อทิสมานกาย ๕๗

แก้วประเสริฐ

76.gif
                           อทิสมานกาย ๕๗
       ระหว่างการกินอาหารร่วมกันโดยมีสาวชบาร่วมด้วย  กำนันหวนและแม่เย็น
ต่างก็ชมสาวชบาว่า ช่างสวยจริงนะ มีสง่าราษีอีกด้วย  แล้วหันไปถามพ่อเชียรว่า
   “ลูกสาวน้องออกเรือนหรือยังล่ะ???...แล้วอายุเท่าไหร่ล่ะ??....”
   “ยังหรอกพี่ พึ่งจะย่างเข้ายี่สิบเก้า กระมัง  ใช่ไหมล่ะ??...”  
 พ่อเชียรพลางหันไปถามสาวชบาพร้อมตอบคำถามกำนันหวนไปด้วย
   “จ๊ะพ่อ พึ่งจะเต็ม ยี่สิบเก้าเดือนนี้เอง???...”
     หญิงสาวชบากล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยยิ่งนัก
    “ไม่มีอะไรหรอกหนู  ที่ถามนี่ว่าจะอายุไล่เลี่ยกับลูกสาวลุงหรือเปล่านะ”
 กำนันหวนกล่าวขึ้น
    “เอ๊ะๆๆแปลกนะพี่หวน คนบ้านนี้ทำไมมีอายุกันแต่ร่างกายกับไม่สม
กับวัยเสียเลย???”
แม่เย็นแทรกขึ้นมา พร้อมหันไปจ้องใบหน้าหญิงสาวชบา
    “ดูซิพ่อโชติหรือก็ปาเข้าไป สี่สิบห้า แล้วก็ยังเหมือนพึ่งจะขึ้นเลขสาม
 เท่านั้นนะ ไม่มีแววว่าจะมีอายุมากขนาดนี้   ข้ามองไปดูคนทั้งหมด
 อีกทั้งแม่เข็มพ่อเชียรเล่าหรือก็ดูไม่แก่เอาเสียเลย” แม่เย็นย้ำขึ้นอีก
    “ก็ไม่ได้คิดมากอะไรนี่นาแม่เย็น ทุกๆคนเมื่อไม่คิดมากก็ย่อม
ต้องไม่แก่จริงไหมพี่หวน???.
ด้วยทุกๆอย่างมีเพียบพร้อมกันอยู่แล้ว เพียงแค่คอยระวังรักษากันเอาเอง
เท่านั้นแหละ ผลเก็บเกี่ยวหรือก็ไม่ต้องไปส่งให้เขา  มีคนมาถึงไร่สวน นา
หรือก็แค่ทำกินไปปีๆหนึ่งเท่านั้นเอง”
พ่อเชียรเอ่ยขึ้นบ้าง
       “นั่นซิแม่เย็น น้องเชียรกล่าวไว้ถูกต้องแล้วล่ะ??...อย่างหลวงพ่อก็เคยกล่าว
กับข้าว่าอย่าไปคร่ำเคร่งกับงานให้มากนัก  หามามากก็อันตรายซ้ำยังให้เราคิดมาก
อีกด้วย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเดียว” กำนันหวนเอ่ย
      “ก็จริงอย่างพี่ว่าแหละจ้า แต่พี่ดิ้นรนหาเรื่องเองนี่นาจะมาบ่นอะไรอีกล่ะ???...”
แม่เย็นได้โอกาสเสริมขึ้นทันที
    “อืมมๆๆ...ก็จริงอย่างแม่เย็นพูดก็ถูก  ข้ามันหาเรื่องไปเองทั้งๆที่เราก็มีกิน
อยู่สมบูรณ์แล้วมาตัดใจได้ก็ตอนใกล้จะตายนี่แหละ  จึงปลงตกได้และจะเข้าวัด
ถือศีลแต่มาคิดอีกที การถือศีลอย่างเดียวคงไม่พอแก้ไขได้หรอก  
นอกจากบวชแล้วไม่สึกนั่นแหละถึงจะช่วยเหลือได้”
กำนันหวน กล่าวพลางสีหน้าสลด
     “ช่างเถอะน่าพี่...ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วมาคิดให้เปลืองสมองทำไม 
 มันเป็นอดีตไปนี่แล้วนา  เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย
และข้าเองก็ขออนุโมทนาด้วยคนหนึ่งล่ะ”
พ่อเชียรเอ่ยตัดบท
     “จริงอย่างพ่อเชียรพูดจริงๆจ๊ะ  คนเราทุกๆคนย่อมพลาดกันได้
 แต่พลาดแล้วรู้สึกตัวกลับตัวเองก่อนอะไรๆมันจะสายก็ยังดีกว่าไปหลงงมงาย
มันอีก
 ใช่ไหมแม่เข็ม???...” แม่เย็นพลางไปผู้ช่วยสนับลนุนทันที
     “ที่แม่เย็นพูดมานี้ก็ถูกอีกล่ะ เห็นทีแม่เย็นจะทำใจได้แล้วกระมัง???....”
     “ทุกๆอย่างฉันไม่เคยขัดวางเขาหรอกแม่เข็ม เคยเตือนเหมือนกัน
คนเราเมื่อโตๆกันแล้วทำไมจะต้องพูดกันมากนัก ผิดชอบชั่วดีย่อมรู้แก่ใจ
เองแหละ อายุหรือต่างก็มากๆกันแล้วนาจะคอบพร่ำสอนเหมือนเด็กได้อย่างไร”
  แม่เย็นตอบพลางหันไปพยักหน้ากับแม่เข็ม
    “แล้วพ่อเชียรเห็นว่าอย่างไรล่ะ ไหนๆมันเรื่องก็ผ่านไปแล้ว  แต่ไม่รู้ซินะ
ทำไมเรื่องนี้จึงมาคุยกันได้ที่นี่ได้นา หรือว่าเราทั้งสองครอบครัวคง
จะเคยทำบุญร่วมกันมานา”
     “ที่แม่เย็นกล่าวก็มีเหตุผลเหมือนกัน  พี่หวนเองก็ทำใจได้เถอะนะทุกอย่าง
ปล่อยให้เวรกรรม
เขาตัดสินใจกันก็แล้วกันจะได้สบายใจ  อย่าไปคิดอะไรอีกเลยทุกๆอย่างมัน
ก็เลยไปแล้ว นี่พี่ก็จะหันหลังให้ทางโลกแล้ว  คงอีกไม่นานก็จะเกิดพุทธบุตรอีก
การเกิดคราวนี้จะถาวรเสียด้วยซิ  ด้วยผ่านเหตุการณ์ต่างไปกันมาแล้ว
 แสดงถึงว่าบุญยังคุ้มครองพี่หวนอยู่น๊ะ????”
    “ข้าเองได้ยินคำของน้องเชียรแม่เข็มและแม่เย็นก็ให้รู้สึกคลายใจได้มากโข 
 เอาล่ะต่อไปนี้ข้าจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว นอกจากจะเคร่งครัดในธรรมวินัย
อย่างเดียวเท่านั้น”
    “สาธุๆๆๆอนุโมทนาด้วยกันจ้า”  เสียงของพ่อเชียรแม่เข็มและแม่เย็น
ต่างยกมือไหว้เหนือหัว
    “ข้าให้สัญญาไว้ต่อพวกเรานี่แหละว่าจะอาศัยร่มผ้ากาวพัตรเป็นเรือนตาย
ไม่ออกมาอีกแล้วด้วยสัจจะวาจาของลูกผู้ชายชื่อไอ้หวนนะ  
ทุกๆคนสบายใจได้แล้ว  งั้นพวกข้าจะขอลากลับเสียเลยนี่เวลาก็บ่ายโขแล้ว
เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน  แล้วน้องเชียรน้องเข็มพาเด็กๆไปเยี่ยมพวกข้าบ้าง
ด้วยนะ  ข้ามานั่งคิดดูที่นี่แหละก็เห็นว่าที่นี่เท่านั้นจะเป็นที่พึงพิง
ของครอบครัวข้าได้เสียแล้ว”
    “เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพี่หวน โอกาสว่างๆจะต้องไปเยี่ยม
ครอบครัวพี่หวนและจะคอยเอาใจใส่ให้ด้วย  ให้ไปบวชให้สบายใจได้เถอะพี่”
     “ข้ายิ่งมาได้รับคำรับรองจากน้องเชียรและแม่เข็มทำให้จิตใจข้าที่กังวลหายไป
เกือบหมดเชียวล่ะ
เอาล่ะๆๆแม่เย็น เจ้าชวน บงกช ไปลาพ่อเชียรแม่เข็มและพี่ๆน้องๆได้แล้วล่ะ
สมควรแก่เวลาแล้วน้องๆจะได้พักผ่อนบ้าง”  กำนันหวนเอ่ยขึ้น
      แล้วทั้งหมดก็เข้าไปร่ำลากันตามอาวุโส  ระหว่างที่กำนันหวนและพ่อเชียร
และแม่บ้านคุยกันนั้นชายหนุ่มได้แต่นั่งอมยิ้มฟังการสนทนาของทั้งหมดนั้น
 ใจของชายหนุ่มวาดไปถึงอดีตของกำนันหวน  คงมีแต่เขาเท่านั้นที่จะช่วยได้
และเมื่อเห็นพ่อแม่และน้องๆต่างก็ให้ความรักสนิทสนมกัน เขาจึงอดอมยิ้มไม่ได้
   พลันก็เอ่ยขึ้นว่า
     “ถ้าลุงและน้าและน้องๆจะกลับ คอยข้าเดี๋ยวนะ ข้านึกสังหรณ์อย่างไร
ชอบกลนักจึงอยากจะให้ของไว้ป้องกันตัวในยามค่ำๆคืนบ้าง
  อาจจะช่วยลุงและน้าตลอดน้องๆได้ครับ”
     “มีอะไรหรือลูก????....”  พ่อเชียรแม่เข็มถามขึ้นด้วยความสงสัย
      “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมสังเกตุใบหน้าทุกๆคนอาจจะมีเคราะห์
ที่ซ่อนเร้นบางอย่างอยู่”
ชายหนุ่มกล่าว   
      เมื่อได้รับฟังคำเอ่ยของลูกทำให้พ่อเชียรชักเอะใจด้วยรู้ว่าลูกนั้นเป็นอย่างไร
  ก็นั่งหลับตาสักครู่ พลันเข้าใจเหตุการณ์ที่ลูกกล่าวดังนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า
      “ดีแล้วล่ะลูก รีบๆหน่อยนะด้วยจะมืดค่ำเสียก่อน” พ่อเชียรเอ่ย
     “ครับคุณพ่อ”  กล่าวเสร็จชายหนุ่มก็หันไปยิ้มให้กับทุกๆคนทางบ้านบางโค
  แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง
     “มีอะไรหรือน้องเชียร ” กำนันหวนถามด้วยความสงสัย
     “เดี๋ยวก็รู้หรอกพี่ ไม่มีอะไรมากนักหรอก”  พ่อเชียรกล่าวพลางหัวร่อเบาๆ
       สักครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้อง เขาถือสายร่มพร้อมสิ่งของ
เดินเข้ามาหาแล้วก็กล่าวขึ้นว่า
     “ให้ลุงและน้าน้องๆนำเอาสิ่งนี้ไปห้อยคอไว้ในระยะนี้  อย่าได้ถอดออก
เป็นเด็ดขาดแม้จะเข้าห้องน้ำก็ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ”
        พลางยืนสิ่งของในมือให้แก่พวกบางโคทันที
   “พ่อว่าให้แกสวมพระให้แก่ทุกๆคนแหละดีนะ ด้วยมีอะไรชอบกลๆอยู่ใน
บางอย่างบอกพ่อด้วยล่ะ” พ่อเชียรเอ่ยขึ้น
    “จะดีหรือครับคุณพ่อท่านเป็นผู้ใหญ่นา”  ชายหนุ่มกล่าว
     “เออนาเชื่อพ่อเถอะใครสวมจะสู้ลูกสวมได้หรือ”
   แล้วหันไปทางกำนันหวนและพวก      พลางกล่าวว่า
“พี่หวนและแม่เย็นตลอดจนเจ้าชวนแม่บงกชเข้ามาหาเจ้าโชติมันซิ 
มันจะได้สวมวัตถุมงคลให้ คงจะเป็นหลวงพ่อทองสั่งแก่ลูกโชติไว้กระมัง”
      ครั้นกำนันและพวกได้ยินพ่อเชียรเอ่ยถึงหลวงพ่อทองในเรื่องนี้ ความสงสัยต่างๆ
ก็หายไปหมดสิ้นคงมีแต่เพียงแค่กังขานิดๆเท่านั้น แต่ก็ทำตามคำพูดของพ่อเชียร
ต่าง ก้มศีรษะไว้คอยให้ชายหนุ่มสวมวัตถุมงคล
     เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นพลางหลับตาแล้วเขาก็เป่าลงไปในวัตถุมงคล
สามคาบทันที แล้วค่อยเข้าไปหายังเบื้องหน้าของกำนันหวนก่อน 
พลางยกมือขึ้นไหว้ขออภัย แล้วกล่าว
     “ลุงผมขอโทษนะครับที่ต้องสวมสิ่งนี้บนคอผ่านศีรษะลุงครับ”
     “ไม่เป็นไรหรอกหลานชาย  ทำตามพ่อเขาบอกเถอะ” กำนันหวนตอบ
  ชายหนุ่มก็ค่อยๆขยับร่างไปหากำนันหวนทันที แล้วบรรจงสวมพระ
ที่เลี่ยมไว้กันน้ำในเชือกสายร่มสวมไปคล้องคอกำนันหวน
ทันใดร่างของกำนันหวนก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกทำความแปลกใจแก่แม่เย็นและเจ้าชวน
สาวบงกชเป็นอันมาก ที่เห็นร่างของกำนันหวนสั่นเทาๆเหมือนราวกับเป็นไข้
เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แลเห็นร่างกำนันสั่นๆไปๆมาๆตลอดเวลาที่ชายหนุ่มเป่าลง
บนศีรษะ ของกำนันหวนถึงสามครั้งสามครา ก็ทำความประหลาดใจยิ่งนัก
   ด้านกำนันหวนเมื่อชายหนุ่มสวมวัตถุมงคลแล้วยามที่กายกระทบกับองค์พระ
ร่างกายรู้สึกมีกระแสเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายถึงก็หนาวสั่นขึ้นทันที 
ยิ่งได้สัมผัสกับลมปากจากชายหนุ่มที่เป่าตามไปด้วยก็ยิ่งสะท้านเหมือนถูกราด
ด้วยน้ำแช่เย็นจากน้ำแข็งมิปาน
    เมื่อแม่เย็น เจ้าชวนและสาวบงกช ครั้นได้รับการสวมคล้องคอด้วยพระเครื่อง
ที่ชายหนุ่มนำมาสวมให้ก็สัมผัสอาการเช่นเดียวกับพ่อกำนันหวนเช่นเดียวกัน
ต่างให้รู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งนัก  สาวบงกชจึงเอ่ยขึ้นว่า
   “พี่โชติ???...ทำไมเวลาพี่สวมพระให้กชแล้วจึงหนาวอะไรเช่นนี้เล่าพี่???...”
   “ข้าเองก็เหมือนกันแปลกจริงๆ???...”แม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง
   “ผมก็เหมือนกันครับแม่และน้องกช  แปลกจริงๆ คราวไปให้พระที่มาท่านเป่า
ขม่อมยังไม่รู้สึกอะไรๆเลย ไม่เหมือนพี่โชติเพียงแค่สวมพระเท่านั้นเอง???....”
    พ่อเชียรแม่เข็มครั้นได้รับฟังเช่นนั้น ไม่กล่าวอะไรเพียงได้แต่หันมามองหน้ากัน
แล้วต่างก็อมยิ้มกันไปตามๆกัน  เจ้าชัยหรือก็ให้แปลกใจจึงเอ่ยขึ้นว่า
     “แล้วผมกับพี่ชบาล่ะพี่โชติไม่ได้พระเลยหรือ???...”
   ชายหนุ่มหันมายิ้มกับน้องชายและสาวชบาพลางเอ่ยว่า
     “สำหรับเจ้ากับน้องชบาเห็นจะไม่ต้องกระมังด้วยพี่เคยสอนอะไรๆให้แล้วนี่นา”
   เจ้าชัยและสาวชบาครั้นได้ยินเช่นนั้นต่างก็เข้าใจก็เงียบเสียงไม่เอ่ยแต่ประการใด
      กำนันหวนนั้นตอนแรกคิดใคร่จะกลับก็อดสงสัยหันไปมองหน้าพ่อเชียรแม่เข็ม
    “ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอกพี่หวน  เจ้าโชติมันร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อทอง
จนสำเร็จทุกๆแขนงแล้วล่ะ  พี่ก็รู้ว่าหลวงพ่อท่านเก่งขนาดไหนนี่นา” พ่อเชียรเอ่ยขึ้น
  “ หากพ่อหนุ่มสำเร็จวิชาจากหลวงพ่อทอง พี่เองก็ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ทำให้พี่รู้สึก
ว่าความกังวลในครอบครัวมันหายไปสิ้น ภายในใจหลังจากสวมพระแล้วให้รู้สึกว่า
ช่างปลอดโปร่งภายในเสียเหลือเกิน” กำนันหวนกล่าว
   “ข้าเองก็เหมือนกัน แล้วนี่เป็นพระของหลวงพ่อทองท่านสร้างในงานสงกรานต์คราว
ที่แล้วใช่หรือเปล่าล่ะพ่อโชติ” แม่เย็นถาม
    “ถูกแล้วล่ะแม่เย็น เป็นพระที่ท่านทำเป็นครั้งแรกหรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้คง
จะไม่มีการสร้างวัตถุมงคลใดๆอีกแล้ว ฉนั้นขอพวกเราจงเก็บรักษาให้เป็นอย่างดีด้วยนะ”
พ่อเชียรสั่งกำชับไว้แก่ทุกๆคน
    “เป็นอย่างนี้นี่เองถือว่าพวกข้ายังมีวาสนาได้สัมผัสกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อทอง
ถึงแม้ข้าจะเคยติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่สมัยท่านยังหนุ่มๆรู้ก็รู้ว่าท่านมากมายไปด้วย
วิชาต่างๆ เคยรบเร้าท่านให้สร้างเหมือนกัน ท่านเพียงตอบข้าว่า เวลายังมาไม่ถึงน้อง”
  “ฉะนั้นพี่หวนก็เถอะถึงจะบวชไปแล้วก็ไม่ควรให้พระองค์นี้ห่างตัวเป็นเด็ดขาดนะ”
พ่อเชียรเอ่ยกับกำนันหวนทันที
    “อืมๆๆ...ข้าก็คิดเหมือนกันแหละน้องเชียรถึงแม้ว่าจะบวชสละแล้วก็ตามแต่นี่เป็น
พระพุทธรูปขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เก็บเอาไว้เวลาสวดมนต์จะได้นำมาตั้งไว้
แล้วสวดมนต์แทนพระพุทธรูปบูชาก็ได้นา” กำนันหวนเอ่ยลอยๆ
   “ได้เลยพี่ใช้แทนกันได้และดีเสียด้วย นาพี่ลองเอาพระท่านออกมาดูซิว่าเป็นอย่างไร”
  เมื่อได้ยินคำพ่อเชียรกล่าวดังนี้  ทั้งหมดต่างนำพระออกมาดูต่างก็สะดุ้งในใจด้วยความ
แปลกประหลาดยิ่ง  ที่เห็นองค์พระช่างงดงามและยังมีประกายพราวสดใสด้วยสีกระจาย
ออกมาจากองค์พระด้วย  ยิ่งทำให้บังเกิดความปิติยินดีเป็นล้นพ้น พลางหันไปทางชายหนุ่ม
กล่าวขึ้นว่า
  “ข้าทั้งหมดนี้ขอขอบใจพ่อหนุ่มยิ่งนักที่ไม่หวงแหนในสิ่งนี้อุตส่าห์มอบให้ด้วยความ
เป็นห่วงเป็นใจแก่ครอบครัวข้า เป็นยิ่งนัก”   พลางเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มทันที
   “ผมเห็นใบหน้าของทุกๆคนปรากฏรอยหมองไหม้ขึ้นครับพ่อกำนันเลยนึกถึงพระนี้ได้
และคิดว่าภายในสองสามวันนี้อาจจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นในบ้าน  ฉะนั้นพ่อกำนันไม่ต้อง
กลัวหรือห่วงอะไร หากพบสิ่งนั้นให้อาราธนาพระให้อาศัยบารมีช่วยแผ่คุ้มครองด้วยเท่านั้น
เภทภัยต่างๆจะทำอะไรพ่อกำนันและครอบครัวไม่ได้หรอกครับ”  ชายหนุ่มเอ่ย
   “ถึงอย่างไรก็ต้องขอขอบใจทุกๆคนที่นี้ด้วยนะ นี่ก็ชักจะเย็นมากแล้วล่ะ งั้นพวกข้าขอ
ลากลับบ้านก่อนนะ  หากว่างๆก็ไปเยี่ยมบ้างนา” กำนันหวนเอ่ยชักชวน
       ดังนั้นทั้งหมดก็พากันร่ำลากันแล้วทะยอยก้าวลงจากชานเรือนบ้านเพื่อ
ออกเดินทางกลับบ้านบางโคทันที..................
             *แก้วประเสริฐ.*

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif				
comments powered by Disqus
  • แจ้นเอง

    28 ธันวาคม 2553 22:23 น. - comment id 120828

    36.gif
    
    เรื่องราวถูกร้อยเรียงจนต้องตามต้อยๆแล้ว อิอิ
    
    31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    29 ธันวาคม 2553 11:47 น. - comment id 120836

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
          ผมเคยกล่้าวไว้แล้วว่าผมเขียนแต่ละ
    เรื่องนั้นไม่เคยจะคิดลอกเลียนแบบใครๆ
    มักจะเป็นเอกเทศเสมอๆ การติดตามหรือ
    เดาผมนั้นค่อนข้างจะยากสักหน่อยครับ
    ด้วยอารมณ์บ้าๆบอๆของผมครับ แต่ไม่สำคัญ
    รักแจ้นมากเสมอ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน