ลุ่มลึกอิสราวดี 18
หลังจากที่กำจัดต้นไม้ยักษ์กินคนแล้ว ทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางไปตามไหล่เขาซึ่ง
เชื่อมกันระหว่างยอดเขาทั้งสองเป็นซอกพอจะเดินเป็นทางแคบๆ แต่ที่ทำให้ชายหนุ่ม
ต้องตกตลึง ด้วยภูเขา เขาทั้งสองนั้นเดี๋ยวก็แยกจากกัน เดี๋ยวก็มากระทบรวมกัน
ซึ่งแปลกที่เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่าเขาทั้งสองลูกนี้จะกระทบกันแยกกันได้
แต่นี่เขากับมาเจอนับว่าตั้งแต่เขาเดินทางมาในป่าดงดิบนี้ อะไรๆมัน
ก็ช่างแปลกประหลาดไปหมดสิ้น ต้นไม้เอย สัตว์ต่างๆเอยมันช่างใหญ่โต
ไปเสียสิ้น ทำให้เขาคิดว่าคงจะหลงมาในดินแดนมหัศจรรย์เป็นแน่แท้ แต่เมื่อมาแล้ว
ก็หาทางแก้ไขกันเท่าที่เขาจะทำได้จนกว่าจะล่วงพ้นดินแดนเหล่านี้ไป
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมากนอกจากเพียงแค่จะเอาตัวรอดพร้อมกับเจ้าเพื่อนยากเท่านั้น
ที่ฝ่าดั้นด้นต่อไป เขาพร้อมเจ้าลิงขนทองซึ่งบัดนี้มันทั้งสูงใหญ่หัวมันเกือบถึงไหลของเขา
ร่างกายล่ำสันแขนขากำยำเป็นมัดๆแต่ความคล่องแคล่วมันกับมากขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มยืนมองดูเห็นว่าการเข้ากระทบกันนั้นมันไม่รวดเร็วนักค่อยๆเป็นค่อยๆไปและ
ใช้เวลานานพอสมควร แต่ลมที่พัดผ่านมากลับรุนแรงมาก เสียงสายลมดังอู้ๆตลอดเวลา
เข้ามาปะทะหน้าแล้วรู้สึกชาและสะท้าน
หากเขายืนไม่มั่นคงก็เห็นทีจะปลิวไปได้ เขาคอยจับระยะเวลาการ
ที่ภูเขาทั้งสองลูกกระทบกันและค่อยๆแยกห่างจากกัน ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาและ
เจ้าขนทองจะแทรกตัวผ่านไปได้ เพียงแต่ติดที่สายลมแรงจัดมากเท่านั้นที่จะชะลอร่างเขา
ทั้งสองยามปะทะฝ่าสายลมไปคงต้องใช้เวลานานพอควร
เมื่อชายหนุ่มกำหนดและทดลองฝ่าสายลมที่หน้าช่องหินก่อนฝ่าเข้าไปได้สักพักเพื่อ
ความแน่นอน เขาจึงทดลองให้เจ้าขนทองเกาะขี่หลังเขาเพื่อตัดปัญหาในการถูกสายลมพัด
แยกจากกัน ทดลองน้ำหนักเจ้าขนทองดูแต่ด้วยเขาได้ดื่มน้ำดีของงูยักษ์ทำให้เขามีพละกำลัง
มากมายจึงสามารถแบกเจ้าขนทองได้อย่างสบายๆดังกับเจ้าขนทองเป็นลูกลิงฉะนี้ เมื่อเขา
มั่นใจตนเองได้แล้ว ครั้นรอจนสายลมในช่องเบาบางลงและช่องแคบภูเขาค่อยๆแยกจากกัน
เขาก็รีบออกเดินทางฝ่าซอกหินไปทันที ก่อนที่ซอกหินจะมากระทบกันอีก
ในไม่ช้านักเขาฝ่ากระแสลมยามช่องหินแยกจากกัน โดยแบกเจ้าขนทองและสัมภาระ
ฝ่าสายลมออกมาได้ จนกระทั่งเขาสองลูกกลับมากระทบกันอีกแต่ทว่าเขาได้หลุดรอดเข้าไปข้าง
ในได้เรียบร้อยแล้ว เขาหันไปมองดูเห็นเศษหินหล่นกระจายเป็นควันฝุ่นฟุ้งไปหมด
ทั่วทัศนียภาพเบื้องหน้าเขาช่างงดงามยิ่งนักเป็นที่กว้างมีต้นไม้ขึ้นประมาณเกือบหน้าแข้ง
แลดูประหนึ่งคล้ายพรมสีเขียวปูเต็มบริเวณ ด้วยเขายืนอยู่บนที่สูงบรรดาลานทุ่งกว้างนั้นอยู่
ต่ำกว่าเขา มีต้นไม้ใหญ่คล้าเคล้ากับต้นไม้เล็ก มีธารน้ำไหลมาจากซอกไหลเขาที่เกือบสุด
สายตาเขาแลเห็นบ้านหลายๆหลังปลูกห่างๆกัน
เขามองไปทั่วบริเวณนั้นแปลกเขาคิดด้วยไม่เห็นมีการเพาะปลูกแต่ประการใดไม่
แล้วบ้านเหล่านี้ทำมาหากินอะไรหรือว่าเป็นบ้านของพวกพราน
หากเป็นบ้านพวกพรานก็ย่อมจะมีบริเวณที่จะเพาะปลูกสิ่งจำเป็นไว้ แต่นี่ไม่มีเลย
เท่าที่สายตาเขาเห็นกับไม่มีด้วยปลูกบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่เกือบทุกๆหลัง
เมื่อเห็นดังนี้ก็ออกเดินทางเป้าหมายคือหมู่บ้านบางทีอาจจะขอพักพิงอาศัยชั่วคราวได้
บ้าง จึงจูงมือเจ้าลิงขนทองออกเดินทางต่อไป ครั้นใกล้ๆจะถึงบ้านเหล่านี้ก็ได้ยินเสียง
แม่นางพรายกระซิบว่า
“พี่ท่านให้ระวังตัวไว้ด้วย นั่นเป็นภาพลวงตาของพวกผีโขมดและพวกผีกองก๋อยหา
ใช่เป็นที่อยู่ของมนุษย์ไม่จ๊ะ”
ร่างชายหนุ่มชะงักทันที ยามเมื่อได้ยินเสียงร้องเตือนของแม่นางพรายมากล่าวเตือน
“มันเพียงเพียงแค่กิ่งไม้ที่คลุมไว้ด้วยหญ้าแห้งเท่านั้นจ๊ะ” นางพรายกล่าวเตือนอีก
“หรือน้องรักแต่พี่กลับเห็นเป็นเรือนแต่ละหลังจ๊ะ” ชายหนุ่มตอบหญิงสาว
“จ๊ะมันใช้อำนาจบังตาคนสัตว์ให้เข้าไปหามันเพื่อจะได้กัดกินสูบเลือดเป็นอาหาร”
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าเราจะต้องหนีมันอีก แต่มันเป็นทางที่เราต้องไปนะ”
“จ๊ะๆ...เบื้องหลังเขาลูกโน้นจะเป็นซากของปราสาท ซึ่งก่อนเจริญรุ่งเรืองมากแต่
มาบัดนี้ได้ล่มสลายแล้ว” นางพรายตอบให้ชายหนุ่มเข้าใจ
“แล้วมันมีจำนวนเท่าไหร่ล่ะ แม่น้องรัก”
“ราวประมาณที่น้องรู้นะ ว่าสักหกเจ็ดตนได้จ๊ะ ด้านซ้ายมือเป็นพวกผีโขมด ส่วน
ด้านขวามือ ห่างไปไม่มากนักเป็นพวกผีกองก๋อย แต่ว่ามันแปลงกายได้นะพี่ท่าน”
“เท่าที่พี่เห็นนะน้อง รู้สึกว่ามันจะไม่มีใครอยู่สักตนเลยนี่นา” ชายหนุ่มถามด้วยสงสัย
“กลางวันมันจะหายตัวไปหมด มันจะออกมาเฉพาะกลางคืนเท่านั้นจ๊ะ เหมือนน้องแหละ”
“เห็นทีเราคงจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้เสียแล้ว ด้วยมันขวางทางที่เราจะผ่านไปเสียด้วย”
ชายหนุ่มรำพึงพอได้ยิน
“หากพี่จะคิดปราบมันต้องรอจนกว่าจะค่ำมืดถึงจะสามารถกำราบมันได้ ด้วยมันซ่อนตัว
อยู่ตามต้นไม้ต่างๆจ๊ะ นอกจากเหยื่อเข้ามาในบ้านนั่นแหละมันถึงจะออกมา” นางพรายสาวตอบ
“นี่ก็บ่ายคล้อยมากแล้วเห็นทีเราจะต้องหาที่อาศัยหลับนอนเอาแรงแล้วค่อยออกมากำราบมัน”
“ให้พี่ท่านรีบหาที่พักผ่อนเอาแรงก่อนดีกว่าก่อนจะค่ำลง ด้านซ้ายมือมีต้นไม้ใหญ่มีคาคบ
พอที่จะอาศัยได้จ๊ะ”
ชายหนุ่มเหลียวมองไปด้านซ้ายมือทันทีเห็น ต้นไม้ใหญ่สูงชะลูดอยู่สองสามต้นขึ้นห่างกัน
ไม่มากนัก จึงชวนกันเดินทางตรงไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดและมีคาคบพอที่จะอาศัยได้
เขาส่งสัญญาณให้เจ้าขนทอง ทันใดเจ้าขนทองก็พุ่งร่างทะยานขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ทันที
เมื่อมันสำรวจดูเห็นดีแล้ว มันจึงไต่ลงมาชายหนุ่มปลดเถาวัลย์ที่คล้องใหญ่อยู่ส่งให้มันทันที
พอมันได้รับก็เลียนแบบชายหนุ่มนำมาคล้องแขนไหล่มันบ้างแล้วไต่ขึ้นไปพลางผูกเถาวัลย์ดัง
ที่มันเคยทำมา หย่อนปลายเถาวัลย์มาให้ชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มได้รับปลายเถาวัลย์ก็ไต่ขึ้นไป
บนต้นไม้แล้วนอนรอเวลาให้ใกล้ๆค่ำที่ใกล้ๆจะมา
ยามสนธยาดวงตะวันคล้อยลับเหลี่ยมภูเขาทอแสงบรรเจิดจับท้องฟ้าเขานอนมองดูมันช่าง
สวยงามยามแสงจับก้อนเมฆ เขานึกถึงตอนที่ยังเด็กๆว่าเคยมองภาพก้อนเมฆแล้วนึกภาพที่กำลัง
ลอยทอแสงเป็นวิมานของเทพยดา ปราสาทต่างๆที่ทอแสงระยิบบ้างสีส้ม แดง เหลือง ฟ้าแวววาว
งดงามนัก มาบัดนี้เขานอนมองท้องฟ้าและก็ให้นึกภาพต่างๆไปด้วย นางประกายแดงและนาง
ประกายเขียวมานั่งข้างๆเขาเมื่อไหร่เขาไม่รู้สึกตัวเลย มัวแต่มองภาพสวยงามของบรรดาก้อนเมฆ
ที่แยกแตกตัวเป็นภาพที่เขาจินตนาการสร้างไว้
หล่อนคงจะทราบอารมณ์ของชายหนุ่มจึงมิได้กล่าวอะไรขึ้น นางเองก็ยังมองภาพสวยงาม
ต่างๆเหล่านี้เหมือนกัน จวบจนอากาศมืดสลัวๆบ่งบอกว่าค่ำแล้วนั่นแหละ เขาจึงลดสายตาและพบ
ว่าแม่นางคนสวยทั้งสองมานั่งเคียงคู่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ จึงกล่าวขึ้นว่า
“อ้าวๆๆๆ????....น้องเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่พี่ไม่รู้ตัวเลย”
“น้องทั้งสองเห็นพี่ท่านมองก้อนเมฆและนึกภาพต่างๆ น้องเองก็ยังมองช่างงดงามนักนะ
มันประดับประดาเป็นรูปภาพสัตว์ต่างๆสอดแทรกด้วยสีสันต่างๆด้วยเหมือนกันจ๊ะ” นางพรายกล่าว
“นั่นซีน้องรัก....พี่เองก็ยังอดนึกถึงวัยเด็กๆเวลาพระอาทิตย์ลับฟ้ามักจะออกมานั่งและมอง
ภาพก้อนเมฆต่างๆนึกไปต่างๆนาๆพร้อมแสงที่สอดแทรกเสมอๆแหละจ้า” ชายหนุ่มกล่าวบ้าง
“นี่ก็มืดค่ำแล้ว รอบข้างพี่มองอะไรไม่เห็นเลย เดือนหรือก็มืดค่ำมีแค่แสงดาวต่างๆเท่านั้น”
“ใกล้แล้วท่านพี่ ท่านพี่สังเกตไปด้านที่มีบ้านต่างๆที่เห็นในตอนบ่ายๆซิ ท่านพี่จะเห็นแสง
คบเพลิงมันจัดเรียงรายไปทั่ว แม้แต่ในบ้านก็สว่างไสวจ้า” นางพรายตอบ
ถึงตอนนี้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้จึงหันไปมองดู จริงดังที่น้องนางพรายทั้งสองกล่าว
เขามองเห็นแสงไฟเรียงราย บ้างก็มีแสงไฟระยิบระยับมุ่งตรงมาทางที่เขาอาศัยอยู่
“พวกมันมาแล้วพี่ท่าน มันรู้แล้วว่าพี่ท่านกับเจ้าน้องขนทองอาศัยอยู่ที่นี้แล้วจ๊ะ” นางพรายตอบ
“เพียงมันสงสัยว่าเหตุใดจึงมีพวกน้องอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้นเอง หากกล่าวไปฤทธิ์เดชแล้วมันสู้
พวกน้องไม่ได้หรอกจ๊ะ มันถึงกล้าๆกลัวๆ แต่ความหิวมันทำให้มันต้องกระทำจ๊ะ”
“หรือ???...น้องรักดังนั้นเห็นทีต้องอาศัยน้องเราเสียแล้วล่ะจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าว
“ถึงน้องจะมีฤทธิ์เดชมากว่ามันก็จริงแต่ น้องมีแค่สองคน มันมีสิบกว่าตนยากจะป้องกันพี่และน้อง
ขนทองได้สะดวกจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน้องรัก น้องเท่าที่จะช่วยได้ก็แล้วกัน ส่วนตัวพี่และเจ้าขนทองไม่ต้องห่วงหรอก
พี่เองคิดว่าสามารถปราบมันได้จ๊ะ”
“แต่ท่านพี่ต้องระวังหน่อยนะด้วยความเป็นห่วง...มันจะมาในรูป?????.....”
พรายสาวหน้าแดงไม่กล้าตอบมากกว่านี้
“อะไรหรือ????...ทำไมถึงไม่กล่าวต่อล่ะ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“อ้าๆๆๆ????.....มันรู้ว่าพี่เป็นหนุ่มโสด มันๆ????...จะมาในรูปร่างลักษณะที่ๆ...อุ๊ยๆ... ท่านพี่ดูเอง
ก็แล้วกัน น้องกระดากปากจ๊ะ” หญิงสาวตอบ
บัดดลแสงไฟหลายๆดวงได้ใกล้มาแถวบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ ภาพที่ชายหนุ่มเห็นถึงกับตะลึงหน้าแดง
ทันที ด้วยผู้ที่ถือคบไฟนั้นล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวสวยๆทั้งสิ้น แต่การแต่งกายหล่อนซิ ช่างยั่วอารมณ์คน
หนุ่มยิ่งนัก ท่อนบนเปลือยเปล่า ถันตั้งชูชันขาวผ่อง ท่อนร่างนั้นนุ่งผ้าปิดเพียงน้อยนิดเท่านั้นวับๆวอมแวมๆ
ร่างที่เห็นขาวโพลนในท่ามกลางแสงไฟและความมึดตัดกับร่างที่อรชรอ้อนแอ้นยิ่งนัก
มารู้สึกตัวเมื่อเขาถูกนางพรายหยิกเอาจึงทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง คืนกลับสู่สภาพเดิมได้
ว่านั่นเป็นแค่ภาพหลอกหลอนเท่านั้นหาใช่ตัวตนใดจริงไม่
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วชายหนุ่ม ก็เข้าสมาธิทันทีเมื่อจิตสงบก็ร่ายพระเวทย์ที่จารึกในหนังสือที่เขาพกติดตัว
มาตลอดศึกษาจนช่ำชอง พลางเป่าไปยังบรรดาร่างนางงามที่เห็นทั้งหลายทันที
บัดดลเสียงร้องกรีดอย่างโหยหวนก็ดังสะท้านป่า ร่างที่สวยงามนั้นหายวับไปทันทีกลับเป็นร่างของชาย
หญิงที่แห้งเหี่ยวหนังหุ้มกระดูก รูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว บางตัวคล้ายๆลิงร้องเสียงดังกร๊อกๆๆ บางตัวร้องเสียงดังก๋อยๆๆ ไปทั่วบริเวณ เล็บมือมันยาวงุ้มบางตัวพลางตะกายปีนขึ้นมาบนต้นไม้
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ชักมีดดาบออกมาถือ ตัวใดที่ปีนป่ายขึ้นมาได้ก็จะถูกชายหนุ่มฟันจนร่างมัน มือ
ที่ตะกายเข้ามาขาดสะบั้น เสียงร้องอย่างโหยหวนน่าสะพึงสยองไปทั่วร่างมันหายวับไปทันใด ชายหนุ่ม
มองไปข้างล่างเห็นแม่นางพรายทั้งสองต่างแยกย้าย กันเข้าตบทำลายร่างของเจ้าผีโขมดและกองก๋อยสิ้น
ไปหลายๆตน เจ้าผีร้ายอีกตัวมาทางด้านหลังเขาก็ถูกเจ้าขนทองพุ่งร่างเข้าสกัดและฝังเขี้ยวแก้วมันลง
ไปเลือดมันสาดกระเซ็นคอขาดหายวับไปทันใด
เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนี้ก็รีบไต่เถาวัลย์ลงมายังโคนต้นไม้แล้วเข้าช่วยเหลือแม่นางพรายทั้งสองทันที
เขาฟาดดาบไปถึงที่ใดก็ดับสิ้นหายไป เสียงร้องก้องอย่างโหยหวนดังและมีเสียงตอบรับก้องเข้ามาอีก
ทันใดนั้นภายใต้ต้นไม้ใหญ่ก็เรียงรายไปด้วยผีโขมดซึ่งรูปร่างมันคล้ายๆลิงสีดำแต่หัวเป็นคน
เจ้ากองก๋อยนั้นร่างมันเป็นคนที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกแต่พละกำลังมันมากมายนัก
ยามกระโจนเข้ามาปะทะเขานั้นช่างรุนแรงจนเขาต้องเซ เขารีบดึงมีดน้อยออกมาช่วยอีกเล่มหนึ่ง
จนชุลมุนไปทั่ว การต่อสู้แบ่งออกเป็นสามฝ่ายทันที เสียงกรีดร้องก้องโหยหวนก้องกังวานป่า
บรรดานกที่อาศัยต่างตกใจบินว่อนร้องลั่นด้วยความตกใจ
นางพรายกล่าวว่ามันมีประมาณสิบกว่าตน แต่บัดนี้หาใช่ไม่ ไม่รู้ว่ามันมาจากที่ใดอีกช่าง
มากมายนัก เขามองกะคร่าวๆคงไม่ต่ำกว่าห้าสิบหรือมากกว่านั้นเสียอีก
เขาไม่รอช้าทะยานร่างเข้าใส่ยังฝูงโขมดลักษณะคล้ายๆลิงซึ่งตัวใหญ่กว่า เจ้ากองก๋อยมากนัก
ทั้งสองมือชายหนุ่มทั้งฟาดทั้งแทงร่าง ด้วยอาวุธของชายหนุ่มนั้นผ่านการปลุกเสกวิทยาคมแก่กล้า
สามารถทำลายพวกผีได้มันรู้สึกจะกริ่งเกรงกลัว แต่กระนั้นเสื้อผ้าเขาก็ถูกฉีกขาดเสียแทบจะหมด
สิ้น แต่แปลกร่างกายเขาหาได้มีรอยเล็บเป็นรอยข่วนก็หาไม่หรือจะเป็นด้วยอำนาจของเลือดงูยักษ์
ที่มีอายุนับพันๆปีนั่นเองทำให้ร่างกายเขาคงกระพันชาตรี เล็บของเหล่าผีร้ายจึงไม่อาจจะทำลายผิว
หนังเขาได้
การต่อสู้อย่างดุเดือดได้ผ่านไป เสียงร้องก้องและโหยหวนดังไปทั่วบริเวณก็ยังไม่อาจจะปราบ
พวกผีร้ายได้หมด จนกระทั่ง..........
* แก้วประเสริฐ. *
13 กุมภาพันธ์ 2553 18:39 น. - comment id 114755
......ทยอยอ่านๆ แอบอ่านๆๆ ค่ะ

13 กุมภาพันธ์ 2553 20:02 น. - comment id 114756
ผีอมก๋อย เอ๊ย ผีกองก๋อย

13 กุมภาพันธ์ 2553 21:39 น. - comment id 114761
สวัสดีครับอาจารย์ สุขสันต์วาเลนไทน์ และตลอดไป

13 กุมภาพันธ์ 2553 22:26 น. - comment id 114762
หวัดดีค่ะครู...สงสัยจะเป็นเรื่องยาวซะแล้ว...อิอิ อ่านสนุกค่ะ..ชักเริ่มเข้มข้นแล้ว... รักษาสุขภาพนะคะครู

13 กุมภาพันธ์ 2553 22:55 น. - comment id 114764
4...........ใครบอกว่า เป็นเรื่องสั้นล่ะพี่อ้อยเทียนหยด มีตั้ง 18 ตอนแระเจ้ เนอะ ลุงแก้วเนอะ.........

14 กุมภาพันธ์ 2553 07:29 น. - comment id 114769
มาอ่านต่อครับครู...มีผีกองก๋อย..กับขโมดดง อีกครับ

14 กุมภาพันธ์ 2553 11:30 น. - comment id 114770
คุณ ฉางน้อย ปีใหม่จ้าหลานรัก ขอให้มั่งคั่งสุขภาพสมบูรณ์ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

14 กุมภาพันธ์ 2553 11:32 น. - comment id 114771
คุณ โคลอน สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

14 กุมภาพันธ์ 2553 11:35 น. - comment id 114772
คุณ ลุงแทน สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

14 กุมภาพันธ์ 2553 11:37 น. - comment id 114773
คุณ เที่ยนหยด สวัสดีจ้าศิษย์รัก สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ จ๊ะเป็นเรื่องที่ยาวๆจ๊ะ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

14 กุมภาพันธ์ 2553 11:40 น. - comment id 114774
คุณ ฉางน้อย ใช่แล้วจ้าหลานรักของลุง ลุงตั้งใจว่าจะ แต่งเรื่องยาวพอๆกับเรื่อง ทัศยุราชันย์ แหละ มีหลานรักรู้ใจลุงเนอะ อิอิ รักมากเสมอ
แก้วประเสริฐ.

14 กุมภาพันธ์ 2553 11:42 น. - comment id 114775
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ ครูเองก็แต่งไปเรื่อยๆแหละ นึกได้อะไรแต่งแบบ นั้นแหละ ด้วยตั้งใจว่าจะให้พอๆกับเรื่องทัศยุราชันย์ นั่นแหละจ้า รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

14 กุมภาพันธ์ 2553 18:08 น. - comment id 114786
สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะครูแก้ว ขอให้ครูแก้วมีกำลังเขียนต่อไปนะคะ ขอบคุณมากคะ

14 กุมภาพันธ์ 2553 19:21 น. - comment id 114788
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ขอบคุณมากครับ เช่นเดียวกันสุขสันต์ วันวาเลนไทม์ด้วยนะครับตลอดสุขสมบูรณ์พูลผล มั่งมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก่ายกองในวันปีใหม่ จีนด้วยครับ ขอบคุณรักเสมอ
แก้วประเสริฐ.
