ลุ่มลึกอิสราวดี 26

แก้วประเสริฐ


                    ลุ่มลึกอิสราวดี  26
     ชายหนุ่มเริ่มฝึกสอนการขว้างก้อนหินแก่แม่นางพรายทั้งสอง  โดยให้ทดลองขว้างไป
ยังลำต้นไม้ที่ห่างไกลพอประมาณ  เหมือนที่เขาฝึกมาไม่ผิดสองสามก้อนไม่ถูกลำต้นเอา
เสียเลย  เมื่อผ่านไปสักครู่ใหญ่ก็เริ่มจะถูกเป้าหมายบ้าง  เวลาผ่านไปๆ    เมื่อครั้นเห็นทั้ง
สองขว้างได้ดีถูกเป้าเกือบทุกๆก้อน   ชายหนุ่มก็เดินไปใช้มีดน้อยขีดวงกลมตามต้นไม้
ต่างๆให้แม่นางพรายทั้งสองขว้างเป้าสลับกันไปมา  จนกระทั่งนางสามารถใช้ก้อนหิน
ได้ถูกต้องเกือบทุกๆต้นแล้ว  
        เขาจึงเริ่มถ่ายทอดวิชาที่ร่ำเรียนมาจากในหนังสือและวิชาของท่านผู้เฒ่าที่เขานำมา
ผสมผสานกันให้แก่นาง   เวลาผ่านไปหลายๆวันเขายังไม่คิดที่จะเดินทางเพื่อต้องการให้
เหล่านางพรายได้ฝึกปรือวิชาต่างๆตลอดจนเวทย์มนต์ที่เขาถ่ายทอดให้โดยไม่ปิดบัง  
ด้วยนางพรายนั้นการฝึกฝนย่อมง่ายโดยกำชับแก่แม่นางทั้งสองห้ามใช้อิทธิฤทธิ์ที่มีโดย
เด็ดขาด  มิฉะนั้นยามเมื่อกลับคืนร่างแล้วจะหาประโยชน์ใดๆมิได้สิ้น
       นางพรายก็เชื่อฟังเขาทั้งๆที่นางเองมีอิทธิฤทธิ์สามารถบังคับอาวุธต่างๆได้ดีอยู่แล้ว
แต่ด้วยเพื่อหวังในอนาคตกาลข้างหน้าจึงทอดทิ้งไปเสียก่อน  เมื่อพวกหล่อนฝึกฝนจน
คล่องแคล่วดีแล้วและยิ่งใช้อิทธิฤทธิ์เข้าประกอบด้วยยิ่งสร้าง   พลานุภาพให้แก่อาวุธนั้น
มากขึ้นกว่าเดิมอีก  สามารถบังคับอาวุธต่างๆให้เป็นไปตามวิชาความรู้ที่ชายหนุ่มพร่ำสอน
พลิกแพลงกระบวนท่าได้ตามใจชอบตามอิทธิฤทธิ์ที่นางมีอยู่ตามวิสัยของพรายทั้งหลาย
       เมื่อชายหนุ่มถ่ายทอดวิชาความรู้จนหมดสิ้นแล้ว    เขาเห็นว่าสมควรจะออกเดินทางได้
แล้วจึง  กล่าวขึ้นว่า
      “บัดนี้พี่เองได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆให้น้องทั้งสองหมดสิ้นแล้ว  อยู่ที่น้องพี่เท่านั้นเองจะฝึกฝน
ให้เชี่ยวชาญมากขึ้นเท่านั้น  แต่พี่สังเกตว่าน้องพี่ใช้อิทธิฤทธิ์ที่มีอยู่เข้าผสมผสานกันอย่างเฉลียว
ฉลาดก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิ์ภาพให้แก่อาวุธต่างๆยิ่งขึ้น  นับเป็นการดีมากจ๊ะ”  ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
       “จ๊ะท่านพี่นับว่าสายตาของท่านที่แหลมคมยิ่งนัก  ที่รู้ว่าน้องใช้อิทธิฤทธิ์เข้าประกอบด้วย”
นางพรายสาวกล่าวขึ้น
        “พี่เห็นว่าพรุ่งนี้พวกเรา  ก็คงจะออกเดินทางกันได้แล้วจ๊ะ  แต่ว่าหาทางออกไม่ได้หรือ
ว่ามีแต่คงมิใช่ทางที่เราผ่านนี้หรอก   เห็นทีจะต้องปีนเขาสู่เบื้องบนปลายระหว่างเขาทั้งสองออกไป
เสียแล้วล่ะ”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
        “น้องเองรู้ว่ามีหนทางที่จะไปได้แต่อยู่ไกลมากนักและต้องผ่านสิ่งอันตรายมากๆสู้ทางนี้ซึ่ง
มีอันตรายน้อยกว่าจ๊ะพี่”   นางพรายแดงกล่าวบ้าง
        “แต่ท่านพี่ก็อย่าได้ประมาทเด็ดขาด  ด้วยยังมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่จำนวนมากนักจ๊ะ” นางพรายแดง
ก็กล่าวเช่นเดียวกัน
        “จ๊ะขอบใจน้องทั้งสองมาก  พี่จะคอยระมัดระวังตัวไว้”   ชายหนุ่มขอบใจพรายสาวสวยทั้งสอง
        พออรุณรุ่งสางก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น   เขาทั้งหมดก็ออกเดินทางมาถึงริมหน้าผาที่สูงชัน เขารอ
จนพระอาทิตย์ยามอรุณส่งแสงมาทำให้เห็นสภาพค่อนข้างชัดเจน แม้จะมีหมอกบ้างก็ตาม   แต่ส่วน
ใหญ่จะอยู่แถวบริเวณยอดเขาเป็นส่วนมาก    ส่วนทางที่จะไปเป็นปลายทางของภูเขาจึงไม่สูงชันนัก
มีหมอกบางเบา  รอจนพระอาทิตย์ส่องแสงเหล่าหมอกก็ค่อยๆหายไปจนหมดสิ้น    ดังนั้นเขาจึงค่อย
ปีนไปตามชะง่อนหินที่ยืนออกมาเมื่อยืนได้แล้ว  
         แต่เบื้องหน้ากลับหามีชะง่อนหินยื่นอีกไม่    เขาได้ล้วงเอาเขี้ยวของเจ้าพวกค้างคาวที่เก็บไว้
ในย่ามออกมา   ทดลองแทงลงไปยังหน้าผานั้นเพื่อจะใช้เป็นที่เหนี่ยวรั้งตัวให้มีที่เกาะโหนตัวขึ้นไป 
 เมื่อทดลองแล้วเขี้ยวอันแหลมคมได้ฝังลึกลงไปในเนื้อหิน       เหตุดังนี้เขาจึงถือเขี้ยวของเจ้าสัตว์ร้าย
และลองเขย่าชั่งน้ำหนักดูเห็นว่าสามารถที่จะพยุงตัวขึ้นไปได้    จึงนำเขี้ยวมันมาถือไว้สองข้าง   ใช้ข้าง
หนึ่งเป็นหลักแล้วถึงตัวให้ขึ้นเสียบเขี้ยวอีกอันหนึ่ง   เขาทำแบบนี้จึงสามารถไต่ไปได้เกือบจะถึงหน้าผา
        แต่ทันใดนั้นเองเสียงดังกึกก้องของเหล่านกร้องสนั่น เขาปักเขี้ยวไว้บนหินสองอันใช้ยืนอันหนึ่งแล้ว
เหลียวมามองเห็นเจ้าพวกนกต่างมุ่งมาทางเขา   มันต่างขยายงุ้มเล็บอันแหลมคมหมายขยุ้มร่างเขาไป
ชายหนุ่มก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้   ด้วยมือเขาไม่ว่างครั้นเหลือมือเดียวแต่ก็ไม่ถนัดนักที่จะ
เข้าต่อสู้กับมัน    หากเขาพ้นถึงหน้าผาแล้วก็คงจะหาทางแก้ไขได้หรอก  
       แต่นี่ร่างเขายังห้อยร่องแร่งอยู่กลางอากาศเช่นนี้   ยากนักที่จะป้องกันตัวเองได้   จึงได้รีบปีนต่อไปทันที
 นอกจากนึกแล้วแต่บุญกรรมเท่านั้น    และมิได้สนใจอีกแล้วพยายามไต่โดยใช้เขี้ยวนี้ให้เป็นประโยชน์
อย่างรวดเร็วหมายให้ถึงหน้าผาก่อน   ก่อนที่ เจ้าพวกนกนั้นจะมาทำร้ายแก่เขาได้
 เหลียวไปทำหน้าที่ออกปีนต่อไปด้วยความรวดเร็วกว่าเดิม
      เขาสังเกตเห็นมันคือเหยี่ยวนั่นเองแต่สภาพร่างกายมันไม่เล็กเหมือนเหยี่ยวทั่วๆไปมันใหญ่โตมาก  
 คล้ายๆพวกค้างคาวไม่ผิด  จะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่มากกว่ากัน    พวกมันถลาพุ่งเข้ามาถึงเขาทันทีแต่มันก็ต้อง
ชะงักเมื่อเจอกับรังสีของเสื้อนกวายุภักดิ์ที่เขาสวมใส่อยู่    มันร้องกึกก้องแล้วถลาเลยไปมันพยายามหาทาง
ที่จะเข้ามาขยุ้มร่างเขาเพื่อเป็นอาหารของมัน   แต่ไม่สามารถทำได้เพราะรังสีเสื้อที่เขาสวมนั้นมีฤทธิ์มาก
กว่าสามารถป้องกันพวกนกทั้งหลายได้   ครั้นมันได้รังสีและกลิ่นของเสื้อที่ทำจากขนนกวายุภักดิ์มันร้อง
ก้องเสมือนจะบอกแก่พวกๆมัน  แล้วต่างก็พากันบินหายลับไปหมดสิ้น
        ชายหนุ่มแสนจะดีใจและนึกขอบใจเจ้าขนนกแสนสวยที่เขาสวมอยู่     หากมาดแม้นมิได้เสื้อนี้ร่างเขา
ก็คงจะตกเป็นอาหารอันโอชะของมันเสียแล้ว    ชายหนุ่มมิรอช้ารีบไต่ร่างขึ้นไปลืมนึกถึงเจ้าลิงทั้งสอง
เมื่อขึ้นมาถึงหน้าผาได้    เขาก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลาทันทีด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าพลางหลับตาพักผ่อน
เพื่อเรียกกำลังวังชาให้กลับมาอีก    
         จนกระทั่งร่างเขาถูกเขย่าจากเจ้าขนทองนั่นแหละถึงได้ลืมตา    ชายหนุ่มสงสัยว่ามันขึ้นมาได้อย่างไร
ในเมื่อหน้าผานั้นสูงชันนัก   แต่ไม่อาจจะถามไถ่รู้ความได้คงเพียงคาดคำนวณว่ามันคงจะหาทางขึ้น
ด้านอื่นๆอีกจนมาพบร่างเขานั่นเอง   ชายหนุ่มคว้ากระบอกน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความกระหาย
พร้อมกับยื่นให้แก่เจ้าลิงทั้งสองเจ้าขนทองยกดื่มแล้วยื่นให้แก่เจ้าลิงขาวดื่มต่อไป
   ครั้นเรียบร้อยก็นั่งทานผลไม้กันจนอิ่มหน่ำสำราญใจ
        ชายหนุ่มมองไปข้างหน้าเห็นเป็นทุ่งกว้างใหญ่ที่สลับกันไป บางแห่งเป็นที่โต่งเลี่ยน   บางแห่งก็เป็น
ป่าดงดิบ  ขึ้นตามซอกหินต่างๆ   เรียงรายไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อยสลับกันไปทั่ว    เขาคิดหากเป็นเช่นนั้น
ก็คงจะต้องมีสายน้ำแต่นอน  ตามลักษณะภูมิประเทศที่เขาเคยประสบการณ์ผ่านมาด้วยอากาศที่ค่อนข้างเย็น
เมื่อเขาหายเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว    ก็ออกเดินทางมายังหน้าผาแต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม ด้วยมีหินเป็นเหลี่ยมยื่น
ออกมาทำให้เขาสามารถไต่ลงไปได้
         เพียงไม่นานเขาก็มาถึงยังพื้นดินที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์นาๆชนิด   เดินลัดเลาะไปตามทางวัชพืชน้อยใหญ่
ตัดมุ่งไปทางทิศเหนือทันที    เขาสามารถตรวจสอบได้โดยหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์แล้วกางมือออกดังที่
เคยเรียนหนังสือคราวเป็นลูกเสือที่ฝึกไว้   เมื่อกางแขนออกแล้วหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ทางด้านซ้ายมือก็จะ
เป็นด้านทิศเหนือ  ส่วนทางด้านขวามือก็จะเป็นทิศใต้   หากเป็นค่ำคืนเขาก็สังเกตทิศโดยดูดาวเหนือเป็นหลัก
ทั้งหมดการเดินทางของเขา   มุ่งทางทิศเหนือเท่านั้นเพื่อหาทางออกโดยมิได้มุ่งเดินสะเปะสะปะอีกต่อไปแล้ว
        ดวงอาทิตย์ส่องตรงศีรษะพอดีหมายถึงเที่ยงวันของวันนั้น  เขาจึงได้นั่งลงร่วมทานอาหารกับเจ้าลิงทั้งสอง
เสียงดังฟืดๆๆพุ่งเข้ามากลางวงผลไม้ทันที   หรือเขาอยู่เหนือลมเพราะไม่ได้สังเกตทิศทางลมไว้ด้วยคิดว่าคงจะ
ไม่มีอะไร   เพราะมองจากเบื้องบนหาสัตว์ใดๆไม่พบสักตัวเลย     เสียงต้นไม้เล็กๆหักล้มลงเป็นทางพุ่งมาอย่าง
รวดเร็วมากนักทำให้เขาต้องทิ้งสัมภาระที่กองไว้หลบไปยังต้นไม้ค่อนข้างใหญ่ทันที  ส่วนเจ้าลิงทั้งสองก็กระโจน
ขึ้นไปยังต้นไม้ด้วย   ร่างพุ่งมาชนเข้ากับลำต้นไม้ทันทีมันขวิดสะบัดเขี้ยวมันไปๆมาๆจนเปลือกต้นไม้ฉีกขาดออก
จากกัน   ต้นไม้ที่เขาแอบอยู่แทบจะหักสะบั้นจึงมองเห็นว่ามันคือร่างของหมูป่านั่นเองแต่ตัวค่อนข้างใหญ่มาก
เขี้ยวที่งอกออกจากปากมันยาวงองุ้มเข้ายังจมูกมันกางออกดูหน้ากลัว
         ทำให้เขานึกถึงหนังสือที่เคยอ่านมาว่าหมูป่านั้นแม้กระทั่งเสือร้ายยังเกรงกลัวมัน หากมันเข้าต่อสู้ด้วยแล้ว
ยังต้องเผ่นหนีแก่เจ้าหมูป่ายากจะกินเป็นอาหารได้  นอกจากลูกหมูป่าเท่านั้น    แต่นี่เขากับเผชิญกับพ่อหมูป่าเข้า
เสียแล้ว   ปกติมันจะอยู่รวมตัวกันระหว่างครอบครัวมันเท่านั้นหากลูกๆมันที่โตเต็มที่แล้วก็จะแยกจากฝูงมันไป
เขาไม่คิดจะสังหารมันด้วยสงสารว่า หากเขาทำร้ายมันก็จะต้องทำร้ายครอบครัวมันด้วย   ดังนั้นจึงส่งสัญญาณ
เสียงและมือให้เจ้าลิงทั้งสองหลอกล่อมันเสียไปทางอื่น     เมื่อเจ้าลิงทั้งสองได้รับสัญญาณดังนั้นมันจึงกระโดด
ลงมายั่วเย้าเจ้าหมู่ป่าทันที    เจ้าขนทองแสดงเป็นพระเอกก่อนแยกเขี้ยวยั่วเจ้าแล้ววิ่งหนีไปอีกทาง    ครั้นหมูป่า
เห็นดังนั้นก็ชาร์ตตัวเข้าหาเจ้าขนทองทันที  เจ้าขนทองก็รีบกระโจนขึ้นยังต้นไม้เล็กข้างห้อยเถาวัลย์ยั่วเย้ามัน 
ส่วนเจ้าขนขาวก็รับช่วงต่อจากเจ้าขนทองวิ่งตีลังกาไปต่อจากเจ้าขนทอง
    เมื่อเจ้าหมูป่าเห็นดังนั้นมันก็พุ่งร่างไปหาเจ้าขนขาว  ซึ่งก็ต่างโหนเถาวัลย์ยั่วเย้ามันสลับกับเจ้าขนทอง
ไปจนร่างหมูป่าลับหายไป   แล้วพวกมันก็กลับมาแต่   ทันใดนั้นเองระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเก็บสัมภาระ
ที่วางไว้พร้อมอาหารก็ต้อง  รีบหนีแอบที่ต้นไม้ทันที   ด้วยร่างเจ้าหมูป่าตัวเมียและลูกๆมันประมาณสามสี่ตัววิ่งไล่เข้ามาแต่มันเลยไปทางเจ้าหมูป่าตัวผู้ที่หายลับไปตามแนวป่าเบื้องหน้าทันที   ชายหนุ่มถอนใจหากเขาจะ
สังหารมันต่อไปครอบครัวมันก็จะแย่    จริงดังที่เขาคิดไว้มันต้องมีลูกน้อยที่ต้องคุ้มครองอยู่หลายๆตัว
 
       จวบจนเก็บสิ่งของได้ครบแล้วก็ออกเดินทางทันที    ขณะเดินหยอกล้อกับเจ้าลิงทั้งสองไประหว่างทางนั้น
เขาก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเสียงเจ้าหมูป่าเสียอีก    เสียงร้องแปร้นๆๆๆดังกระหึ่มไปทั่วป่าด้านหน้าเขาซึ่งกำลังเดิน
อยู่ในที่โล่งๆของลานทุ่ง   ซึ่งมีหล่มโคนตมที่สงสัยว่าเจ้าหมูป่าจะใช้คลุกตัวอยู่ก่อนที่จะพุ่งมาหาเขานั่นเอง
เสียงต้นไม้หักระเนระนาด    ปรากฏเจ้าฝูงช้างใหญ่โขลงหนึ่งต่างเดินทางมาทางเขา   สายลมพัดจากเขาไปหา
พวกเหล่าโขลงช้างมันทั้งหมดต่างหูกางโบกไปมาทันที  เจ้าจ่าฝูงมันพุ่งร่างมาหาทางเขาทั้งสาม
        ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงร้องบอกแก่เจ้าลิงทั้งสองให้วิ่งหนีทันที   ร่างของเขาวิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อเข้าไปยังป่า
ด้านหลังอีกครั้งหนึ่ง    แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักกึกด้วยป่าที่เขาผ่านมานี้กลับมีฝูงช้างอีกโขลงหนึ่งก็มุ่งมาทาง
เขาและเจ้าจ่าฝูงนั้นงามันยาวงอนแหลมคมขาวออกเหลืองๆพุ่งร่างมาทางเขา  ซึ่งเขาอยู่ระหว่างกลางพอดีทำให้
ชายหนุ่มถึงกับหยุดตลึงต่อเหตุการณ์เหล่านี้       แต่ฝูงช้างที่ออกจากป่าด้านหน้าเขาหาได้ทำอันตรายใดแก่เขาไม่
มันต่างพุ่งร่างแล้วส่งเสียงร้องก้องกังวานเลยผ่านร่างเขาไปไม่สนใจทั้งโขลงพวกช้างพลายทั้งหลายมุ่งหน้าเข้าใส่
ฝูงช้างตอนแรกกลางทุ่งทันที   ทั้งสองฝูงต่างกันเข้าต่อสู่  ระหว่างหัวหน้าฝูงต่อหัวหน้าฝูง  ส่วนช้างพลายอื่นๆก็
เข้าต่อสู้กันแยกเป็นคู่ๆหลายสิบคู่  ต่างใช้งาและงวงฟาดและแทงซึ่งกันและกันเป็นสงครามระหว่างช้างต่อช้าง   
         ทันใดเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีงวงช้างสองงวงมาสัมผัสยังร่างเขา   แล้วมันทั้งสองต่างก้มตัวงอขาหน้าลง
ชูงวงทั้งสองขึ้นร้องเบาๆ   เขาต้องเพ่งมองดูเมื่อแลเห็นบาดแผลเป็นของแม่ช้างก็จำได้ว่าเคยได้ช่วยเหลือมันไว้
ก่อนนั้นนั่นเอง  แต่เจ้าช้างน้อยบัดนี้ร่างมันจวนจะเป็นหนุ่มสูงใหญ่เป็นช้างพลายด้วย   ชายหนุ่มค่อยใจชื้นทันที
ที่แท้นั้นแม่ช้างลูกช้างได้นำโขลงช้างเหล่านี้มาช่วยพวกเขานั่นเอง    เพียงแต่เขาไม่สังเกตเห็นเท่านั้นว่านอกจาก
หมูป่าแล้วยังมีโขลงช้างกำลังหากินอยู่    เมื่อแม่ช้างที่ได้รับการบาดเจ็บไปแล้วไปหาจ่าฝูงมันและคงจะอธิบายให้
พวกมันฟังถึงการช่วยเหลือเขากับลูกช้างไว้จากอันตราย    ยามเมื่อมันแลเห็นเขากำลังได้รับอันตรายเช่นนี้จึงได้
นำพวกออกมาช่วยเหลือทันที
       การต่อสู้ของช้างสองโขลงดำเนินไปสักหลายชั่วยาม   ช้างที่เป็นจ่าฝูงของแม่ช้างลูกช้างงัดงาต่อสู้และแทง
กันจนเลือดชุ่มไปทั้งสองตัว   จ่าฝูงของช้างสองแม่ลูกก็ได้เปรียบมันงัดงายกร่างของ
จ่าฝูงช้างป่าอีกโขลงหนึ่งขึ้นลอยแล้วถอยหลังออกมา
เสียบงาแทงเข้าไปยังร่างเจ้าจ่าฝูงอีกฝูงหนึ่งที่เสียหลักตะแคงร่างหงายล้มลง   งาของเจ้าจ่าฝูงที่ช่วยเหลือเขาก็เสียบ
เข้าบริเวณหน้าท้องมันผลเลือดหลั่งออกมาพุ่งสาดไปทันที   มันก็กระหน่ำแทงแล้วแทงอีก  จนร่างเจ้าจ่าฝูงโขลง
นั้นล้มลงขาดใจตาย  
        เมื่อบรรดาเหล่าช้างที่จะเข้าทำร้ายเขาเห็นจ่าฝูงมันตายเช่นนี้ต่างก็พากันร้องก้องแล้วหันหลังหนีเข้าป่าไป
ยังที่ผ่านออกมาทันที   เสียงร้องก้องของเหล่าบรรดาช้างที่ได้รับชัยชนะกึกก้องกังวานมากแสดงถึงความยินดี
ของมัน   แล้วเดินดุ่มๆมายังร่างของแม่ช้างและลูกช้าง   ส่วนเจ้าตัวจ่าฝูงคงได้รับบาดเจ็บมากเหมือนกันเลือดมัน
ไหลออกมาเดินโซซัดโซเซเข้ามาร้องเรียกแม่ช้างลูกช้างให้ตามไป    ชายหนุ่มเห็นบาดแผลมันเหวอะหวะเช่นนั้น
ก็สงสารและคิดถึงบุญคุณที่มันช่วยเหลือเขาไว้
     จึงเข้าไปจะดูบาดแผลจ่าฝูงทันที   แต่เจ้าจ่าฝูงมันหันรีหันขวางหูผึ่งแต่เสียงร้องจากแม่ช้างและลูกช้าง
ร้องโต้ตอบให้มันรู้   นั่นแหละมันถึงสงบยอมให้ชายหนุ่มเข้าไปจับต้องได้    ครั้นแล้วชายหนุ่มก็ส่งเสียงเรียก
เจ้าขนทอง    เจ้าขนทองและเจ้าขนขาวรู้หน้าทีมันก็พุ่งทะยานหายเข้าไปในป่าสักครู่ใหญ่ๆก็หอบเอากิ่งใบไม้นาๆ
ชนิดเข้ามา  แล้วก็ลงมือเคี้ยวใบไม้นั้น  ชายหนุ่มก็ช่วยเคี้ยวด้วยแต่เขาแสดงใบหน้าแหย่เกด้วยรสชาติมันทั้งขื่นๆ
ขมๆปร่าๆอย่างไรชอบกล  แต่ก็เคี้ยวไปแล้วนำไปพอกยังบาดแผลเจ้าตัวจ่าฝูง  ส่วนเจ้าขนทองและเจ้าขนขาว
ก็ไปช่วยเหล่าช้างอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บๆด้วย   สักครู่ใหญ่อาการของช้างจ่าฝูงและบรรดาช้างที่ได้รับบาดเจ็บทุเลา
ขึ้นคงจะหายเจ็บปวดกระมัง   มันพลางงอเข่าหน้าชูงวงขึ้นร้องเสมือนแสดงความขอบใจพวกเขานั่นเอง  แล้วมัน
ก็ลุกขึ้นเดินเพื่อนำฝูงจากไป    แต่ชายหนุ่มรวบรวมใบไม้ที่เหลือส่งให้แก่ลูกช้างแม่ช้างให้ไปด้วยเพื่อใช้รักษาต่อ
ช้างบาดเจ็บอีก   ช้างแม่ลูกต่างก็แสดงความเคารพแก่เขาพร้อมทั้งเอางวงมัดกิ่งไม้ที่มีใบไม้ที่ใช้เป็นยาออกเดิน
ทางติดตามพวกจ่าฝูงซึ่งเดินหายลับเข้าไปยังป่าเบื้องหน้าต่อไป........
                   *   แก้วประเสริฐ.   *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    21 กุมภาพันธ์ 2553 15:29 น. - comment id 115128

    46.gif46.gif46.gif
    
    ศึกช้างชนช้าง
    
    36.gif36.gif36.gif
    
    ที่หนึ่งอีกแล้ว...อิอิ 21.gif
    
    สงสัยฉางจะนอนอืดอยู่ค่ะ20.gif
  • กิ่งโศก

    21 กุมภาพันธ์ 2553 18:54 น. - comment id 115129

    ขอที่สองก้อล่าย  คุงฝน  ฉางสงสัยไม่ตื่น
    
    ..สนุกครับครู..
  • แก้วประเสริฐ

    22 กุมภาพันธ์ 2553 11:52 น. - comment id 115153

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
          ไม่รู้ซิครับคุณฝน แถวหน้าอีกแล้วขอบใจ
    มากนะจ๊ะรักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    22 กุมภาพันธ์ 2553 11:54 น. - comment id 115154

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
        ศิษย์รัก  ครูคิดว่าอีกไม่นานหรอกก็จะออก
    จากป่าแล้วล่ะ  ติดตามต่อไปนะรักศิษย์เราเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน