ลุ่มลึกอิสราวดี 20

แก้วประเสริฐ


            ลุ่มลึกอิสราวดี  20
     ทั้งสองต่างหยอกล้อกันเพื่อแก้เหงาและมองดูทัศนียภาพอันสวยสดงดงาม
ยิ่งนัก  เมื่อบัดนี้ชายหนุ่มหลังจากโกนหนวดเคราแล้ว ใบหน้าเขาผิดแผกกับ
ตอนแรก    แลดูคมขำสง่างามยิ่งนักยิ่งผมซึ่งเกล้ารัดกับหนังศีรษะปล่อยปลาย
ผมไว้ด้านหลัง  ประกอบกับร่างที่ปราศจากเสื้อผ้ามีแค่เพียงคันธนูดาบกับกระบอก
ที่ใส่ลูกธนูซึ่งมีประกายหลากสีสดใสสวยงามลอดออกมา      กับเอ็นที่ห้อยดาบไว้
ที่สะพายแล่งไว้ไหล่ทั้งสองข้างห้อยด้วยกระบอกน้ำและเถาวัลย์ที่คล้องอยู่
       ยิ่งทำให้ดุจเหมือนนักรบโบราณ  มีดน้อยก็เหน็บไว้ที่ผ้าคาดเอวฝักสอดภายใน
กางเกงขาสั้นที่ถูกตัดออก   ส่วนเท้านั้นเดินเท้าเปล่า  
ร่างที่ผึ่งผายของเขาหากหญิงใดพานพบก็จะต้องอดที่จะชำเลืองมองเสียมิได้    
แต่ในที่นี้เขามีแค่เพียงเจ้าขนทองและนางพราย   หากมาเห็นสภาพนี้ไม่รู้ว่านางจะ
กล่าวประการใด   ซึ่งเวลานี้นางยังอาศัยอยู่ในฝักดาบและมีดน้อยเท่านั้น
       เมื่อเดินไปตามทางที่ราดด้วยก้อนหินกรวดเล็กๆน้อยๆใหญ่บ้างเล็กบ้าง
จนมาสุดปลายทางเป็น    ปากถ้ำใหญ่แต่ถูกปิดไว้ด้วยก้อนหินมากมาย
        ชายหนุ่มไม่อยากเสียเวลาไปเปิดปากถ้ำ  ถึงแม้นว่าจะสงสัยก็ตามทีแต่เขาเพียง
แค่มองดูและหาหนทางเดินต่อไป  ก็พบเป็นทางเล็กๆที่ทอดเข้าสู่ป่าลึกเป็นทางที่ปกคลุม
ด้วยวัชพืชน้อยๆ      ส่วนสองข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่ส่งกิ่งก้านปกคลุมเห็นเพียงแค่
แสงอาทิตย์ที่เล็ดรอดสอดส่องเท่านั้น      นี่ก็ตะวันเกือบจะบ่ายคล้อยแล้ว
        ดังนั้นชายหนุ่มจึงจูงเจ้าขนทองเลี่ยงหลบลงข้างทางเดินไปตามทางแคบเล็กๆ
จะว่าเล็กก็ไม่เชิงนัก  หากคงจะเป็นทางของม้าสวนผ่านไปมาได้เท่านั้นเอง
            ในระหว่างเดินไปตามทางนั้นได้ยินเสียงนกต่างๆร้องขานรับกันทำให้เขาเกิดอารมณ์
สุนทรีขึ้นมา   สายลมที่พัดพาเอาอากาศที่แสนจะสดชื่น  ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาจิตใจสงบ
เยือกเย็นมากทุกๆสิ่งล้วนแล้วแต่บริสุทธิ์ปราศจากมลทินใดๆ      ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์
ที่ผ่านมาในอดีตเสียมิได้    แต่มิอาจจะกลับไปได้อีกแล้วตั้งแต่เขาค้นหาทางกลับจนป่านนี้
ยังไม่มีวี่แววเอาเสียเลย   จำต้องปล่อยให้เป็นไปตามเหตุการณ์นั้น
          โดยบัดนี้เขาทิ้งอดีตไปเสียแล้ว    หากนำมาเปรียบเทียบกันแล้วปัจจุบันนี้ล้วนแล้ว
แต่ธรรมชาติที่แสนสะอาดบริสุทธิ์   ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบไว้ให้แก่มวลมนุษย์
ที่งดงามดีกว่าในเมืองที่มีความศิวิไลย์เสียอีก  ซึ่งอุดมไปด้วยความหลอกลวงร้อยเล่ห์มากนัก
คนด้อยปัญญามักจะถูกคนที่มีปัญญามากว่ากดขี่ข่มเหงตลอดเวลา   หลากเล่ห์ร้อยแปดพันเก้า
ชิงดีชิงเด่นหลงมัวเมาในอำนาจตัวเอง  เป็นคนเห็นแก่ตัวไม่มีความเมตตาสงสารคนอื่นๆเลย
          ส่วนสถานที่นี้กับเพียบพร้อมไปด้วยความสดใสสะอาดบริสุทธิ์นัก   ถึงแม้ว่าจะมีการ
ฆ่ากันก็เพียงเพื่อเป็นอาหาร  เมื่ออิ่มแล้วก็ไม่ทำลายกันอีก     ผิดกับในเมืองเสียสิ้นที่มีแต่ความ
โลภไม่เพียงพอรู้จักหมดสิ้นไป    เขานึกแล้วต้องรีบสะบัดศีรษะเบาๆเพื่อขจัดสิ่งทั้งหลายที่
สอดแทรกเข้ามาให้ละลายไป      เสียงสวบๆพุ่งตรงเข้ามาแต่เขาหาได้รู้สึกตัวไม่ด้วยมัวแต่นึก
ถึงเรื่องในอดีตไปเสียสิ้น   จวบจนได้ยินเสียงร้องของเจ้าขนทองกู่ก้องคำราม
นั่นแหละเขาถึงได้รู้สึกตัวหันไปมอง  
         แต่ช้าไปเสียแล้วร่างทะมึนยังกับขุนเขาเล็กๆขนาดย่อมๆพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที   เพียงแค่
ชั่ววูบของสายตา   ร่างเขาก็ถูกขวิดกระเด็นลอยสูงไปในอากาศเสียแล้วแต่ด้วยการฝึกฝนมาและ
ผ่านการต่อสู้มาแล้วทำให้เขา   พลิกร่างในกลางอากาศเอื้อมมือไปคว้ายังกิ่งไม้   แต่ก็ทำให้เขา
รู้สึกเจ็บไปแถวชายโครงด้านซ้ายมือ    เมื่อเหลือบมองลงไปเห็นเป็นกระทิงเปลี่ยวร่างออกสี
น้ำตาลอมดำ   เขาของมันสีน้ำตาลยาวแหลม    แต่อีกเขาหนึ่งกับรู้สึกว่าสั้นไปกว่าเขาที่ยาว
แหลมคมมีขนขึ้นบริเวณรอบๆเขาแหลมของมัน   ตัวมันช่างใหญ่โตยิ่งนักผิดกับกระทิงทั่วๆไป
          เจ้าขนทองพุ่งร่างหลบหลีกการขวิดของกระทิงไปๆมาๆแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังมันทันที
แต่เจ้ากระทิงตัวใหญ่หาได้ย่นย่อไม่ มันสะบัดร่างเจ้าขนทองจนกระเด็นเข้าพงหญ้าไปทันที
แล้วพลันหมุนตัวมันพุ่งก้มหัวมันเสียงดังฟืดๆๆดังลั่นจากปลายจมูก   มันก้มหัววิ่งตรงไปยังร่าง
ของเจ้าขนทอง      ถึงแม้ว่าร่างมันจะใหญ่โตนักแต่ความรวดเร็วหาได้ลดหย่อนตามลำตัวมันไม่
เจ้าขนทองกลิ้งตัวกระโดดคว้ากิ่งไม้หลบหลีกทันทีพร้อมร้องเสียงขู่ก้องคำราม
กระโดดไปๆมาๆเพื่อจะหาทางที่จะไปต่อสู้กับมันอีก  เจ้ากระทิงก็สะบัดหัวมันไปๆมาๆรี่เข้าใส่ยัง
ร่างเจ้าขนทองอีกครั้งหนึ่ง   เจ้าขนทองรีบกระโดดหลบไปทางด้านขวามือคว้าเถาวัลย์แกว่งตัว
มันไปมาแล้วดึงหางเจ้ากระทิงพร้อมทิ้งตัวลงบนหลังแล้วแยกเขี้ยวกัดบนหลังกระทิงทันที
คมของเขี้ยวแก้วฝังลึก   มันกระชากจนเกิดแผลเหวอะหวะหลายแห่งเลือดไหลหลั่งมากมาย 
  ยิ่งทำให้เจ้ากระทิงเกิดอารมณ์บ้าระห่ำ   มันขวิดต้นไม้ที่ขวางหน้าแตกกระจาย
แล้วเอาร่างมันถูเข้ากับต้นไม้ใหญ่    เจ้าขนทองจำเป็นต้องกระโดดขึ้นต้นไม้ทันที
         ชายหนุ่มไต่ไปตามก้านกิ่งไม้แล้วค่อยๆไต่ลงมา  เขากุมมือไปยังชายโครงซ้ายที่ออกบวมๆแต่
ไม่มีเลือดสักหยดเดียวทั้งๆที่ถูกเขาอันแหลมคมขวิดเต็มที่หรือว่าร่างเขาจะคงกระพันชาตรีไปเสียแล้ว
หรือว่าฟลุ๊ค  แต่มันไม่น่าเป็นไปได้นี่นาเขาคิด   แล้วพลางปลดคันธนูพร้อมหยิบลูกธนูที่มีแสงประกาย
แวววาวสดใสออกมาทันที      ครั้นชายหนุ่มลงมาจากต้นไม้ได้ก็ส่งเสียงเรียกทันทีเมื่อเขาพร้อมแล้ว
        เจ้ากระทิงครั้นได้ยินเสียงพลางหันขวับมาทางเขา    แล้วตระกรุยขาหน้าจนเศษดินกระเด็นไป
ข้างหลังเป็นหย่อมๆแล้วก้มหัวมันพุ่งมาหาเขาทันที     
  
            ชายหนุ่มออกมายืนจังก้าพลางน้าวสายธนูที่มีลูกธนูถึงสามดอกทันที   พร้อมคอยรอจังหวะมัน
รอจนเข้ากระทิงพุ่งเข้ามาในระยะของธนูแล้วเขาก็ปล่อยสายธนู    เสียงดังหวีดหวิวๆๆลูกธนูพุ่งเข้าสู่เป้า
ทันที    ด้วยตัวมันใหญ่ดวงตาโปนโตของมันที่จ้องมาทางเขาลูกธนูสองดอกเข้าสู่ดวงตามันทันที   อีกลูก
หนึ่งเข้าเสียบยังแสกหน้ามันช่วงต่ำกว่าเขาเพียงเล็กน้อย    ด้วยแรงพุ่งทะยานมาความรวดเร็วหาได้
หยุดร่างของมันไม่       ชายหนุ่มรีบกระโจนหนีบังต้นไม้ใหญ่ทันที   ร่างเจ้ากระทิงพุ่งเฉียดร่างเขาไปนิด
เดียว    ร่างมันเลยพุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่งขนาดไม่ใหญ่นักกระแทกจนต้นไม้นั้นหักสะบั้นลง
ทันที   มันยืนอยู่สักครู่หนึ่งขาหน้าค่อยๆทรุดลงและนอนหมอบลงตรงนั้น
            ชายหนุ่มคิดมันคงจะสิ้นชีวิตเสียแล้วกระมัง   แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ตัวมันนักเพียงรอ
คอยสักพัก   เข้าขนทองกระโดดเข้ามาเกาะแขนเขาทันที   ชายหนุ่มรู้สึกปวดชายโครงซ้ายถึงกับทรุดร่างลง
นั่งทันทีพลางมองดูเห็นเป็นรอยเขียวช้ำๆปูดออกมา  พลางเอามือขยี้รอยปูดที่เขียวเขาต้องร้องออกมากด้วย
ความเจ็บปวด     เจ้าลิงขนทองเห็นเช่นนั้นมันพลางตีลังกาแล้วกระโจนหายไปในพงไม้ทันที   เขามองดูรอย
ช้ำเป็นปืดๆใหญ่ๆตามลักษณะปลายเขาของมัน   ค่อยๆขยี้ใบหน้าแหย่เกด้วยความเจ็บปวด  อาการปวดเริ่มจะ
รุนแรงยิ่งขึ้นเพราะความช้ำของเนื้อ   เขาถึงกับค่อยๆเขยิบร่างเข้าพิงกับต้นไม้ใหญ่ไม่สนใจร่างของเจ้ากระทิง
           เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆเจ้าลิงขนทองก็กลับมาพร้อมกับใบไม้ลักษณะแปลกๆมีขนตามใบด้วย  เมื่อมัน
มาถึงก็เคี้ยวใบไม้ที่มีขนนั้นทันทีแล้ว  นำมาส่งมอบให้เขา   ด้วยความที่เคยชินและอยู่ด้วยกันมานานทำให้เขา
ล่วงรู้ถึงการกระทำของมันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง   จึงได้นำมาพอกยังที่มีรอยช้ำเขียวๆทันที   พอใบไม้ที่ถูกเคี้ยว
แหลกโดยเจ้าขนทองกระทบกับผิวหนังเขา   
         ความเย็นได้แผ่ซ่านออกมาทันทีมันดูดตุบๆอาการปวดค่อยๆเริ่มทุเลา   จน เวลาผ่านไปสักอึดใจเดียว
อาการปวดดังกล่าวก็หายไปยังกับปลิดทิ้งพร้อมอาการบวมก็ยุบทุกเลาขึ้น
แทบเป็นปกติ       เขานั่งคอยสักพักจนแน่แก่ใจแล้วว่าเป็นปกติดีจึงได้กล่าวขอบใจเจ้าขนทองแล้วดึงร่างมัน
เข้ามากอดแล้วจูบไปที่หัวมันเพื่อแสดงถึงความขอบใจ   เจ้าขนทองเงยหน้าขึ้นแยกเขี้ยวเหมือนรับรู้อาการที่
เขาแสดงต่อมัน      
          เขาเดินไปยังร่างเจ้ากระทิงร่างยักษ์ทันทีเห็นมันนอนหงายข้างๆตั้งแต่ไม่ใดไม่ทราบได้
เขาจึงดึงลูกธนูสามดอกออกจากร่างมัน   แปลกเขาคิดธนูที่มีประกายหาได้มีเลือดของเจ้ากระทิงติดสักหยด
เดียว  ทั้งๆที่บริเวณนั้นนองเต็มไปด้วยเลือดเจ้ากระทิง     หากเป็นเมื่อก่อนนี้เขาก็คงจะเอาเนื้อมันมาทำอาหาร
กิน   แต่บัดนี้เขาได้ละเว้นเสื้อสัตว์ไปตั้งนานแล้วจึงไม่คิดจะกินเนื้อมันอีกต่อไป  แต่หนังมันคงจะเป็นประโยชน์
แก่เขาบ้างไม่มากก็น้อย   ดังนั้นจึงได้จัดการลอกหนังมันพร้อมเดินไปค้นหาลำธารน้ำเพื่อชำระล้างเลือดของมัน
ซึ่งเขาคิดว่าคงไม่ไกลนักด้วย     ก็ได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆจึงเดินค้นหาก็ปรากฏเห็น    
 มีสายน้ำลำธารที่แยกจากน้ำตกมา     หากไม่พบก็เห็นทีจะต้องโยนหนังกระทิงนี้ไปเสียด้วยเกรงจะเน่า
           ครั้นเดินไปสักหน่อยก็เห็นสายลำธารเล็กๆที่แยกมาจากน้ำตกจึงได้จัดการชำระล้างหนังกระทิงที่มีขนสี
น้ำตาลปนดำ  จนสะอาดแล้วนำขมิ้นในย่ามที่รู้สึกว่าจะแห้งไปบ้างออกมาทุบด้วยก้อนหินแล้วทาไปทั่วผืนหนัง
ด้านใน   นำไปตากแดดที่มีแสงแดงแรงจ้านั้น    แล้วมานั่งทานอาหารผลไม้กับเจ้าขนทองเพื่อรอเวลาให้หนังแห้ง
ก็จะได้ออกเดินทาง         
            ฉับพลันเขาได้ยินเสียงสัตว์นาๆชนิดกำลังกัดกันที่ยังร่างเจ้ากระทิงยักษ์เขาหันไปมองดูในระยะห่างนัก  เป็นพวกฝูงหมาป่ากำลังเห่ากรรโชกไล่งับเจ้าเสือลายพาดกลอนประมาณสองสามตัวที่กำลังกัด
กินร่างเจ้ากระทิงยักษ์อยู่ ส่วนพวกหมาป่าเพียงแค่เห่าไล่   แต่เจ้าเสือลายพาดกลอนหาได้เกรงกลัวมันไม่  บางตัว
คิดว่าคงรำคาญ   มันก็กระโจนเข้าใส่พวกฝูงหมาป่าราวประมาณสักสิบกว่าตัวที่ต่างแยกย้ายกันออกไป  ทำให้
พวกหมาป่าวิ่งหนีทันที   แล้วมันก็หันกลับมากินเนื้อต่อไป
           เขาคิดทันทีว่า  หากเขาได้เจอกับพวกหมาป่าซึ่งตัวมันไม่เล็กเอาเสียเลยเขาจะทำอย่างไรดี  ด้วยกิติศัพท์ว่า
สัตว์พวกนี้จะมากันและเข้าทำร้ายศัตรูมันเป็นพวกๆคราวละหลายๆตัว   เห็นทีคงจะต้องเหนื่อยแรงอีก  หากเขา
กำลังเจ็บช้ำอยู่นี้ไม่แน่ว่าจะสู้มันได้อีก  แต่สัญชาติสัตว์ป่าหากอิ่มหน่ำแล้วมันจะไม่ยุ่งเกี่ยวนอกจากมันจะหิว
เท่านั้นเองถึงจะออกหากินล่าเหยื่อต่อไป    เขารู้มาจากหนังสือที่เคยอ่านมาและเขาชอบอ่านด้วยเกี่ยวกับชีวประวัติ
ของสัตว์ป่าทั้งหลายสมัยยังร่ำเรียนหนังสืออยู่      แต่นี่เขาต้องมาประสบกับความจริงเสียแล้วโดยที่เขาคิดไม่ถึง
       จนเมื่อถึงเวลาคิดว่าหนังกระทิงคงจะแห้งแล้ว    ด้วยตะวันเริ่มจะคล้อยลงมากๆอากาศเริ่มจะสลัวๆจึงเดิน
ไปเก็บหนังกระทิงมาม้วนห่อไว้ด้วยเอ็น  ด้วยอากาศบริเวณแถวนี้ร้อนมากๆ   อาศัยเขาอยู่ภายใต้ร่มบังของเขา
และมวลแมกไม้จึงทำให้อากาศค่อนข้างจะเย็นบ้าง       ครั้นเตรียมตัวเสร็จแล้วเห็นว่าจะออกเดินทางต่อไปไม่ได้
จึงเที่ยวค้นหาสถานที่เพื่อใช้ในการพักผ่อน   
         ดังนั้นจึงปีนขึ้นไปยังไหล่เขาอีกครั้งหนึ่งเพื่อค้นหาถ้ำหรือโพรงหิน  ตามบริเวณ ข้างๆภูเขาที่ราดทางเดิน
ที่พอจะอาศัยได้เพื่อหลุดพ้นจากสัตว์ออกหากินในกลางคืน   ด้วยเขาไม่ต้องการที่จะฆ่าพวกมันอีกแต่ค้นหาเท่าไร
ก็ไม่พบ   จึงย้อนกลับลงมาอีกครั้งเพื่อมองหาต้นไม้ใหญ่ที่พอจะอาศัยคาคบไม้ได้ในที่สุดเมื่อเดินลึกเข้าไปอีกไม่
เท่าใดนักก็เจอต้นไม้ใหญ่สูงมีคาคบกว้างใหญ่พอที่จะให้พวกเขาอาศัยได้ จึงได้ให้เจ้าขนทองจัดการเหมือนเก่า
แล้วรีบปีนขึ้นไป    ก็พอดีอากาศมืดมิดพอดีพอลงพักผ่อนได้สักพัก  ร่างนางพรายทั้งสองก็ปรากฏร่างขึ้นพลาง
ถามว่า  
       “พี่ท่านอาการเป็นอย่างไรบ้าง  น้องเองรู้แต่มิอาจจะช่วยเหลือได้อย่างไร  พอจะกระซิบบอกมันก็มาถึงตัว
ของพี่แล้ว”   นางพรายเขียวกล่าว
        “พี่ไม่เป็นอะไรหรอกจ้าน้องนาง  เจ้าขนทองได้ไปหาใบยามาสมานพอกให้แล้วตอนนี้เกือบจะหายดีแล้วจ๊ะ”
        “แต่คืนนี้ให้พี่ระวังตัวไว้ด้วยนะ   ด้วยจะมีสิ่งลี้ลับซึ่งน้องเองไม่สามารถจะช่วยอะไรได้   ด้วยมันแก่กล้า
ไสย์เวทย์มากจ๊ะ”   ชายหนุ่มถาม
        “น้องเองก็บอกไม่ได้จ้า  ด้วยมองเห็นเพียงแค่เลือนรางไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง”  นางพรายแดงตอบ
         “จ๊ะแล้วพี่จะคอยระมัดระวังตัว   ขอให้น้องแจ้งพี่โดยเร็วหากพี่ผล๊อยหลับไปนะจ๊ะ”
         “จ้าๆ...น้องจะคอยเฝ้าดูแลทั้งคืนแหละ   ขอให้ท่านพี่นอนพักผ่อนเอาแรงเถอะ”
          “งั้นพี่ก็จะขอพักผ่อนล่ะจ๊ะ”  ชายหนุ่มกล่าว   
          พร้อมทั้งล้มตัวลงนอนแต่คำพูดของแม่นางพรายสาวแสนสวย  หาได้ทำให้เขาหลับลงไปไม่กลับคิดมาก
ยิ่งขึ้นว่าจะหาทางป้องกันตัวได้อย่างไรดี     จนเวลาผ่านไปๆชายหนุ่มก็เคลิ้มหลับไป
         กระทั่งเขาได้ยินเสียงกระซิบข้างหูเขาและนางเขย่าตัวพร้อมๆกัน   จึงรีบสะบัดใบหน้านั่งขึ้นทันที  หันไป
มองเจ้าขนทองเห็นมันตื่นขึ้นก่อนแล้วตามวิสัยสัตว์ที่ว่องไวต่อภัยทั้งหลาย     
        แสงจันทร์ทอกระจ่างเต็มดวงสาดส่องไปทั่งพื้นบริเวณของพื้นดิน ที่ต้นไม้ใหญ่ขึ้นห่างๆกัน   
กับต้นหญ้าน้อยใหญ่เป็นแสงสว่างที่มองแลเห็นพื้นที่แถวบริเวณนั้น      เสียงร้องโฮกๆปี๊ปๆๆๆ
ดังแว่วใกล้เข้ามา        
          สิ่งที่เขาเห็นมันเป็นร่างของเสือโคร่งขนาดใหญ่ประมาณสูงกว่าม้าที่เขาเห็นตอนต้นเสียอีก มันเดิน
ย่างสามขุม  ขู่คำรามลั่นร่างมันแลเห็นสีเหลืองคาดดำเด่นตานัก     หากกะความสูงมันเกือบจะถึงคาคบที่เขา
อาศัยอยู่ได้ไม่มากมายนัก      เมื่อมาถึงมันเดินวนเวียนไปๆมาๆรอบๆโคนต้นไม้แล้วแหงนหน้ามันขึ้นมอง
แปลกปกติแล้วนัยน์ตาสัตว์ที่กินเนื้อจะมักออกสีเขียวๆ  ส่วนสัตว์ที่ไม่กินเนื้อมักจะออกสีแดงเรื่อๆ    แต่ตา
มันกับดวงโตเกือบเท่าชามใบหย่อมๆหาเป็นสีเขียวปัด   มองดูกลับคล้ายๆแววตาของคนทั่วๆไปผิดกับสัตว์
ทั้งหลาย  แปลกๆเขาคิดหรือว่ามันจะไม่ใช่สัตว์ธรรมดา    พอมันแน่แก่ใจแล้วพลางกระโจนขึ้น
มายังคาคบที่เขาอาศัยทันที   
           ชายหนุ่มล้วงก้อนเลือดของงูยักษ์ที่ได้แปรสภาพกลายเป็นหินสีแดงออกมาแล้วก็
 ขว้างไปยังร่างของเสือร้ายที่สูงใหญ่ที่แลเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้แสงของพระจันทร์...........
                       *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    16 กุมภาพันธ์ 2553 13:49 น. - comment id 76798

    นึกถึง   เจ้าแงซาย   เลยครับครู...ท่ายิงธนู นี่
  • แก้วประเสริฐ

    16 กุมภาพันธ์ 2553 14:40 น. - comment id 76833

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
          ผมตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเพื่อความเพลิดเพลิน
    ใจผมเองเท่านั้นครับ มิได้มุ่งหวังอะไรๆทั้งสิ้นครับ
    คุณฝนสนุกสนานผมก็ดีใจด้วยครับ รักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    16 กุมภาพันธ์ 2553 14:50 น. - comment id 79109

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
        ศิษย์รัก  เรื่องเพชรพระอุมา นั้นครูอ่าน
    ไม่หมดหรอกด้วยไม่มีให้อ่าน ยืมเพื่อนอ่านบ้าง
    เป็นบางเล่มเท่านั้น  แต่เรื่องนี้ครูใช้ประกอบเพื่อ
    ให้สอดคล้องกับกองทัพที่ชายหนุ่มพบที่ริมน้ำก่อน
    ที่จะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง  ครู
    มานึกว่าหากการต่อสู้ระยะใกล้ๆนั้น  กับระยะไกล
    หากพระเอกเราจำเป็นใช้  ก็เลยนึกได้ถึงกองทัพ
    ที่ยกมาตามหา  ย่อมมีธนูพกติดมาด้วยนะ
    ก็เท่านั้นเอง นอกนั้นครูแต่งขึ้นทั้งสิ้นแหละ
    อีกอย่างหนึ่งครูไม่ค่อยชอบเลียนแบบใครเขา
    จึงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่เคยอ่านมา  ด้วยการ
    คิดเองจ๊ะ
    รักศิษย์เราเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    16 กุมภาพันธ์ 2553 14:45 น. - comment id 79348

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แขกประจำบ้านกลอน
    
       ขอบคุณที่แวะมาอ่านเสมอๆครับ มันเป็นแค่
    เพียงจินตนาการที่สร้างอารมณ์สนุกเพลิดเพลิน
    ให้แก่ผมครับขอบคุณรักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    16 กุมภาพันธ์ 2553 18:33 น. - comment id 79471

    จินตนาการของคุณลุงแก้ว
    
    สนุกตื่นเต้นทุกตอน
    
    
    หาถ้ำก็ไม่เจอแถมเจอะนางพราย
    
    โห....แถมของก็แปรสภาพได้อีก
    
    ยิ่งอ่านยิ่งสนุก   อ่านไปตาโตไปค่ะ11.gif%
    
    
                                   รักและเคารพคุณลุงแก้วเสมอ
    36%
  • แก้วประเสริฐ

    17 กุมภาพันธ์ 2553 11:13 น. - comment id 79889

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อยฯ
    
          ลุงเองเขียนไปเรื่อยๆเพื่อความสนุกเท่านั้น
    มิได้คิดอะไรมากนักหรอกจ้า ด้วยเบื่อๆเล่นกลอน
    ก็เปลี่ยนมาแนวนี้แหละ  รักหลานเราเสมอ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • โคลอน

    15 กุมภาพันธ์ 2553 16:47 น. - comment id 114846

    โห 29.gif
    
    นึกภาพตามเป็นช๊อตๆไปเลยค่ะ 
    
    ฉากสู้กับกระทิง ถ้าได้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มคงเป็นอีกหนึ่งการต่อสู้ที่ดุเดือด
    
    พอๆกับที่ฝูงลิงสู้กันในแากแรกๆนะคะ  29.gif36.gif36.gif36.gif
  • แขกประจำบ้านกลอน

    15 กุมภาพันธ์ 2553 22:15 น. - comment id 115093

    คิดเห็นภาพตามไปด้วยคะ
    ขอบคุณมากนะคะครูแก้ว
    36.gif36.gif36.gif29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน