อทิสมานกาย ๒

แก้วประเสริฐ

a22678c7c22.gif76.gif
                                 อทิสมานกาย  ๒
     มือที่ยื่นออกมาบัดนี้มันขยายใหญ่   เท่าใบตาลทั้ง 4 ใบ มุ่งหมายมาคว้าร่างกายชายหนุ่มที่ทรุดกายนั่งอย่าง
ทอดอาลัยตายอยาก ด้วยหมดหนทางจะต่อสู้  มันช่างอ่อนเปลี้ยหมดเรี่ยวแรงไปจริงๆ   เขาแหงนหน้ามองมัน
  ตาทั้งสองข้างของเขาเบิ่งโพลงกว้าง  สติสัมปชัญญะจวนจะดับวูบอยู่รอมร่อ  พร้อมเสียงร้องโหยหวน
     โบ๊วๆๆๆ......โบ๊วๆๆๆๆ!!!!.....ของเจ้าหมาภายในวัดส่งเสียงร้องรับกันเป็นช่วงๆ  มิยอมหยุดกับส่งเสียงดัง
ก้องกังวานมากยิ่งขึ้น  มีบางตัวบ้างเห่ากระโชกๆ  อากาศเริ่มที่หนาวเย็นของคืนข้างแรมแผ่เยือกเย็น ได้ยินเสียง
น้ำค้างหยด แปะๆ จากใบไม้ริมข้างทาง  ตัวของชายหนุ่มเปียกโชกด้วยละอองของน้ำค้าง 
แต่ร่างกายเขากับผสมเหงื่อไหลแตกซ่านไปทั่ว   ร่างสั่นสะท้านไหวเอนไปๆมาๆ มือไม้แขนขาอ่อนไปหมด
   
  แสงของพระจันทร์เริ่มหายๆไปด้วยเมฆมาบดบัง ทำให้บริเวณนั้นมืดครึ้ม  นอกจากแสงของไฟฉายที่เขาทำล่วง
หล่นห่างจากร่างชายหนุ่ม  แต่แสงของมันเพียงทอดต่ำไปกระทบต้นโคนไม้ใหญ่ที่ปกคลุมกิ่งก้านใบเท่านั้น   
แต่ทว่าร่างของเจ้าผีร้ายสี่ตนยังแลเห็นยืนเป็นสีขาวโพลนท่ามกลางพุ่มไม้ที่มืดมิด  บนถนนนั้นผีร้ายสองตัวร่างก็
นอนทอดร่าง ขวางถนนที่ขรุขระบางเป็นหลุมบ่ออันเกิดจาก วัวควายเกวียนหรือล้อมอเตอร์ไซค์  ร่างนั้นก็ขาว
โพลงเช่นเดียวกัน    ร่างชายหนุ่มสั่นระริกๆราวกับจะเป็นไข้  วูบหนึ่งของสติทำให้เขารำลึกนึกถึงคำของพ่อที่ก่อน
ที่ปู่จะสิ้นใจ  พร่ำกล่าวบอกหนทางแก่ปู่ เขานั่งเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ  ปู่นอนทอดกายบนเสื่อกระหนาบด้วยพ่อแม่เขา  
         พ่อๆๆ....พระอรหังนะพ่อ  พระอรหังๆๆๆ   เสียงปู่ พึมพร่ำเบาๆพอสิ้นคำอรหังปู่ก็หมดลมหายใจไป ตอนนั้น
เขามีอายุราวสิบกว่าขวบได้ยินคำนี้   แล้วยังถามพ่อว่า พระอรหังหมายหมายความว่าอะไรหรือพ่อ?????......
        พ่อหันมามองนัยน์ตาแดงกล่ำมีหยาดน้ำตาไหลย้อยเป็นทาง กล่าวเบาๆว่า เป็นพระจ๊ะลูก พระที่พ้นจากกิเลสแล้ว
เขานึกคำๆนี้ได้  ก่อนที่สติเขาจะดับวูบหายไป เขาจึงกล่าวคำที่พ่อเคยสอนปู่ไว้   เสียงพล่าๆด้วยลำคอตีบตันน้ำเสียง
ออกมาเพียงเบาๆ  พุทโธ  ธัมโม สังโฆ  ช่วยลูกด้วย แล้วกล่าวตามคำพ่อที่เคยสอนปู่  ซึ่งเขาจำได้อย่างแม่นยำ ด้วย
มักจะท่องเล่นเสมอๆ  จนพ่อแม่เขาต้องห้ามว่า  
      เฮ้ยๆๆๆไอ้โชติๆ...  พ่อแม่มึงยังไม่ตายนะมึงจะท่องห่าเหวอะไรล่ะ??... 
คำนี้เขาใช้บอกสำหรับคนตายเท่านั้น  เสียงแม่ตวาดมาอย่างฉุนเฉียว 
เขานึก... อะไรๆแค่กล่าวคำนี้ก็ไม่ได้ทีพระท่านพูดคำๆนี้   ไม่เห็นพ่อแม่โมโหเลยนี่นา   
แต่เมื่อเขาเกิดชอบคำๆนี้ก็เลยท่องไว้เพื่อจดจำ   เขาจึงไม่ค่อยจะเข้าใจทำไมพ่อแม่เขาจึงห้ามเขาท่อง 
 แต่บัดนี้เขานึกขึ้นมาได้  ดังนั้นเขาตะโกนเสียงเท่าที่เสียงเขาจะดังได้ มันสั่นระริกๆ  พระอรหังๆๆๆ  
เขาท่องไปเรื่อยๆพลางรวบรวมสมาธิเท่าที่จะมีหลับตาท่องๆไป ด้วยไม่อยากจะเห็นมืออันน่าเกลียดน่ากลัว
ที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก แขนนิดเดียวแต่ฝ่ามือมันช่างใหญ่โตมโหฬารนัก ยิ่งใกล้ๆยิ่งใหญ่มากขึ้นๆ
เขาหลับตาปี๋บ้าง บางครั้งก็ลืมตาบ้างคิดว่าจะวิ่งหนีมันแต่ทำไมเรี่ยวแรงเขาหายไปหมดสิ้น......
       มือที่ใหญ่โตทั้งสี่กลับชะงักไม่อาจล่วงเข้ามาถึงตัวเขาในระยะห่างไม่เท่าไหร่    เสียงมันร้องลั่นโหยหวน 
กรี๊ดๆๆๆ!!!!!!........ เขาลืมตาขึ้นมองเห็นมือทั้งสี่ของมันปรากฏมีเปลวไฟพวยพุ่งไหม้มือมัน
เมื่อมือมันยื่นมาใกล้ๆตัวเขา  ร่างมันเริ่มเตี้ยลงๆ....แล้วค่อยๆจางหายไป  ด้วยไฟที่ไหม้มือมันลุกลาม
ไปยังร่างมันทีละน้อย ที่ละน้อยกอไผ่ที่ขวางถนนนั้นกลับหายไป    
        ความมืดยังปกคลุมบริเวณที่เขาอยู่  แม้ไฟฉายจะอยู่ห่างจากเขาไม่เท่าไหร่นัก  แต่เขาหมดเรี่ยวแรงที่จะไปเก็บ
มันได้  นอกจากนั่งมองมันตัวสั่นขนลุกชันไปทั่วทุกขุมขน   เขาหอบหายใจยาวๆเหมือนหนึ่งวิ่งมาเสียหลายกิโล
เสียงสัตว์นาๆชนิดกลับส่งเสียงระงมขึ้นอีกวาระหนึ่ง   เมื่อสักครู่นี้เสียงเหล่านี้มันหายไป  แต่หมาเจ้ากรรมในวัด
ก็ยังหอนเป็นทอดๆอยู่    ครั้นสติตั้งได้เป็นปกติแล้วเขาก้มลงกราบที่พื้นดินพลางรำลึกนึกถึงคุณพระคุณเจ้าที่มา
ช่วยเขาให้นึกคำที่พ่อบอกได้เสียก่อน   
         มิฉะนั้นเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เขาไม่คิดจะกลับบ้านอีกแล้วนึกว่าอย่างไรผีก็คงจะไม่เข้าไปในโบสถ์ได้ดัง
คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังเสมอๆ  เขาคิดว่าจะอาศัยนอนหน้าโบสถ์ก่อนจนกว่าจะสว่างแล้วค่อยเข้าไปบ้าน มิฉะนั้น
เขาอาจจะพบอะไรอีกที่เขามิมีทางจะต่อสู้ได้   พอหันไปในวัด เห็นกุฎีพระต่างจุดไฟกันเป็นแถวเสียงพระท่านตื่น
ขึ้นมาสวดมนต์กันใหญ่    เสียงสวดมนต์ดังลั่นไปหมดเขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาเสียงสวดมนต์ของพระท่านทำให้เขา
         เกิดพละกำลังขึ้นอย่างประหลาด  เขาหันไปเก็บไฟฉายและพาดกระเป๋าดังเดิม ตอนนั้นทั้งกระเป๋ามันหลุดไป
จากตัวเขาได้อย่างไรก็ไม่รู้      นึกสิ่งที่พบเห็นก็จึงขยาดหวาดหวั่นยิ่งนัก  เมื่อจัดการของเรียบร้อยแล้วเขาหาทางเข้า
ไปในตัววัด เดินไปวิ่งไปความคิดที่จะนอนหน้าโบสถ์ถูกเปลี่ยนกะทันหัน  เขาวิ่งไปยังกุฎีเจ้าอาวาสที่ไม่ห่างจาก
โบสถ์เท่าใดนัก   ครั้นไปถึงหน้ากุฎีเห็นหลวงพ่อยืนคอยต้อนรับอยู่แล้ว
        เขาก้าวขึ้นไปบนบันไดพอถึงตัวหลวงพ่อก็ก้มลงกราบที่เท้าท่านพลางกล่าวว่า
    หลวงพ่อจำผมไม่ได้หรือขอรับ  กระผมไอ้โชติศิษย์หลวงพ่อไงล่ะ
 หลวงพ่อยกเทียนขึ้นส่องใบหน้าเขา  พลางกล่าวว่า
     เออ????.....กูจำไม่ได้ว๊ะ  กูมีลูกศิษย์หลายๆคน.....เสียด้วยซินะแล้วมานี่ได้อย่างไรล่ะ???...
     อ้าวๆ????....ก็ไอ้โชติที่ติดตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตไงล่ะ พอจะนึกออกไหมครับหลวงพ่อ
     เอ๊ะๆๆ???....งั้นมึงลูกไอ้เชียรหลังวัดใช่ไหมว๊ะ???......
     ใช่แล้วครับ  ผมลูกพ่อเชียรที่มาถือศีลในวัดนี้ประจำ  แต่ผมไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯและทำงานที่นั่นไม่ได้กลับมา
หลายๆปีแล้วครับหลวงพ่อ  พอมาก็ค่ำมืดเสียแล้วเลยเจอผีมันเล่นงานผมครับหลวงพ่อ
      บุญยังคุ้มหัวมึงนะไอ้โชติ  แล้วมึงรอดมาได้อย่างไรล่ะ  กูได้ยินเสียงพวกมันแล้วจึงขึ้นมาสวดมนต์ปลุกลูกวัดให้
มาสวดมนต์แผ่กุศลให้มัน  แต่มันแปลกว๊ะมันไม่ยอมรับกุศลที่กูแผ่ให้มันเลย สงสัยมันจะกรรมหนักมากนะ..หลวงพ่อ
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า  หลวงปู่ทองเอ่ยขึ้น
      ผมเองก็เกือบตายเหมือนกันครับหลวงพ่อ มือมันจะมาคว้าตัวผม มือมันใหญ่เท่าใบลาน แต่ตัวผอมเห็นแต่หนังหุ้ม
กระดูกสูงชะลูด  นึกถึงคำพ่อบอกแก่ปู่ก่อนจะตาย ว่าพระอรหังๆ  ผมเองสติแทบแตกเลยล่ะ  ดีนะนึกคำนี้มาได้จึงได้
ขอคุณพระคุณเจ้าช่วยเหลือ แล้วท่อง พระอรหังๆๆ ครับหลวงพ่อ
       พอผมท่องไปหลับตาไปลืมตาไปมือมันเข้ามาใกล้ตัวผมแต่ห่างประมาณสองสามวาเห็นจะได้มันร้องลั่นเลยครับ
ไม่รู้มันไปโดนอะไรเข้าผมก็มองไม่เห็น  แต่มือมันซิไฟไหม้มือลุกโชนเลยครับ     ชายหนุ่มเล่าให้หลวงพ่อฟัง
พอไฟก็ลุกไหม้ท่วมมือมันลามไปหามัน   มันก็จางหายไปทั้งสี่ตัวแหละครับ  ผมนั่งพักตั้งสติได้ก็เก็บของแล้วโกยมา
ด้วยเห็นกุฎีจุดไฟสวดมนต์อยู่ ทำให้ผมใจชื้น ตอนแรกคิดจะไม่กลับบ้านจะนอนที่หน้าโบสถ์แล้ว  เมื่อเห็นไฟตาม
กุฎีก็รีบแจ้นมาหาหลวงพ่อนี่แหละครับ
     เออๆๆๆมันทำร้ายคนมามากจนไม่มีใครกล้าเดินกลางคืนทางนี้มานานแล้ว  หลวงพ่อไม่อยากทำมันสงสัยมัน
สร้างกรรมสร้างเวรมามาก  ทั้งๆที่ภพต่อไปต้องเป็นสัตว์เดรัจฉานสบายกว่าเป็นเปรตมากนัก
แม้ตายเป็นเปรตก็ยังไม่รู้สำนึกผลเวรกรรมของมัน  ไอ้สี่ตัวนี้มันร้ายนักเห็นทีจะเอาไว้ไม่ได้เสียแล้วแต่ก็ไม่อยาก
จะผิดศีลในเรื่องนี้นะ
      อะไร????....  เปรตหรือขอรับหลวงพ่อ???....
      เออๆๆ...ที่มึงพบนี่แหละเปรตล่ะ ก่อนตายมันทุบตีพ่อแม่ แล้วทำร้ายไม่พอยังฆ่าพ่อแม่มันอีก มันพ้นจากขุมนรก
มาเป็นเปรตนึกว่าจะมาเที่ยวขอส่วนบุญเพื่อจะได้ไปเกิดใหม่ หน๋อยแน่มันกับสร้างเวรเพิ่มอีก  คงไม่นานมันต้องกลับ
ไปขุมนรกอีกล่ะ ตอนแรกหลวงพ่อก็สงสารมันไปขอร้องมัน  มันไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น ครั้นจะจับมันหรือก็เกรงบาป
กรรม ก็ต้องคอยบอกแก่ชาวบ้านให้ระวังตัวไว้เอาเอง    ดีนะมีแม่ตะเคียนคอยช่วยเหลือชาวบ้านอยู่จึงค่อยยังชั่ว
        งั้นคืนนี้มึงนอนหน้าห้องกู รับรองมันไม่กล้าเข้ามาภายในวัดนี้หรอก       หลวงพ่อกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มกราบหลวงพ่ออีกครั้งแล้วเดินตามหลังท่านไป
    เขาเดินไปนึกคำหลวงพ่อไป....แม่ตะเคียนคอยช่วยเหลือชาวบ้าน  เอ๊ะๆหรือหญิงสาวที่เขาเจอหรือเปล่านะชักสงสัย
แต่ก็ต้องทิ้งความคิดนี้เสียกลางคัน  ด้วยเสียงหลวงพ่อหันมากล่าวกับเขา
       เออๆๆมึงนอนตรงนี้เดี๋ยวกูจะไปเอาหมอนผ้าห่มมาให้  มุ้งไม่มีนะโว้ยกูไม่เคยใช้มุ้งเลย ใช้แต่กลดเท่านั้น
มึงก็เอาจีวรของกูทำเป็นกลดก็แล้วกัน นี่เชือกมึงก็ทำเป็นนี่นาเคยเป็นลูกศิษย์วัดมาก่อน
      เป็นครับหลวงพ่อ      ชายหนุ่มกล่าวพร้อมยกมือไหว้พนม
      งั้นมึงรอเดี๋ยวนะ......      
แล้วหลวงพ่อก็เดินเข้าห้องไป  สักครู่ใหญ่ๆ นานพอสมควร  
  เสียงขลุกๆขลักดังภายในห้อง  สักพักใหญ่หลวงพ่อก็เดินหอบของพะรุงพะรัง มีหมอน ผ้าห่มแล้วจีวรเก่าๆ ส่วนเชือกท่านมอบให้ก่อนแล้ว  เดินออกมาส่งให้แก่ชายหนุ่ม พลางกล่าวว่า.....
      เดี๋ยวกูก็จะทำสมาธิอีกหน่อยแล้วก็จะจำวัดล่ะ  มึงไม่ต้องห่วงอะไรหรอกนะไม่ต้องกลัว  นี่แน๊ะมึงเอาสร้อยที่กู
พึ่งทำเสร็จเมื่อกี้นี้เอง  สวมคอไว้ด้วยนะไม่ต้องถอดแม้มึงจะเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องถอด ของกูมันไม่เสื่อมหรอก
ยกเว้นอย่างเดียวอย่าไปยุ่งกับผู้หญิง 
 เมื่อยุ่งก็ถอดใส่กระเป๋าเสื้อไว้ก็แล้วกัน หลวงพ่อสั่งเขาไว้ ก่อนจะดินเลี่ยงเข้าห้องไป
         ครับหลวงพ่อ..........  ชายหนุ่มก้มลงกราบก่อนที่หลวงพ่อจะเดินหายไป
เขานำไฟฉายมาส่องเห็นสร้อยนั้นทำด้วยผ้าจีวรถักคล้ายหางเปีย  ที่เด็กหญิงมักถักไว้ข้างหลังเสมอ  แต่มีรอยเขียนยันต์
ด้วยหมึกสีดำพันเป็นเกลียวอยู่ด้วยร้อยด้วยพระองค์หนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมนั่งขัดสมาธิ   เขายกมือขึ้นจบอธิษฐานขอคุณ
บารมีจงช่วยคุ้มครองเขาด้วย  แล้วค่อยสวมใส่ที่คอเขา    แล้วไปจัดการทำมุ้งโดยรวบชายจีวรตลบรวมกันนำเชือกที่
หลวงพ่อให้มาผูกเป็นปม  หันไฟฉายไปที่หลังคากุฎีซึ่งไม่สูงมากนัก   เขาเหวี่ยงเชือกลอดขื่อห้องปลายผูกเป็นสอง
ท่อน  ท่อนแรกเป็นปม แล้วอีกท่อนผูกกับจีวร   พอที่เวลาเลิกใช้จะได้จัดการเก็บได้สะดวกครั้นเรียบร้อยแล้วก็เข้า
ไปแหวกที่ช่อง  จัดการขยายนำสัมภาระมาวางกันเป็นอาณาเขตพออาศัยนอนได้ เป็นอันเสร็จ
       เขาเข้าไปนอน แต่นอนไม่หลับด้วยความตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาหยกๆ   เขาพยายามท่องพระอรหังๆหวัง
จะให้หลับ  ยิ่งท่องกลับยิ่งไม่หลับแต่จิตใจเขาสงบมากขึ้นเท่านั้น  จึงลุกขึ้นค้นหาบุหรี่กับไฟแช๊ค เดินไปยังใกล้
บันได  จัดไฟสูบหรี่ดับความเครียด  ทอดสายตาไปยังลานกว้างทีเชื่อมต่อระหว่างกุฎีกับโบสถ์   ซึ่งเป็นลานใช้สำหรับ
จัดงานเวลาออกพรรษาเพื่อให้ชาวบ้านมาทำบุญตักบาตรเทโวกัน
      แสงจันทร์แรมต้นๆเริ่มส่องแสงสว่างชัดเจนแผ่กว้างทั่วลาน ด้วยไม่มีต้นไม้เป็นลานดินเรียบๆ  ทันใดนั้นเขาก็ต้อง
สะดุ้งสุดตัวตาค้าง บุหรี่หล่นจากมือทันที  สิ่งที่เขาแลเห็นในลานกว้างๆนั้น กับเห็นเด็กผมจุกหลายๆคนมีทั้งเด็กชาย
เด็กหญิง กำลังวิ่งเล่นกัน บ้างแยกเป็นกลุ่ม บ้างกำลังกระโดดเชือก บ้างเล่นงูกินหาง  บ้างเล่นตั่งเต  ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างสนุกสนานกันทั่ว
        ตัวเขาเริ่มชาและสั่น เขารีบคว้าสร้อยพระที่หลวงพ่อให้มากำไว้ในมือทำให้จิตใจเขาสงบเยือกเย็นด้วยใจชื้นทันที
เสียงเรียกจาก   พวกเด็กๆหันหน้ามามองทางเขา    พลางกวักมือเรียกเขาเสมือนชวนเขาไปเล่นด้วย  เสียงดังลอยผ่านมา
       น้าจ๋าๆๆ....มาลงมาเล่นกับพวกหนูด้วยซิจ๊ะ    เสียงนั้นเยือกเย็นยิ่งนักแต่มันทำให้ใจเขาสะท้านเย็นเยือกทันที แต่
บัดดลไออุ่นจากสร้อยพระแผ่ซ่านมาทั่วร่างกายเขาด้วยทำให้เกิดความอบอุ่นแก่เขาแทนความหนาวเย็นนั้นๆ
       เด็กๆบางคนวิ่งมาหาเขาที่หน้าบันได แต่ไม่กล้าขึ้นมา
     น้าจ้า....ไม่ต้องกลัวพวกหนูหรอก   พวกหนูเป็นคนดูแลภายในบริเวณวัดเป็น ลูกหลานหลวงพ่อทองจ๊ะ  
เสียงนั้นกล่าวขึ้น   เมื่อก่อนนั้นน้าก็เคยอยู่กับพวกหนูนี่นาหนูยังไปนอนกับน้าอยู่เลย  แต่น้าหายไปนานจริงๆ แต่หนู
จำน้าได้   เห็นน้าเจอพวกเปรตมันจะเข้าไปช่วยน้า   แต่ว่าหนูสู้มันไม่ได้ก็ไปบอกหลวงพ่อท่านให้มาช่วยน้าจ๊ะ
       ครั้นชายหนุ่มได้ยินพวกเด็กกล่าวเช่นนี้    ความหวาดกลัวค่อยจางหายไป
 แต่ก็ยังกลัวอยู่      จนกระทั่งพวกเด็กๆคล้ายจะรู้ใจเขา  จึงกล่าวว่า
        น้าไม่ต้องกลัวหนูหรอกจ้า เราพวกเดียวกัน ถึงหนูไม่ใช่คนก็ตาม  แต่พวกหนูคอยช่วยเหลือคนจ๊ะน้าหลวงพ่อ
ท่านคอยอบรมสั่งสอนเสมอ  หากเป็นพวกผีธรรมดามันจะกลัวพวกหนูจ๊ะ  มาเถอะไม่ได้เจอกันเสียนานมาเล่นกับ
พวกหนูด้วยกันนะจ๊ะน้า
        เขายิ้มให้กับคำพูดที่ไพเราะแต่เยือกเย็นนักว่า
    ไม่หรอกจ้าน้าเหนื่อยเหลือเกิน  ไว้โอกาสหน้าหากมานอนกับหลวงพ่อก็จะไปสนุกกับพวกหนูนะ
     จ๊ะไม่เป็นไรรอกจ๊ะน้าหนูเข้าใจ  งั้นหนูไปเล่นกับพวกก่อน  อ้อๆๆเดี๋ยวหนูเรียกพวกหนูให้มารู้จักน้าไว้นะจ๊ะ
พลางเด็กตนนั้นก็เรียกพวกทันที    พร้อมกับมีเด็กทั้งหญิงและชายต่างวิ่งกันมาแล้วยืน  เขานับได้ประมาณสิบกว่าตน
เห็นจะได้  ต่างยกมือไหว้เขาและแนะนำตัวกันทุกๆคน  มีคนหนึ่งถามเขาว่าชื่ออะไร  เขาจึงกล่าวว่า
       น้าชื่อโชติจ้า  ชื่อเต็มว่า วีระโชติ
  ชื่อเพราะจังเลยนะพวกเรา  เด็กหญิงค่อนข้างจะเป็นสาวรูปร่างใบหน้าสวยงามสูงเพรียวสูงใหญ่กว่าทุกๆตน
อายุอานามคงเกือบยี่สิบหรือไม่ก็กว่ายี่สิบเล็กน้อยเห็นจะได้   พลางกล่าวว่า
       อุ๊ยๆๆ....รูปหล่อเสียด้วย  รูปร่างก็งดงามไม่เห็นเหมือนชาวบ้านแถวนี้เลยนะ ตัวข๊าว ขาว
   แหม๋ๆอยากเป็นแฟนน้าจังเลยนะ ถ้าเป็นแฟนฉันรักตายเลยล่ะ จริงๆนะ.....
     จะบ้าหรืออีอ้อย???.....   เด็กผมจุกกล่าว เอ็งเป็นสาวเป็นนางโตแล้วนะ  พูดล้อเล่นกับน้าเขา
แบบนี้ได้หรือเขาเป็นหนุ่มแล้วนา   เดี๋ยวแฟนเขาก็ตบเอาหรอกกูไม่ช่วยมึงนะ เป็นผีก็อยู่ส่วนผีซิโว้ย......
     เด็กสาวหันไปค้อนเด็กที่กล่าว แต่ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง   ชายหนุ่มคิดว่าเด็กคนนี้คงจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเด็ก
กระมัง  จึงกล้าพูดเช่นนี้ทั้งๆที่ตัวก็เล็กกว่ากันแยะ   ดังนั้นเขาจึงถามว่า
          อ้าวแล้วใครล่ะเป็นหัวหน้ากลุ่มพวกหนูๆนะ
ผมเองแหละครับน้า  ผมไอ้จุกหลวงพ่อท่านให้เป็นหัวหน้าคอยดูแลควบคุมไว้จ้า
         งั้นหรือน้าก็คิดเหมือนกัน  เห็นเด็กๆเชื่อฟังหนูคนเดียว
         จ๊ะน้า....งั้นหนูไปขอเล่นกันก่อนนะ วันนี้แสงจันทร์สวยจังเลย ลานก็สว่างเสียด้วยซี
 
             ใช่ซินะคืนนี้พระดวงจันทร์ยังเต็มดวงอยู่เพียงแค่แหว่งนิดเดียว เพราะเริ่มข้างแรมต้นๆ   ชายหนุ่มกล่าวขึ้นว่า
        ไปเถอะจุกไปเล่นน้าจะคอยมอง เดี๋ยวก็จะเข้านอนแล้วล่ะ  ว่างๆไปเยี่ยมน้าบ้างนะ บ้านน้าอยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละ
บ้านพ่อเชียร  แม่เข็มไงล่ะ......
        อ้อบ้านพ่อเชียรแม่เข็มหรือ  ท่านใจดีนะน้า   ทำบุญเก่งและมักแผ่บุญมาให้พวกหนูเสมอๆแหละจ้า 
เอ๊ะๆๆๆ....พ่อเชียรแม่เข็มก็เก่งคาถาอาคมนี่นา   ทำไมน้าไม่ร่ำเรียนกับพ่อแม่น้าล่ะ???.....
       น้าไม่ค่อยชอบจ้า  ชอบเรียนหนังสือเท่านั้น  เห็นทีคราวนี้จะขอเรียนกับพ่อแม่บ้างล่ะ
        หลวงพ่อทองท่านก็เก่งมากและพ่อเชียรก็มาร่วมกันศึกษาวิชาอาคมด้วยกัน เรียกว่าเก่งกันทั้งคู่เลย แหม๋น่าเสียดาย
น้าเป็นลูกทั้งทีน่าจะมีวิชาบ้าง  ไม่อย่างนั้นพวกเปรตมันคงทำอะไรน้าไม่ได้หรอกจ้า  หนูไปล่ะ คืนนี้จะคอยระวังน้า
ให้นะ  น้านอนตามสบายเถอะจ้า  แล้วจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ???.....     เด็กผมจุกถาม
       คงอีกประมาณเดือนหนึ่งจ๊ะ  ลางานเขาได้เดือนหนึ่งด้วยน้าไม่เคยลาพักร้อนเลยล่ะ เลยรวบรวมพักเสียทีเดียวด้วย
บ้านอยู่ไกลๆ  คิดว่าจะมาหลายๆวันหน่อย   หนูไปเล่นตามสบายเถอะเดี๋ยวน้าก็จะนอนแล้ว      ชายหนุ่มกล่าวตอบ
       แปลกจริงๆเขาสนทนากับพวกเด็กๆอย่างไม่หวาดกลัวหรือว่าเขากลัวจนหายกลัวเสียแล้ว  แต่นี่ทั้งๆที่รู้ว่าเด็ก
พวกนี้เป็นผีเด็กก็ตามความสนิทสนมในใจกับมีมากด้วย  อาจจะคงคุ้นเคยมาก่อนเก่าก็เป็นไปได้
  แต่สภาพก็เหมือนคุยกับเด็กๆทั่วๆไป............
                                                 * แก้วประเสริฐ. *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    30 ตุลาคม 2553 20:28 น. - comment id 119728

    เหตุการณ์เริ่มน่าสะพึงกลัวเพิ่มขึ้นครับครู..
    
    อทิสมานกาย..ผมไปหาความหมาย แปลว่า วิญญาณ หรือจิต ประมาณนั้นใช่ไหมครับ
  • แก้วประเสริฐ

    30 ตุลาคม 2553 21:40 น. - comment id 119732

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
          คำว่า อทิสมานกาย  คือ วิญญาณหรือ
    จิตวิญญาณ  เมื่อคนเราทิ้งร่างกาย  ก็เกิดทัน
    ที เรียกว่า อทิสมานกาย  จะเกิดดับเกิดดับ
    ไปด้วยผลแห่งกรรมที่สร้างไว้ หากยังไม่ถึง
    เวลาที่จะตาย อทิสมานกายก็จะเร่ร่อนไป
    เรื่อยๆ ยังไม่เกิดดับตามเวรกรรมที่สร้าง
    เช่นพวกตายอย่างกระทันหันเป็นต้น วิญญาณ
    ก็จะเร่ร่อนไป อทิสมานกายในรูปแบบ
    หลายๆอย่าง ซึ่งอยู่ถัดมนุษย์ไปชั้นหนึ่ง
    ติดกับมนุษย์  หากเสวยกรรมแล้วย่อม
    ไปแนวแห่งกรรมนั้น กรรมชั่วก็จะมีคน
    ครูเรียกว่าคนดีกว่าจะเข้าใจง่าย เช่น
    พวกยมฑูต พวกนิรยบาล  ยมฑูตมีหน้าที่
    คอยรับวิญญาณที่ถึงวาระสิ้นกุศลเป็น
    มนุษย์ พวกนิรยบาลจะมีหน้าที่ลงทัณฑ์
    ตามกรรมนั้นๆ  หากเสวยกรรมดีก็จะมี
    เทวดามาคอยรับไปสู่กรรมที่สร้างจะดี
    มากหรือน้อยก็แล้วแต่ผลบุญ อทิสมาน
    กายที่ใกล้ชิดมนุษย์ที่สุดได้แก่จำพวก
    จตุรโลกบาลทั้งสี่ ซึ่งมีลูกน้องเสวยกรรม
    ดีและวิญญาณเร่ร่อนอยู่ไปต่างๆกัน 
    อทิสมานกายจะเกิดดับๆไปตามภพภูมิ
    ของตัวตามกรรมที่สร้างไว้ บ้างก็หยุดแค่
    ภพนั้นๆบ้างก็ดับไปสู่อีกภพหนึ่งที่สูงขึ้น
    จะเกิดดับไปเรื่อยๆจนถึงสิ้นสุดแห่งกรรม
    ดีที่มนุษย์สร้างเอาไว้ หากเป็นคนที่ไม่
    บรรลุอรหัตผลแล้ว สูงสุดคือชั้นพรหม
    ชั้้นพรหมยังแบ่งเป็นสองจำพวก เช่น
    มารพรหม ได้แก่พวกที่เห็นใครดีกว่าตัว
    ไม่ได้ที่เคยมารบกวนพระพุทธเจ้า อีก
    พวกหนึ่งเรียกว่าเทวบุตรพรหม จะคอย
    ช่วยเหลือผู้ที่ใฝ่แต่ความดี  แม้จะพรหม
    เหมือนกันแต่จิตวิญญาณต่างกันมีการ
    เสวยอายุนานมากที่สุดในจำพวกเทวดา
    ทั้งหมด แต่ก็ต้องลงมาใช้กรรมเหมือน
    กัน  แบ่งออกเป็นสามจำพวก
    1) สวรรค์
    2) มนุษย์
    3) นรก
        พวกอทิสมานการดั่งกล่าวนั้น สัตว์
    เดรัจฉาน  เปรต ก็ถือว่าเป็นพวกสัตว์
    นรกและพวกเทวดาที่ใกล้ชิดมนุษย์
    
    ที่สุัดได้แก่พวกนางไม้ พวกเทวดาประจำ
    บ้านเรือน   บ้างก็มีที่อาศัยบ้าง บ้างก็ไม่
    มี อาศัยตามต้นไม้บ้าง ส่วนใหญ่แล้ว
    จะชอบอยู่ต้นไม้ใหญ่ที่มีกลิ่นหอมเป็นต้น
            ส่วนวิญญาณที่ไม่ถึงที่ตายที่เรา
    เรียกว่าผีนั้นจะเร่ร่อนไปทั่วมีทั้งดีและชั่ว
    ตามอุปนิสัยของแต่ละคน แต่ไม่ถึงวาระ
    จะสิ้นบุญในโลกมนุษย์ด้วยกรรมหนักที่
    สร้างไว้มากกว่าส่วนบุญของเป็นมนุษย์
    ได้แก่ พวกผีตายโหงเป็นต้นทั้งหญิงและ
    ชาย   จำพวกนี้ไม่มีศีลธรรมตามแต่อุปนิสัย
    ของจิตที่ก่อไว้  เอาเพียงเท่านี้ก่อนนะ
       รักศิษย์เราเสมอ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    31 ตุลาคม 2553 08:18 น. - comment id 119735

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
              ศิษย์รักครูลืมแยกวิญญาณให้ฟังอาจ
    จะงง
    
    อทิสมานกาย คือวิญญาณจำพวกเทวดา
    ชั้นต่ำที่อยู่ติดกับมนุษยโลกเรา เป็นบริืวาร
    ของ ท่านท้าวจตุรโลกบาลทั้งสี่ ที่ไม่เคย
    ได้สร้างผลกุัศลเกี่ยวกับการสร้างวิหารโบสถ์
    เป็นต้น  จึงไม่มีที่อยู่อาศัย จึงอาศัยตามต้นไม้
    ภูเขา ถ่ำเป็นต้น
    
    สัมพเวสี คือวิญญาณที่เร่ร่อน และยังไม่
    ถึงที่ตาย อย่างพวกผีทั้งหลาย เช่นผีตายโหง
    ผีที่ผู้มีอาคมนำไปเลี้ยงดู จ๊ะ
    
                 รักศิษย์เราเสมอ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    31 ตุลาคม 2553 08:21 น. - comment id 119736

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
              ศิษย์เราลองหัดแต่งจำพวกนิยายหรือ
    เรื่องสั้นที่เป็นเรื่องราวบ้าง ก็จะได้ความคิด
    อ่านกว้างไกลด้วยนะ  ว่าจะบอกในกระทู้บน
    ครูลืมไปจ้า  รักศิษย์เรามากเสมอ
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ช่ออักษราลี

    3 พฤศจิกายน 2553 05:50 น. - comment id 119845

    มาติดตามอ่านเรื่องผีๆค่ะ
    จะไม่อ่านตอนตะวันตกดินไปแล้ว
    เป็นอันขาด บรื๋ออออออออ
  • แก้วประเสริฐ

    4 พฤศจิกายน 2553 00:44 น. - comment id 119861

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ช่ออักษราลี
    
             ครูว่าหากจะอ่านให้ได้รสชาติควรจะ
    อ่านหลังเที่ยงคืนไปจะได้อรรถรสมากกว่า
    จ๊ะ  รักศิษย์เราเสมอ
    
                      16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • อนงค์นาง

    4 พฤศจิกายน 2553 11:11 น. - comment id 119864

    เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะครู 
    รอให้ผ่านวันฮาโลวีนไปก่อน อ่านแล้วกลัว คงไม่กล้าเดินผ่านวัดตอนกลางคืนค่ะ 
    
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    4 พฤศจิกายน 2553 15:07 น. - comment id 119866

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ อนงค์นาง
    
             อย่าไปกลัวเลยหากเราสร้างกรรมดี
    ไว้ย่อมจะไม่พบ จงอย่ากลัวหากพบเขาก็
    เพียงมาขอส่วนผลบุญเรา เราก็แผ่เมตตา
    ให้แก่เขาก็สิ้นเรื่อง หากเขาไม่รับครูจะบอก
    คาถาให้คิดว่าให้รวบรวมสติตั้งมั่นนึกถึง
    คุณพระรัตนตรัย ตั้งนะโม 3 จบ บูชาคุณ
    พระรัตนตรัย และครูอาจารย์รำลึกนึกถึง
    ท่านท้าวจตุรโลกบาลทั้งสี่ โดยเอ่ยนามก็ได้
         ด้วยเสียงดังๆ
    
    1) ท่านท้าวธตรัฐตะมหาราช สักกาเรนะจงมาช่วยลูกด้วย
    2)ท่านท้าววิืรุึฬหกมหาราช  
    3)ท่านท้าววิรูปักเขมหาราช
    ๔)ท่านท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรณณมหาราช
    อีกสามมหาราชให้เหมือนกับมหาราช
    องค์แรก คือ สักกาเรนะจงมาช่วยลูกด้วย
       โดยออกเสียงดังๆ แล้วกล่าวมนต์ของ
    ท่านท้าวเวสสุวรรณมหาราชว่า
           " โอมอิมินาสักกาเรนะ เวสสุวรรณโณ  เวสะพุพะ คฑาวุธธัง สุสิสุสัง จุติจุตัง
    อะระหัง สุขะโต นะโมพุทธายะ จงมาช่วยอภิบาล
    กำจัดสิ่งไม่ดีนี้ให้หายไป จงมาช่วยลูก
    ด้วยเถิด โอมประสิทธิเม อธิษฐามิ."
    
             ไม่ว่าผีใดๆฝรั่งหรือไทยใช้ได้หมด
    จ้า  ก่อนนอนบูชาพระแล้วกล่าวมนต์บท
    นี้เสมอๆ จะฝันดีจ๊ะ   รักศิษย์เราเสมอ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • คิดถึงเสมอ

    25 ธันวาคม 2553 12:11 น. - comment id 120762

    สนุกค่ะ อิจฉาโชติจัง
    ได้เห็นในสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็น
    พี่ชายเก่งจัง จะติดตามอ่านค่ะ
    คิดถึงนะคะ   36.gif36.gif36.gif
  • ทางแสงดาว

    6 มกราคม 2554 14:14 น. - comment id 121092

    กำลังต้องการคำตอบอยู่เชียว..ว่าอทิสมานกาย
    
    คืออะไร  พอดีไปอ่านของคุณกิ่งโศก...
    
    หายข้องใจ...36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน