ลุ่มลึกอิสราวดี 25
เสียงแม่นางพรายแดง เมื่อเข้ามาทำหน้าตื่นเต้นพลางกล่าวกับชายหนุ่มทันที
“ ท่านพี่รีบไปเถอะจ๊ะ พวกค้างคาวดูดเลือดมันมากันเป็นแสนเห็นจะได้จ๊ะ
มันมากันเป็นทางยาวมากๆด้วยล่ะ เห็นทีจะรับมือมันไม่ไหวแน่เชียวล่ะ”
“อะไรนะ?????.... ค้างคาวดูดเลือดหรือ อ้าวที่นี่พี่ยังเข้าใจว่าอาจจะเป็นที่
อยู่ของพวกสัตว์ประหลาดคล้ายๆกิ้งก่าเสียอีกล่ะ สังเกตเห็นมูลมันเหมือนกันนึก
ว่าเป็นมูลของพวกกิ้งก่าเสียอีกที่หลงเหลืออยู่” ชายหนุ่มตอบ
และรีบชวนเจ้าขนทองขนขาวให้ออกนอกถ้ำเพื่อจะหลบหลีก หากมันมาดังที่
กล่าวเห็นทีจะรับมือมันได้ยากเสียแล้วและรีบเก็บสัมภาระเพื่อจะออกจากนอกถ้ำทันที
แต่ทว่าช้าไปเสียแล้ว ด้วยปรากฏร่างของค้างคาวพุ่งเข้ามายังที่มันอาศัยอยู่ด้วย
ตะวันเริ่มจะขึ้นขอบฟ้ามากแล้ว ร่างมันที่ชายหนุ่มเห็นมันใหญ่กว่าค้างคาวแม่ไก่เกือบ
สามเท่าตัวเห็นจะได้ ปีกมันกว้างใหญ่แต่ที่ปากมันซิมีเขี้ยวยาวแหลมล้นออกมาจากปาก
ของมันด้านล่างของมันอย่างชัดเจนสีออกขาวๆยาวใหญ่มาก
ยามเห็นที่อยู่ของพวกมันมีคนอาศัยอยู่มันร้องดังกังวานเหมือนจะแจ้งข่าวให้พวกๆ
มันรู้ พวกค้างคาวมันก็ส่งเสียงร้องเป็นทอดๆไปยาวไปไกล พวกที่เหลือต่างก็รีบบิน
มายังปากถ้ำทันที ค้างคาวตัวแรกมันถลาบินเข้ามาหาชายหนุ่มทันทีแต่แล้วมันก็หยุดชะงัก
บินวนเวียนไม่กล้าเข้าใกล้ชายหนุ่ม ส่งเสียงร้องคล้ายหนูร้องไม่ผิดมันบินๆไปๆมาๆรอบๆ
ตัวของชายหนุ่ม แล้วมันก็รีบพุ่งร่างเข้าหาเจ้าขนขาวทันทีด้วยสัญชาติฌานของสัตว์ด้วยกัน
เจ้าลิงขาวหาได้ย่นย่อไม่มันแยกเขี้ยวคำรามกระโจนงับร่างค้างคาวตัวแรกทันที
ร่างเจ้าค้างคาวตัวแรกถูกเจ้าขนขาวขย้ำจนเหลวแหลกเลือดไหลนองไปทั่ว
แต่มันมีหลายตัวนับไม่ถ้วนต่างเข้ารุมล้อมเจ้าขนขาว ส่วนเจ้าขนทองนั้นก็รีบเข้าไปช่วยทันที
ชายหนุ่มดึงมีดน้อยโยนส่งให้เจ้าขนทอง และดึงไม้ที่ถูกชุบด้วยน้ำกายสิทธิ์ที่ส่งแสงแวววาว
ออกมาด้านหลังที่เสียบไว้ด้านหลังเขาโยนให้แก่เจ้าขนขาว เมื่อลิงขนทองขนขาวเห็นเช่นนั้น
มันก็กระโดดเอามือมารับสิ่งที่ชายหนุ่มโยนให้ แล้วตวัดอาวุธเข้าจู่โจมพวกค้างคาว คราวนี้
มันเมื่อยามมีอาวุธและได้รับการฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาอย่างเชี่ยวชาญแล้ว มันแกว่งอาวุธเข้าโจม
ตีค้างคาวแทนจะเป็นฝ่ายรับ กลับกลายเป็นฝ่ายรุกเข้าจู่โจมพวกค้างคาวกระเจิงแตกซ่านหลบหลีก
การถูกกิ่งไม้ที่แข็งแกร่ง บ้างถูกตีตกลงมาตาย บ้างส่งเสียร้องโหยหวนถลาปีกที่ถูกตีพุ่งเข้าชนผนังถ้ำ
ส่วนเจ้าขนทองก็ตวัดมีดเข้าเสียบแทงตวัดไปยังปีกของพวกค้างคาวตกมาตายนับไม่ถ้วน บ้างปีกขาด
บ้างลำตายขาดเป็นสองท่อน แต่พวกมันมีมากตายก็ตายไปส่วนที่เหลือก็ยังเข้าโจมตีไม่หยุดหย่อน
เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนี้ก็ชักดาบออกมาเข้าไปช่วยเจ้าลิงทั้งสอง แต่พอร่างชายหนุ่มยามเข้าไป
พวกค้างคาวต่างแตกกระเจิงทันทีไม่ใช่ด้วยดาบที่เขาถือ ไม่รู้ว่ามันเกรงกลัวสิ่งใดใน
ร่างกายเขาเมื่อเขาไปใกล้เจ้าลิงทั้งสองพวกมันก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ทั้งสามนอกจากส่งเสียง
ร้องก้องแล้ววนเวียนดำมืดไปทั่วถ้ำ เสียงลมกระพือส่งกลิ่นเหม็นสาบสางของเจ้าพวกค้างคาวที่
มากมายทำให้เขาเกิดวิงเวียนศีรษะทันที ถ้าหากอยู่ภายในถ้ำเห็นที่จะต้องเป็นลมไปกับกลิ่นของ
พวกมันเป็นแน่ จึงเรียกเจ้าลิงทั้งสองอย่าให้ห่างกายเขาพลางค่อยๆเดินถอยหลังออกจากนอกถ้ำ
ภายในถ้ำและนอกถ้ำนั้นล้วนแล้วแต่พวกค้างคาวซึ่งมีจำนวนมากมายต่างรุมล้อมร่างชายหนุ่มไว้
แต่มันไม่กล้าเข้าภายในรัศมีห่างประมาณสามวาเห็นจะได้ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็นึกถึงคำ
ของท่านผู้เฒ่าที่กล่าว่า เสื้อขนนกที่เขาสวมใส่นี้มีอานุภาพด้วยเป็นขนของนกวายุภักดิ์ เห็นจะจริง
เป็นเช่นนี้ที่สามารถป้องกันภัยอันตรายจากพวกวิหคทั้งหลายได้ มันจะเกรงกลัวต่ออำนาจของขน
นกวายุภักดิ์ เห็นจะจริงด้วยพวกเจ้าค้างคาวก็จัดอยู่ในจำพวกนกมีหูหนูมีปีกจัดได้ว่าเป็นพวกนก
ชนิดหนึ่งเหมือนกัน หากเป็นเช่นนั้นถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าเจ้าค้างคาวมันก็ย่อมต้องเหนื่อยแรงมาก
จนอ่อนล้าได้ หรือหากจะใช้อำนาจของกระบองนาคราชซึ่งสามารถแยกร่างได้ก็ตามก็คงจะฆ่ามัน
ได้ก็จริงแต่ต้องใช้เวลานานนัก พวกมันคงจะตายไม่หมดด้วยมีจำนวนมากมายนัก
ในเมื่อมันไม่กล้าเข้ามาทำอันตรายแก่พวกเขาก็ควรจะหลบหนีไปดีกว่า นี่พระอาทิตย์ขึ้นสูง
แล้วเจ้าพวกค้างคาวไม่อาจจะต่อสู้กับแสงอาทิตย์ได้ย่อมจะเข้าไปพักอาศัยในที่มืดของถ้ำและคงจะ
ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเขาเป็นแน่ ด้วยเขาตอนนี้อยู่นอกถ้ำแสงอาทิตย์กำลังจะพ้นขอบฟ้าแล้ว
ดังนั้นเขาจึงค่อยๆถอยออกมา เพื่อรอเวลาให้พระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าเสียก่อนแต่ก็ยังมีบางตัวพุ่งร่าง
เข้ามาวนเวียนรอบๆตัวเขา พวกมันทั้งหมดต่างหนีเข้าภายในถ้ำจนเกือบหมดเหลือเพียงไม่ถึงสิบตัว
เห็นจะได้ สงสัยจะเป็นพวกหัวหน้ามันพยายามวนเวียนสกัดกั้นคล้ายๆจะต้อนพวกเขาให้เข้าไปยัง
ภายในถ้ำอีก มันบินเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาด้านหลังที่เขาถอยหลัง เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นเห็นที่จะเอา
ไว้ไม่ได้เสียแล้วเจ้าพวกนี้ จึงเอ่ยปากเรียกกระบองนาคราชทันที
ทันใดนั้นลำแสงได้พุ่งออกมาจากร่างเจ้าขนทองมาสู่ยังมือเขาทันที เขาสั่งให้กระบองนาคราช
เข้าทำลายล้างพวกค้างคาวดูดเลือดที่พยายามสกัดกั้นเขาไว้ พลันกระบองนาคราชได้แยกร่างออกจาก
กันเท่ากับจำนวนของพวกค้างคาวทันทีแล้วพุ่งเข้าไปไล่ตีพวกค้างคาวที่ยังคอยวนเวียนอยู่ มันเมื่อเห็น
กระบองนาคราชที่ส่งประกายแสงไฟพวยพุ่งออกจากกระบองมันต่างกลัวรีบบินหนีเพื่อจะเข้าไปยังถ้ำ
แต่ไม่ทันการเสียแล้ว ลำแสงได้พุ่งเข้าไปกระทบร่างมันทั้งหมดแล้วร่วงหล่นสู่พื้นดินพร้อมกับกระบอง
ได้หวดกระหน่ำบนร่างมันซ้ำอีกจนมันถึงแก่ความตายทันที
ครั้นกระบองนาคราชฆ่าเจ้าพวกค้างคาวได้แล้วก็รวมตัวกัน พุ่งกลับมายังอุ้งมือของชายหนุ่มทันที
ชายหนุ่มจึงกล่าวให้กระบองกลับไปที่อยู่ดังเดิมได้ กระบองนาคราชก็กลายเป็นลำแสงพุ่งไปยังร่างเจ้า
ขนทองแล้วเข้าไปเสียบยังเอ็นที่หุ้มดวงแก้วของงูยักษ์ เขาเดินก้าวไปดูร่างของเจ้าค้างคาวดูดเลือด
ที่ร่างมันเหลวแหลกไปเกือบสิ้นแต่ด้านหัวบางตัวยังอยู่ครบ มันคล้ายๆกับค้างคาวแม่ไก่ทั่วๆไปแต่เพียง
มันดูน่ากลัวและน่าเกลียดมากว่า เขี้ยวมันยาวออกมรจรดเกือบจมูกมัน บางตัวที่อ้าปากภายในแลเห็น
ฟันที่แหลมคมเรียงรายกัน บางตัวลิ้นมันยาวออกมามากดวงตามันเหลือกถลนแทบปลิ้นออกจากเบ้าตา
ครั้นชายหนุ่มพิจารณาดูแล้ว เห็นมีตัวหนึ่งซึ่งตัวใหญ่มากกว่าตัวอื่นๆร่างมันเกือบเท่าโอ่งน้ำใบเล็กๆ
แต่เขี้ยวมันยาวมากผิดปกติ ชายหนุ่มคิดได้ว่าหากจะตัดเขี้ยวมันทั้งสองออกมามอบให้เจ้าขนทองและ
เจ้าขนขาวใช้เป็นอาวุธประจำตัวก็คงจะดีโดยให้เก็บไว้ในย่ามของมันที่ห้อยติดตัวมันตลอดนับแต่เขา
แสดงความจำนงแก่มันแล้ว หากได้เขี้ยวค้างคาวที่แลดูใหญ่แข็งแรงขาวแหลมคมด้วยเป็นอาวุธของ
เจ้าทั้งสองก็คงจะเหมาะกับรูปร่างของมัน ดังนั้นเขาจึงนำมีดน้อยออกมาแซะไปยังร่องของเขี้ยวเจ้า
ค้างคาวดูดเลือดจนถึงโคนแล้วก็ตัดมันดึงออกมาทั้งสองเขี้ยว เขานำมาทดลองกับต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่
ข้างๆ ผลปรากฏว่าต้นไม้ใหญ่ฉีกขาดเขาแทงและตวัดไปยังกลางลำต้นไม้ทันที
พลันต้นไม้ใหญ่ก็ล้มครืนลงหักแยกจากกัน เมื่อทดลองกับต้นไม้แล้วก็นำไปยังก้อนหินใหญ่
ที่มีมากมายแล้วนำเขี้ยวเจ้าค้างคาว แทงเข้าใส่ยังก้อนหินก้อนใหญ่นั้นทันที
ผลหินก้อนนั้นแตกแยกกัน ถ้าหากมันไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของเสื้อขนนกวายุภักดิ์แล้ว
เห็นทีว่าพวกเขาหากเจอกับมันก็ยากจะป้องกันตัวเองได้และอาจจะเสียชีวิต
ไปกันหมดด้วยมันมีมากมายนัก ส่วนตัวอื่นๆที่ตายล้วนแล้วแต่มีเขี้ยว
เหมือนกันแต่ไม่ใหญ่โตเท่าตัวหัวหน้ามัน
ดังนั้นเขาจึงทยอยตัดเขี้ยวมันทั้งหมดมาเก็บไว้ในย่ามเพื่ออาจจะจำเป็นใช้ในโอกาสข้างหน้าซึ่ง
เขาเองก็ยังไม่รู้ชะตากรรมแต่อย่างไรแต่หาสิ่งป้องกันตัวไว้ก็เห็นจะดี ครั้นจัดการเรียบร้อยแล้วจึงเรียก
เจ้าลิงทั้งสองทำสัญญาณบอกให้มันรู้แล้วมอบเขี้ยวอันใหญ่ที่เป็นหัวหน้าค้างคาวดูดเลือดมอบให้แก่
มันคนละเขี้ยว เมื่อเจ้าลิงทั้งสองรับมาแล้วมันเบิ่งตามองและทดลองดังที่เขากระทำด้วยที่มันเห็น
แล้วนำมาฝึกพร้อมกับวิชาที่เขาอบรมสั่งสอนซึ่งมันใช้แทนอาวุธสั้นได้เป็นอย่างดีคล่องแคล่ว
ชายหนุ่มนั่งลงมองดูการใช้อาวุธที่เป็นเขี้ยวของเจ้าค้างคาวยักษ์ พลางอมยิ้มนึกถึงว่ามันทั้งสองนี้
ช่างชาญฉลาดผิดกับลิงทั่วๆไป สมแล้วที่เจ้าลิงขาวเป็นจ่าฝูงปกครองลิงทั้งปวง
ถึงแม้ว่าเจ้าขนทองมันจะยังไม่เคยเป็นจ่าฝูงก็ตาม แต่ความกล้าหาญไม่กลัวตายอนาคต
มันคงจะได้เป็นผู้นำแน่นอนชายหนุ่มคิด
นี่ขนาดมันยังตัวเล็กยังสู้มิยอมถอยจนตัวจะตาย ถ้าหากเขาไม่เข้าไปช่วยมันก่อน
และนำมาอุปถัมภ์ไว้ และบัดนี้ยิ่งเขาอบรมสั่งสอนจนเข้าใจกันและกันได้ดี
เพียงบางครั้งเขากล่าวแค่ฟังเสียงเท่านั้นมันก็ทำตาม แสดงว่ามันชักจะฟังภาษาของเขาได้บ้างแล้ว
ส่วนเจ้าลิงขาวคงอาจจะต้องอีกนานกว่าจะฟังเสียงเขาเข้าใจได้
แต่เขาคิดว่ามันเป็นถึงจ่าฝูงย่อมมีอะไรที่พิเศษในตัวมันอยู่แล้วคงจะไม่ยากนัก
อีกประการหนึ่งมันอาศัยกับท่านผู้เฒ่าที่ชาญฉลาดย่อมอาจจะเรียนรู้คำพูดของท่านได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้
เขาก็จะเริ่มใช้เสียงกับพวกมันก่อนนอกเสียจากไม่เข้าใจ นั่นแหละถึงจะใช้สัญญาณมือซึ่งมันรับรู้ได้เป็น
อย่างดีเพื่อเป็นการฝึกฝนมันให้รับรู้ภาษาไปอีกทางหนึ่งในระยะเวลาการเดินทาง เขาจำเป็นต้องพูดทั้งๆ
ที่เขาเองไม่ค่อยจะเป็นคนพูดมากก็ตามที แต่จำเป็นแล้วต้องกระทำเช่นนี้
เขามาคิดถึงแม่นางพรายทั้งสองว่าหากในเวลาที่นางสามารถปรากฏตัวได้ก็จะฝีกฝนวิชาความรู้เวทมนต์
ตลอดจนอาวุธที่เขาร่ำเรียนมาในตำราและผสมผสานกับวิชาของท่านผู้เฒ่าให้แก่นางทั้งสองด้วย เนื่องจาก
นางเคยกล่าวว่าอาจจะกลับคืนสู่ร่างได้อีกครั้ง เพื่อจะได้มีวิชาความรู้ด้านนี้ไว้ป้องกันตัวเองหรือบางทีอาจ
จะช่วยเหลือเขาได้เมื่อถึงคราวจำเป็น เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วก็มองหาหนทางเพื่อจะเลาะลัดข้ามเขาลูกนี้ไปซึ่ง
เจ้าลิงขาวเองก็หมดปัญญาด้วยมันไม่สามารถรอบรู้หนทางหมด เพียงแค่รู้และจำจดในสิ่งผ่านมาได้เท่านั้น
เอง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องหาทางเอาเอง
เขามองเห็นทางเดินที่เป็นแหง่หินยื่นออกมาเรียงรายรอบๆภูเขาหลังจากเดินค้นหาทางออกไปไม่พบทาง
ที่จะออกไปได้เลย จึงได้พักผ่อนยังเหลี่ยมเขาที่ต่อเนื่องกันซึ่งไม่สูงชันนักคิดว่าพรุ่งนี้คงจะต้องปีนเขา
เพื่อข้ามไปเสียแล้ว จวบจนพระอาทิตย์ได้ใกล้ค่ำๆจึงหาบริเวณพักผ่อนแต่คราวนี้ไม่สามารถจะอาศัยยังคา
คบไม้ได้อีก เพราะที่นี่ล้วนแล้วแต่ลานหินทั้งสิ้น จึงมองไปที่เป็นเหลือบหินพอจะบังลมและน้ำค้างได้
จึงได้จัดการปูหนังเสือเพื่อใช้พักผ่อน ส่วนหนังกระทิงก็ปูให้เจ้าลิงทั้งสองนอนเพื่อคลายความเย็นที่กำลัง
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย เขาคิดว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยหินผาต่างๆคงจะเยือกเย็นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน
ครั้นเวลาค่ำย่างกรายมาถึง แม่นางพรายทั้งสองก็ออกมาปรากฏกาย เขาจึงได้แจ้งให้แม่นางทราบ
เมื่อนางพรายทั้งสองทราบความคิดอ่านของเขาเช่นนี้ต่างก็ดีใจต่างโผเข้ามากอดเขาและจูบที่แก้มเขาทั้งสองข้าง
เล่นเอาชายหนุ่มตกตลึงหน้าแดงฉานทันที ร่างกายนางพรายทั้งสองช่างหอมหวนอะไรเช่นนี้ยิ่งปทุมเธอมาสัมผัส
ทำให้ชายหนุ่มถึงกับร้อนวูบๆวาบๆทันที แต่ด้วยความที่เคยฝึกสมาธิไว้จึงข่มอารมณ์ลงได้อย่างรวดเร็ว แล้ว
ค่อยๆดึงร่างนางออกกล่าวว่า
“ตั้งแต่นี้พี่จะเริ่มฝึกอาวุธตลอดเวทมนต์ต่างๆให้น้องทั้งสองไว้ ยามใดที่น้องคืนร่างได้จะได้เป็นวิชาป้องกันตัวจ๊ะ”
“เพียงแค่พี่กล่าวเช่นนี้น้องทั้งสองก็แสนจะดีใจ อันที่จริงน้องไม่มีความรอบรู้ในเรื่องอาวุธเลยจ๊ะ
นอกจากมองดูพี่ฝึกและเห็นการต่อสู้ ครั้นจะไปช่วยเหลือก็ไม่ได้ หากวันใดน้องคืนร่างได้ตามบุญวาสนาแล้ว
ก็จะขอร่วมรบคู่เคียงกับพี่ท่านจ๊ะ” นางพรายทั้งสองกล่าวพร้อมๆกัน
“ได้ยินแม่นางกล่าวเช่นนี้พี่เองก็แสนจะปลาบปลื้มยินดีเป็นยิ่งนักแล้ว” ชายหนุ่มกล่าว
“จริงๆอยู่การร่ำเรียนจบน้องก็เข้าไปยังเมือง นอกจากร่ำเรียนวิชาการทำอาหารและร้อยถักปักร้อยที่แม่
สอนไว้เท่านั้นเองจ๊ะ” แม่นายประกายแดงกล่าว
“ส่วนน้องไม่เป็นอะไรเลยนอกจากช่วยทางบ้านเท่านั้น และทำอาหารพื้นบ้านป่าเท่านั้นเองแหละจ๊ะ”
แม่นางประกายเขียวกล่าวเช่นกัน
“ไม่เป็นหรอกจ้า เราทั้งหมดร่วมเป็นร่วมตายกันมาก็มากแล้ว เรื่องอื่นพี่ไม่คำนึงถึงหรอกจ้า แล้วพี่
เองก็เลิกทานอาหารอื่นนอกจากผลไม้เท่านั้นมานานแสนนานแล้วล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวบ้าง
“แต่ว่าเป็นหน้าที่ของลูกผู้หญิงนะพี่ท่าน ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ อ้อๆ ตอนนี้น้องเองได้สอนการอ่าน
เขียนให้แก่น้องประกายเขียวแล้ว จนนางสามารถอ่านออกเขียนได้ดี น้องประกายเขียวฉลาดมากจ๊ะพี่ท่าน
สอนไม่เท่าไหร่ก็เรียนรู้สามารถอ่านออกเขียนได้คล่องแคล้วยังกับเรียนมาเป็นปีๆแหละจ้า”
นางพรายแดงกล่าว
“อืมมๆๆๆก็ดีซิจ๊ะ พี่เองก็ยังอาศัยร่ำเรียนจากน้องในภาษาถิ่นนี้เลย ด้วยพี่เรียนหนังสือมามันคนละ
แบบกันจ๊ะไม่เหมือนกันเลย” ชายหนุ่มกล่าว
“แล้วภาษาที่พี่เรียนมานั้นยากไหม หากจะสอนให้พวกน้องๆบ้างจะได้ไหมจ๊ะ” คราวนี้นางพรายเริ่ม
กระตือรือร้นเสียแล้ว
“ได้ซิจ๊ะน้องยังสอนให้พี่ได้ ทำไมพี่จะสอนให้น้องทั้งสองไม่ได้ เอาล่ะเราเมื่อฝึกอาวุธต่างๆจนน้อง
เชี่ยวชาญคล่องแคล้วดีแล้ว พี่จะสอนหนังสือเมืองพี่ให้น้องทราบหลังจากการฝึกอาวุธจบไปพร้อมๆกันจ๊ะ”
ชายหนุ่มกล่าวพร้อมอมยิ้ม
“จ๊ะแล้วพี่ท่านจะเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะจ๊ะ” นางพรายทั้งสองกล่าว
“เดี๋ยวนี้เลยจ๊ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ยามพักคืนใดพี่จะสอนให้ต่อเนื่องกันไปจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
พลางเขาก็ไปคัดเลือกก้อนหินและกิ่งไม้แห้งที่แข็งแรงกะว่าพอกำมือหญิงสาวมาสองกิ่งแล้วนำมามอบ
ให้แก่หญิงสาว เริ่มแรกเขาก็เริ่มฝึกฝนการขว้างก้อนหินก่อน............
* แก้วประเสริฐ. *
20 กุมภาพันธ์ 2553 14:56 น. - comment id 92531
1รีบจองแถวหน้า ก่อน แขกประจำบ้านกลอน ฉางน้อย เทียนหยด กิ่งโศก แบม คิๆ

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:03 น. - comment id 92532
ค้างคาวเป็นสัตว์ทมี่น่ากลัวนะคะ ทั้งๆที่มันจะไม่ออกมาป้วนเปี้ยนรบกวนผู้คน แต่เห็นทีไรนึกถึง แดร๊คคูล่าอ่ะค่ะ ค้างคาวดูดเลือด

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:47 น. - comment id 92533
1 + 2....... สหายโคนอน น่ากลัวกว่า ค้างคาวฟร่ะ ฟันธง อิอิ ........

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:50 น. - comment id 92534
^ ^ ^ ไอ่ฉาง....แกร........เดี๊ยะโดนๆมังจะบอกว่าค้างคาวดูดีกว่าตรูงั้นเรอะ
เด๋วจัดห้าย

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:53 น. - comment id 92535

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:57 น. - comment id 92536
4........... ลุงแก้วววววว.....ช่วยด้วยยยยยย สหายฝนมัง จะกัด ดูดเลือดคอหนูแว้วววววโคนอน พันธ์ดุ ........

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:57 น. - comment id 92537
^ ^ ^ เอาค้างคาวมาฝากค่ะ แก้วประเสริฐ ฝนกะ ค้างคาวครายน่ากลัวกว่ากันคะ (เสียเซ้ลฟ์
)

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:58 น. - comment id 92538
4............ ค้างคาวหรือบ่างอ่ะสหายฝน........

20 กุมภาพันธ์ 2553 15:59 น. - comment id 92539
ฝูงบินรบ อิอิ

20 กุมภาพันธ์ 2553 16:00 น. - comment id 92540
10..............

20 กุมภาพันธ์ 2553 16:01 น. - comment id 92541
9............โห ฝูงเบ้อเร่อ.......55555555555

20 กุมภาพันธ์ 2553 16:01 น. - comment id 92542
หวาย ทำบ้านแก้วประเสริฐ รกแระไปดีฝ่า ย่องๆๆ

20 กุมภาพันธ์ 2553 16:07 น. - comment id 92543
12......... ไปด้วยๆๆๆ หวัดดีค่ะ ลุงแก้วขา......อย่าดุหนูน๊า.....

20 กุมภาพันธ์ 2553 20:44 น. - comment id 92545
คุณ โคลอน สองครั้งแล้วซินะที่คุณจองแถวหน้ามาได้ ตลอดขอบคุณมากครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 20:49 น. - comment id 92546
คุณ โคลอน พูดถึงค้างคาวนั้นมีสองประเภทคือประเภท กินเลือดของสัตว์ทั้งหลาย กับประเภทกินผลไม้ ในเมืองไทยไม่มีหรอกครับประเภทแรก ที่ผมเห็น มานะครับมีค้างคาวหนู ซึ่งจะตัวเล็กๆ ส่วนค้างคาว แม่ไก่ ตัวจะใหญ่กว่าค้างคาวหนูมากนัก แต่ที่ต่าง ประเทศมีค้างคาวที่กินเลือดสัตว์และผลไม้ครับ ประเภทกินเลือดคนมักจะอยู่ในป่าลึกๆครับ ขอบคุณคุณฝนมากนะครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 20:50 น. - comment id 92547
คุณ ฉางน้อย หลานรักลุงฟันธงเชียวหรือคุณฝนนะคง จะสวยเหมือนหลานเราแหละจ้า รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 20:53 น. - comment id 92548
คุณ โคลอน ผมว่าคุณฝนคงจะไม่เหมือนหรอกครับเห็น เขาว่าสวยแล้วจะเหมือนค้างคาวได้อย่างไรกัน จริงไหมครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 20:55 น. - comment id 92549
คุณ โคลอน ภาพนี้สวยจริงผมหาภาพแบบนี้ไม่ได้เลย ครับ เขี้ยวมันออกจากด้านบนสงสัยจะเป็นจำพวก กินเลือดสัตว์เป็นอาหารกระมัง ขอบคุณ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 20:58 น. - comment id 92550
คุณ ฉางน้อย คุณฝนใจดีจะตายไปนิสัยชอบสนุกร่าเริง คงจะไม่หรอกจ้า เขาหยอกล้อเล่นเห็นสนิทสนม กันมากๆด้วยซิ ลุงไปอ่านการหยอกล้ออดยิ้มไม่ ได้ด้วยทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันดีเหลือเกินจ๊ะ รักหลาน เราเสมอๆจ้า
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:00 น. - comment id 92551
คุณ โคลอน ขอบคุณมากครับคุณฝนผมเก็บไว้แล้วล่ะครับ หากมีโอกาสได้เขียนเรื่องยาวเกี่ยวกับค้างคาวก็ จะเอามาลงไว้ครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:04 น. - comment id 92552
คุณ ฉางน้อย ค้างคาวกับบ่างแตกต่างกัน บ่างนั้นจะมีตัว เล็กคล้ายลิงแต่มีผังผืดที่แขนและขาดูคล้ายๆปีก แต่เวลาจะร่อน มันต้องปีนไปที่ต้นไม้สูงๆแล้ว ถึงจะกางปีกมันร่อนลงมาจ๊ะ อ้อขอตอบฝากไปยังคุณฝนด้วย ว่าคุณฝน นะไม่เหมือนหรอกคนสวยๆเช่นนี้กับหลานผมต่าง ก็สวยด้วยกันทั้งคู่นี่นา รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:06 น. - comment id 92553
คุณ โคลอน ไม่มีภาพหรือว่าเป็นภาพที่ผมนำมาสร้างขึ้นเอง กระมังครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:08 น. - comment id 92554
คุณ ฉางน้อย หลานรักเรางงเลยหรือ เกี่ยวกับฝูงบินรบ อิอิ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:09 น. - comment id 92555
คุณ ฉางน้อย หลานเรานึกออกแล้วหรือจ๊ะ เก่งจังรักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:12 น. - comment id 92556
คุณ โคลอน ไม่เป็นไรหรออกครับ เชิญตามสบายเลย บ้านผมเหมือนกับบ้านคุณแหละอย่าคิดมากครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 21:13 น. - comment id 92557
คุณ ฉางน้อย ลุงไม่ดุหรอกจ้า รักพวกเธอทั้งสองอยู่แล้ว ที่สร้างความสนุกให้แก่ลุงมาก ขอบใจหลานรัก มากนะจ๊ะ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

20 กุมภาพันธ์ 2553 22:07 น. - comment id 92560
มาอ่านอีกตอนครับครู

20 กุมภาพันธ์ 2553 22:10 น. - comment id 92561

20 กุมภาพันธ์ 2553 22:54 น. - comment id 92563
....... ตามฝนมาค่ะ

20 กุมภาพันธ์ 2553 22:55 น. - comment id 92564
มาแย่งไข่ อิอิ ......... 30...............

21 กุมภาพันธ์ 2553 12:03 น. - comment id 92571
ฝนๆๆๆ อ้อยเอา กล้วยมาฝากง่ะ ก๊ากกกค้างคาวต้องกินกล้วยใช่ป่ะ...
อนุญาติค่ะครู นอกเรื่องอีกแระ..อิอิ เรื่องสั้นครูยิ่งอ่านยิ่งลุ้นค่ะ...

21 กุมภาพันธ์ 2553 14:12 น. - comment id 92573
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รัก ครูก็สนุกๆไปเรื่อยๆแหละจ้า เรื่องป่าเขาลำเนาไพรครูชอบอยู่แล้วจึงเขียนได้ ไม่ต้องคิดอะไรมากๆด้วย รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

21 กุมภาพันธ์ 2553 14:14 น. - comment id 92574
คุณ โคลอน แหมยิ้มหวานเชียวนะ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

21 กุมภาพันธ์ 2553 14:15 น. - comment id 92575
คุณ ฉางน้อย นึกแล้วเชียวว่าเจ้าคู่แฝดต้องมาแล้ว อิอิ รักเสมอจ้า
แก้วประเสริฐ.

21 กุมภาพันธ์ 2553 14:17 น. - comment id 92576
คุณ ฉางน้อย ยายฉายน้อย ไข่ลุงไม่เหลือแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

21 กุมภาพันธ์ 2553 14:20 น. - comment id 92577
คุณ เที่ยนหยด อ้าวๆๆมีคนเอากล้วยหอมมาฝากแน๊ะ สงสัย จะเป็นลิงกระมังคงไม่ใช่ค้างคาวเน๊อะศิษย์รัก หากไม่อ่านตั้งแต่ต้นจะไม่ต่อเนื่องกันนะ แต่ละ ตอนไม่ซ้ำกันหรอกจ้า รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.
