อทิสมานกาย ๒๐

แก้วประเสริฐ

76.gif
                        อทิศมานกาย  ๒๐
     ครั้นชายหนุ่มได้ฟังนางกล่าวเช่นนั้น  ก็พลางตั้งจิตให้มั่นคงพลางยกมือขึ้นพนมมือไหว้ไปยังเบื้องบน  นึกถึงทวย
เทพยดาทั้งหลายที่มาช่วยเหลือเขาครั้งนี้  พลางกล่าวคำขอบคุณแด่เทพยดาทั้งปวง  ฉับพลันกระแสลมอ่อนๆก็พัดมาต้องกายเขาทำให้เกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นเสมือนดังว่าท่านรับรู้ในการแสดงคาราวะของเขา จึงก้มลงกราบบนพื้น             แล้วหันหน้าไปทางนางทั้งสองทันที  คิดจะถามเรื่องพานทองคำนี้  แต่ก็ชะงักนึกได้ว่าคงจะเป็นเทพยดาผู้ใหญ่ท่านเนรมิตมาให้มารองรับของเหล่านี้เป็นแน่แท้  
    ดังนั้นจึงมิได้เอ่ยปากถามแต่ประการใด  เพียงหันไปมองพานทองคำที่เต็มไปด้วยผงที่นางและเหล่าเทพยดาทำขึ้นให้  
แต่ยามเขาเพ่งไปยังผงเหล่านี้กลับแปลกประหลาดใจนักด้วยมีรังสีสะท้อนแสงตะเกียงออกประกายระยิบระยับหลาก
หลายสีนัก  จิตใจก็ยิ่งบังเกิดความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งด้วยผงที่นางทั้งสองลบนั้น  หากเป็นเขาทำพิธีผงเหล่านี้จะเป็นสี
ขาวมอๆทั้งสิ้น  แต่ผงที่นางทำขึ้นนี้ช่างแตกต่างกันราวกับฟ้าดิน 
 มีประกายแพรวพราวตลอดเวลา ส่งแสงสีงามตายิ่งนัก      
        ยามเมื่อนางทั้งสองยกพานทองคำมาส่งมอบให้ชายหนุ่ม   เขาก็ยกพานขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความเคารพนอบน้อมแล้วเดินไปยังโต๊ะหมู่บูชา  วางพานที่บรรจุผงหลากหลายสีแพรวพราวระยิบลงต่ำกว่า  พระพุทธรูปอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว   พลางจะหันมาทางนางทั้งสอง      ปรากฏว่านางหายไปเสียแล้วพร้อมกระดานชนวนที่มีลายขอบลวดลายสวยงามยิ่งนักด้วย
      เขาจึงลุกไปนำกระดานชนวนที่พ่อให้มาวางไว้ข้างๆตัวพร้อมกับพานที่ปูด้วยผ้าป่านสีขาวที่ลงเลขยันต์อักขระไว้
เตรียมพร้อมเพื่อจะทำการเขียนยันต์ต่างๆทำการลบผงที่จะกระทำขึ้น   พลางลุกไปหน้าโต๊ะหมู่บูชาพระที่ตั้งไว้
พลางก้มลงกราบพระแล้วกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย  เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เข้านั่งสมาธิเช้าฌานสมาบัติรวมทั้งฌานกสิณ
ต่างๆหลายๆเที่ยวขึ้นๆลงๆแล้วมาจบลงที่ฌานอุปาจาระสมาธิทันที   
       พลางหยิบชนวนดินสอที่ทำไว้เขียนเลขยันต์อักขระกำกับทุกๆตัวพร้อมร่ายมนต์ที่ร่ำเรียนมา บทๆหนึ่งก็ลบผงใส่ลงใส่ผ้าที่รองพานไว้ แล้วเขียนยันต์ทุกๆบทก็ทำเหมือนเดิมจนครบหมดความรู้ที่ร่ำเรียนมาจาก หลวงพ่อทอง อาจารย์เลื่อม พ่อและแม่จนครบสูตร   จนผงนั้นแทบจะล้นออกมาจากพาน 
      แต่พานนั้นเขาคัดสรรค์เป็นพิเศษให้ใหญ่ด้วยเจตนาต้องการให้ได้ผงมากๆนั่นเองเพียงพอกับการสร้างพระเครื่อง 
 เขาคิดว่าจะสร้างให้มากด้วยอย่างไรหลวงพ่อทองก็คงจะไม่สร้างขึ้นอีกแล้ว  อีกอย่างหนึ่งชาวบ้านก็มากลูกน้องเขาก็มีจำนวนไม่น้อยเกรงจะไม่พอเพียง แก่ผู้ที่จะแจกจ่าย ใจเขาคิดอยากจะสร้างให้ครบ แปดหมื่นสี่พันองค์เท่ากับพระธรรมขันธ์  ไหนๆก็จะสร้างแล้วต่อไปอาจจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก  แล้วยิ่งทวยเทพยดามาช่วยเหลือทำผงที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ด้วยสีสรรที่งดงามยิ่งนักด้วยแล้ว   ต่อไปยากนักจะได้ผงเช่นนี้ก็ได้แสดงถึงพระที่จะสร้างนี้
จะต้องมีอิทธิฤทธิ์อานุภาพสูงส่งยิ่ง เขาก็ปลาบปลื้มปิติยินดียิ่งนัก
          เขาเมื่อทำผงเสร็จเรียบร้อยก็ยกพานหุ้มห่อผ้าไว้แล้วนำไปวางใกล้พานทองคำ  นำด้ายสายสินธ์มาวนที่
พระพุทธรูปแล้วมาวนพานทั้งสอง ตลอดจนยังมาวนที่พานหุ่นพยนต์และพานแม่นางทั้งสองอีกด้วย เมื่อเห็น
ว่าเรียบร้อยดีแล้ว   ชายหนุ่มก็นำม้วนกลุ่มสายสินธ์ดังกล่าวมาวางไว้ในฝ่ามือเข้าสมาธิเจริญพระพุทธมนต์และ
เวทย์มนต์คาถาต่างๆอีกคาถาละร้อยแปดจบทุกบทคาถาไป  กว่าจะเสร็จก็ตกฟ้าสางจนกระทั่งสายก็ยังไม่เสร็จ
          เกินเวลาที่จะต้องทานอาหารเช้าแล้ว   ครั้นพ่อแม่เขาเข้ามายังห้องเพื่อจะเรียกเห็นชายหนุ่มยังนั่งหลับตา
เข้าสมาธิอยู่   ครั้นพ่อเชียรและแม่เข็มมองไปยังพานทองคำที่มีผงรองรับด้วยผ้าอันสดสวยงามยิ่งนักผงนั้นที่มี
สีแสงแพรวพราวหลายหลากสีสะท้อนเข้าตา   ก็ต่างตกใจยิ่งนักคาดมิถึงว่าลูกชายจะทำผงได้ถึงเพียงนี้ก็สงสัยนัก
พากันสบตากันแต่ไม่ได้กล่าวอะไร  เพียงรีบออกจากนอกห้องของชายหนุ่มที่กำลังเจริญสมาธิฌานอยู่ทันที
         ครั้นออกมานอกห้องแล้ว  ต่างพากันไปใส่บาตรพระ คราวนี้ก็แปลกใจอีกด้วยหลวงพ่อทองปกติจะต้องนำ
หน้าพระมาทุกๆครั้งแต่วันนี้กลับไม่มา   มีเพียงแต่พระลูกวัดเท่านั้นครั้นจะถามก็ใช่ที่ เมื่อใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว
ก็รีบนำของไปล้างและเก็บ  พลางขึ้นไปบนบ้านแล้วนั่งปรึกษากัน
        ฉันว่าพระที่จะสร้างคราวนี้จะไม่ธรรมดานะพี่เชียรด้วยมีพานทองคำผ้ารองหรือก็ไม่ใช่ธรรมดาเป็นผ้าแพร
งามสวยสดยากจะหาคนทำได้เช่นนี้นะพี่.....แม่เข็มเอ่ยขึ้น
       เห็นจะจริงดั่งแม่เข็มว่าแหละ รู้สึกมีอะไรแปลกๆไปหมด  อย่างเช่นในห้องของลูกเรา ไม่รู้ว่าไปเอาพานทอง
เป็นทองคำและผ้าที่ใช้รองพานใส่ผงนั้นมาจากไหน ทำให้ข้าเองก็แปลกใจจริงตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็น
ความสวยงามเช่นนี้มาก่อนเลย  แม่เข็มสังเกตุไหมว่าในห้องลูกเราช่างสว่างไสวแพรวพราวยิ่งนัก พ่อเชียรตอบ...
       จริงจ๊ะพี่เชียร ฉันเห็นยังตกตะลึงไปเลยล่ะ  ผงที่ในพานก็ไม่เหมือนผงที่พวกเราทำจะมีสีขาวออกมอๆเท่านั้นแต่
นี้ไม่เฉพาะสีขาวเท่านั้นยังมี่รัศมีแพรวพราวอีกด้วยนา  หรือว่าเมื่อคืนนี้เหล่าเทพยดามาช่วยกระมัง???....
      คงจะเป็นดั่งแม่เข็มบอกแหละ ข้าร่ำเรียนวิชาก็หลายอาจารย์มายังไม่เคยเห็นเช่นนี้เลยนี่นา  นี่ลูกเราก็ยังไม่ยอม
เลิกออกจากสมาธิเลย  เห็นว่าพระที่จะสร้างคราวนี้ต้องศักดิ์สิทธิ์แน่นอนไม่ธรรมดาหรอก  ดูซิ!!!...แม้แต่หลวงพ่อ
ทองเองก็ยังไม่ยอมมารับบิณฑบาตร  ปกตินั้นไม่เคยขาดสักครั้งเดียวนา.....
      อ้าวแล้วภาพที่ให้หลวงพ่อดูล่ะ??.....ท่านว่าอะไรหรือ???...  แม่เข็มถาม
      พอหลวงพ่อเห็นเท่านั้นบอกว่า  กูนึกแล้วเชียวว่ามันไม่ธรรมดา  เอ๊าเอาตามนี่แหละว๊ะ....ท่านกล่าวแค่นี้ และยังบอกว่า   กูจะทำแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เบ้าใช้ทำจะทุบทิ้งตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดด้วย   ข้าก็บอกว่าไม่เก็บ
ไว้ให้คนรุ่นหลังทำอีกหรือ?????.....
        หลวงพ่อหัวร่อ  กล่าวว่าไม่หรอกหากใครจะมาทำก็ให้มันสร้างขึ้นใหม่แต่คงจะไม่เหมือนคราวนี้แหละว๊ะ   แล้ว
ท่านก็หัวร่อใหญ่เลยล่ะจนข้าสงสัย....  ด้วยหลวงพ่อปกติจะเงียบขรึมไม่ค่อยจะได้เห็นว่าท่านหัวร่อสักครั้งเดียว
เอ็งว่าจริงไหมล่ะแม่เข็ม  พลางหันไปถามทางเมีย
        จริงจ๊ะพี่   เราไปวัดไปรับศีลท่านก็หลายๆปีมาแล้วยังไม่เคยเห็นท่านหัวร่อสักครั้งเดียว  อย่างมากก็แค่ยิ้มๆเท่านั้น
        นั่นซิข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ  ใบหน้าท่านหรือก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บางครั้งยังหัวร่อเบาๆเลย....พ่อเชียรกล่าว
         แล้วเรื่องของเอ็งไปถึงไหนล่ะแม่เข็ม???....        ทางฝ่ายผัวถาม
        ของข้ามีไม่มากแต่ก็เรียบร้อยเสร็จนานแล้วล่ะ  ตั้งแต่เที่ยงคืนไปแล้วจนหมดความรู้แล้วล่ะพี่....แม่เข็มกล่าว
        เออๆๆๆข้าเองก็เหมือนกันไม่ได้หลับได้นอนเลยล่ะทำทั้งคืน จะมางีบก็จวนสว่างนี่แหละ แล้วแม่เข็มก็ไปเรียก
        แล้วพี่ลงหมดทุกวิชาหรือเปล่าล่ะ???....แม่เข็มชักสงสัยถามขึ้น
        ก็ลงจนหมดความรู้แหละว๊ะ   แต่ไม่เหมือนลูกเรานี่มันยังไงชอบกลนะ  ข้าเคยลองวิชากับมันดูให้มันปลุกตุ๊กตาหินให้ลุกนั่งได้ก็เท่านั้นว่าดีแล้วนา  แต่มันกลับสั่งให้ตุ๊กตาหินวิ่งไปๆมาๆได้อีกด้วยซิ   จนต้องรีบให้มันหยุดกระทำ 
จนข้าทึ่ง ข้าเองยังทำไม่ได้อย่างดีแค่ให้มันลุกนั่งนอนได้เท่านั้นเอง  ไม่เหมือนมันสั่งให้วิ่งไปๆมาๆได้ว๊ะ.......
 ทั้งๆที่มันก็พึ่งร่ำเรียนจากข้ามาไม่เท่าไหร่  หรือว่ามันจะร่ำเรียนจากหลวงพ่อและทดลองเหมือนข้าก็ไม่รู้นะ....
      แต่ข้าว่ามันคงสะสมบารมีทางสมาธิแก่กล้ามาก่อน  มิฉะนั้นวิชาทั้งของพี่และของข้าที่ถ่ายทอดมาจากตามันมัน
เอามาอ่านไม่เท่าไหร่มันก็ทำได้แล้วล่ะพี่      แม่เข็มเอ่ยขึ้น
       นั่นซิ...ข้าเองก็  งง  เหมือนกันแหละ  สงสัยจะเป็นเหมือนที่ข้ามองเห็นในสมาธิเสียแล้วกระมัง???.....
       ก็เหมือนกับข้าที่เห็นแหละแต่ไม่มากเหมือนพี่เท่านั้นเองแหละ??????...แม่เข็มตอบพลางหันไปมองทางห้องลูก
  ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยไปตามดวงชะตาของมันเถอะนะแม่เข็ม เขาคงลิขิตทางเดินมันไว้แล้วล่ะ
 เราก็ช่วยที่เราจะช่วยได้เท่านั้นเอง  ฝ่ายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น.....
       จ๊ะๆ..พี่ดวงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง   แม้แต่หลวงพ่อก็เคยกล่าวไว้ใช่ไหมล่ะ???...แม่เข็มเอ่ยขึ้น
       ใช่หลวงพ่อท่านเองก็บอกเช่นกันนะแม่เข็ม     ทางฝ่ายผัวตอบ........
แล้วทั้งสองก็ยังมองไปยังห้องของลูกชาย  จนเวลาใกล้ๆจะเที่ยงนั่นแหละ
จึงเห็นลูกชายเดินยิ้มกริ่มออกมาจากห้องนอน   หันมายกมือไหว้พ่อแม่เขาแล้วถามขึ้นเรื่องภาพแบบตัวอย่างพระ
        พ่อๆๆหลวงพ่อท่านว่าอะไรหรือเปล่าล่ะเรื่องภาพพระนั้นนะ....
       อ้อๆ...ไม่ได้พูดว่าอะไรกลับชมว่าดีเสียอีกเอาตามที่ให้ท่านดูว๊ะ....พ่อเชียรตอบ
ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนนะพ่อชักหิวแล้วซิ  ชายหนุ่มกล่าว
      จะไม่หิวได้อย่างไรนี่ก็เที่ยงกว่าๆจวนจะบ่ายมากเข้าไปแล้วล่ะ???....พ่อเชียรตอบ
       เดี๋ยวแม่จะหามาวางไว้ให้  ลูกไปชำระล้างร่างกายเถอะนะ แล้วแม่เข็มก็เข้าไปยังครัวเพื่อหาอาหารให้ลูกชาย
ส่วนชายหนุ่มก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว  ก้าวลงไปห้องน้ำข้างล่างชำระล้างร่างกาย  เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เข้ามานั่งกินข้าวคนเดียว  ระหว่างนั้นพ่อแม่เขาก็นั่งเฝ้ามองดู   ชายหนุ่มพลางกล่าวขึ้นว่า.......
        พ่อครับ....ผมให้หุ่นมันไปหาลูกน้องผมแล้วเอาหนังสือไปให้มันพร้อมแบบพระด้วยแล้ว 
 ส่วนดินนั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็จะนำมันมาปลุกเสกอีกทีหนึ่งนะพ่อ
        เออๆๆๆ....ตามใจลูกเธอว๊ะจะเอาอย่างไรก็เอากัน  เดี๋ยวพ่อไปให้อาหารปลาอาหารหมูคนเดียว ลูกไม่ต้องไปหรอกเวลามันเร่งมากเสียด้วย  แล้วเจ้าหุ่นมันจะไปเจอลูกน้องลูกหรือเปล่าล่ะ  พ่อเชียรถามด้วยความสงสัย????....
        พบซิพ่อ...ต้องพบแต่นอนด้วยมันไม่ใช่คนธรรมดานี่นา
  เขารีบกินอาหารแล้วก็ลงไปยังกองดินที่ยังอยู่บนรถเข็ญพลางหลับตาเจริญมนต์ต่างๆแล้วก้าวขึ้นมาบนบ้าน
       พ่อไปเถอะผมจะจัดการกับดินเหล่านี้เอง  แล้วพ่อแม่เอาผงมาให้ผมด้วยนะพ่อจะได้คลุกเคล้ากับผง
ของผมและของเทพยาด้วยปั้นใส่เข่งนำไปให้หลวงพ่อท่านผสมปลุกเสกอีกทีจ๊ะ.....ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
        ตามใจลูกเถอะจะทำอะไรก็ทำไป  ว่าพลางเขาเห็นพ่อแม่ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องหยิบห่อผ้ามายื่นส่งให้ 
ส่วนของพ่อนั้นมีมากพร้อมด้วยของอีกหลายๆถุงยื่นส่งให้เขา   เขาก็นำมาวางรวมไว้ข้างเสาบ้านทันที พ่อไม่งีบสักหน่อยเลยหรือ?????......   ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
       ไม่หรอกข้าเคยชินเสียแล้วเวลาใช้เจ้าควายบางครั้งไม่ได้หลับทั้งคืนก็มีว๊ะ.....พ่อตอบเขา
        แต่พ่อแก่แล้วนา????.....ชายหนุ่มท้วงขึ้น
        เออน่าข้ารู้ตัวข้าดี.....ไปล่ะเสร็จงานจะขึ้นมาช่วยเอ็งทำงานด้วยว๊ะ  พลางเดินลงบันไดพร้อมด้วยเมีย 
เมื่อพ่อแม่ไปแล้วเขาก็ไปเอาของพ่อ  ไปเอาครกมาตำ ด้วยเป็นหินต่างๆ บ้างเป็นเหล็กสีเขียวๆ บ้างเป็นท่อนไม้ กิ่งไม้ และอื่นๆจิปาถะต่างๆ    เขาค่อยๆรีบทำจนกระทั่งค่อนข้างละเอียด โดยมีสาวชบาและเจ้าแกละมาช่วย  
       ทันใดนั้นที่รั้วก็มีเสียงดังเจี้ยวจ๊าวดังขึ้น    ครั้นมองไปดูพร้อมด้วยสาวชลาและเจ้าแกละก็แลเห็นบรรดาเด็กๆ
มีเจ้าจุกเดินนำหน้าเข้ามา   หมามันไม่กล้าเห่าได้แต่หอนแล้วถอยหลังกรูดไป   เจ้าจุกมันยกมือไหว้พร้อมด้วยเด็กต่างๆ
แล้วมันกล่าวกับชายหนุ่มว่า   หลวงพ่อท่านส่งพวกข้าให้มาช่วยจ๊ะ...มันตอบ
         เอาล่ะพวกเราเจ้าจุกหันไปสั่งบรรดาสมุนทั้งหลายมาๆช่วยกันทำงานโว้ย  มาช่วยกันตำครกช่วยพี่เขาด้วยกัน
จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก   แล้วพวกเด็กๆก็ทะยอยกันขึ้นบ้าน  ชายหนุ่มก็แนะนำให้รู้จักกับสาวชบาและเจ้าแกละ
ทั้งสองหัวร่อให้แก่กัน  ต่างคนต่างช่วยทำงานอย่างขะหมีขะหมันไม่พูดจากัน ด้วยเร่งทำงานให้เสร็จเร็วๆ
        หน้าห้องก็มีแม่นางทั้งสองเดินออกมาช่วย  ครั้นเจ้าจุกเห็นสาวอ้อยก็จำไม่ได้แต่มันคลับคล้ายคลับคลาจึงหัน
ไปถามชายหนุ่มทันที
        พี่ๆๆๆนั่นอีอ้อยใช่หรือเปล่าล่ะ???...     มันถาม
        ใช่แล้วจุก...แต่ตอนนี้อย่าไปเรียกเขาว่าอีเชียวนะ  เขาไปเกิดใหม่แล้วมาเป็นนางอัปสรไปแล้วล่ะ
         หาๆๆๆจริงๆหรือพี่.....มันงุนงงพลางขยี้ตามัน  เพ่งตาไปยังหญิงสาวอ้อยทันที
        หญิงสาวอ้อยหันไปทักว่า   เป็นไงจุกล่ะตอนนี้สบายดีหรือเปล่าล่ะ  สมัยก่อนหล่อนมักจะเรียกพี่จุกบัดนี้เหตุการณ์เปลี่ยนไปเสียแล้ว  หล่อนสูงชั้นกว่าเจ้าจุกมากนักจึงเรียกแค่จุกเฉยๆ.....         
 อ้าวๆๆๆตอนนี้เป็นเทวดาไปแล้วหรือแม่อ้อย  คราวนี้มันไม่กล้าเรียกอีอ้อยเหมือนเดิมอีกแล้ว
         อืมๆๆๆข้าจุติใหม่แล้วเกิดเป็นนางอัปสรไปแล้วล่ะจุก  ก็ที่จุกว่าคือเป็นเทวดาไปแล้วล่ะ เทวดาเขาใช้เรียกเฉพาะ
ผู้ชาย ส่วนเทวดาหญิงเขาเรียกนางอัปสรนะเจ้าจุก......  หล่อนเอ่ยขึ้น
         ข้ายังเป็นสัมภเวสีอยู่เลย   แล้วจะทำอย่างไรจะได้เป็นเหมือน  คุณอ้อยได้ล่ะมันถาม???...
         เรื่องนี้ต้องแล้วแต่บุญวาสนานะ  หากมาช่วยงานสร้างพระให้เสร็จบางทีอาจจะเปลี่ยนจากสัมภเวสีเป็นเทวดา
ก็ได้ใครจะรู้ขอให้ช่วยๆกันทำให้เรียบร้อยเถอะด้วยความตั้งใจศรัทธาจิตใจตั้งมั่นคิดว่าเรามาทำงานเพื่อประกอบแต่
ความดี  บุญ กุศลจะเพิ่มให้พวกเจ้าทุกๆคนและอาจจะสมใจแต่ต้องหมั่นฝึกสมาธิประกอบด้วยนะ   สาวอ้อยตอบ  
 ว่าแล้วสาวอ้อยก็หันไปให้จุกไปรู้จักแม่นางรัตนาวดีว่าเป็นใคร ความเป็นมาอย่างไร........
         ครั้นเจ้าจุกและพวกพอทราบดังนั้นต่างก็หันมายกมือไหว้แม่นางรัตนาวดีทันที   สาวทั้งสองก็ยิ้มบอกว่ามาๆๆทำงานกันได้แล้วเวลาไม่อำนวยด้วย   ต้องให้เสร็จเรียบร้อยและต้องให้ละเอียดด้วยนะในวันนี้ด้วยจ๊ะ.....
        ดังนั้นทุกๆคนไม่พูดจากันอีกแล้วต่างก็รีบกันช่วยกันทำงาน แบ่งหน้าที่กันทันที  บ้างช่วยตำสิ่งของ บ้างปั้นดินให้เป็นลูกกลมใหญ่ๆตามที่ชายหนุ่มสั่งไว้เพื่อต้องไปผสมของกับหลวงพ่ออีก  ซึ่งชายหนุ่มบอกขนาดให้แต่ละก้อน   เพียงชั่วไม่นานก็เรียบร้อยสมบูรณ์รวมทั้งการคลุกเคล้าผง  ก่อนจะนำผงมาชายหนุ่มยกพานขึ้นจบเหนือศีรษะก่อน
      ครั้นพอนำผงในพานทองจากผ้าที่สวยงามนำผงลงผสมกับดินแล้ว ฉับพลันพานทองกับผ้าอันสวยงามก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งหมดทันที  เล่นเอาพวกเด็กๆตกใจไปตามๆกัน  แม้กระทั่งชายหนุ่มพ่อเชียรแม่เข็มที่มาช่วยด้วย  ต่างแปลกใจแต่รู้กันเฉพาะห้าคนเท่านั้นเอง  นอกนั้นไม่ทราบต่างพากันตกใจงวยงงไปทั้งหมด
          เมื่อไปมองดินที่ปั้นเป็นลูกกลมผสมด้วยผงและสิ่งอื่นๆอีกก็เปล่งประกายหลายหลากสีทุกๆก้อนด้วย  เมื่องานเสร็จแล้ว   เขากับพ่อแม่และพวกเจ้าจุกก็ออกเดินทางนำของเหล่านี้ต่างช่วยกันเข็ญ  ไปส่งให้หลวงพ่อทองทันที  เพื่อจะได้นำสิ่งของจากหลวงพ่อมาผสมคลุกเคล้าอีกครั้งหนึ่ง
     พอของทั้งหมดนำมาวางต่อหน้าหลวงพ่อทอง   หลวงพ่อพอเห็นเท่านั้นก็ก้มลงกราบยังบรรดาดินที่ผลมผงทั้งหมด
ทันทีพลางภาวนาพึมพรำ  พลางกล่าวว่าแค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ    ชายหนุ่มพลางกล่าวว่า....
     นำของหลวงพ่อและวัตถุมงคลมารวมด้วยจะดียิ่งขึ้นนะครับหลวงพ่อ   ถ้าอย่างนั้นตามใจเจ้าก็แล้วกันแล้วหลวงพ่อ
ก็เดินเข้าไปในห้องนำผงที่ปลุกเสกและของอื่นๆพลางหันไปทางเจ้าจุกและพวก  สั่งว่าพวกเอ็งไปเอาครกมาช่วยกันตำ
สิ่งของเหล่านี้ให้ละเอียดด้วยนะส่วนผงไม่ต้องหรอก......พลางหันไปกล่าวกับโยมเชียรโยมเข็มและชายหนุ่มว่า
    อันที่จริงแล้วถึงแม้จะไม่มีของๆข้า   สิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วหากไม่สร้างเป็นพระเพียงแค่เศษ
ดินที่ผสมของพวกโยมก็สามารถ คุ้มครองป้องกันภัยได้มากอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีสิ่งเมตตามหานิยม โชคลาภอื่นๆอีก
มากมายในตัว  สามารถแก้ภัยอันตรายแม้แต่การป่วยไข้ต่างๆตลอดจนเอามาทำน้ำมนต์ก็ยังได้อยู่แล้วนะโยม...
      บรรดาพ่อแม่ลูกต่างหันมามองหน้ากัน  ด้วยรู้ว่าไม่ใช่แค่ผงที่เขาทำเท่านั้น  คงจะเกิดจากเหล่าทวยเทพยดาท่านมา
สร้างไว้ให้นั่นแหละ  แม้จะใช้เวทย์มนต์อย่างไรก็จะมีไม่มากดังหลวงพ่อทองกล่าว  จึงได้แต่ยิ้มมิเอ่ยปากใดๆทั้งสิ้น
     ดังนั้นเจ้าจุกและพวกก็รีบไปทำตามคำสั่งหลวงพ่อทันที   เพียงเวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วหลวงพ่อก็นำดินทั้งหมดมารวมตัวกันอีกครั้งแล้วคลุกเคล้าส่วนผสมใหม่อีกครั้งทันที ขณะคลุกเคล้าท่านเอาสายสินธ์มาพันรอบๆดินที่ผสมผงแล้วให้  ชายหนุ่มพ่อเชียรแม่เข็มช่วยกันภาวนามนต์ไปด้วยกัน  ครั้นเมื่อดินรวมตัวกับผงจนเข้ากันเรียบร้อยละเอียดดีแล้ว แลเห็นหลวงพ่อก็นำน้ำมันกลิ่นหอมมากๆอะไรไม่รู้ผสมผสานคลุกเคล้าดินผงอีกครั้งหนึ่ง 
จนเห็นว่าดีแล้วก็ให้จัดการปั้นดินให้พอเหมาะสำหรับสร้างพระแต่ละองค์  พร้อมนำน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้มาพรมอีกครั้งหนึ่งก็เป็นอันเสร็จพิธีการ   พลางหันหน้ามากล่าวว่าของที่จะกดทำพระจะได้เมื่อไหร่ล่ะโยม
         ชายหนุ่มกล่าวว่าผมคิดว่าราวตกบ่ายๆนี้หรือพรุ่งนี้ของคงจะมาถึงกระมังครับหลวงพ่อ  เออดี  งั้นเอาของไปเก็บไว้ในกุฎีก่อนก็แล้วกันแล้วหันไปทางเจ้าจุกให้นำดินที่ห่อผ้าจีวรใส่ดินที่จัดการเรียบร้อยแล้งพร้อมพวกนำไปไว้ในกุฎี
ไปวางไว้หน้าโต๊ะหมู่บูชาทันที   ขณะพวกเด็กๆทำงาน  หลวงพ่อก็มานั่งสนทนากันทั้งหมดยกเว้นพวกเด็กๆเท่านั้นที่แยกย้ายกระจายออกไป   ปล่อยให้ผู้ใหญ่สนทนากัน.....
          ที่ร้านอาหารหน้าสถานีตำรวจในเมือง  ผู้กองและพวกตำรวจที่มาใหม่กำลังนั่งกินเหล้า  พวกเขาเพียงแค่จิบกัน
เท่านั้นเพื่อแสดงว่ากินเหล้าเมา  ด้วยแอบเอาเหล้าทิ้งบ้าง แล้ว แกล้งทำหกบ้าง  แก้วหล่นจากโต๊ะแตกกระจายบ้าง 
จนเหล้าเหลือน้อยแล้วส่งเสียงดังทำเป็นมึนเมา    แต่สายตานั้นมองไปรอบๆร้านอาหารและ นอกร้านอาหาร   เสียงคนในร้านอาหารที่มีจำนวนไม่น้อยต่างส่งเสียงเฮฮาลั่น    ผู้กองสั่งเกตุเห็นคนกลุ่มหนึ่งมักจะหันมามองทางพวกเขาเสมอๆ   จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจ.......พลางกระซิบบอกพรรคพวกไว้อย่าหันไปมองทางคนกลุ่มนั้น
 ซึ่งอาจจะเป็นพวกจ่าเจียมใช้มาสังเกตุการณ์พวกเขา   ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นเสียงมึนเมามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
      สักพักใหญ่  พวกมันก็พากันเดินออกจากนอกร้านไป  ตอนนี้คนชักจะว่างมากแล้ว ส่วนผู้กองและพวกยังนั่งกินอยู่
          ทันใดนั้นก็มีชายรูปร่างน่าตาดีสองคนเดินเข้ามาหา  พลางยกมือไหว้    ผู้กองชัชวาลย์ยกมือไหว้ตอบพลางสงสัย
ด้วยไม่เคยเห็นใบหน้าค่าตาคนที่เข้ามาหาก่อนเลย  จึงถามว่า.........
         เป็นคนแถวนี้หรือแล้วมาหาผมด้วยเรื่องอะไรหรือครับ???....ครับผมเป็นคนอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักครับชายร่างเล็กตอบ   แล้วทั้งสองก็ขออนุญาตนั่งด้วย   ผู้กองพยักหน้า  มันทั้งสองก็หันไปหยิบเก้าอี้มานั่งแล้วพลันกล่าวขึ้น...
   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำหน่อยบอกว่า ผมชื่อแสงสีครับ  นั่นสินชัยนายสั่งให้มาหาผู้กอง แล้วก็แจ้งรหัสทันทีพร้อม
กับส่งหนังสือให้ผู้กองด้วยเป็นปีกใหญ่ๆ     ฝ่ายผู้กองครั้นได้ยินชื่อก็จำได้แต่ไม่แน่ใจเมื่อได้ยินรหัสเท่านั้นก็รู้ว่าชายหนุ่มสองคนนี้มาจากไหน  จึงรีบอ่านหนังสือทันทีพร้อมกับให้พวกอีกสามคนอ่านด้วย   ผู้กองก็ยกโทรศัพท์มือถือสั่งงานไปปลายทางทันที  แล้วหันมาถามว่า.....นายเจ้าว่าต้องการช้าหรือเร็วล่ะ???.....
     ชายที่ชื่อแสงสีตอบว่า   เห็นนายบอกว่าให้เป็นวันพรุ่งนี้ครับ   ครั้นผู้กองทราบก็รีบแจ้งไปปลายทางทันทีแล้วหันมาบอกกับแสงสีว่าไปบอกนายเจ้าว่า  ของได้แน่นอนเดี๋ยวข้าจะให้คนเอาแบบที่แนบมานี้ไปให้เขาเร่งทำ คิดว่าจะให้
คนของเราไปนำมาเองเลยจะดีกว่า   ไปบอกว่าพรุ่งนี้ได้ของแน่นอนไม่ต้องห่วง  พร้อมโทรศัทพ์กำชับไปอีกที
        งั้นผมขอลาไปก่อนแล้วกันนะครับ  ว่าแล้วสองคนก็ยกมือไหว้ลา  แล้วก้าวเดินออกจากร้านอาหารไปทันที 
ผู้กองมองตามหลัง แต่เขาไม่เห็นร่างชายสองคนเสียแล้วไม่รู้ว่ามันช่างหายไปได้รวดเร็วอย่างไร   พลางหันไปทาง
พวกว่าเฮ้ยๆๆ  คืนนี้เองทั้งหมดไปกรุงเทพด่วนเลยนะแล้วเอาของมาด้วยนั่งคุมมันทำงานให้เสร็จด้วยเรื่องสำคัญมาก
ชายที่นั่งอยู่รับคำ  รู้แล้วใช่ไหมว่าร้านไหนนะ   รู้ครับทั้งสามตอบ.....
         ผู้กองบอกไปได้แล้วทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวผมจะไปเรียนท่านรองฯให้เอง  แต่ให้ระวังพรรคพวกจ่าด้วยนะ
ครับเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก  ด้วยรถที่ผมนำมาเป็นรถส่วนตัวของผม  นายตำรวจอีกนายหนึ่งกล่าวขึ้น
         ดีแล้วล่ะรีบไปเลย พลางควักเงินส่งให้บอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างทาง ขับรถให้ระวังไว้ด้วย  ส่วนค่าของผม
ตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้วไม่ต้องจ่ายอะไร  รีบไปรีบมาระวังของด้วยอย่าให้แตกหักล่ะ  ด้วยนายเร่งว๊ะ ผู้กองกล่าว......  
         ชายทั้งสามยกมือไหว้พร้อมรีบออกจากร้านอาหารออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปทางลัดทันที..........
                          *  แก้วประเสริฐ. *  

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • แจ้นเอง

    22 พฤศจิกายน 2553 19:57 น. - comment id 120108

    36.gif
    
    เห็นมั้ยน่าศรัทธามากๆเลย
    
    จินตนาการเก่งมากๆค่ะ
    
    31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    23 พฤศจิกายน 2553 00:40 น. - comment id 120111

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
            ขอบคุณครับ  เพื่อคุณไม่อยากให้ต้อง
    คอยนานๆเหมือนเรื่องอื่นจึงได้รีบเขียนๆๆๆ
    แล้วนี่ก็เขียนอีกตอนพึ่งจบเดี๋ยวนี้ขอทาน
    ข้าวต้มก่อนนะครับ แล้วจะนำมาลงให้อ่าน
    อีกครับ  รักแจ้นเสมอ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ทางแสงดาว

    25 มกราคม 2554 15:04 น. - comment id 121874

    อ่านแล้ว...ฝาก57.gifให้ด้วยค่ะ....
    
    รักษาสุขภาพทั้งกายและใจครับผม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน