ลุ่มลึกอิสราวดี 17
ท่ามกลางเปลวแดดร้อนระอุอบอ้าว ประกายแสงแดดมองดูระยิบระยับไปทั่ว
ทุ่งกว้างใหญ่ จะหาต้นไม้สักต้นเพื่อใช้พักผ่อนก็ไม่มีเป็นลานกว้างใหญ่โล่งๆ
ทั้งสองระหว่างคนกับลิง รีบออกเดินทางเพื่อมุ่งตรงไปภูเขา น้ำที่เขาเตรียมมา
ถูกใช้ดื่มกินแทบจะหมดกระบอกแล้ว หากยังไม่ถึงที่หมายและหาแหล่งน้ำไม่ได้
เห็นทีว่า ทั้งสองคงจะแย่แน่นอนด้วยขาดน้ำซึ่งพยายามประหยัดการดื่มอย่างที่สุด
บนท้องฟ้าแสงแดดจ้าจะหาเมฆแทบจะยาก แต่กลับมีฝูงนกต่างบินว่อนหรือว่า
จะเป็นพวกนกแร้งที่คอยเหยื่อคือพวกเขากระมัง ระยะทางที่ผ่านมาเขาพบซากสัตว์
มากมายกองเรี่ยราดกับพื้นดิน เขาเข้าใจว่าสถานที่นี้คงจะเกิดเพลิงป่าไม้จนราบเลี่ยนเตียน
ไปหมด ด้วยบรรดาตอไม้ต่างดำบ้างไม่ดำบ้าง ส่วนหญ้าวัชพืชนั้นแห้งแทบหมดจะ
มีบางต้นที่ใบเหี่ยวเฉา
จวบจนตะวันบ่ายคล้อยอากาศค่อยสดชื่นขึ้นบ้าง ลมเย็นเริ่มพัดมาเย็นหน่อยซึ่ง
ตอนแรกถึงมีลมพัดแต่ยิ่งกลับร้อนมากยิ่งขึ้นแต่ก็ยังดี ดีกว่าไม่มีลมเสียเลย
ทั้งสองก็ยังไม่พ้นทุ่ง แต่ใจชื้นขึ้นหน่อยเมื่อเห็นว่าใกล้ภูเขามากแล้ว แนวเขาที่มอง
แต่ไกลเตียนโล่งปราศจากต้นไม้ เมื่อใกล้เข้ามา
จึงเห็นต้นไม้เล็กขนาดไม่ใหญ่มากนักเรียงรายเป็นขย่อมๆบ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นวัชพืช
ขึ้นแต่ห่างๆกัน พอตกเย็นและอากาศเริ่มสลัวๆเขาก็ถึงตีนเขา
ชายหนุ่ม......สิ่งแรกคือหาแหล่งน้ำก่อนแต่เขาไม่เห็นลำธารเลยสักสายเดียว ดังนั้น
จึงเปลี่ยนใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงกระซิบจากแม่นางพรายว่า เลี้ยวไปทางขวามือก็จะพบ
ถ้ำขนาดค่อนข้างใหญ่ภายในจะมีแอ่งน้ำอยู่ ชายหนุ่มกล่าวขอบใจแม่นางพรายทั้งสอง
ที่ช่วยชี้แนะทางให้ ดังนั้นจึงเดินเบี่ยงร่างไปทางขวามือทันทีโดยปีนป่ายขึ้นไปเพื่อ
ค้นหาถ้ำที่แม่นางบอก ในแม่ช้าเขาก็เห็นปากถ้ำซึ่งมีวัชพืชขึ้นบางๆ
เมื่อถึงปากถ้ำ เขาและเจ้าขนทองนอนแผ่หลาทันทีด้วยความปวดเมื่อยขบ
ตามร่างกายคอยจนหายปวดเมื่อยก่อน บรรดาแหล่งน้ำแล้วอาหารล่ะ?....
ด้วยตอนนี้หมดเกลี้ยงไปแล้ว เห็นทีมื้อเย็นนี้คงจะต้องอดเสียแล้ว
แต่ช่างเถอะขอให้เจอน้ำก่อนก็พอจะประทังความหิวโหยไปได้บ้าง
ครั้นหายทุเลาดีแล้ว ชายหนุ่มก็ดึงร่างเจ้าขนทองเดินเข้าไปในถ้ำทันที ตอนนี้อากาศ
เริ่มมืดมิดแล้วและเยือกเย็นด้วย ทางเดินเห็นเพียงแค่สลัวๆเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงล้วงหยิบคบไฟที่เหลือมาจุดทันทีแล้วส่องทางเดินเข้าไป บริเวณภายใน
กว้างขวางนักมีหลีบซ้อนๆกันหลายๆชั้น มีหินย้อยเรียงรายยามกระทบกับแสงไฟก็ส่ง
ประกายระยิบทอแสงเรืองรองหลากหลายสีดูงดงามยิ่งนัก แต่เขาหาได้สนใจไม่เพียงสิ่ง
เดียวที่เขาปรารถนาคือ น้ำๆเท่านั้น เพื่อค้นสิ่งที่ต้องการจึงเที่ยวค้นหาก็ได้ยินเสียงของ
แม่นางพรายกระซิบบอกว่า
น้ำนั้นอยู่ข้างในต้องผ่านหลีบหินด้านซ้ายมือเข้าไปถึงจะพบ
เขาจึงจูงเจ้าขนทองเดินผ่านหินที่วางเรียงรายระเกะระกะไปทั่ว ก้อนหินนั้นล้วนส่งประกาย
แสงสีสดใสหลากสีต่างๆ พอผ่านหลีบหินไปได้สองสามชั้น
ทางด้านซ้ายมือ พอพ้นหลีบหินเบื้องหลังนั้น เขาก็พบแอ่งน้ำที่ไหลย้อยมา
จากหินย้อยเป็นน้ำใสบริสุทธิ์ ดังนั้นทั้งคนและสัตว์ต่างก็เข้าไปพากันดื่มกินจนอิ่มหนำ
สำราญแล้วนำมาลูบตัว ชายหนุ่มพลางวักน้ำไปลูบยังตัวให้เจ้าขนทองเสียเปียกปอนไปทั่ว
มันแสดงอาการดีอกดีใจที่ได้น้ำเย็นด้วยผ่านอากาศที่ร้อนอบอ้าวมาทั้งๆวัน
เมื่อเขาจัดการดื่มกินแล้วก็นำกระบอกไม้ไผ่มาเติมน้ำให้เต็มทั้งสามกระบอกเพื่อจะได้
ใช้ในการเดินทางต่อไปข้างหน้า พลันร่างนางพรายแสนสวยทั้งสองก็ปรากฏร่างขึ้นพวก
หล่อนได้เดินมาหาเขา แล้วกล่าวว่าท้ายสุดของถ้ำนี้จะมีทางออกไปอีกฟากหนึ่งซึ่งอุดมไป
ด้วยผลไม้นานาชนิดซึ่งอันตราย แต่ให้พักผ่อนที่นี่สักคืนก่อนพวกหล่อนจะคอยเฝ้าดูแลให้
ชายหนุ่มกล่าวขอบใจพร้อมยิ้มส่งให้นางพรายทั้งสองทันที ภายในถ้ำตอนนี้รู้สึกเย็นๆ
ขึ้นตามลำดับ เขารีบนำคบไฟไปหาที่ปักเพื่อให้แสงสว่างกระจายได้ทั่วๆบริเวณ และเดินหา
ที่ใช้สำหรับพักผ่อน แต่ที่นี้มีบริเวณกว้างนักไม่เป็นปัญหาสำหรับจะหาที่พักเมื่อพบแล้วจึงได้
นำหนังเสือมาปูเพื่อใช้หลับนอนในค่ำคืนนี้ พลางหันไปถามแม่นางพรายว่า
“แม่นางประกายแดง ประกายเขียว ในบริเวณนี้จะมีสัตว์ร้ายอาศัยหรือไม่”
“ไม่มีหรอกพี่ท่านด้วย ถ้ำนี้เป็นสิ่งที่อาศัยของพญางูอยู่ แต่เหตุที่พี่ท่านและเจ้าน้อง
ประกายทองเข้ามาได้ ก็ด้วยอาศัยดวงแก้วของพญางูยักษ์ที่พี่ท่านและน้องห้อยคออยู่ตลอดจน
กระบองนาคราช ทำให้ท่านพญางูเกรงกลัวไม่กล้าออกมารบกวนท่านพี่หรอก” นางทั้งสองตอบ
“อ้อ....เป็นเช่นนี้หรือ” ชายหนุ่มอุทานเบาๆ
“ตลอดคืนนี้น้องทั้งสองจะคอยระมัดระวังเฝ้าดูแลให้จ๊ะ หากมีอะไรน้องจะปลุกท่านพี่ทันที”
“ขอบใจน้องเรามากนะ นี่หากพี่ไม่ได้น้องทั้งสองแนะนำ ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องลำบากอีกนาน
สักเท่าไร บางทีอาจจะต้องตายไปก็ได้” ชายหนุ่มรำพึงเสียงเบาๆ
“ไม่หรอกท่านพี่หากท่านพี่เป็นอะไรไป น้องเองก็จะต้องลำบากด้วยเจ้าค่ะ”
“ อ้าวๆๆทำไมล่ะน้องพี่?????....” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะขึ้นมา........
“ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องบอกท่านพี่หรอกเจ้าค่ะ” นางประกายแดงตอบ
“หากถึงเวลาแล้วบอกพี่ด้วยนะน้อง” ชายหนุ่มกล่าว
“ถึงเวลาแล้วท่านพี่จะรู้เองแหละจ๊ะ” พรายเขียวตอบขึ้นบ้าง
นับวันความผูกพันของทั้งสี่ก็กระชับแน่นแฟ้นมากยิ่งๆขึ้น ความผูกพันนี้ต่อๆไปนับเป็นความรัก
เข้าใจเห็นใจซึ่งกันและกันจนแปรสภาพไปหมดสิ้น
ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงจะขาดสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้เด็ดขาดแน่นอน หากเกิดการแปรเปลี่ยนใน
อนาคตเขาคงจะต้องเกิดความเสียใจมากๆ ครั้นสนทนากันหยอกล้อกันพอได้เวลาเขาก็ขอ
ต่อแม่นางพรายทั้งสองเพื่อพักผ่อนเพื่อจะได้เอาแรงออกเดินทางต่อไปข้างหน้าอีก
ครั้นรุ่งอรุณวันใหม่ย่างกรายเข้ามา เขารีบเก็บสัมภาระซึ่งมีไม่มากนักจัดเข้าทีทางแล้วหลัง
จากชำระล้างใบหน้าและร่างกาย ก็ออกเดินทางไปตามทางที่นางพรายทั้งสองแนะนำไว้
เดินทางไปถึงทางที่จะทะลุออกไปยังอีกฝั่งหนึ่ง แต่ทางกลับเล็กลงๆไปเรื่อยๆจนเขาต้องคลาน
ออกไปเป็นระยะทางไกลพอสมควร โดยเจ้าขนทองคลานไปล่วงหน้าก่อน จนถึงทางแยก
เขาลังเลว่าจะไปทางใดดี ก็พอดีได้ยินเสียงนางพรายกระซิบบอกให้แยกไปทางขวามือ
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็คลานไปตามทางที่นางบอกพื้นถ้ำรู้สึกว่ามีหินแหลมคมๆคอยบาดเนื้อ
เขา เขามิมีเวลาสนใจรีบๆคลาน ทางก็เริ่มจะกว้างขึ้นๆจนในที่สุดเขาและเจ้าขนทอง
สามารถยืนขึ้นได้ เขาหันไปมองดูด้านหลังเห็นว่าที่เขาผ่านมานั้นล้วนแต่เป็นหินแหลมคม
ทั้งสิ้น ยังกับฟันของสัตว์จำพวกหนึ่งก็ได้ แต่ความหิวทำให้เขาไม่สนใจอะไรมากนัก
เมื่อพ้นจากปากถ้ำ เขารีบสูดหายใจลึกๆทันทีด้วย อากาศช่างเย็นบริสุทธิ์อะไรเช่นนี้
สภาพผิดกับด้านตรงข้ามยังกับหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว ด้วยสถานที่นี้เต็มไปด้วยป่าเขา
แมกไม้พืชนานาพันธุ์ ที่ออกดอกสวยงามหลากสี และผลไม้อุดมออกผลย้อยไปทั่ว
ช่างเป็นสถานที่ดังภาพวาดในเมืองแมนมิตามฝาผนังในโบสถ์มิผิด
เขารีบจูงมือเจ้าขนทองซึ่งมีอาการตื่นเต้น
ดีอกดีใจ สะบัดมือเขา พลางกระโดดโลดเต้นตีลังกาไปตามประสาลิงทั่วๆไป
เขาไม่ต้องสั่งการแต่อย่างไรเมื่อถึงพื้นดินแล้ว มันพุ่งทะยานโลดลิ่วไปยังต้นไม้ที่มีผล
ไม้ทันที เลือกเก็บที่กินได้หอบพะรุงพะรังมาให้เขา ชายหนุ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใน
ทันที ด้วยต้นไม้บางต้นขยับเขยื้อนเถาวัลย์ไปๆมาๆ ค่อยๆเลื้อยไปหาเจ้าขนทองแต่ด้วย
เหตุใดไม่ทราบ เถาวัลย์นั้นเมื่อใกล้เจ้าขนทองกลับหยุดชะงักไม่กล้าเลื้อยเข้าใกล้ตัวมัน
ทำให้ชายหนุ่มรำลึกถึงคำที่กล่าวไว้ว่า.. สิ่งใดที่งดงามสวยนักมักจะมีเภทภัยเสมอๆจะมาก
หรือน้อยก็ล้วนแล้วสถานที่อำนวยให้
พลางคำนึงว่าเห็นจะจริงด้วยเขามองเห็นต้นไม้ใหญ่ๆบางต้นส่ายไปส่ายมา จะว่าลม
พัดก็ไม่ใช่ เพราะต้นไม้มันส่ายไปทั้งลำต้น ครั้นหลังจากกินอาหารร่วมกับเจ้าขนทอง
แล้ว เจ้าขนทองก็จะทะยานเข้าสู่ป่าแต่เขาได้เรียกมันทันที เจ้าขนทองชะงักตีลังกาย้อน
กลับมาทันที แล้วมองหน้าเขาเหมือนสงสัย เขาชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่บางต้นที่ยังมีเถาวัลย์
ห้อยออกจากลำต้นให้เจ้าขนทองดู เจ้าขนทองเมื่อแลเห็นเช่นนั้นตามันเหลือกไปๆมาๆ
ชายหนุ่มมองไปยังสภาพภูมิประเทศรอบๆด้าน เห็นมีช่องทางที่โล่งแต่เต็มไปด้วย
วัชพืชขึ้นประมาณเกือบครึ่งหน้าแข้ง เขาคิดเห็นว่าอาจจะหลีกเลี่ยงเจ้าต้นไม้นี้ได้
ดังนั้นจึงจูงเจ้าขนทองให้เดิน คราวนี้เจ้าขนทองไม่กระโดดอีกแล้วเดินตามเขาต้อยๆๆ
เมื่อเดินไปได้ระยะหนี้ปรากฏว่างูพิษต่างๆตัวใหญ่ขนาดข้อมือเขาเห็นจะได้
ต่างก็ได้พุ่งตัวหลบทางเขาทันที
ทันใดนั้นร่างของมันที่หนีหลายตัว บางตัวก็ถูกต้นไม้นั้นใช้เถาวัลย์ซึ่งย้อยส่ายไปมาๆ
พากันรัดร่างมันจนแหลกละเอียด บรรดาเถาวัลย์ต่างๆแยกย้ายกันจับพวกงูพิษทั้งหลาย
แล้วดูดซึมน้ำเลือดเนื้อของงูทันทีจนเหลือเพียงแต่ซากงูที่หล่นลงมายังโคนต้นไม้
เขามองดูให้รู้สึกสะท้านใจหากเป็นร่างเขาหรือเจ้าขนทองล่ะคงจะเป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อเดินผ่านมาได้อยู่ในท่ามกลางต้นไม้เหล่านี้ เสียงดังครืนๆใกล้ๆเข้ามา เขาหันขวับ
ไปมอง โอ้ววๆๆ...มันเดินได้หรือ ร่างเขาและเจ้าขนทองต่างตกอยู่ในวงล้อมของ
ต้นไม้ไปเสียแล้ว บรรดาต้นไม้ต่างชูเถาวัลย์พุ่งตรงมาหาเขาบ้างก็เลื้อยมาตามพื้นดิน
บ้างก็แกว่งไกวส่ายไปๆมาๆ เหล่าเถาวัลย์มันปิดทางออกของเขาเสียแล้วทุกๆต้นมัน
ต่างรายล้อม แต่แปลกที่เถาวัลย์หาได้ใกล้เข้าถึงตัวเขาและเจ้าขนทองได้
เมื่อเป็นดังนี้ทำให้เขารำลึกนึกถึงคำของท่านพญางูธนาธิบดีนาคา
ที่มอบกระบองนาคราชให้แก่เขา ดังนั้นเขาจึงรีบส่งเสียงเรียก
“นาคราชๆๆ....” เสียงเบาๆ ทันใดมีแสงพุ่งออกมาจากตัวเจ้าขนทองทันที พุ่งมาหา
เขา ชายหนุ่มยื่นมือขึ้นรับไว้แล้วกล่าวว่า
“เจ้าจงใหญ่ขึ้นเดี๋ยวนี้” กระบอกน้อยเล็กนิดเดียวก็ขยายใหญ่เป็นกระบองกระชับมือ
เขาหยิบท่อนหัวซึ่งเป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียรชี้ไปยังเหล่าต้นไม้ที่มีเถาวัลย์ที่ส่ายไปๆมาๆ
ทันทีพร้อมกล่าวขึ้นว่า
“เจ้านาคราชเอย เจ้าจงทำลายมันเดี๋ยวนี้”
บัดดลกระบองนาคราชก็ลอยออกจากมือเขาทันที หัวของพญานาคได้มีลำแสงพุ่งออก
มาทั้งสิบสี่สาย พุ่งแยกเข้าทำลายยังยอดกลางลำต้นของต้นไม้ทันที เสียงดังฉี่ๆและระเบิด
สนั่นหวั่นไหว ต้นไม้ต้นแรกแตกกระจายยับเยิน บรรดาต้นไม้อื่นๆต่างรีบหนีเสียงครืนๆ
ค่อยๆห่างออกไปทีละน้อยๆ แต่กระบองนาคราชก็ไม่ยอมปล่อยปะละเลย ทั้งลำแสงที่พุ่ง
ออกมาและตัวกระบองก็เข้าไปตี ถูกต้นใดก็มีอันเป็นไปดังต้นแรกสักประมาณชั่วครู่ใหญ่
เหล่าต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้ต่างก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
ครั้นหมดภาระทำลายต้นไม้แล้วกระบองนาคราชก็ย้อนกลับมา
ยังมือของชายหนุ่มอีกครั้ง ชายหนุ่มมองดูต้นไม้ที่แหลกละเอียด
เขาได้รับกลิ่นเหม็นเขียวฉุนรุนแรงมากๆเขาต้องเอามือปิดจมูก และมีน้ำสีเขียวๆข้น
เต็มไปทั่วบริเวณนั้น บรรดาพืชต่างๆเมื่อได้รับน้ำจากต้นไม้ที่แหลกนั้นต่างก็บังเกิดควัน
และเหี่ยวแห้งอับเฉาตายไปทันที เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็สั่งให้กระบองนาคราชกลับ
ไปยังที่เดิม กระบองนั้นก็พลันหดตัวลงเล็กแล้วพุ่งไปยังร่างเจ้าขนทองสู่ยังดวงแก้วทันที
ครั้นปราบบรรดาเจ้าต้นไม้จนหมดสิ้นแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกเจ้าขนทองให้ออกเดิน
ทางต่อไป คราวนี้เจ้าขนทองมันแสดงความดีใจกระโดดโลดเต้นตีลังกานำหน้าเดินทาง
เพื่อนำเขาไปยัง ป่าเนินเขาเพื่อหาทางออกจากภูเขาทั้งหลาย ต่างลุเข้าสู่แนวป่าผ่านซอก
แนวเชิงเขาทันใด............
* แก้วประเสริฐ. *
12 กุมภาพันธ์ 2553 13:05 น. - comment id 114526

12 กุมภาพันธ์ 2553 14:30 น. - comment id 114551
ชอบฉากที่มีเจ้าขนทองมากเลยค่ะ

12 กุมภาพันธ์ 2553 14:36 น. - comment id 114554
ต้นไม้เหล่า..จะกลัว ก้อีกอย่างคือ ไฟ ..อิอิ

12 กุมภาพันธ์ 2553 21:58 น. - comment id 114708
แวะทักทายค่ะคุณแก้วประเสริฐ เรื่องน่าติดตามค่ะ เพิ่งมีเวลาแล้วค่อยย้อนรอยอ่านย้อนหลัง ดูแลสุขภาพนะคะ

12 กุมภาพันธ์ 2553 22:30 น. - comment id 114710
กำลังสนุกเลยคะครูแก้ว ขอบคุณมากนะคะ

13 กุมภาพันธ์ 2553 10:37 น. - comment id 114734
คุณ ฉางน้อย ขอบใจมากจ้าหลานรัก
แก้วประเสริฐ.

13 กุมภาพันธ์ 2553 10:39 น. - comment id 114735
คุณ โคลอน ครับนี่ผมก็จะเริ่มแต่งตอนต่อไป ยังนึกไม่ ออกเลยครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

13 กุมภาพันธ์ 2553 10:41 น. - comment id 114736
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รัก คือการผสมผสานกันระหว่างตอนๆ เพื่อผลสรุปจ้า การเขียนเราต้องรู้และวางแนวไว้ ก่อน เนื้อความค่อยหาเอาทีหลัง รักศิษย์เราเสมอ
แก้วประสริฐ.

13 กุมภาพันธ์ 2553 10:45 น. - comment id 114737
คุณ แจ้นเอง ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะครับผมยังรักคิด ถึงเสมอแหละครับไม่ลืมหรอก ผมเบื่อทางโน้นก็ หันมาเล่นทางนี้ ก็สนุกๆดีเหมือนกันครับแต่ใช้ สมองมากกว่าการเล่นกลอนครับ หากจะให้สนุก ก็ควรอ่านตั้งแต่ต้นนะครับ เพราะผมมักจะหักมุม การเขียนไว้เสมอๆครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

13 กุมภาพันธ์ 2553 10:49 น. - comment id 114738
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ผมพยายามดำเนินเรื่องเปลี่ยนไปมาให้ คนอ่านได้คิดกันครับ แต่ทั้งหมดจะค่อยๆสรุป ไว้ครับ ตอนจะสรุปจะสนุกมากขึ้นด้วยต้องใช้หลายๆ ชั้นครับ ตามที่คิดนะครับ แต่ยังไม่รู้จะแต่งอย่างไร อิอิ เดี๋ยวครั้นถึงเวลาก็ออกมาเองแหละครับ ขอบคุณรักเสมอ
แก้วประเสริฐ.
