กาแฟถ้วยสุดท้าย

..สายลมทะเล..

“เบลอ.. เบลอ!”
ชายหนุ่มกระซิบอยู่ในลำคอพลางเอาปากกาตีเข้าที่หลังมือหญิงสาวที่นั่งหลับนกน้ำลายไหล
เบลอหญิงสาวเจ้าของชื่อลืมตาตื่น ขยับปากกาทำปากขมุบขมิบ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง โปรเฟสเซอร์ส่ายหัวอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ปรามด้วยสาตาดุๆ และหันไปเลคเชอร์ต่อ
“จะหลับอะไรกันนักกันหนา หึยายเบลอ พี่เห็นเราหลับได้หลับดีทุกวัน”
“เมื่อคืน อ่านหนังสือดึกไปหน่อยพี่เป๊ก.. ก็เตรียมมาเรียนนี่แหล่ะ”
“แล้วมันมีประโยชน์มั๊ยเนี่ย อ่านแล้วมานั่งหลับในห้อง.. เชื่อเธอเลย”  “หลับก็ไม่ไว้หน้าสาวไทย.. น้ำลายยืดเป็นทาง” ชายหนุ่มบ่นกะปอดกะแปด
“ฮ่าๆ จริงใจค้าบจริงใจ” สาวน้อยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ชายหนุ่มได้แต่ระอา นี่หรืออดีตสาวอักษรจุฬาที่เขาว่าไฮโซ นักเรียนทุนและว่าที่อาจารย์สาวมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคอีสาน ..เฮ้อ คิดแล้วก็ปวดหัว
“เอ้า พี่เป๊ก มอคค่าของพี่” เบลอยื่นแก้วกาแฟร้อนพร้อมน้ำตาลซองส่งให้
“อ้าว ทำไมน้ำตาลซองเดียว”
“โหพี่ แมนมั่งเหอะ.. ผู้ชายที่ไหนเขากินกาแฟใส่น้ำตาลกัน เอามาให้ซองนึงก็บุญแล้ว”
“อ๊ะ ยายเบลอ แมนมันกินหวานไม่ได้หรือไงล่ะ” “ก็เพราะเรามันกินแต่กาแฟดำนี่แหล่ะ ผู้ชายมันถึงไม่มาจีบ กาแฟขม..ชีวิตมันก็ขมขื่นตามกันไปล่ะครับ” 
“ไม่เป็นไร โสดซิดี ชอบ” สาวน้อยตอบแบบไม่ยี่หระกับคำสบประมาท เธอเป็นตัวของเธอเองอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในคำพูดที่ไม่สะทกสะท้านจะมีความนัยซ่อนอยู่หรือไม่ ยากเกินความเข้าใจของชายหนุ่ม.. แต่ความเป็นธรรมชาติของเธอ ชายหนุ่มแอบยอมรับว่า..มันมีเสน่ห์อย่างประหลาด
“เบลอ.. เบลอ!” หญิงสาวสูดน้ำลายกลับเข้าปาก ขยับปากกาและทำปากขมุบขมิบเหมือนครุ่นคิดถึงโจทย์ตรงหน้า
ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างระอา “พรุ่งนี้จะหลับในห้องสอบมั๊ยเนี่ย”
“หลับเหลิ๊บอะไร มั่วแล้วพี่เป๊ก ไม่ได้หลับสักหน่อย” สาวน้อยปฏิเสธหน้าใสซื่อพลางเอามือวางทับรอยน้ำลายบนสมุดโน้ต 
“ไม่ได้มีอายเล้ย” ชายหนุ่มหยิบกระดาษทิสชู่ในกระเป๋าเป้ส่งให้
หญิงสาวหน้าแดง แต่ก็รับไปเช็ดแต่โดยดี ..นั่นเป็นครั้งแรก ที่ชายหนุ่มเห็นเธออายจนหน้าแดง ใบหน้าของเพื่อนสาวในวันนั้นยังประทับอยู่ในความทรงจำจนทุกวันนี้
ช่วงเวลาห้าเดือนผ่านไปเร็วเหมือนใบไม้ร่วง 
หลังสอบปลายเทอม ชีวิตของคนสองคนก็เหมือนเดินกันอยู่คนละทาง เบลอลงทะเบียนเรียนเทอมสุดท้ายในสายบัญชี ส่วนชายหนุ่มลงเรียนในสายวิศวะ แม้สองคนจะสนิทกันค่อนข้างมาก แต่น่าแปลก..นอกจากนัดคุยเรื่องงานและเตรียมสอบแล้ว ต่างก็ไม่เคยโทรหาและนัดเจอกันเลย ..ชีวิตนักเรียนทุนสองคนในต่างแดนช่างพิลึกนัก เอ หรือเวลาห้าเดือน มันน้อยเกินกว่าจะสนิทสนมกัน.. ชายหนุ่มได้แต่คิดอยู่คนเดียวเงียบๆ 
หกโมงยี่สิบนาที ท้องฟ้าแถบชานเมืองมืดสนิท แต่เจ้าของแก้วกาแฟที่เย็นชืดยังคงนั่งมองเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งนิ่งเหมือนไม่รับรู้วันเวลา ..อุณหภูมิ 17 องศาอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมกาแฟจึงเย็นชืด แต่ความจริงที่ซ่อนเร้น คือมันถูกชงวางไว้ตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว.. กาแฟที่ใส่น้ำตาลแค่ครึ่งช้อน ทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงหญิงสาว ..ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ มีเพื่อนกินกาแฟหรือเปล่า จะยังนั่งหลับน้ำลายไหลอยู่ไหม
ทุ่มสี่สิบ.. รสบัสจากชานเมืองจอด ณ สวนสาธารณะใจกลางไครเชิร์ท ชายหนุ่มค่อยๆ เดินใจสั่นลงจากรถ มือถือโทรศัพท์แน่น เบอร์โทรเบอร์หนึ่งยังคงค้างอยู่ในหน้าจอ 
“ฮัลโหล พี่เป๊ก มีอะไรเหรอ” เสียงใสๆ ที่คุ้นเคยดังมาจากอีกปลายสาย
“อ๋อ เปล่า บังเอิญพี่มาทำธุระในเมือง เห็นร้านกาแฟเลยนึกถึง..” ชายหนุ่มหยุดหายใจชั่วครู่ “มากินด้วยกันมั๊ย” แม้จะพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ แต่เจ้าของเสียงก็รู้ว่า น้ำเสียงที่เอ่ยชวนมันผิดไปจากที่เคยเป็นมา
“เบลอออกมากินอาหารเกาหลีกับพี่ๆ ที่หอนะพี่เป๊ก เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันเนาะ”
“โอเคคร้าบ ไม่มีปัญหา เอาไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกัน”
“บะบ๊ายค่ะ”
“บายครับ” ชายหนุ่มวางสายไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ยิ้มให้กับห้วงอากาศตรงหน้า..กาแฟพร่องน้ำตาล มันขมขื่นอย่างนี้เอง
สามทุ่มครึ่งชายหนุ่มลงจากรถประจำทางและเดินเข้าบ้านอย่างเงียบเหงา.. 
บ้านหลังกะทัดรัดปิดไฟเงียบ กักขังความเหงาไว้เป็นเพื่อน เจ้าของบ้านไปเล่นดนตรีต่างเมืองอีกหลายวันจึงจะกลับ ที่จริงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา บ้านหลังนี้เสมือนชายหนุ่มอยู่เพียงลำพังมาโดยตลอด อาชีพของเจ้าของบ้านทำให้เขามักไม่ได้อยู่ติดบ้านนัก.. บ้านหลังนี้ก็เลยเหมือนมีชายหนุ่มเป็นเจ้าของ
แก้วกาแฟยังวางอยู่ที่เดิม ด้วยความรีบร้อน มันจึงยังไม่ถูกเอาไปล้างเก็บตามวิสัยรักสะอาดและเจ้าระเบียบของชายหนุ่ม ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเองและยกแก้วกาแฟที่เย็นชืดขึ้นดื่ม.. พรุ่งนี้ เขาจะเข้าเมืองไปกินกาแฟอีกครั้ง กาแฟร้อนๆ ไม่ใส่น้ำตาล ..กาแฟดำแบบแมนๆ
ดึกมากแล้ว ชายหนุ่มกระโดดขึ้นเตียงนอน เบอร์โทรศัพท์สายสุดท้ายยังถูกกดค้างอยู่หน้าจอ ..ชายหนุ่มให้สัญญากับความเงียบ “ไว้พรุ่งนี้..แล้วเดี๋ยวจะรีบโทรไปแต่เช้า” นอนนึกถึงประโยคที่จะพูดกับหญิงสาว “เบลอ..วันนี้ไม่ว่างไม่เป็นไรนะ ..แต่พี่จะโทรมาชวนเบลอทุกๆ วัน.. จนกว่าเบลอจะว่าง ไปกินกาแฟด้วยกันนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้กับความหวานที่ไม่ต้องพึ่งน้ำตาลและหลับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
4 กันยายน 53, ตีสี่สามสิบห้า เช้ามืดบนแผ่นดินใกล้ขั้วโลกใต้ ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ความแรงระดับ 7.1 ริคเตอร์ทำลายอาคารบ้านเรือนของไครเชิร์ทเสียหายเป็นบริเวณกว้าง หลายๆ ครอบครัวหลับไปในคืนนั้นโดยไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีก และหนึ่งในนั้น ได้รวมเอาชายหนุ่มในบ้านหลังกะทัดรัดชานเมืองที่มักปิดไฟเงียบและกักขังความเหงาไว้เป็นเพื่อนหลังนั้น.. 
ไม่มีกาแฟร้อนของพรุ่งนี้.. มีเพียงกาแฟแก้วสุดท้ายที่เย็นชืด ..และรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    30 มิถุนายน 2554 01:18 น. - comment id 124679

    เศร้านะคะ
    
    ไม่มีอีกแล้วของวันพรุ่งนี้   11.gif
  • โคลอน

    30 มิถุนายน 2554 11:50 น. - comment id 124684

    10.gif
    
    ถ้าคนเราหยั่งรู้อนาคตได้ คงจะไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอยไปอย่างไม่หวนกลับเช่นนี้นะคะ36.gif
  • ..สายลมทะเล..

    30 มิถุนายน 2554 13:11 น. - comment id 124688

    เศร้าครับ.. ดีว่าเป็นแค่เรื่องแต่ง..
    
    เพราะเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีหรือไม่.. วันนี้จึงควรทำทุกอย่างให้ดี..
    
    ขอบคุณนะครับที่แวะทักทาย..ฉางน้อย โคลอน
  • din

    4 กรกฎาคม 2554 11:20 น. - comment id 124743

    16.gif...........
    
    เศร้าจังจ้ะ
    
    ขอให้เป็นเพียงเรื่องแต่ง
    ชีวิตยังคงมีพรุ่งนี้อยู่นะ
    
    ....................16.gif
  • เด็กปลายทาง

    19 กรกฎาคม 2554 14:09 น. - comment id 125098

    เศร้าจังเลยค่ะ เเต่ยังพุ่งนี้อีก57.gif
  • A.

    17 เมษายน 2555 01:31 น. - comment id 128828

    รอยยิ้ม และ ความหวัง... ชอบจัง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน