ไปเก็บเสีย แล้วพลางกล่าวขึ้นว่า
“ในเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เราเห็นทีจะต้องสร้างมหามงกุฎขึ้นใหม่เสียแล้ว
อีกประการหนึ่ง เราก็ขอยกเลิกการสถาปนาเป็นกษัตริย์ลงไว้ก่อน เว้นได้โอกาสฤกษ์งาม
ยามดีก็จะเถลิงราชสมบัติต่อไป แต่เราจะรักษาการณ์แทนในตำแหน่งมหากษัตริย์ต่อไป
พวกท่านทั้งหลายเห็นเป็นไฉน”
แล้วแต่ท่านมังสุระบดีเถิด การครั้งนี้เมื่อรักษาการณ์ก็เปรียบเสมือนกับเป็นราชันย์เหมือนกัน”
เหล่าเจ้าแคว้นต่างๆและมวลอำมาตย์แม่ทัพนายกองกล่าวขึ้นพร้อมเพียงกัน
“เอาล่ะในเมื่อพวกท่านทั้งหลายเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้แล้ว เราก็ขอประกาศ ณ ที่นี้
ว่าจะแต่งตั้งให้ท่าน มังสีหะมะทาขึ้นดำรงตำแหน่งท่านมหาอำมาตย์ใหญ่และควบตำแหน่ง
เสนาบดีใหญ่ฝ่ายทหารอีกตำแหน่งหนึ่ง
อำนาจทั้งหมดให้เป็นรองเราเท่านั้น”
มังสุระบดีกล่าวขึ้น
เหล่าอำมาตย์น้อยใหญ่และแม่ทัพนายกองก็ไม่มีผู้ใดคัดค้านแต่ประการใด ได้แต่มอง
หน้ากันไปมา
แต่ในส่วนลึกคิดถึงเรื่องยอดปราสาทหักและเศวตฉัตรจะเกิดภัยแน่นอน
ด้วยการครั้งนี้มันบ่งบอกถึงลางร้าย แม้แต่ท่านโหราธิบดีจารย์ก็กระอักกระอ่วนใจนัก
ครั้นจะกล่าวก็เกรงภัยจะตกถึงตัวจึงได้เงียบๆไว้
ทันใดนั้นเองทหารคนสนิทของมังสีหะมะทาก็เข้ามารายงานข้างหูของท่านเสนาบดีใหญ่
มังสีหะมะทาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ และรีบไปกระซิบที่ข้างหูแก่มังสุระบดีทันที
ทำให้ผู้สำเร็จราชการซึ่งพึ่งรับตำแหน่งใหม่ๆถึงกับอุทานขึ้นมาทันที
“อ้าาๆ????.... ใยมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเชียวหรือ” แล้วหันไปสั่งแก่มังสีหะมะทาทันทีว่าให้
รีบออกไปดำเนินการทันที แต่ตัวเองยังปั้นสีหน้ายิ้มแย้มหันไปกล่าวกับเจ้าแคว้นนครต่างๆ
ตลอดจนมวลอำมาตย์แม่ทัพนายกองน้อยใหญ่ทันที
“ข้าขอขอบใจท่านทั้งหลายที่ให้เกียรติแก่แคว้นเรา และท่านทั้งหลายไปพักผ่อนยังเรือน
ต้อนรับก่อน ด้วยเรามีงานเร่งด่วนที่จะทำในครั้งนี้ ต้องขออภัยแก่ท่านทั้งหลายด้วยนะ”
ฝ่ายเจ้าแคว้นนครต่างๆและมวลอำมาตย์ทั้งปวงได้ยินเช่นนี้ ก็บังเกิดความดีใจด้วยเห็นว่า
เรื่องนี้คงจะไม่ธรรมดาเสียแล้วคงจะมีเหตุภัยร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่พวกตนยัง
ไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น
มังสุระบดีหันไปทางเหล่าแม่ทัพนายกองแล้วสั่งว่า
“ขอให้ท่านแม่ทัพนายกองอยู่ก่อน อย่าพึ่งกลับไป เดี๋ยวท่านมังสีหะมะทาจะมีเรื่องปรึกษา
ข้อราชการ
เหล่าบรรดาเจ้าแคว้นนครต่างๆตลอดจนมวลอำมาตย์แสดงความเคารพแก่มังสุระบดีแล้วก็
รีบต่างพากันทยอยออกไปจนหมดสิ้น
ครั้นเหล่าแคว้นต่างๆและอำมาตย์ได้ออกไปแล้ว มังสีหะมะทาก็หันไปสั่งแก่เหล่าแม่ทัพ
นายกองทันทีว่า
“บัดนี้เกิดความวุ่นวายภายในเมือง ให้ท่านเหมี่ยวมังละสุทีแม่ทัพคุมกำลังไปดับไฟที่วางเพลิง
คลังอาวุธและคลังฉางข้าวโดยด่วน ตลอดจนจัดกำลังออกจับกุมผู้ก่อการโดยเร็ว ส่วนท่านมังสุระศรี
ก็จัดกำลังเข้าตรวจค้นผู้ที่สงสัยและสั่งปิดประตูเมืองโดยด่วน
ครั้นแม่ทัพทั้งสองนายรับคำสั่งแล้ว ก็รีบออกมาจัดกำลังพลออกปฏิบัติการทันที
ระหว่างที่ฟ้าคำรามและฝนหยุดแล้ว เหล่าทหารที่แฝงกายเป็นพลเรือนของมังละเว้เมื่อได้รับคำสั่ง
จากท่านเหมี่ยวนรธาแล้วก็คัดทหารกล้าตายเข้าเริ่มปฏิบัติงานโดยแบ่งเป็นกลุ่มๆละ ห้าคน แยกย้าย
กันไปปฏิบัติงาน ยามเมื่อเห็นยอดปราสาทราชมณเฑียรถูกฟ้าผ่าหักสะบั้นลงก็ให้เกิดความยินดียิ่ง
ถือเป็นฤกษ์ดี
งานนี้คงจะสำเร็จลุล่วงไปได้แน่นอนด้วยฟ้าดินคงพิโรธช่วยเหลือ จึงนำกำลังพล
ทั้งหมดออกปฏิบัติการทันที โดยกำชับว่าเมื่อวางเพลิงลุกดีแล้วให้รีบหนีออกจากตัวเมืองโดยเร็ว
อย่าได้รีรอชักช้าเป็นอันขาด ด้วยประตูเมืองจะถูกปิดต้องมีเหตุการณ์นี้ขึ้นแน่นอน เมื่อสั่งการให้
เหล่าทหารกล้าทั้งหลายทราบ ก็นำกำลังพลสามนายพร้อมสิ่งที่จะใช้วางเพลิงแยกย้ายไปทำงาน
ทันที
บัดนี้แทบทุกมุมเมืองปรากฏเปลวเพลิงลุกลามขึ้นอย่างรวดเร็วประกอบกับพายุที่หายไปนั้น
กลับเกิดขึ้นพัดโหมกระหน่ำอีกวาระหนึ่ง บ้านเรือนฝ่ายทหารถูกเปลวเพลิงมอดไหม้แทบหมดสิ้น
เสียงแตกเผียะๆดังลั่นสนั่นคลังอาวุธ สถานที่เก็บม้าได้ถูกปล่อยวิ่งหนึเพ่นพานไปทั่ว
คลังเสบียงอาหาร ตลอดจนอื่นๆต่างตกอยู่ภายใต้กองเพลิงทั้งสิ้น
เหล่าทหารพากันวิ่งวุ่นหาน้ำมาดับเพลิงกันจ้าระหวั่นแต่น้ำที่จะหามาได้
นั้นไม่พอเพียงกับการใช้ดับไฟตลอดจนพายุได้โหมอย่างหนัก เปลวเพลิงลอยขึ้นท้องฟ้าปลิวไป
ทั่วเมือง และติดไปยังบ้านชาวเมืองทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปเสียทั้งสิ้น เมืองทั้งเมืองแทบ
ลุกเป็นไฟ
บรรดาเหล่าเจ้าแคว้นนครต่างๆพากันตื่นตระหนกไปตามๆกันเตรียมตัวเพื่อออกเดิน
ทางกลับ และมาออที่ประตูเมืองทหารประจำประตูเมืองก็อนุญาตให้ออกไปนอกเมืองได้
ด้วยเห็นเป็นแขกบ้านแขกเมือง คงจะได้รับอนุญาตจากท่านมังสีหะมะทาแล้ว ขณะเดียวกัน
พวกทหารในร่างพลเรือนก็แอบแฝงออกมาด้วย เมื่อพ้นประตูเมืองแล้วก็แยกย้ายกันกับยัง
ที่พักทันที
เมื่อรายงานไปถึงท่านมังสุระบดีก็ให้โกรธ กระทืบพื้นแล้วเร่าๆ รีบออกมาดูเหตุการณ์
พร้อมด้วยมังสีหะมะทาสั่งการอย่างเร่งด่วน
เวลาผ่านไปจวบจนเพลิงยุติมอดไหม้ด้วยไม่มีสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงอีกแล้ว
บรรดาเหล่าอำมาตย์ทั้งหลายต่างก็ทยอยเข้ามาสมทบทันที
เมื่อแลเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นต่างพากันวิตกยิ่งนักกริ่งเกรงว่า
หากเป็นเช่นนี้แล้วเห็นทีผู้สำเร็จราชการก็คงจะเรียกเก็บเงินทองจากพวกตนและ
ราษฎร์ก็จะเกิดความสับสน ด้วยตอนนี้พวกราษฎร์นั้น ส่วนใหญ่ต่างหลบหนีออกเมือง
ไปเสียสิ้น ที่เหลืออีกไม่มากนักเนื่องจากส่วนมาก นอกจากพวกเด็กคนชราและพ่อค้าวานิช
จึงต่างพากันปรึกษากันว่าจะหาทางทำอย่างไรดี
เหล่าทหารเข้ามารายงานว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากการลอบวางเพลิง แต่ไม่สามารถ
จับคนร้ายได้ ด้วยในระหว่างการทำพิธีนั้นทุกๆคนต่างก็มาเพื่อที่จะร่วมแสดงความยินดีกับ
ท่านผู้สำเร็จราชการ
ดังนั้นไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นบัดนี้ประตูเมืองทุกๆประตูได้ถูกปิดตาย
และบรรดาเจ้าแคว้นนครต่างๆได้ต่างกลับไปหมดสิ้นแล้ว
ครั้นมังสุระบดีทราบเหตุดังนี้ จะเอาความผิดกับทหารก็ไม่ได้จึงหันมาปรึกษากับ
มังสีหะมะทา ว่าจะทำฉันท์ใดดี กล่าวขึ้นว่า
“นี่แน๊ะ!!!!....ท่านมหาอำมาตย์เสนาบดี การครั้งนี้เหตุเกิดในเมือง พวกบรรดา
แคว้นต่างๆก็จะเกิดการแข็งข้อแน่นอน
หากจะเอาความผิดทหารเราก็ไม่ได้ ขอให้ท่านตระเตรียมทหารและสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นใหม่โดยรีบด่วน
ตลอดจนเสบียงอาหารไว้ให้พร้อมเพื่อป้องกันเหตุนี้นะ”
“ขอรับ...ท่านผู้สำเร็จราชการข้าจะเรียกประชุมนายทัพนายกองด่วน เพื่อวางแผนป้องกัน
ไว้ และจะจัดการซ่อมแซมสิ่งที่เกิดเพลิงไหมโดยด่วนที่สุดขอรับ” ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ซึ่ง
พึ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆกล่าวตอบ
“เอาล่ะๆ....ในเมื่อท่านรับปากเราเช่นนี้เราค่อยคลายใจได้บ้าง หากท่านต้องการสิ่งใดให้
แจ้งมายังข้าเพื่อจะจัดการให้ท่าน ส่วนเราจะเรียกประชุมเหล่าอำมาตย์ทั้งปวงเพื่อจัดหาเงินมา
ช่วยเหลือการครั้งนี้ และจะนำเงินในท้องพระคลังออกมาใช้จ่ายไปก่อนและปรึกษาหารือเกี่ยวกับ
การวางแผนในเมืองต่อไป” ผู้สำเร็จราชการที่ยกตัวเองขึ้นกล่าว
ครั้นแล้วมันก็เดินทางเข้าวังทันที ด้านมหาอำมาตย์ใหญ่ก็รีบไปบัญชาการเกี่ยวกับกองกำลัง
เพื่อสำรองใช้ในการปกป้องและปราบปรามบรรดาแว่นแคว้นต่างๆหาก เกิดการกระด้างกระเดื่อง
ตลอดจนสั่งทหารให้รีบซ่อมแซม หากไม่สามารถซ่อมได้ก็ให้จัดการสร้างขึ้นใหม่ แล้วมีหนังสือ
ไปยังบรรดานายทัพนายกอง ตลอดจนบรรดากองทัพที่อยู่นอกเมืองให้ตระเตรียมกำลังไว้หากจำเป็น
ต้องใช้ในศึกสงครามต่อไป
ทางด้านเหมี่ยวนรธา ครั้นทหารที่ไปทำการมารายงานว่าการทำครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
และทุกๆคนปลอดภัยตามแผนการที่ท่านได้วางไว้ทุกประการ เมื่อทุกคนจุดไฟที่ผสมด้วยน้ำมัน
แล้วรอจนไฟติดกระชุจึงได้รีบออกมา และหาทางกลับไปนอกเมืองบ้างก็แฝงไปกับบรรดาเจ้าเมือง
ต่างๆออกไป การครั้งนี้พวกมหาอำมาตย์มังสุระบดีไม่สามารถเถลิงปราบดาเป็นกษัตริย์ได้แต่มัน
ยกตัวเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการควบคุมอำนาจเด็ดขาดเสมือนหนึ่งองค์กษัตริย์มิปาน
ครั้นเหมี่ยวนรธาได้รับรายงานแล้วก็ให้บังเกิดความดีใจ รีบทำหนังสือรายงานไปยังท่านแม่
ทัพใหญ่
สักครู่ใหญ่เขาก็ได้รับรายงานจากทหารที่ปลอมแปลงตัวมาส่งรายงานว่าแม่ทัพใหญ่ได้
ค้นหาพบเจ้าแม่เหนือหัวแล้ว และอารักขาอย่างปลอดภัยด้วยอยู่ยังป่าลึกในภูเขาแวดล้อมไป
ด้วยภูเขามากมายเป็นกำแพงกันยากนักจะเข้ามาตลอดแนวได้วางกำลังเรียบร้อย โดยได้ทำการ ตลอดได้ย้ายกองกำลังและไปนำอาวุธ
ที่ซ่อนเร้นตลอดจนบรรดาม้าศึกทั้งหลายกลับไปยังหุบเขา
หมดสิ้นเรียบร้อย
ดังนั้นนายกองเหมี่ยวนรธา จึงมอบหนังสือส่งให้กลับไป
รายงานท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อทราบผลการดำเนินการ ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ
เกี่ยวกับบรรดาแม่ทัพนายกองที่เข้ามาสวามิภักดิ์
และการส่องสุมกองกำลังไว้ให้แม่ทัพใหญ่ทราบ เพื่อจะได้หาหนทางกอบกู้ช่วงชิงบัลลังก์คืน
ในหนังสือของแม่ทัพใหญ่ยังได้กำชับให้แยกกองกำลังที่ฝึกไว้ออกเป็นกลุ่มย่อยๆ
อย่าให้เป็นที่สังเกตของเหล่าทหารในเมืองได้
โดยให้นายกองเป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบ ส่วนทางด้านนี้ก็ได้จัดเตรียมกอง
กำลังไว้เพื่อรอเวลาโอกาสที่เหมาะสม เพื่อยกกองกำลังเข้าโจมตีเมืองอิสราวดีต่อไป.....
ดังนั้นเจ้าขนทองก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาแสดงความดีใจในชัยชนะของมันครั้งนี้ ชายหนุ่ม
เห็นดังนั้นก็หัวร่อแสดงความยินดีต่อมัน แล้วก็จูงมือเจ้าขนทองออกเดินทาง แต่ทว่าเบื้องหน้า
เขานั้นหาได้เป็นที่อยู่ของต้นไม้เขียวชอุ่มเลยก็หาไม่ กลับเป็นที่โล่งเตียนบรรดาต้นไม้เล็กๆต่างก็แห้งเฉา
เป็นบริเวณกว้าง อากาศก็แสนร้อนอบอ้าวเป็นระยะทางไกล เขามองไปยังเบื้องหน้าที่เป็นภูเขาก็
โล้นปราศจากต้นไม้ใดๆ เห็นแต่เปลวระยิบระยับของแสงแดดไหวไปไหวมา
ชายหนุ่มรีบตรวจดูน้ำในกระบอกทันที เห็นว่ายังพอจะมีเหลือเต็มอยู่สองกระบอกไม้ไผ่ แต่อีกกระบอกกลับเหลือครึ่งหนึ่ง
ทำให้ชายหนุ่มกังวลใจทันที หากเขาจะต้องเดินทางไปยังเขาโล้นที่แล
เห็นอยู่ลิบๆ น้ำที่เหลือจะพอประทังชีพได้อีกเท่าไหร่แต่ในเมื่อมาแล้วหากจะย้อนกลับไปก็จะเสียเวลา
พลางคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี้แล้วก็คงต้องปล่อยไปตามวาสนา ดังนั้นจึงสลัดความคิดทั้งหลายออกแล้วจูงมือเจ้าขนทอง
รีบมุ่งหน้าเดินทางตัดตรงไปยังภูเขานั้นทันทีเผื่อจะมีโอกาสพบน้ำก็ได้.........
* แก้วประเสริฐ. *
11 กุมภาพันธ์ 2553 16:36 น. - comment id 114415
ลุ้นต่อไปค่ะ

11 กุมภาพันธ์ 2553 19:19 น. - comment id 114416
มาติดตามต่อคะครูแก้ว อากาศร้อนมากนะคะ ในเรื่องก็ร้อนอบอ้าว อิอิ ขอบคุณมากนะคะ

11 กุมภาพันธ์ 2553 21:17 น. - comment id 114427
แหม..ตอนท้ายครูตัดภาพมาที่พระเอกอีก..กำลังติดตามว่า พระแม่เจ้านั้น มีธิดา ตามมาด้วยหรือเปล่า อิอิ คาดเดา

12 กุมภาพันธ์ 2553 07:48 น. - comment id 114431
ตามอ่านต้อยๆ...อิอิ

12 กุมภาพันธ์ 2553 10:54 น. - comment id 114503
ตามมาอ่านเอาเรื่องครับ จึงพบว่า เพื่อนแก้วคนนี้มีพรสวรรค์เสียจริงเทียว ผมเขียนไม่ได้เด็ดขาด แบบนี้

12 กุมภาพันธ์ 2553 13:52 น. - comment id 114535
คุณ เพียงพลิ้ว หากจะลุ้นลุงว่าอีกนานนะกว่าจะจบจ๊ะ รักหลานเราเสมอๆ
แก้วประเสริฐ.

12 กุมภาพันธ์ 2553 13:54 น. - comment id 114538
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ผมเขียนเรื่องนี้ไว้ให้หลากหลายรสชาติ แต่อย่าไปคิดมากนะครับ ผมเน้นเพื่อความสนุก เพลิดเพลินเท่านั้นครับ ขอบคุณครับรักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

12 กุมภาพันธ์ 2553 13:57 น. - comment id 114539
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ครูเองดำเนินเรื่องฝากทิ้ง ท้ายเพื่อให้คนอ่านได้คิดตามหลายแนวทาง วาง เรื่องแต่ละวันๆเท่านั้น ครูเองเขียนสดๆไม่ได้ พอร์ตเรื่องไว้เลย เหมือนกับการแต่งกลอนครู ก็เหมือนกัน ด้วยครูนิยมแบบนี้นะ รักศิษย์เรา เสมอ
แก้วประเสริฐ.

12 กุมภาพันธ์ 2553 14:00 น. - comment id 114542
คุณ โคลอน การเขียนผมเขียนแบบสดๆวันต่อวันฉนั้น บางครั้งก็อาจจะสับสนบ้าง แต่เพื่อให้เขาคิดๆกัน บ้างเท่านั้นเอง ส่วนความคิดว่าให้เป็นตอนๆไป ตามแต่ละภาคครับ นี่แค่คิดนะครับยังไม่รู้ว่าพรุ่ง นี้จะเขียนอะไรอีก แหะๆๆๆ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

12 กุมภาพันธ์ 2553 14:04 น. - comment id 114544
คุณ ลำน้ำน่าน สหายรัก เรื่องพรสวรรค์ผมไม่มีหรอกครับ มีแต่ความบ้าๆบ๊องส์ๆเท่านั้น นี่ผมเขียนส่งทุกๆวัน หากยกเว้นไม่สบายเสียก่อนนะครับ และไม่เคย เลยจะแต่งไว้ก่อนด้วย ผมชอบเล่นแบบนี้ครับ สนุกเพลิดเพลินไปวันๆหนึ่งเท่านั้นเองครับ ในความคิดผมนะครับสหายเราหากจะคิด แต่งก็คงจะได้ดีกว่าผมอีก ด้วยประสบการณ์ทั้ง ในนอกประเทศมากกว่าผมครับ รักเสมอๆ
แก้วประเสริฐ.

12 กุมภาพันธ์ 2553 19:22 น. - comment id 114703
เจี๊ยก ยาวมาก เด่วไปตามอ่านตั้งแต่เริ่มก่อง เด่วงง แว๊บบบบ

13 กุมภาพันธ์ 2553 10:33 น. - comment id 114733
คุณ ยาแก้ปวด เรื่องนี้ผมกะว่าจะให้เท่ากับเรื่อง ทัศยุราชันย์ หรืออาจจะยาวกว่า แต่ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหนครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.
