อทิสมานกาย ๘๕

แก้วประเสริฐ

1139348gm3744qpip.gif
               อทิสมานกาย ๘๕
   หลังจากที่อดีตกำนันหวนแม่เย็นและครอบครัวเดินทางกลับบ้าน
ทุกๆอย่างก็ไม่มีอะไรผิดปกติ  นอกจากเด็กสองสามคนมารายงาน
ให้ทราบเรื่องเกิดการยิงกันใหญ่  แล้วยังมีเสียงหมาหอนระงม ทำ
ให้ไม่กล้าออกมาดู  นอกจากนอนคลุมโปงด้วยกันทั้งหมด
   ครั้นทราบดังนั้น เจ้าชวน ก็รีบออกไปเดินสำรวจภายในบ้านทันที
แต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ  จึงเดินขึ้นบ้าน  แม่เย็นสาวบงกชก็ต่าง
พากันเข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า  พ่อหวนกำลังนั่งสูบบุหรี่ใบจากนั่ง
ทอดอารมณ์  ชวนจึงเอ่ยปากว่า
   “ผมไปเดินสำรวจแล้วครับพ่อ  ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย  เดี๋ยวว่า
จะออกไปสืบกับเพื่อนๆดูสักหน่อยครับ”
   “ไปแล้วก็รีบกลับบ้านอย่าช้าล่ะ พ่อจะได้ปรึกษาเรื่องน้องสาวเจ้า
ด้วย  ซึ่งจะถึงกำหนดอาทิตย์หน้าแล้วล่ะตามฤกษ์ที่พ่อโชติเขาดูให้
ว่าเป็นมงคลฤกษ์เหมาะสำหรับงานแต่งงาน หากพ้นไปแล้วจะต้อง
ไปปีหน้านั่นแหละ  แต่พ่อเองนั้นไม่มีปัญหา จะมีก็ทางกำนันมั่น
เท่านั้นเองแหละลูก”
   “ครับพ่อ!!!....คนอื่นนะผมเฉยๆแต่สำหรับพี่โชติแล้วบอกตรงๆ
ว่าถูกชะตาและเชื่อมั่นจริงๆ ตั้งแต่ที่ได้รับพระนั่นแหละครับ”
   “นั่นซิ???....พ่อเองก็เหมือนลูกแหละ สำหรับครอบครัวนี้มันก็
แปลกเหมือนกันนะ   พบบุคคลเหล่านี้ช่างถูกจิตใจพ่อมากๆ
เชียวนา???...”
   “เหมือนผมเลยครับ???....งั้นผมจะไปเดี๋ยวนี้นะครับจะไปพบ
เพื่อนๆดู    บางทีอาจะได้ข้อมูลมาบ้างครับ....”
   “ไปเถอะลูก อย่าลืมมากินข้าวด้วยกันล่ะ อีกหน่อยบงกชมันก็
ต้องไปอยู่ที่บ้านโน้นแล้วล่ะ???...”
   ครั้นแล้วเสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังออกจากบ้านหายไป พ่อหวนก็
เอนกายลงที่พนักพิง แล้วก็หลับไป....
   ที่ร้านแม่สาวลัดดาเจ้าของร้านอาหารกำลังสาระวนกับการต้อนรับ
บรรดาลูกค้าทั้งหมู่บ้านบางโคและหมู่บ้านอื่นที่กลับจากการส่งของ
      ร้านหล่อนเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่โตติดกับริมถนนทางผ่านของ
บรรดาหมู่บ้านทั้งหลาย  อีกทั้งรสชาดอาหารหรือก็ไม่เป็นรองใครๆ
แต่การต้อนรับขับสู้ของเจ้าของร้านและบรรดาลูกมือทั้งหลายนี่
แหละที่เป็นเหตุให้บรรดา  คนรถทั้งหลายต่างพากันมาอุดหนุนกัน
เนื่องแน่น   ราคาอาหารหรือก็ไม่แพงไปกว่าที่อื่น ทุกๆอย่างปกติ
ธรรมดา  แม้ว่าราคาของในระยะนี้จะสูงเพียงใดก็ตาม
       ที่มุมห้องอาหารมีโต๊ะหนึ่งที่ล้อมวงไปด้วยพระกาฬ
ทั้งหก  แต่วันนี้มาแปลกๆหล่อนคิด
   ปกติธรรมดาแล้วบรรดาพระกาฬหกพระหน่อ
ขาดหายไปหนึ่งหน่อนั้นจะส่งเสียงดังมากๆ
   แต่วันนี้ทำไมถึงได้เงียบเชียบผิดปกติไป ไม่มีการส่งเสียงดังเหมือน
เก่าเกิดขึ้นอีกเลย  และทุกๆคนนอกจากซุบซิบกันแล้วก็กินอาหาร
เหล้าแบบธรรมดาไปหมดสิ้น
    หล่อนชำเลืองตามองระหว่าง  กำลังต้อนรับแขกที่มากินอาหาร
กลุ่มหนึ่งอยู่   ครั้นเรียบร้อยแล้วสั่งให้เด็กมาบริการแทนด้วยอดรน
ทนไม่ได้  จึงเดินไปหากลุ่ม  เห็นหกพระกาฬกำลังนั่งสนทนา
เหมือนจะปรึกษาอะไรบางอย่าง  ดังนั้นหล่อนจึงเอ่ยปากขึ้นว่า
   “เอ๊ะ!!!????....ๆๆๆๆแปลกๆโว้ย  วันนี้ลิงทโมน  อ้อๆๆผิด
ว๊ะ  พวกเหี้...ทั้งหลายเป็นอะไรไปว๊ะไหงเงียบอย่างกับมีสากอุด
ปากกันแทบทุกๆตัวไม่ซุกซนเหมือนเก่าไปเสียล่ะ???..
.
มีเรื่องอะไรมาหรือว๊ะ???..”
    พร้อมทั้งลากเก้าอี้เข้ามานั่งด้วย   ทำให้บรรดาชายหนุ่มโสด
ทั้งหมดต่างพากันสะดุ้งเฮือกไปตามๆกัน เมื่อได้ยินคำหลังหล่อน
แต่ทว่าวันนี้  พวกมันกลับไม่โวยวายเป็นที่แปลกใจหล่อนมาก
แต่กลับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้ม  เจ้าตี๋ใหญ่ก็ตอบหล่อนว่า
   “วันนี้ไม่มีอะไรหรอกแม่ดา  พวกข้าเห็นคนมากินอาหารมากๆ
ผิดปกติ  เกรงจะรบกวนลูกค้าแม่ดาจ๊ะ”
   “อืมม???....รู้จักคำว่ามารยาทมั่งก็ดีเหมือนกันนะ  แต่มันผิดปกติ
มากไปว๊ะ   กูพอจะช่วยเหลือได้นะโว้ย???...มีเงินใช้หรือเปล่า
ล่ะ???!!!ไม่มีบอกได้นะโว้ยเราพวกกันเอง  กูไม่คิดดอกเบี้ย
จะใช้คืนหรือไม่หาใช่สิ่งสำคัญโว้ย!!!!.....”
   แม่ดาเจ้าของร้านแสนสวยโสดปิ๋งๆเอ่ยขึ้น  ด้วยทุกๆคนมักจะเข้า
ไปแล้วจะกระเซ้าเย้าแหย่หล่อนอยู่เสมอ จนเป็นธรรมดาไปแล้ว
   เมื่อเจ้าตี๋ใหญ่กล่าวจบก็ยกแก้วเหล้ายกขึ้นดื่มพลางหันไปทางพรรค
พวก   หล่อนเห็นดังนั้นคิดทันทีว่ามันต้องมีเหตุการณ์อะไรแน่ๆด้วย
รู้นิสัยใจคอพวกนี้ดี  ในเมื่อเห็นคนเข้ามาในร้านอีกจึงรีบออกไป
ต้อนรับทันที    แต่ไม่วายชำเลืองมองอยู่เสมอๆ หันมาทางหน้าร้าน
ท่าทีอาการหล่อนก็เปลี่ยนไปทันที
     หน้าร้านชายหนุ่มร่างงามก็ก้าวฉับๆๆเหลียวซ้ายแลขวา ครั้น
สบตากับสาวเจ้าของร้านแล้วยิ้มส่งให้  ทำเอาสาวดาเกิดอาการ
ผิดปกติไปทันควัน  รีบจดรายการอาหารที่ลูกค้าแปลกหน้ามา
สั่งอย่างรวดเร็วทันที   ชายหนุ่มหันไปมองลูกค้าก็สงสัยเหมือน
กันด้วยไม่เคยพบหน้าค่าตาเลย  ให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคราแต่
เพียงนึกไม่ออกเท่านั้นเอง   เหลือบตาไปเห็นโต๊ะของพรรคพวก
ก็รีบเลิกคิดเดินเข้าไปหาทันที
   ครั้นบรรดาชายหนุ่มทั้งหกเห็นดังนั้น ต่างก็รีบร้องทักทันที
   “ได้ข่าวว่าพี่ไปที่บ้านโคกอีแร้งมา  ใช่หรือไม่???....”
   “ใช่ว๊ะไอ้ชื่น”
   กล่าวเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้ที่หญิงเจ้าของร้านลุกขึ้นไป  แล้วมอง
ซ้ายมองขวา  ก็เอ่ยปากขึ้นว่า
   “กูไม่อยู่นี่...ถามจริงๆเถอะว๊ะในระหว่างกูไม่อยู่พวกมึงไป
ไหนกันมาหรือเปล่าล่ะ???...”
   “พวกกูก็ไม่ได้ไปไหนนี่นา  อยู่ที่บ้านบางโคตลอดเวลาเลย
ไม่ได้ไปที่อื่น มีอะไรหรือว๊ะไอ้พี่ชวน???...”
   “เปล่าหรอก...กูระหว่างตรวจบ้านหลังจากฟังพวกเด็กๆมันบอก
ว่าได้ยินเสียงปืนดังถี่ยิบและเสียงหมาหอน  ก็สังหรณ์ใจชอบกล
จึงได้ไปตรวจบริเวณบ้านดู ด้วยไม่ไว้ใจพวกไอ้แม้นมันว๊ะ!!!”
   ทุกๆคนหันไปมองหน้าทางไอ้เปล่งซึ่งกำลังนั่งกินข้าวแบบ
ทำเป็นทองไม่รู้ไม่ชี้ทั้งสิ้น  แสดงอาการเฉยเมยเสียแบบตีมึน
   “แล้วพี่เจออะไรผิดปกติหรือไม่ล่ะ???...”
   “หากไม่สังเกตุดีๆก็ไม่พบหรอกว๊ะ  แต่พบคราบรอยเลือดแห้งติด
อยู่ริมรั้วเป็นทาง  ก็นึกสงสัยเหมือนกันจึงรีบมานี่แหละ  เฮ้ยๆๆๆ
ไอ้เปล่ง  กูรู้นิสัยใจคอมึงนะโว้ยอย่าแกล้งทำตีซึมเลยว๊ะมีอะไรก็
รีบบอกกูด้วยว๊ะ?????”
   หนุ่มชวนเอ่ยถาม   เล่นเอาเจ้าเปล่งกำลังกินข้าวเคี้ยวอยู่ถึงกับสะอึก
รีบคว้าน้ำเปล่าขึ้นดื่มทันที  พลางหันไปทางบรรดาพรรคพวกหวังขอ
ความช่วยเหลือให้รายงานแทนมัน แต่ทว่า เปล่าๆๆไม่มีใครสนใจมัน
ซ้ำเห็นทุกๆคนต่างมองมาทางมันตาแป๋วๆหมด    หนุ่มชวนรู้นิสัย
ไอ้เปล่งดีว่าเป็นคนไม่ชอบโกหกหากไม่จำเป็นกับพรรคพรรคด้วย
แล้วมันจะไม่ปิดบังอะไรเลย  จึงเค้นถามไอ้เปล่งเฉพาะหากถาม
คนอื่นๆก็จะไม่ได้ความอะไร ทุกๆคนกระล่อนแบบเรียกว่ามะกอก
สามตระกร้าปาไม่ถูก  ให้ร้อยหรือกว่านั้นก็ปาไม่ถูกพวกมันแน่ จึง
หันมาถามเปล่งโดยเฉพาะ  ถึงอย่างไรไอ้เปล่งก็จะไม่ปิดบังเรื่องนี้   
  
   ไอ้เปล่งเห็นจนปัญญาด้วยไม่มีพวกจะเอ่ยแทนมัน  ก็กล่าว
เหตุการณ์  ทั้งหมดให้หนุ่มชวนฟังหมดเปลือกทันที     ครั้นหนุ่ม
ชวนรับฟังแล้ว     เจ้าชวนก็ตบเข่าเสียงดังผลั๋วะๆๆ พูดขึ้นว่า
   “กูนึกแล้วเชียวว่าเป็นแผนการณ์ของมึงก็จริงๆด้วย ”
   แล้วชายหนุ่มก็หัวร่อพลางเอ่ยว่า
   “เออๆๆๆขอบใจมึงมากไอ้เปล่ง  เฮ้ย!!!!...ๆๆๆๆทุกๆคนด้วย
นะโว้ย”
   ทุกๆคนครั้นเห็นอาการของหัวหน้ามัน   หน้าต่าแช่มชื่นทันที และ
ยิ่งได้รับการชมเชยอีกด้วย  ก็รีบรินเหล้าส่งให้ทันควัน   ชายหนุ่ม
รีบคว้าเหล้าจากมือไอ้วาสแล้วยกขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว 
 ส่วนไอ้ตี๋เล็กก็ใช้ซ่อมทิ่มอาหารส่งมาคอยอยู่ก่อนแล้ว  
พลางป้อนเข้าปากชายหนุ่ม   แล้วทุกๆคนก็พากันส่งเสียงหัวร่อ
  
    เล่นเอาแม่ดาหญิงสวยต้องหันมามอง  เพราะตั้งนานพวกนี้ต่าง
ก็เงียบ  พึ่งจะได้ยินเสียงหัวร่อดังก็คราวนี้แหละ  ครั้นชวนหันไป
มองรอบข้างก็เห็นโต๊ะชายแปลกหน้าก็หันมามองเช่นกัน  ทำให้
ชายหนุ่มนึกออกทันทีว่า   คนห้าหกคนนี้เป็นใครได้ 
   ครั้นจำได้แม่นยำดังนั้นร้องในใจฉิบหายแล้วล่ะ  มันพวกตำรวจนี่
หว่า!!!!  นึกในใจพลาง พร้อมทั้งหันไปกระซิบบอกพรรคพวก
ทันทีทำให้บรรดาพรรคพวกต่างเงียบกริบ ทั้งหมดตาเหลิกหลักๆกัน 
  หันไปมองทางโต๊ะนั้นด้วยความตกใจจนมือไม้สั่นไปกันหมด
เมื่อทุกๆคนหันไปมองดู   ก็เห็นทางโต๊ะโน้นหนุ่มรูปร่างสันทัด
ซ้ำยังยกมือโบกทักทาย  ไปๆมาๆทำให้โต๊ะพวกเจ้าชวนต่างสะดุ้ง
ทันที  ด้วยทุกๆคนรู้แน่แก่ใจว่าต่างไปทำอะไรกันมา
หนุ่มชวนก็เอ่ยกับพรรคพวก  พร้อมทั้งให้ทำตัวอย่าให้สงสัยได้
    “คนโบกมือนั้นคือสารวัตรชัชวาลย์ประจำสถานีในเมืองว๊ะ”
หนุ่มชวนเอ่ยขึ้นเบาๆ  แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยบอกอะไรอีกก็ถูกสะกิด
จากไอ้ตี๋ใหญ่ทันที   ด้วยแลเห็นบรรดาชายหนุ่มโต๊ะนั้นต่างก็ลุก
ขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตรงมาหาพวกเขา  พลางเอ่ยปากถามขึ้นว่า
   “ใครหรือชื่อชวนครับ”
หนุ่มชวนรีบยืนขึ้นยกมือไหว้สารวัตรทันที  พร้อมเอ่ยปากกล่าวว่า
   “ผมเองครับ  มีอะไรหรือครับ”
   “อ้อๆๆๆไม่มีอะไรหรอกครับถามดูเท่านั้นเอง  ด้วยผมได้รับงาน
จากหัวหน้าผมว่า คุณเป็นญาติกับเขาครับและยังบอกว่าให้รีบมาทำ
ความรู้จักกันไว้  ไหนๆคุณช่วนแนะนำพวกๆให้ทราบหน่อยครับ
อ้อๆๆๆเฉพาะคนที่ชื่อนายเปล่งด้วยนะครับ”
   “ถ้าอย่างนั้นขอเชิญนั่งด้วยกันก็แล้วครับ”
   พลางสั่งให้พรรคพวกหาเก้าอี้มาเสริมขึ้นทันที   ดังนั้นบรรดา
พรรคพวกครั้นเห็นได้ยินดังนี้ก็ต่างพากันถอนหายใจกันทุกๆคน
ด้วยทราบว่าคงจะไม่มีอะไรกับพวกเขาแน่ๆ
   “อ้อๆๆพี่โชติหรือครับที่บอก????...”
   “ครับนั่นแหละครับ คุณชวนคงจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วซินะ
ครับ”
   “ครับสารวัตรพี่โชติเล่าทุกๆอย่างให้ผมฟังหมดแล้วครับ  และ
ให้รีบไปหาพี่เขาด่วนๆด้วยครับ   อ้อนี่ชื่อเปล่งครับ”
พลางชี้มือไปทางไอ้เปล่ง ซึ่งตีสีหน้าเฉยเมยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยก
แก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มไปจิบไปพลางๆ หันมามองทางด้านสารวัตรเฉย
   แล้วชายหนุ่มก็แนะนำพวกๆให้สารวัตรรู้จักกันทุกๆคนโดย
เฉพาะไอ้เปล่ง    ครั้นเมื่อพี่ชวนหรือไอ้ชวนของมันแนะนำตัว
ก็ต่างยกมือไหว้สารวัตรทุกๆคนทันที  ทางสารวัตรก็หันไปแนะ
นำพรรคพวกด้วยว่าคือใครๆกัน
   “ดีล่ะงั้นดีมากทีเดียว  ไม่ต้องไปหาหัวหน้าผมหรอกครับเพราะ
ผมได้นำเอกสารมาให้แล้วครับจะได้รีบนำไปมอบให้หัวหน้าผม
ด้วยครับ”
     “อ้อๆๆๆเกือบลืมไปหัวหน้าผมสั่งมาว่าให้นายเปล่งขนข้าวของ
ไปบ้านท่านด้วย ให้ไปอยู่กับท่านจะได้มีเรื่องปรึกษาอะไรสัก
หน่อย ท่านกล่าวเช่นนั้นไม่รู้เรื่องอะไรกัน”
   “หัวหน้าสารวัตรมีอะไรกับผมหรือครับ”
ไอ้เปล่งถามขึ้นทันควัน  ทั้งๆที่สันหลังมันเย็นวาบๆ
   “ผมเองก็ไม่ทราบเจตนาของท่านเหมือนกันครับ  งั้นนายเปล่งรีบ
ไปบ้านไปเตรียมตัวด้วย  เพราะผมจะไปบ้านหัวหน้าท่าน
เหมือนกัน”
   ดังนั้นสารวัตรชัชวาลย์ก็สอบถามรายละเอียดส่วนตัวทุกๆคน
ยกเว้นหนุ่มชวนเท่านั้น   แล้วพร้อมให้ทุกๆคนกรอกข้อความลง
ในเอกสารทั้งหมดทันที   
   หนุ่มชวนอ่านหนังสือเอกสารนั้นเป็นหนังสือสมัครเข้ารับราชการ
ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  จึงบอกให้พรรคทุกๆคนรู้ไว้ ทำเอา
บรรดา  พรรคพวกต่างตื่นเต้นไปตามๆกันที่อยู่ดีๆส้มหล่นออกมา
ตกถึงตัวพวกมัน  และแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกที
   “ถามจริงๆเถอะนายเปล่ง???....เมื่อคืนนี้ที่บ้านพ่อหวนนั้นเป็น
ฝีมือการทำงานของพวกคุณหรือเปล่านะ  ด้วยผมได้รับการรายงาน
มาจากสายสืบไว้  จึงได้รีบมาสังเกตุการณ์ถึงที่นี่ แต่ก็เป็นความลับ
บอกเถอะเราพวกเดียวกันไม่ควรจะปิดบังอะไรกัน   สองสามวันนี้คง
จะมีคำสั่งแต่งตั้งลงมาแล้วล่ะ”
   เล่นเอาไอ้เปล่งอ้ำๆอึ้งๆไปทันที   ครั้นหนุ่มชวนเห็นดังนั้นจึงรีบ
รายงานทั้งหมดให้สารวัตรชัชวาลย์ทราบเรื่องนี้ในเหตุการ์ที่เกิดขึ้น
   เห็นสารวัตรหัวร่อเบาๆ สมควรแล้วล่ะงานอาทิตย์หน้าคงจะไม่
มีอะไรเกิดขึ้นทำให้เสียฤกษ์ยาม  นับว่านายเปล่งนี่แน่ดังคำบอก
ของท่านหัวหน้าจริงๆ  ท่านมองคนไม่ผิดเอาเสียเลย
   “อ้อเสร็จแล้วหรือนายเปล่ง  งั้นๆรีบกลับไปนำของจำเป็นส่วน
ตัวมาด้วยจะได้ไปด้วยกันนะ  วันหลังค่อยมาเอาเพิ่มเติมอีกก็ได้”
   “ครับท่าน”
   ไอ้เปล่งรับคำเบาๆ  แบบสบายใจมิได้เคลือบแคลงสงสัยใดๆ
ทั้งสิ้นด้วย เห็นไอ้ชวนค่อนข้างจะไว้ใจ ด้วยรู้นิสัยไอ้ชวนดีว่า
เป็นคนมีนิสัยอย่างไร   แล้วรีบลุกขึ้นก้าวเดินออกจาก
ร้านไปทันที เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังแล้วหายเงียบไป
   “ส่วนพวกนายตี๋เล็ก ตี๋ใหญ่ ชื่น วาสและกุ๋น นั้นท่านสั่งมาว่าให้
นำเข้าของไปอยู่บ้านคุณชวนโดยเร็วก่อนวันงานจะเกิดขึ้นก็แล้วกัน
 
จะได้ไม่ต้องเสียเวลามากนัก  ที่พวกนายทำไปนั้นถูกต้องแล้วล่ะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างพวกเราเท่านั้น ห้ามไปเอ่ย
ที่ใดๆอีกเสียล่ะ???...”
   “ครับถ้าอย่างนั้นท่านสารวัตรคงจะรู้เรื่องราวหมดแล้วใช่ไหม
ครับ”
   “ใช่แล้วคุณชวน ผมรู้มานานแล้วครับ สายสืบลับได้ไปรายงานให้
หัวหน้าฟัง     ท่านก็รีบแจ้งมาให้ผมทราบทั้งผู้กองจำลองและผู้กอง
จรัสแล้วล่ะ”
   และแล้วตำรวจทั้งหมดก็ต่างยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับพรรคพวก
หนุ่มชวนทันที   ซึ่งเหล้านี้ได้เตรียมไว้ตั้งนานแล้วจากไอ้วาสไอ้กุ๋น
   “เราพวกเดี๋ยวไปเตรียมตัวให้เรียบร้อยก็แล้วน่ะ   ทำอะไรๆก็ให้
เป็นความลับด้วยนะด้วย  ต่อไปคุณก็คือตำรวจแล้ว
พวกคุณตอนนี้เป็นสายลับพิเศษตามหัวหน้ากล่าวไว้โดย
ไม่สังกัดใครนอกจากหัวหน้าผมและผู้กองเท่านั้น  พวกเรานั้นที่
เป็นแบบคุณก็จะมีสัญญลักษณ์ประจำตัวไว้รู้กันเองระหว่าง
พวกสายลับพิเศษด้วยกัน ซึ่งบรรดาสายลับเหล่านี้ต่างก็พากัน
ขึ้นตรงต่อหัวหน้าผมอีกทีหนึ่ง  แล้วไม่ต้องไปรายงานตัว
ที่สถานีตำรวจอีกด้วย  การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนจะมีคน
ทำให้เสร็จถึงเวลาจะมีการส่งมอบหมายให้กันเอง
   หากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นก็ให้เอาสิ่งนี้ ที่ผมจะมอบให้พวกคุณ
ให้ตำรวจสถานีดู  เขาก็จะรู้เองว่าพวกคุณเป็นใครกัน แต่ทว่า
ในสถานีนั้นมีทั้งตำรวจพวกเราและไม่ใช่พวกอีกมากมายนัก
ฉะนั้นการกระทำอะไรๆควรจะระมัดระวังตัวไว้ด้วย หากไม่
จำเป็นไม่ต้องเปิดเผยตัวเองเป็นเด็ดขาด   หากมีอะไรอีกติดต่อมาทาง
ผมก็แล้วกันไม่ต้องไปถึงท่านหัวหน้าหรอก  เข้าใจคำพูดผมไหม
ล่ะทุกๆคนนะ????”
   “เข้าใจครับ  ขอบคุณท่านมากนะครับผู้กองด้วยและทุกๆคนครับ”
แล้วทุกๆคนเมื่อต่างชนแก้วกันแล้วก็หัวร่อด้วยกันด้วยความสดชื่น
การวิสาสะสนทนาผ่านไปด้วยปกติธรรมดา  อีกอย่างหนึ่งผมจะบอก
ให้คุณทราบคือว่า
   “ นอกจากพวกเราแล้วจะไม่มีใครรู้ว่าพวกคุณเป็นใครกันเลย  
เว้นจากพวกสายลับด้วยกันจะทราบด้วยมีการประสานงานกัน
เป็นประจำเสมอๆ  หากได้รับสัญญาณก็ให้รีบไปโดยด่วนที่สุด
ไม่ว่าจะติดธุระงานใดๆทั้งสิ้นก็ต้องรีบวางมือ ไปรวมตัวพบกันโดย
เร็วด้วยงานของพวกเราเป็นงานเฉพาะกิจเท่านั้นนะ  ส่วนก่อนจะ
พบกันนั้นจะมีการแสดงสัญญลักษณ์และรหัสประจำตัว ซึ่งผมจะ
นำมาส่งมอบให้หรือใช้ให้คนของผมมาให้โดยเฉพาะ พร้อมด้วย
รหัสสัญญาณต่างๆซึ่งจะต้องจดจำทุกๆอย่างให้ขึ้นใจ  เมื่อจำได้
จนแน่แก่ใจไม่ผิดพลาด แล้วให้ทำลายหลักฐานรหัสนั้นอย่าให้
มีหลักฐานโดยการเผาทิ้งคอยจนไหม้หมดแม้แต่ฝุ่นก็ทำลายด้วย
รหัสสัญญาณจะเหมือนกันหมด เว้นรหัสประจำตัวพวกคุณเท่านั้น
ที่เป็นโดยเฉพาะเจาะจง เพื่อป้องกันการปลอมแปลงสัญญลักษณ์
ไว้ เมื่อเห็นสัญญลักษณ์แล้วก็สอบถามรหัสประกอบด้วยนะ”
   “ครับนาย ผมจะจำไว้แล้วท่องให้ขึ้นใจและทำลายเสียให้หมด
สิ้น”
   “ดีแล้วล่ะ  ทุกๆคนต้องจำให้ได้อย่าลืมแล้วทำตัวเหมือนชาวบ้าน
ธรรมดาทั่วๆไป อย่าได้แสดงในสิ่งที่เรามีอยู่ด้วยอำนาจที่มีจะทำให้
เราจะต้องเสียใจในภายหลัง  ให้จำข้อนี้ไว้ให้ดีๆด้วย ทุกๆคนต้องมี
ระเบียบวินัย การฝึกปรือนั้นที่หน่วยเราอยู่ที่บ้านโคกอีแร้งบ้านกำนัน
ให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้ากลุ่มที่เป็นผู้ฝึก ซึ่งตอนนี้ซ่อนเร้นว่าเป็น
ทหารปลดจากกรมกองฯมา และกำลังฝึกชาวบ้านอยู่ ส่วนพวกเรา
จะแยกไปฝึกอีกทางหนึ่งต่างหาก ซึ่งหัวหน้ากลุ่มจะแจ้งให้ทราบ
เพียงแสดงสัญญลักษณ์และรหัสการสอบถามเท่านั้นเขาก็จะรู้ทันที
ว่าจะทำหน้าที่อะไรบ้าง ใช้เวลาฝึกไม่นานหรอกสำหรับพวกคุณที่
หัวหน้าท่านคัดเลือก  เพราะหน่วยนี้หัวหน้าท่านเป็นผู้คัดเลือกด้วย
ตัวท่านเองโดยเฉพาะตัว   จึงเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทุกๆคน
   “ครับหัวหน้า พวกผมจะจำไว้และไปรายงานตัวรับการฝึกฝนอีก
ทีหนึ่งตามคำสั่งลับตกมาครับท่าน”
   “อีกอย่างหนึ่งเมื่อรู้ถึงขนาดนี้แล้ว จะถอนตัวก็ไม่ได้แล้ว หากถอน
ได้มีทางเดียวเท่านั้น คือ “ ตาย ” หนทางเดียว”
สายรวัตรเอ่ยให้พรรคพวกชวนทั้งหมดฟัง ด้วยสีใบหน้าเฉยเมย
เหมือนกับไม่อะไรเกิดขึ้น เห็นเป็นของธรรมดา กับคำว่า “ตาย”
   ครับบรรดาพรรคพวกชวนตอนแรกก็ดีใจว่าจะได้แต่งกายเป็น
ตำรวจได้โอ้อวดชาวบ้าน แต่เหตุการณ์กลับผิดคาด ไม่ทำก็ไม่ได้ด้วย
ต่างก็ได้ยินถ้วนทุกตัวคนว่า มีทางเลือกทางเดียวคือ ตาย เท่านั้นเอง
แต่กระนั้นทุกๆคนก็พอใจ ด้วยสิทธิพิเศษหลายๆอย่าง และสารวัตร
บอกว่ามีมากกว่าตำรวจที่แต่งเครื่องแบบเสียอีก ตายก็จะได้รับการ
ปูนบำเหน็จสูงขึ้นกว่าตำรวจธรรมดา อย่างน้อยก็เป็นหมวดขั้นต่ำไป
ทุกๆคน  สิ่งนี้นี่เองทำให้บรรดาพระกาฬทั้งหกพากันชื่นมึนกัน
   บรรดาพรรคพวกของชวน ต่างพากันแสดงท่าทีนอบน้อมสารวัตร
และผู้กองมากยิ่งขึ้น
    ส่วนสาวลัดดาซิสงสัยยิ่งนักที่จู่ๆโต๊ะชายแปลกหน้ากลับไปร่วม
โต๊ะกับพวกทโมนทั้งเจ็ดได้อย่างไรกัน  จะเข้าไปถามหรือก็เกรงใจ
จะเสียมารยาทสู้ทนเก็บไว้ในใจ  แต่ใจหล่อนช่างรุ่มร้อนเสียจริงๆ 
กะว่าหากชายแปลกหน้าไปแล้วจะเข้าไปถาม
 จึงได้เพียงอยู่หน้าเคาเตอร์ค่อยมองๆดูเสมอๆคอยจังหวะเวลาเท่านั้น
    แต่แล้วหล่อนก็ต้องผิดหวังเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากชวนให้มาเก็บ
ค่าอาหาร  หล่อนนึกว่าคงจะต้องรีบออกไปพร้อมๆกันทั้งหมดแน่
นอน   จึงเดินเข้าไปหาทันที
   “นี่คุณดา   นี่คุณชัชวาย์กลับพวกเป็นพวกเราทั้งหมดนี่แหละ  และ
ค่าอาหารทั้งหมดเท่าไหร่หรือจ๊ะ???......”
   “วันนี้ดาไม่คิดค่าอาหารหรอกจ้าพี่ชวน ตามสบายเถอะพี่ วันหน้า
ชวนเพื่อนๆมาอีกก็ได้นะ”
    หญิงสาวสวยโสดประจำหมู่บ้านบางโคเอ่ยขึ้น
   “จะได้หรือจ๊ะของทุกวันนี้ของก็แพงเสียด้วยล่ะ คิดมาเถอะจ้า”
  “พูดไม่รู้เรื่องหรือไงล่ะพี่ชวน  ดาว่าไม่ก็คือไม่ซิ”
อากัปกิริยาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือทันที
  เมื่อได้รับการปฏิเสธของหล่อน  ทำเอาสารวัตรและพวกตาค้างไป
ทันทีต่อสิ่งที่พบเห็น ว่าอารมณ์หล่อนนั้นเป็นอย่างไร สมแล้วที่พวก
นี้เรียกหล่อนว่า แม่เสือโคร่ง คงจะไม่ผิด ดังที่ได้ยินแว่วๆจากพวกนี้
เมื่อสักครู่นี้ไว้ ยามโกรธเหมือนแม่เสือ ยามดีเหมือนกวางอ่อนงดงาม
แล้วคุณชวนจะรับมือไหวไหมหน่อ???...... สารวัตรหนุ่มคิดในใจ
       แต่แล้วน้ำเสียงหล่อนก็คืนกลับสู่ปกติธรรมดาทันที
โถๆๆๆไม่เข้าใจดาเสียบ้างเลยนะพี่ชวนนะ พี่หนอพี่???...”
    หญิงสาวเอ่ยเสร็จทำหน้าตากระเง้ากระงอดทันที   เล่นเอาหนุ่ม
ชวน ต้องปลอบใจหล่อนทันใด   ดังนั้นหล่อนถึงได้ยิ้มแก้มปริ 
แล้วเดินกลับออกไป  พลางสาวดาก็หันมาทางสารวัตรและพวก
กล่าวลาทุกๆคนไปทำงานก่อน ด้วยมีคนเข้าร้านมาอีกแล้ว
   “เอ๊ะแปลกนะคุณชวนเจ้าของร้านสาวและสวยด้วยไม่ยักกับคิด
เงินเลยแปลกๆๆๆ???....”
   “ไม่ต้องแปลกหรอกครับท่าน  เพราะหล่อนหมายมั่นปั้นมือว่า
จะเป็นคู่ครองของพี่ชวนเข้าครับ”
   ไอ้วาสและไอ้กุ๋นต่างรีบแย่งกันชี้แจงทันที   คราวนี้สารวัตรถึง
จะถึงบางอ้อ  พลางตบไปที่ไหล่ของหนุ่มชวน กล่าวว่า
   “ผมดูแล้วว่าหล่อนนั้นไม่ธรรมดานะคุณชวน คุณโชคดีจัง
แต่ในความโชคดีก็มีหลายๆสิ่งที่ควรระวังไว้ด้วยนะ”
   “ครับนาย  หล่อนไม่ธรรมดาจริงๆเป็นคนห้าวหาญไม่เกรงกลัว
ใครๆ  แม่เสือโคร่งดีๆนี่แหละครับ เหี้ยมโหดดุดัน
 จะมีใครกล้าตอแยอีกเล่าครับ  จะกลัวก็เพียงคนเดียวเท่านั้นแม้แต่
พวกผมเองยังเกรงใจเธอเลยครับ”
   ไอ้ตี๋ใหญ่เอ่ยขึ้นบ้าง   คราวนี้สารวัตรหัวร่อทันที
  
   “นั่นซิสมแล้วอุปนิสัยใจคอคุณชวนนี้ ซ้ำยังมีเสน่ห์แรงอีกด้วย
  ผมเพียงได้รับรายงานจากลูกน้องว่า หล่อนหากไม่เก่งจริงคงไม่อยู่
ถึงป่านนี้ไปได้หรอก  ใจถึงมือถึงเสียด้วยเชียวล่ะ”
   แล้วสารวัตรหัวร่อพร้อมลุกขึ้น ดังนั้นทุกๆคนก็รีบลุกแล้วก้าวตาม
สารวัตรไปทันที  คงจะเป็นเพราะไอ้เปล่งหิ้วถุงเสื้อผ้ากำลังจะก้าว
เข้ามาในร้านพอดี  หนุ่มชวนก็เอ่ยขึ้นว่า
   “ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอแยกตัวกลับบ้านเลยนะครับ” 
พร้อมยกมือขึ้นไหว้สารวัตรทันที
   “ตามสบายเถอะคุณชวน อ้อๆๆเดี่ยวผมจะนำนายเปล่งไปส่งให้
นายแล้วก็จะให้นายเซ็นต์ชื่อแล้วจะรีบส่งรายงานไปโดยด่วนด้วย
คงจะไม่เสียเวลานานหรอก  คิดว่านายคงจะรายงานไปทางท่านแล้ว
กระมังน๊ะ”
    ดังนั้นทุกๆคนต่างก็แยกย้ายกันไป  จนร้านคงเหลือไว้พวกที่มา
สั่งอาหารกินไม่ขาดสาย  จนทำให้แม่ลัดดาวุ่นวายไปพักหนึ่ง
    ตกเดือนหนึ่งผ่านไปเห็นจะได้งานแต่งงานของเจ้าชัยและ
สาวบงกชก็เป็นที่เรียบร้อย  
หนุ่มชัยก็ต้องมาอยู่บ้านเจ้าสาวเป็นเวลาหนึ่งเดือนตามประเพณี ใน
ระหว่างงานแต่งนั้น 
  บรรดาไอ้แม้นและพรรคพวกไม่มีเวลามาจุ้นจ้านได้ด้วย  ไอ้แม้น
เพียงแต่มองขบวนขันหมากแห่ผ่านหน้าบ้านมัน นอกจากยังไม่
หายดีจึงได้แต่กัดฟันกร๊อดๆ  และหญิงชายต่างก็นั่งมองดูเฉยๆ
เท่านั้น  นอกจากได้ยินบรรดาสาวๆต่างเปรยขึ้นเบาๆกับพวกสาวๆ
ว่าเมื่อไหร่หนอพวกเราจะได้มีโอกาสแต่งงานแบบนี้ด้วย
หรือเปล่าก็ไม่รู้เท่านั้น  ส่วนพรรคพวกเหลือไว้แต่บรรดาสมุน
พวกมันเจ็บมาก   คนเจ็บน้อยก็มัวสารวนกับการลำเลียงของเพื่อจะ
ส่งมอบให้กับเสียเม้งที่จะมารับของ ด้วยกำนันมั่นไม่ยอมให้ใครๆ
ไปไหนๆอีกแล้ว  กลัวจะเสียงานทำให้แกต้องเดือดร้อนขึ้นอีก
    ดังนั้นครั้นเวลาผ่านหนึ่งเดือนไปหนึ่งเดือนกว่าๆ
หนุ่มชัยก็นำสาวบงกชมาอยู่ที่บ้านของพ่อเชียรแม่เข็ม ต่างทำความ
เคารพพ่อแม่  แล้วเข้าไปยังห้องตนเองซึ่งพ่อเชียรแม่เข็มจัดไว้ให้
โดยเฉพาะส่วนตัว  ตลอดยังได้พบกับนายเปล่งซึ่งพี่ชายได้แนะนำ
ให้รู้จัก ต่างคนก็ทำความสนิทสนมกันนับเป็นครอบครัวเดียวกันไป
แล้ว  มันทราบภายหลังว่าทุกๆคนได้รับการบรรจุเป็นตำรวลับกัน
หมดทั้งสิ้นตลอดจนผ่านการฝึกฝนเพิ่มเติมอีกมากมาย  ส่วนตัวมัน
เองนั้น  ต้องคอยรับใช้หัวหน้าใหญ่ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาอีกทาง
และมันก็ได้รับการบรรจุเป็นตำรวจลับด้วยเช่นกัน มือซ้ายขวาของ
ของหัวหน้ามันนั้นตลอดจนบริวารล้วนเป็นหุ่นพยนต์ ที่หัวหน้ามัน
ได้สร้างขึ้นทั้งสิ้น  ตลอดจนได้รับการแนะนำให้รู้จักกันด้วยและ
ยังได้พบกับแสงสี สินชัยมือซ้ายขวาของหัวหน้าและบริวาร
ทั้งหลายของหัวหน้า  โดยมีหัวหน้าเขาเป็นผู้ฝึกปรือให้เอง และยิ่งทึ่ง
ในความสามารถพิเศษของหัวหน้า ที่เชี่ยวชาญอาวุธยุทโธปกรณ์
ตลอดจนเวทย์มนต์ต่างๆ  และพวกนั้นล้วนเป็นพวกหุ่นพยนต์ที่
เจ้านายมัน ปลุกเสกขึ้นทั้งหมดเป็นบริวารนอกเหนือจากพวก
สายลับพิเศษอีกทอดหนึ่ง ซึ่งคนอื่นย่อมจะไม่รู้หากนายใหญ่
ไม่บอกมันไว้   ดังนั้นอุปนิสัยใจคอที่ฉลาดหลักแหลมสุขุม
มีความละเอียดอ่อนความจำเยี่ยมและตัวของมันเองยังได้รับ
การถ่ายทอดวิชาให้เกือบทั้งหมด  ทำให้มันเป็นไอ้เปล่งคนใหม่จึง
บังเกิดความเคารพนับถือทั้งกายและใจ ตลอดจนได้รับการฝึกปรือ
ด้านสมาธิซึ่งมันเกิดมาไม่เคยรู้จักอีกทางหนึ่งด้วย...........
        แก้วประเสริฐ.   

1139348gm3744qpip.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    18 เมษายน 2554 17:09 น. - comment id 123517

    มาติดตาม อทิสมานกาย ต่อครับครู
  • แก้วประเสริฐ

    18 เมษายน 2554 18:22 น. - comment id 123519

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
            จ้าศิษย์รักเรา กว่าจะจำเนื้อความเก่า
    ก็ต้องย้อนกลับอ่านเสียหลายๆบทเชียวจึง
    จะเริ่มได้ ด้วยครูเองเวลาเขียนแล้วจะลืม
    ไปหมดไม่นำมาใส่ใจไว้เลยล่ะ  นี่เริ่มเข้า
    รูปเข้ารอยบ้างแล้วล่ะนะ  รักศิษย์เรามากเสมอๆ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เอื้องอังกูร

    19 เมษายน 2554 14:55 น. - comment id 123525

    หวัดดีครับ
    ยิ่งอ่านยิ่งสนุก..เข้มข้นขึ้นเรีอยๆเลยครับ36.gif16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    19 เมษายน 2554 18:28 น. - comment id 123528

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
           สวัสดีครับ ผมจะเขียนไปเรื่อยๆไม่ร้อน
    รนครับ คิดว่าจะเร่งแต่ช่างเถอะปล่อยไป
    เรื่อยๆก่อนดีกว่าครับ ขอบคุณครับที่เม้นท์
    ทำให้เป็นกำลังใจขึ้นครับคิดว่าคนจะไม่สน
    ยังมีคุณ จึงเขียนมิฉนั้นเลิกแล้วครับ สู้เขียน
    กลอนเพลิดเพลิน ร้อยแก้วสนุกก็จริง
    แต่ใช้สมองมากๆกว่าครับ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เอื้องอังกูร

    20 เมษายน 2554 14:54 น. - comment id 123538

    หวัดดีครับ
    เขียนจบอย่าลืมรวมเล่มนะครับ...
    ผมจะจองเปนคนแรกและจะซื้อไปฝากเพื่อนๆด้วยครับ
  • แก้วประเสริฐ

    20 เมษายน 2554 15:10 น. - comment id 123539

    16.gif36.gif16.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
         ขอบคุณมากครับที่เป็นกำลังใจให้ผม
    เสมอๆมา  ผมนั้นไม่มีปัญญารวมเล่มได้
    หรอกครับ ติดต่อกับ คุณกิ่งโศก ซิครับเขา
    เกริ่นผมไว้ว่า จะรวมเล่มทั้งสามเรื่องไว้ที่อยู่
    ก็ตามหน้าส่วนตัวของเขากระมังครับ ทีแรก
    จะเป็นสี่เรื่อง คือฟ้าเพียงดิน แต่ผมหยุดเขียน
    ไปอันที่จริง ฟ้าเพียงดินผมแทรกไว้หลายๆ
    รส คือทั้งสนุกโปกฮาอ่อนช้อย
    ตลอดการต่อสู้ชิงรักหักสวาทกัน
    พลิกแนวการเขียนไว้มากๆเสียด้วยไม่ตาม
    แผนลครทั้งหมดผมเองไม่ค่อยชอบแบบ
    นี้และไม่ชอบเลียนแบบใครๆ  มิฉนั้นจะ
    ไม่สนุกเพลิดเพลินกับผมครับ
    นี่ที่กล่าวไว้เฉพาะเรื่องยาวเท่านั้นเอง
    ส่วนเรื่องสั้นนั้นเพียงเกริ่นๆไว้เท่านั้น
       ขอบคุณที่ให้กำลังครับ  รักเสมอๆครับ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน