อทิสมานกาย ๕๓

แก้วประเสริฐ

76.gif
                               อทิสมานกาย ๕๓
     ภายในห้องของชายหนุ่ม  ครั้นแสงสีสินชัยนำกำลังพลกลับมาแล้วก็ให้
ทั้งหมดกลับคืนสู่ร่างเดิมๆ พลางเดินตามเข้ามาใน้ห้อง 
 แต่ไม่พบชายหนุ่มก็ให้สงสัยอยู่ จึงหันไปสั่งให้เจ้าเริ่มและเจ้าพ่วงนำ
กำลังพลไปพักผ่อนได้
   ครั้นหุ่นทั้งหลายแยกแถวกันแล้วก็ ไปสู่ยังพานที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา 
ขึ้นไปพักผ่อนร่างกายบัดนี้พวกมันแปลกใจเนื่องจากภายในพานนั้น
วางโรยไปด้วยกลีบดอกไม้หอมต่างๆ ส่งกลิ่นโชยหอมหวนนัก 
ทำให้พวกมันปลาบปลื้มใจที่การกลับมานั้นได้รับการต้อนรับแสนอบอุ่น
 จึงขึ้นไปนอนบนกลีบกุหลาบเหล่านั้น
    ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล ทำให้พวกมันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  
พวกมันต่างคิดว่ามาเป็นลูกน้องของนายคนนี้มัน ทุกอย่างก็ดีขึ้นผิดคาด
ซ้ำยังได้เรียนวิชาความรู้ต่างๆจากนายตลอด ที่สำคัญคือการฝึกสมาธิ 
ซึ่งมันไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย นอกจากเพียงแค่ได้รับฟังเท่านั้น
เมื่อมาสัมผัสกับคำว่าสมาธิแล้ว  ถึงได้รู้คุณค่าของอำนาจสมาธินั้น 
     สร้างบุญกุศลอย่างยิ่งใหญ่นักนายมันยังบอกว่าการทำบุญ
ทั้งหลายนั้นจะหาบุญใดเท่ากับการทำสมาธิไม่ได้อีกแล้ว เพียงทำจิต
ให้บริสุทธิ์แค่ชั่วช้างกระดิกหูเท่านั้น 
ผลานิสงฆ์จากการทำสมาธินั้นใหญ่หลวงนัก 
    เมื่อนึกขึ้นได้ต่างก็ยิ้มให้แก่กันและกัน ด้วยทุกๆคนล้วนเคยชิน
กับคำสั่งของนายมันแล้วจึงพากันทำจิตใจให้ปลอดโปร่งแล้ว
พากันเข้าสมาธิทันที   หากออกจากสมาธิแล้วจะได้พักผ่อนต่อไป
  ด้วยมันรู้แล้วว่าอำนาจของฌานสมาธินอกจากทำให้จิต
ปลอดโปร่งแจ่มใสแล้ว   ยังได้เพิ่มพลังงานแก่ตัวมันอีกด้วย 
ล้วนแล้วแต่อำนาจของฌานสมาบัติที่มันฝึกฝนทั้งสิ้นที่ทำให้มัน
รู้สึกตัวในตัวมันอุดมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาลเพิ่มขึ้นเองอีก
     ส่วนเจ้าแสงสีและสินชัยนั้นต่างก็แลเห็น แม่นางอาจารย์อับสร
ซึ่งกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการสอนหญิงสาวชบาอยู่ ถึงวิธีการเข้าสมาธิ
และเห็นหญิงสาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ แต่แม่นางทั้งสองก็กำลังชี้แจงว่า 
นี่คือฌานระดับใดก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว จนกระทั่งแม่นางทั้งสอง
หันหน้ามายิ้มกันเมื่อทราบว่า
    บัดนี้หญิงสาวนี้ได้ย่างก้าวเข้าสู่ขั้นเอกัตตะอารมณ์ไปแล้ว
     ย่อมปราศจากได้รับยินรับฟังอะไรทั้งสิ้น นอกเสียจากจะเข้าสมาธิ
ไปยังขั้นของหญิงสาวเท่านั้น แต่ก็ปล่อยให้หญิงสาวค้นคว้าเอง 
ในจุดที่จิตรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญามากมาย
   ด้วยฌานสมาธิขั้นนี้นั้นจะทำให้จิตอารมณ์ขาดการรับรู้เหตุการณ์ใดๆ
ของอารมณ์ภายนอกทั้งหมดสิ้น
     ด้วยเป็นหนทางก้าวแรกที่จะเข้าสู่วิปัสสนาลุล่วงก้าวขึ้นสู่ระดับแรก
ในขั้นสูงๆต่อไป ซึ่งต้องใช้ความพากเพียรอุสสาหะอีกหลายขั้นนัก
     แม่นางอัปสรทราบดังนั้นก็หันหน้ามาคุยกับเจ้าแสงสีสินชัยทันที
ว่าเหตุการณ์นั้นคงจะเรียบร้อยแล้วกระมัง  เจ้าแสงสีและสินชัย
ซึ่งนั่งพับเพียบรอคอยอยู่แล้วนั้นก็รายงานสิ่งต่างๆให้แม่นางอาจารย์
มันทราบเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด
      ครั้นแม่นางอัปสรทราบก็พลางยิ้ม กล่าวว่า
  “ เจ้าเหนื่อยมามากแล้วให้พักผ่อนได้ สิ่งที่จะเสริมสร้างพลังงาน
และเป็นการพักผ่อนที่ดีนั้นคือ
 การเข้าสมาธิไปอยู่ในภวังค์จิตพักผ่อน    ด้วยดินแดนนี้มีแต่ความสงบ
เปรียบประหนึ่งในดินแดนแห่งพระนิพานก็อาจจะว่าได้นะเจ้าเปรียบไป
ก็จะคล้ายๆกับนิโรธสมาบัติได้เชียวล่ะ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องกำหนดจิตไว้
ว่าจะอยู่นานสักเพียงใด ส่วนทางภวังค์จิตนั้นจะอยู่ได้เพียงระยะสั้นๆแต่
    นิโรธสมาบัติอยู่ได้เป็นวันเดือนปีเชียวล่ะ แต่ก็ต้องอธิษฐานจิต
เหมือนกัน   แต่หากแตกต่างกันมากมายนักมิอาจจะอยู่ได้นานๆ
ที่นั้นเมื่อออกจากภวังค์จิตแล้วอารมณ์และพลังงานจะเพิ่มขึ้นไปอีก
   ตอนนี้เจ้านั้นก้าวล่วงเข้าสู่ อนาคามีแล้วกำลังย่างล่วงสู่โลกุตระแล้วล่ะ
  แต่ฌานทั้งหมดนี้ตลอดจนถึงขั้นโลกุตระธรรมซึ่งมีสองอย่างคือ
ทางแห่งโลกุตระธรรมและโลกุตระธรรมแห่งผลสำเร็จฌานนั้น  
      ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในโลกียะธรรมทั้งสิ้น จึงตกอยู่ในอวิชชาทั้งหมด
  แต่มาถึงขั้นนี้ก็ถือว่ามากแล้วสำหรับเจ้า  ที่เจ้าทั้งสองจะได้รับคือ
หนทางเข้าสู่ทางโลกุตระธรรมเบื้องต้น แต่เจ้ายังวนเวียนหาทางที่
จะก้าวลุล่วงไปในขั้นสูงต่อไป  ฉะนั้นตอนนี้เจ้าจึงอยู่
    แค่โลกุตระธรรมเท่านั้นเองนี่ก็ก้าวล่วงผ่านอนาคามีไปแล้ว ฉะนั้น
ขอให้เจ้าจงพึงอย่าประมาทหากขาดจากการฝึกฝนแล้วจะต้องไปเริ่ม
ต้นใหม่อีกนะ ควรพึงสังวรณ์ไว้ด้วยในร่างเจ้านี้ได้แค่นี้ก็ถือว่าสูงสุด
      ด้วยเจ้ายังไม่ได้เป็นคนหรือเทพแต่ได้มาแล้วกึ่งหนึ่งเข้าไปมาก
  จึงควรหมั่นฝึกฝนกรรมเก่าของเจ้าก็ทุเลามากแล้วเจ้าเวรนายกรรม
ยอมรับในผลบุญกุศลของเจ้าที่แผ่ไปให้เขา  ต่างปลาบปลื้มยินดีนัก
ด้วยพวกเจ้าเวรนายกรรมทราบแล้วว่าไม่ใช่การกระทำของเจ้าทั้งสอง
แต่เป็นการใช้อำนาจบังคับเจ้าที่ตกอยู่ในอำนาจของอวิชาทั้งสิ้น ดังนั้น
มันถึงได้อภัยอโหสิกรรมแก่เจ้า แต่ก็ควรแผ่กุศลหลังจากออกจากสมาธิ
ให้แก่เขาด้วย เพื่อเขาจะได้ไปสู่ภพใหม่ด้วยสภาพจิตใจปราศจากอาฆาต”
      เมื่อแสงสีและสินชัยทราบจากปากคำนายหญิงมันก็แสนจะดีอกดีใจ
ทั้งสองต่างคิดว่ามันมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว มิฉะนั้นป่านนี้มันคงตก
อยู่ในวงเวียนแห่งกรรมนั้นยากจะหาทางหลีกหลุดพ้นออกมาได้  
      นับได้ว่าผลแห่งกรรมเก่าคงจะมีบุญที่มันเคยสะสมไว้มาเกื้อหนุนมัน
ให้หลุดพ้นออกมาพบคนที่ดีอย่างนายมันเช่นนี้ได้เล่า
ต่างก็พากันก้มลงกราบแก่แม่นางอับสรทั้งสองที่เป็นทั้งนายและอาจารย์
ของมันต่อจากนายมันคือชายหนุ่ม  ซึ่งมันมอบจิตวิญญาณให้แก่เขาไป
ตั้งนานแล้วล่ะ หรืออาจจะเป็นบุญเคยร่วมสร้างกันมาก็อาจจะเป็นไปได้
     พลางหันไปถามแม่นางอัปสรทั้งสองว่า
   “ข้าแต่นายหญิง บัดนี้เล่าอาจารย์คนแรกของพวกเราไปอยู่ที่ใดหรือ
ด้วยเข้ามาไม่เห็นเลย” มันทั้งสองจึงเอ่ยปากถาม
      แม่นางอัปสรพลางเอื้อนเอ่ยว่า 
  “ ตอนนี้นายเจ้าไปยังไร่และกำลังฝึกสอนแก่เจ้าชัยน้องชายเขาอยู่ 
ถึงวิธีการต่อสู้ด้วยกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อเป็นตัวแทนเขาทั้ง
ตลอดจนถึงวิชาอาคมและเจริญสมาธิให้ โดยมีพ่อแม่และเขาช่วยกันฝึกสอน
     นับได้ว่าเจ้าชัยต่อไปเห็นจะเป็นตัวแทนนายเจ้าได้แล้วล่ะ ด้วยปัญญามัน
นั้นฉลาดไหวพริบดีความจำเยี่ยม จึงจดจำได้อย่างรวดเร็วนัก  
แล้วเจ้าไม่พักผ่อนหรือ???.... ”แม่นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวถาม
      “ยังครับนายหญิง ผมเองได้เจริญสมาธิยามว่างสู่ภวังค์จิตตามคำสอน
ของนายไว้เสมอๆยามว่างๆครับ”  ทั้งสองตอบ
      “ ดีแล้วล่ะการพักผ่อนที่ดีที่สุดของมวลวิญญาณและมนุษย์นี้ไม่มีที่ใด
สู้ในสถานที่นี้ไปได้หรอก  เจ้าไม่สังเกตุหรืออาจจะสังเกตุก็ได้ว่ายามใดที่
เจ้าออกจากภวังค์จิตแล้วจะรู้สึกชื่นบานพละกำลังเพิ่มขึ้นไม่เกิดอาการ
เหนื่อยเมื่อยล้าใดๆเกิดแก่เจ้าหรือ”
      “ครับนายหญิง ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าจะถามหลายๆต่อหลายๆ
ครั้งแล้วเป็นเพราะเหตุใด เมื่อมารับฟังคำอธิบายจากนายหญิงทั้งสองก็
ถึงได้รู้มูลสาเหตุครับนายหญิง ขอบพระคุณมากครับนาย”
     “นี่ก็บ่ายมากแล้วอีกไม่เท่าไหร่หลังจากสาวชบาออกจากสมาธิเรียบร้อย
ก็ต้องไปจัดเตรียมทำอาหารเตรียมไว้อีกด้วย  เห็นว่าเขาคงจะออกเดินทาง
กลับกันแล้วล่ะ???.....”  แม่นางอัปสรเอ่ยขึ้น
       แล้วพลางหันไปมองร่างของหญิงสาวชบา ทั้งสองต่างก็๋แปลกใจกัน
ด้วยเห็นรังษีแผ่กระจายออกมาจากร่างของหญิงสาว จนทั้งสองอุทาน
      “เอ๊ะๆๆ???....แปลกจริงๆเราก็ทราบว่านางล่วงเข้าสู่งเอกัตตอารมณ์
เท่านั้นเองหรือว่านางจะก้าวล่วงเข้าสู่อนาคาไปแล้วจึงเกิดรังษีขึ้นฉะนี้”
      นางทั้งสองไม่รอช้าพลันหลับตาลงทั้งสองข้างทั้งคู่ แล้วก็ลืมตาขึ้น
พลางหันหน้ามองตากันแล้วยิ้มแย้มกัน    แม่นางรัตนาวดีเอื่อนเอ่ยว่า
     “งานนี้เห็นทีเราทั้งสองคงจะไม่ต้องเหนื่อยมากแล้วนะจ๊ะน้องรัก”
     “นั่นซิเสด็จพี่ น้องเองก็แปลกใจเหมือนกันหรือว่าชาติก่อนแม่นางนี้
คงจะสะสมบารมีด้านนี้มามากๆด้วยกระมังถึงไปได้รวดเร็วยิ่งนัก”
แม่นางอ้อยวิลาวัลย์กล่าวตอบ
   “ แผนการณ์ที่เราสองวางไว้คงจะบรรลุได้อีกไม่ช้าไม่นานแล้วล่ะน้อง
หรือน้องจะเป็นเป็นประการใดหรือไม่ล่ะ”
   แม่นางอ้อยวิลาวัลย์พลางปิดปากแล้วหัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า
    “น้องเองก็คิดเหมือนเสด็จพี่แหละจ้า เมื่อถึงตอนนั้นคงจะสนุกมากๆ
นะเสด็จพี่  เราจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรกันอีกแล้วล่ะ”
     “ตอนแรกพี่เองคิดว่าจะมีความยุ่งยากด้วยตัวน้องพี่เองแหละเมื่อได้รับ
ฟังเช่นนี้ก็ยิ่งสบายใจ เอาเป็นอันตกลงกันไว้นะน้องรักพี่”
    “เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกจ้าเสด็จพี่ น้องเองเห็นท่าทีของหญิงสาวก็
รู้แล้วอะไรคืออะไรจ้า  เห็นที่จะต้องแบ่งกาลเวลากันให้ลงตัวไว้ก็
แล้วกันนะเสด็จพี่”
ว่าแล้วนางพลันส่งเสียงหัวร่อ คิคิ  เบาๆ  แม่นางรัตนาวดีพลางหันไปหยิก
แก้มน้องสาวเล่นแล้วก็หัวร่อเช่นเดียวกัน
     ด้านเจ้าแสงสีสินชัยต่างก็แลเห็นอาจารย์หญิงมันคุยกัน  มันได้ยินเสียง
คุยทุกๆคำ  แต่มันต่างมึนงงไปตามๆกัน ครั้นจะถามก็ไม่สมควรอยู่จึงได้
แต่คิดสงสัย  เมื่อสบตากันจึงทราบเพียงว่ามันทั้งสองต่างก็สงสัยเช่นเดียวกัน
เมื่อไม่มีอะรไรทำต่างก็ชวนกันเข้าสมาธิลุล่วงเข้าสู่ภวังค์จิตพักผ่อนต่อไป
   อากาศตอนนี้มืดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยย่างเข้าสู่ฤดูกาลหนาวล่วงเข้ามาแล้ว
แถบถิ่นที่อยู่ก็ล้วนแล้วอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งสองชวนกัน
ออกไปเดินเล่นกันยังบริเวณลานบ้าน  ความเยือกเย็นแผ่กระจายไปทั่ว
   ลมก็ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าธรรมดาด้วย บริเวณดังกล่าวอยู่ในแหล่งหุบ
ของขุนเขาที่เรียงรายล้อมรอบอยู่ แม้นว่าจะยังไม่ตกค่ำแต่อากาศก็ขมุกขมัว
   ได้ยินเสียงนกต่างๆร้องเรียกหากัน เพื่อจะเข้าสู่รวงรัง บนท้องฟ้าก็มีฝูงนก
พากันบินจากไปเป็นหมู่ๆ บางพวกเดินทางกลับสู่รวงรังมัน บางพวกก็เริ่ม
ทะยอยออกสับเปลี่ยนเวลาหากินกันตามวิสัยทัศน์ของธรรมชาติของพวกมัน
       นางอัปสรทั้งสองต่างเดินกรีดกรายชมนกชมไม้ ที่ใกล้กำลังจะหุบกลีบ
ที่บาน ของมวลเหล่าไม้ต่างๆ ทั้งไม้มีดอกและไม่มีดอก ส่วนต้นกล้วยไม้ป่า
ที่ต่างสร้างที่อยู่อาศัยตามบรรดาคาคบของต้นไม้ใหญ่อยู่นั้นเบ่งบานส่งกลิ่น
โชยหอมตลบมากมาย ขจายฟุ้งไปทั่ว ยิ่งตอนสายลมพัดเอากลิ่นนั้นมาและก็
ยังไม่ยอมหุบกลีบ  ด้วยธรรมชาติสร้างมาให้บานอยู่ตลอดไปจนกว่าจะถึง
เวลาล่วงโรยไปตามวัฏฏะจักร  หล่อนทั้งสองมองแล้วมาคิดว่าทุกๆสิ่งทุกๆ
อย่างล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดาของโลกไม่ว่าแดนใดๆ
นั้นก็ย่อมเกิดการหมุนเวียนผลัดกันไปตามวัฏฏะจักรทั้งสิ้น มีเกิดก็ย่อมมีแก่
มีแก่ก็ย่อมมีเจ็บและตาย  ถึงแม้บนสรวงสวรรค์หรือนรกภูมิก็ตามทีย่อมเปลี่ยน
ไปตามเวลาอันเหมาะสม แต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงไปได้ เว้นมีดินแดนเดียว
เท่านั้นที่เหนือกาลเวลาคือดินแดนแห่งนิพพานที่จะสว่างไส มีแต่ความสงบสุข
ไม่รู้จักกลางคืนหรือกลางวันและไม่รู้จักการเกิด แก่ เจ็บและตาย คงสภาพไว้
ในดินแดนอันเยือกเย็นชื่นฉ่ำหอมหวนอบอวลนาๆกลิ่นหอมทั้งสิ้นอีกยัง
ตลอดไปยังอบอวลอุดมด้วยกลิ่นหอมของเหล่าฌานวิปัสสนาทั้งหลายพึงมี
ดินแดนแห่งความสงบสุขชั่วกาลนานโดยไม่รู้การเกิดดับอีกต่อไป
                       *  แก้วประเสริฐ.  *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • แจ้นเอง

    19 ธันวาคม 2553 21:50 น. - comment id 120619

    36.gif
    
    ศาติสุขที่น่าเลื่อมใสค่ะ
    
    31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    19 ธันวาคม 2553 22:03 น. - comment id 120622

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
       อิอิ...จะเอาอะไรกับคนบ้าๆบอๆเช่นผม
    จินตนาการก็เลยบ้าๆไปด้วยครับ อิอิ
         รักแจ้นมากเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ม่านแก้ว

    22 ธันวาคม 2553 21:16 น. - comment id 120683

    00123_1.jpg
    
    พลังแห่งรักและศรัทธาจงช่วยดลบันดาลให้พี่ชายหายป่วยไวๆ ด้วยเถิด 29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    22 ธันวาคม 2553 22:00 น. - comment id 120687

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ม่านแก้ว
    
           จ้าพลังงานที่ดำรงไว้ในมนุษย์มักจะเกิด
    จากโน้มเหนียวของโลกที่ทำให้ก่อเกิดความ
    รักและศรัทธาจ้า  พี่คึดถึงน้อง   จึงได้เขียน
    กลอนไว้ ทางโน้นว่า ม่านฟ้าแก้ว อิอิ อ่าน
    หรือยังก็ไม่รู้ซินะ  รักน้องมากเสมอๆ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน