“ฉัน” ที่แท้จริงเป็นอิสระเสมอ...

คีตากะ

1667735kfg3o87p34.gifปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
ซันตี้เหมิน ผิงตง ฟอร์โมซา ๒๑ ธันวาคม ๒๕๓๕
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

ถ : ฉันมีคำถามอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นคำถามเชิงทฤษฎีล้วนๆ แต่ฉันวนเวียนอยู่กับมันมาเป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว ฉันเข้าใจด้วยความคิดว่า เราไม่มีตัวฉัน ความรู้สึกของเราไม่ใช่เรา และความคิดของเราก็ไม่ใช่เรา และอื่นๆ ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่ดำรงสืบทอดจากการเกิดชาติหนึ่งๆ ไปสู่อีกชาติหนึ่ง และอะไรก่อให้เกิดกรรมและเก็บสะสมกรรมไว้ และอะไรก่อให้เกิดบุญและเก็บสะสมบุญ? เป็นความคิดของเราหรือเปล่า?
อ : เป็นความคิดของเราและดวงวิญญาณของเราที่ยึดติดอยู่กับความคิดนั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากรถวิ่งผิดปกติไป และคนขับไม่รีบกระโดดออกไปจากรถเขาก็จะเสร็จเรียบร้อยไปพร้อมกับตัวรถ หากเขากระโดดออกมาทันเวลา หากเขาไม่ยึดติดกับรถจนพยายามกู้รถคันนั้นไว้ เขาก็อาจกู้ชีวิตของตนไว้ได้ มีคนบางคนรักรถมากกว่าชีวิตของตนเอง นั่นเป็นปัญหาเดียวกันกับพวกเราส่วนมาก เราจะรักที่จะสะสมขยะของเรามากกว่าดวงวิญญาณของเรา รักมันมากกว่าตัวตนแท้จริงของเรา เราจะติดต่ออยู่เสมอกับโลกภายนอก กับการเก็บรวบรวมความคิด กับความคิดเบี่ยงเบนทั้งหลายแหล่ กับเรื่องไร้สาระมากมายหลายประเภท แต่เรามิได้ติดต่ออยู่กับพระผู้เป็นเจ้าแท้จริงของเรา กับตัวตนแท้จริงของเรา ดังนั้นเราจึงมีแต่ปัญหา
      ฉันจะพยายามอธิบายเพิ่มเติม ในชีวิตของเธอนั้น ทราบไหมว่า ใครเป็นผู้มีชีวิตอยู่ในขณะนี้? มันคือตัวรับรู้ คือตัว “ฉัน” ที่แท้จริง ซึ่งมีชีวิตอยู่โดยผ่านสื่อรับรู้ต่างๆ เช่น มือ เท้า ดวงตา หู ปาก ความรู้สึก และสมอง เป็นฉะนี้ และหากตัว “ฉัน” ซึ่งคือตัวรับรู้นี้คอยติดอยู่กับความรู้สึกเหล่านี้ กับการคิดแบบนี้ กับข้อมูลนี้แล้วนั้น เมื่อนั้นตัว “ฉัน” ก็จะไม่สามารถเป็นอิสระได้จากความรู้สึกต่างๆ จากการคิด จากความคิดอันสั่งสมมาของสังคม ซึ่งสังคมคิดไปเองตามสภาพแวดล้อม ตามความเคยชิน เมื่อนั้น แน่นอน ตัวรับรู้แท้จริงนั้น ตัว “ฉัน” แท้นั้นก็จะต้องกลับมาอีก แต่หากตัว “ฉัน” แท้นี้เข้าใจเสมอว่าตัวมัน ตัว “ฉัน” แท้ ตัวรับรู้แท้จริงนั้นเป็นเพียงประจักษ์พยานของความรู้สึกเหล่านี้ ของการคิดเหล่านี้ ของความคิดสั่งสมทั้งมวลเหล่านี้แล้วนั้น เมื่อนั้นตัว “ฉัน” นี้ก็จะไม่มีวันติดอยู่กับความรู้สึกหรือความคิดเหล่านี้ และจะเป็นอิสระเสมอไป ดังนั้นเมื่อเขาจะตาย เขาทราบอย่างถ่องแท้ว่า เขาไม่ใช่ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งผูกมัดเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมนี้  ไม่ใช่ความคิดเหล่านี้ และเขาก็เป็นอิสระ เขาจะก้าวมั่นกลับสู่ตัวรวมทั้งหมด สู่แม่น้ำแห่งชีวิตทั้งสาย และไม่ไปติดค้างอยู่ในมุมของสิ่งที่เรียกกันว่า ความคิด ความรู้สึก ความเกลียดชัง และความรัก ดังนั้นเราจะต้องปลุกความรู้ตัวของเราให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ดึงมันกลับมา และคอยเตือนมันอยู่ตลอดเวลาว่า “เธอไม่ใช่ความรู้สึกนี้ เธอไม่ใช่ความคิดนี้ เธอไม่ใช่สิ่งนี้ และเธอไม่ใช่สิ่งนั้น” เข้าใจไหม? ไม่มีสิ่งใดที่เป็นเธอ!
ถ : ในเรื่องของความเจ็บปวดก็เป็นเช่นเดียวกันหรือไม่?
อ : ถูกต้องแล้ว เพราะมันเป็นร่างกายที่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เส้นประสาทจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด เพราะเส้นประสาทถูกสร้างไว้ให้รู้สึกสิ่งต่างๆ ตัวรับรู้จะเพลินใจกับความรู้สึกเหล่านี้และเพลินใจกับการรับทราบสิ่งต่างๆ ภายนอก มิฉะนั้นแล้ว เราจะรับรู้ได้อย่างไร? มันคือการที่ตัวรับรู้ประสบกับความรู้สึกถึงความเจ็บปวดผ่านร่างกาย แต่ตัวรับรู้เองนั้นไม่เคยมีความเจ็บปวด! หากเธอรับประทานผลแอปเปิ้ล ก็จะเป็นผลแอปเปิ้ลซึ่งมีรสหวาน มิใช่ลิ้นของเธอที่หวาน มิใช่เธอที่หวาน! ความหวานมิใช่เธอ แต่มันมาจากผลแอปเปิ้ล เธอเป็นเพียงผู้เพลิดเพลินใจกับความหวานนั้น ในทำนองเดียวกัน เราเองตัวรับรู้นั้นก็จะเพลินใจกับความสุข รับทราบถึงความเจ็บปวด และปฏิเสธในสิ่งซึ่งไม่น่าพึงพอใจ แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต่างก็ไม่สลักสำคัญอะไร เธออาจเพลินใจกับมันหรือไม่ก็ปฏิเสธมัน เธออาจเรียนรู้ถึงสิ่งซึ่งไม่น่าพึงพอใจ หรือถึงสิ่งซึ่งเพลิดเพลินใจ แต่ก็มีอยู่แค่นั้น เธอมิได้เป็นตัวน่าพึงพอใจหรือตัวไม่น่าพึงพอใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสถานการณ์ต่างๆ เท่านั้น
      ดังนั้น ทำไมเธอจึงจะมัวมาติดอยู่ตรงนั้น แล้วถูกผูกมัดอยู่ชาติแล้วชาติเล่า? เป็นเพราะเธอยังรู้สึกไม่พึงพอใจ เธอจะต้องทราบว่า สิ่งเหล่านี้อยู่เพียงแค่ชั่วคราว วันนี้มันมา พรุ่งนี้มันก็ไป โอเค ก็มีอยู่แค่นั้น ถ้าฉันมีความสุข ฉันก็จะสุขไปกับมัน ถ้าฉันประสบสิ่งซึ่งไม่น่าสุขสบายใจ ฉันก็จะอดทน ก็มีอยู่แค่นั้น เมื่อฉันจากไปแล้ว ฉันก็ไปแล้ว เมื่อฉันไม่มีสิ่งเหล่านั้น ก็คือฉันไม่มี มิฉะนั้นแล้ว หากเรา ตัวรับรู้นั้น คอยไล่ตามความสุข เราก็จะกลับชาติมาเกิด ตัวรับรู้จะพยายามคอยจับความรู้สึกสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ แล้วมันจะพยายามจับตนเองเข้าไปอยู่ในกรอบอีกครั้งหนึ่ง แล้วเพลิดเพลินใจไปกับมัน หรือไม่ก็มีความทุกข์ ด้วยคอยแต่ยึดเกาะอยู่กับความรู้สึกหวานหรือขมนี้อยู่ตลอดเวลา คอยแต่ไล่ตามมันไป
      หากใครให้ผลแอปเปิ้ลกับเธอ แล้วเธอรับประทานมันลงไป โอ เธอชื่นชอบมันเป็นยิ่งนัก! แต่แล้วเธอไม่มีผลอื่นอีก เธอจึงเที่ยวไปทุกหนแห่งเพื่อเสาะหาแอปเปิ้ลอีกสักผลหนึ่ง ทุกๆ วัน ความคิดของเธอได้แต่กล่าวว่า “แอปเปิ้ล แอปเปิ้ล แอปเปิ้ล!” เธอไม่เป็นอันทำสิ่งอื่นใด แล้วเธอก็เสียศูนย์ไป เธอเสียศูนย์ไปเพราะความหวานของแอปเปิ้ล ในชีวิตของเราก็เป็นเช่นเดียวกัน ตัวรับรู้จะคอยไล่ตามสิ่งน่าพึงพอใจและรังเกียจสิ่งซึ่งไม่น่าพึงพอใจ แล้วเราก็จะติดชะงักอยู่ตรงนั้น ตัวรับรู้ไม่สามารถปลดปล่อยตนเองจากความรู้สึกเหล่านี้ได้ ดังนั้นเราจึงถูกผูกมัด เราไม่หลุดพ้น หากเราทราบอยู่ทุกชั่วขณะ โดยเฉพาะ ณ เวลาแห่งความตายว่าเรามิใช่ความรู้สึกนี้ เราไม่สนใจความรู้สึกนี้ และว่าเราจบแล้วกับความรู้สึกทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อนั้นเราก็จะเป็นอิสระ เราเป็นอิสระอยู่เสมอ! เราไม่เคยไร้อิสระ (ผู้ชมปรบมือ)
      ดังนั้นจงร้องไห้เมื่อเธอต้องการ และหัวเราะเมื่อเธอพอใจ แต่จงเข้าใจว่าการร้องไห้และหัวเราะนั้นมิใช่ตัวเธอ เธอเพียงประสบ รับรู้มัน เพื่อจะได้รู้สิ่งต่างๆ เพื่อจะได้มีตัวตน มิฉะนั้นแล้วเธอจะไม่มีตัวตน มิฉะนั้นแล้วโลกก็จะไม่มีตัวตน เรามักจะกล่าวว่า โลกนี้เปี่ยมไปด้วยความทุกข์ และไม่ควรมีตัวตนอยู่ แต่ทำไมมันจึงไม่ควรมีตัวตนอยู่ด้วยเล่า ถ้าไม่มีมัน ก็คงน่าเบื่อด้วย จะไม่มีอะไรให้ทำ และเธอก็จะได้แต่เพลิดเพลินใจอยู่ตลอดเวลา “โอ ฉันเป็นนี่ ฉันเป็นนั่น (ผู้ชมหัวเราะ) ฉันเป็นพระเจ้า ก็มีอยู่แค่นั้น ฉันเป็นพระเจ้าผู้มีอำนาจเหนือสิ่งทั้งปวง แล้วฉันก็ทราบดี! ฉันไม่มีความทุกข์ ไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันปลื้มสุขอยู่ตลอดเวลา” แล้วอย่างไรล่ะ? ไม่ต้องมาใส่ใจกันเรื่องนิพพาน จะใส่ใจไปทำไมกัน? ถ้าเธอมีความสุขอยู่ทุกวัน จะสนใจมันไปทำไม?
      แต่เป็นเพราะเธอยังคงปรารถนาในนิพพาน ดังนั้นจงพยายามเพื่อให้ได้มันมา จงพยายามจนกระทั่งเธอไม่ปรารถนามันอีกต่อไป จนกระทั่งเธอเหนื่อยใจกับมัน แล้วเธอก็จะเป็นอิสระ (ท่านอาจารย์และผู้ชมหัวเราะ) ฉันเพียงต้องการให้เธอพยายามให้ได้มาซึ่งนิพพาน เพราะฉันต้องการให้เธอทราบว่า เธอไม่จำเป็นต้องได้นิพพาน แต่ตราบใดที่เธอต้องการมัน ก็จงพยายามไป หากเธอยังคงต้องการของปลอมที่ทำมาจากพลาสติก ก็จงมีมันไป จงมีมันไปจนกระทั่งปากของเธอแห้งผาก ไร้ซึ่งน้ำนม ไร้ซึ่งสิ่งใดๆ จากนั้นวันหนึ่งเธอก็จะโยนมันทิ้งไป และตระหนักว่า เธอมิได้จำเป็นต้องใช้มันตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเธอเป็นอิสระจากมันเสมอมา เธอไม่จำเป็นต้องใช้มัน....

1087539ted80gu9vk.gifBe Veg, Go Green 2 Save The Planet

www.SupremeMasterTV.com				
comments powered by Disqus
  • black coffee

    11 พฤษภาคม 2554 12:45 น. - comment id 123774

    พระเจ้าคือกุญแจดอกเดียว..ที่จะให้มนุษย์ได้เข้าใจและมองเห็นทุกสิ่ง..และเป็นอิสระจากสิ่งที่ผูกมัดทั้งหลายในโลก..
  • ฤกษ์ไม่ได้ล๊อกอิน)

    12 พฤษภาคม 2554 06:36 น. - comment id 123784

    จาก คห. 1จะเอากุญแจจากพระเจ้าองค์ไหนดีล่ะ มีหลายองค์เหลือเกิน

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน