อทิสมานกาย ๙๘

แก้วประเสริฐ


                        อทิสมานกาย ๙๘
   ครั้นเจ้าเปล่งระหว่างหัวร่อไปนั้น ก็มองหน้าบรรดาพรรคพวกแล้ว
ก็ให้อดเวทนาไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นว่า
   “พวกเอ็งอย่าไปกลัวอะไรเลย ถึงอย่างไรพวกที่เจ้าเคล้าคลอนั้น
ล้วนแล้วแต่การฝึกฝนจากข้ามาทั้งสิ้น  ดังนั้นแม้นว่าจะหาใช่คนนั้น
ก็จริงอยู่ แต่ทุกๆอย่างจะมีส่วนล้วนเหมือนคนทั้งสิ้น   หากใครที่ไม่
มีภรรยาก็จะเลือกไปเลี้ยงเป็นภรรยาได้เหมือนดั่งคนนั่นแหละ  เพียง
แต่ว่าจะไม่สามารถมีลูกกับหล่อนเหล่านั้นได้  จึงเบาใจได้เพราะนาง
ทั้งหลายนั้นต่างก็ล้วนจะเป็นคนเข้าไปทุกขณะแล้วล่ะ แต่ถ้าหากวัน
ใดที่เรียนสำเร็จก็จะไปอาศัยร่างที่ตายแล้วใหม่ๆเข้าอยู่ก็สามารถมีลูก
ได้นะ ด้วยจิตวิญญาณของคนที่ตายนั้นจากไปแล้วคงเหลือซากไว้จึง
จะกลายร่างเป็นคนก็สามารถสืบตระกูลได้แหละเพียงแต่ผิดกันที่
รูปร่างหน้าตาเท่านั้นเอง”
   “จริงๆหรือเปล่ง เฮ้ย!!!???....อาจารย์เปล่ง ที่สามารถจะรับไปเป็น
เมียได้นะเพียงแต่ไม่มีลูกเท่านั้นหรือว่า?????.....”
  เสียงเจ้าวาสเอ่ยขึ้นทันที  เพราะถึงอย่างไรมันหาสนใจในเรื่องเชื้อ
สายไม่  เพราะบัดนี้มันหลงรักแม่นางไม้มณฑาเข้าไปแล้วจึงได้เอ่ย
ถามเจ้าเปล่งเพื่อให้แน่แก่ใจมันเองเท่านั้น
   “จริงซิว๊ะเจ้าวาส  เอ็งคบกับข้ามาเคยเห็นข้าโกหกเอ็งหรือไม่ไหม
ล่ะ???...ข้าพูดอะไรมักจะกล่าวด้วยความจริงทั้งนั้น”
   ข้อนี้พวกมันทราบกันทุกๆคนดีว่าคนอย่างไอ้เปล่งนอกจากไม่ชอบ
พูดแล้วยังเป็นคนตรงไปตรงมาอีกด้วย
   “นั่นซิข้าถามก็เพื่อให้แน่แก่ใจเท่านั้นเอง  ถ้าอย่างงั้นข้าจะขออะไร
เอ็งสักอย่างจะได้หรือไม่ว๊ะไอ้อาจารย์เปล่ง”
   เจ้าเปล่งรู้ความนัยของเจ้าวาสแล้วอมยิ้มพลางเอื้อนเอ่ยขึ้นว่า
   “ได้นะได้หรอกวาส  เพียงแต่ว่าแม้ว่านางจะเป็นครึ่งผีครึ่งคนก็
จริงอยู่นั้นนะ  แต่ความหึงหวงร้ายกาจนักนะ  เขาจะร้ายกาจยิ่งกว่า
คนเสียอีกล่ะ   หากแม้นวันใดเอ็งผิดคำมั่นสัญญาต่อนาง  ข้าเองไม่
อาจจะช่วยเหลือเอ็งได้ จะมีก็เพียงนายเท่านั้นเองแหละที่จะช่วยเอ็ง
ได้แต่ทว่าอาจจะไม่ทันการณ์เท่านั้นเอง  นางจะฆ่าเอ็งทันทีอย่าลืมว่า
นางนั้นหาใช่คนไม่นะ  เอ็งต้องจำไว้ให้ขึ้นใจให้ได้นะอย่าลืมที่ข้า
กล่าวไว้นี้เป็นอันขาดเสียล่ะ
  
    ทางที่ดีบอกพี่ชวนไว้ก่อนแล้วมาอยู่กับข้าที่นี่เพื่อจะไม่เป็นห่วง
และไม่กังวลใจทำให้ได้สะดวกและเอ็งคิดดีแล้วหรือต้องพูดด้วยใจ
จริงๆนะไอ้วาส  มันไม่ใช่สิ่งล้อเล่นกันนะมึงก็เคยเห็นฤทธิ์มาแล้ว”
   “เรื่องนี้ข้ารับรองแต่ว่าจะทำอย่างไรดีล่ะที่จะได้แม่มณฑามาเป็น
เมียข้านะ  ข้าให้สัญญาแก่อาจารย์เปล่งไว้ด้วยต่อหน้าพวกเราทั้งหมด
ไว้ว่าข้าจะไม่คิดนอกใจแม่นางมณฑาหรอก  อ้อๆๆๆอีกเรื่องหนึ่งคือ
ว่าแม่นางมณฑาจะขอตามข้าไปช่วยทำงานด้วยล่ะจะว่าอย่างไร???”
   “เรื่องนี้ไม่ยากหรอกว๊ะวาส  เดี๋ยวข้าจะเรียกแม่มณฑามากล่าวให้
เจ้าเองแหละ เรื่องนี้ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรอยู่กันกันได้เลยล่ะ”
   “จริงๆหรือว่าอาจารย์เปล่ง  งั้นข้าก็โล่งอกไปเสียทีข้าคิดมาหลาย
วันแล้วตั้งแต่พบนางครั้งแรกนั่นแหละ ตอนแรกข้ากลัวมากๆจริงๆ
แต่เมื่อคืนนี้   ต่างพูดกันเข้าใจกันแล้วนางบอกว่านางเป็นสาว
บริสุทธิ์ยังไม่เคยต้องมือชายใดๆเลย แต่มาตายเสียก่อนด้วยโรค
ระบาด  เร่ร่อนมาจนมาพบที่นี่และได้ขออาศัยอยู่   ทั้งได้รับการ
อบรมสั่งสอนวิทยาคมอีกด้วย  เออๆๆแล้วเอ็งช่วยสอนข้าบ้างซินะ”
   “ได้ซิเจ้าวาส  หากเจ้าตัดใจได้แล้วก็ไม่เป็นปัญหาหรอก ยิ่งมาอยู่
ที่นี้ข้าจะนำวิชาที่นายอบรมสั่งสอนมาสอนแก่เจ้าให้หมดนะ”
   “งั้นข้าตั้งแต่นี้ไปจะเรียกว่าอาจารย์ก็แล้วกันนะ”
  เจ้าเปล่งห้วร่อเล็กน้อย  แล้วพลางหันไปกระซิบแก่เด็กสาวที่คอย
ปรนนิบัติอยู่ให้ไปตามแม่มณฑามาพบด่วน   ดังนั้นเด็กสาวก็รีบไป
สักครู่หนึ่ง นางมณฑาก็เดินมาพลางย่อตัวทำความเคารพเจ้าเปล่ง
ทันที  พร้อมหันไปส่งยิ้มให้เจ้าวาสอีกด้วย  แล้วนั่งลงข้างๆเจ้าวาส
   ทำเอาเจ้าตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก เจ้ากุ๋น และเจ้าชื่นต่างมองหน้ากันไปๆมาๆ
แต่มันจะทำอย่างเจ้าวาสไม่ได้  ด้วยเหตุว่ามันถึงจะยังเป็นโสดอยู่ก็
จริง    แต่ว่าพ่อแม่มันยังมีไม่เหมือนกับเจ้าวาสที่ตัวคนเดียว  หากได้
นางพรายเหล่านี้เป็นเมียก็ย่อมไม่สามารถมีหลานให้พ่อแม่มันได้จึง
ต่างพากันหวั่นไหวไป   และถึงแม้ว่ามันจะหลงเสน่ห์นางพราย
ทั้งหลายก็ตามแต่มันก็ต้องฝืนใจ  ต่างมองหน้ากันและเงียบกริบ
    เจ้าเปล่งก็หันมาทางพวกมันทันที พลางเอ่ยว่า
   “แล้วมีใครอีกไหมล่ะที่จะคิดแบบเจ้าวาสนะ บอกข้ามาได้เลยล่ะ”
   “เรื่องนี้พวกข้าปรึกษาคิดกันแล้วไม่อาจจะทำได้ เพราะมีพ่อแม่ข้า
ที่จะต้องการมีหลานสืบสกุล  ทั้งๆที่ข้าจะรักสักปานใดหากติดพ่อแม่
เท่านั้นแหละว๊ะ  นางทั้งหลายคงจะไม่ว่าพวกข้ากระมัง”
   “เรื่องนี้พวกเอ็งไม่ต้องห่วงหรอก แต่มีใครล่วงเกินกว่าธรรมดาไป
หรือเปล่าล่ะ????.....”
   “ไม่มีใครกล้าล่วงเกินหรอกเปล่ง  เพราะพวกข้าเคยเจอพวกนาง
มาแล้วล่ะ  แต่ด้วยอำนาจเสน่ห์อย่างใดไม่รู้ทำให้หลงใหลไปชั่วขณะ
หนึ่งว๊ะ  จึงได้เพียงเย้าหยอกเล้าโลมภายนอกเท่านั้นเองแหละ”
   “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นปัญหาหรอกนะ เพราะพวกนางรู้ว่าข้าให้เขา
มาปรนนิบัติพวกเอ็งย่อมจะต้องมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น พวกนางไม่ถือสา
พวกเอ็งอะไรหรอก  ไม่เหมือนเจ้าวาสที่ล่วงเกินข้างในไปแต่มันเป็น
ผู้ชายที่รับผิดชอบจึงยอมทำ   พวกเอ็งสบายใจได้  แต่อย่างไรงานก็
อย่าให้เสียไปล่ะเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่นายสั่งให้รีบทำโดยเร็วที่สุด
กลัวจะไม่ทันการณ์  เพราะเหตุการณ์บังคับมาด้วยล่ะ”
    แล้วเจ้าเปล่งก็หันไปทางนางไม้มณฑาพลางเอ่ยขึ้นว่า
   “มณฑาเอ๋ย!!!!....เจ้าคงจะรู้เรื่องแล้วซินะเจ้าวาสจะมาขอเจ้าไป
เป็นภรรยา  เจ้าวาสเป็นคนซื่อตรงน้ำใจสัตย์ซื่อนัก ข้าได้บอกเขาแล้ว
เขาบอกว่า ไม่เป็นปัญหา  ทางเจ้าจะว่าอย่างไรไม่ต้องกลัวหรอกหาก
ไม่ก็บอกว่าไม่  หากยอมรับก็บอกได้เลยนะ”
   ครั้นนางไม้มณฑาได้ฟังก็หันไปทางเจ้าวาสพลางพิจารณาใบหน้า
สบตาแล้ว  จึงเอ่ยกับเจ้าวาสว่า
   “พี่วาสคิดดีแล้วหรือที่จะรับข้าไปเป็นเมียนะ  ถึงแม้ว่าข้าจะเป็น
คนกึ่งผีกึ่งคนก็จริงแต่ไม่สามารถจะมีสายเลือดสืบพันธุ์มีลูกมีหลาน
กับพี่ได้นะ  ขอให้พี่มั่นใจให้แน่นอนก่อนอาจารย์คงจะบอกนิสัยข้า
ให้พี่ทราบแล้วว่าเป็นอย่างไร   ก่อนตัดสินใจรับข้าไปเป็นเมียนะ
ให้พี่วาสทบทวนให้ดีๆนะ  ยังมีเวลาหรือว่าจะดูใจข้าไปก่อนก็ได้นะ
เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลัง  ข้าเป็นคนรักเดียวใจเดียวและ
ไม่ต้องการสาวๆใดๆจะมายุ่งเกี่ยวกับพี่อีกด้วย ขอให้พี่รีบบอกมา
เถอะข้าไม่โกรธพี่หรอกจ้า”
   “มณฑาเอ๋ยข้าถึงแม้ว่าจะไม่ดีนักเป็นคนเกรกมะเหรกเกเรก็จริงแต่
เรื่องน้ำใจนั้นข้าสัตย์ซื่อถือมั่นนัก  หากสิ่งที่ข้าคิดแล้วย่อมจะไม่ผิด
คำมั่นสัญญาหรอก  ข้าขอให้แม่นางไว้ใจข้าได้เลย  ข้าเองก็ไม่ใช่คน
เจ้าชู้ประตูดินแต่อย่างไร ทำอย่างไรข้าต้องรับผิดชอบเสมอๆ”
   เมื่อนางไม้มณฑาได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้าไปทางอาจารย์เปล่งพลาง
เอ่ยว่า
   “หากพี่วาสยอมทำตามคำมั่นสัญญาแล้วศิษย์ก็จะยินยอมและจะทำ
หน้าที่แม่บ้านให้ดีที่สุดจ้าอาจารย์”
   เจ้าเปล่งได้ยินเช่นนั้นก็หัวร่อ พลางเอ่ยว่า
   “เห็นเจ้าวาสบอกว่าเจ้าจะขอติดตามไปในงานครั้งนี้ด้วยใช่หรือ
เปล่าล่ะมณฑา  ก็ดีเหมือนกันนะอีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้เป็นผัวเมียกัน
แล้วย่อมต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน คอยช่วยเหลือกัน อีกอย่างการมี
ครอบครัวนั้นหาใช่ว่าจะมีกันแค่ความใคร่ไม่  ควรจะรักเชื่อใจซึ่งกัน
และกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกันอย่าเอาแต่อารมณ์ของตนเป็น
ใหญ่ หากต่อไปเจ้าเป็นคนจริงๆก็จะได้ไม่มีปัญหา แต่นี่เจ้ายังเป็นกึ่ง
หนึ่งยังมีฤทธานุภาพอยู่ก็อย่าได้ใช้ให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย  ทั้ง
เจ้าและเจ้าวาสด้วยก็เหมือนกันนะ ทำอะไรให้คิดไตร่ตรองเสียก่อน
หากไม่พอใจก็ควรหลีกเลี่ยงหนีกันไปก่อนแล้วค่อยมาพูดจาหา
เหตุผลกันและกันด้วย   เพราะเจ้าทั้งสองยังหนุ่มสาวย่อมต้องมีเรื่อง
ที่จะตามมาอีกแยะๆนะ”
   ทั้งเจ้าเปล่งและนางไม้มณฑาก็พากันไปกราบเจ้าเปล่งทันทีพร้อม
ให้คำมั่นสัญญา   ดังนั้นเจ้าเปล่งจึงกล่าวแก่นางมณฑาอีกว่า
   “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอกให้เจ้าทั้งสองต่างหัน
หน้ากราบกันขออภัยกันก็เพียงพอแล้ว  แล้วให้เจ้านำพวกไปปลูก
กระต๊อบที่  ด้านข้างเขาซ้ายมือ จะมีหุบเขากำบังไว้ใช้เป็นเรือนหอ
ก็แล้วกันนะ  หลังจากเสร็จงานแล้วก็ให้เจ้าทั้งสองไปอยู่ด้วยกัน
  อ้อๆ   เจ้าตี๋เล็ก ตี๋ใหญ่ ชื่นและกุ๋นก็ไปบอกพี่ชวนว่า  ข้าจะให้เจ้า
วาสมาช่วยงานข้าทางนี้นะคงจะไม่เป็นปัญหาหรอก”
     ครั้นพรรคพวกเจ้าเปล่งได้ยืนเช่นนั้นและเห็นทั้งสองต่างกราบกัน
แล้วหันไปกราบเจ้าเปล่ง  ก็ต่างเข้ามาแสดงความยินดีแก่เจ้าวาสและ
นางไม้ด้วย พร้อมรับคำเจ้าเปล่งว่าจะไปแจ้งให้พี่ชวนทราบเรื่องนี้
ด้วย  เจ้าเปล่งได้ยินเช่นนั้นก็อวยพรให้ทั้งหมดประสบชัยชนะในการ
ไปทำงานครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง พร้อมบอกว่า พวกที่ไปล้วนแล้วแต่
เป็นหุ่นพยนต์ทั้งสิ้น เรื่องอาวุธต่างๆไม่อาจจะระคายเคืองได้ แต่ถ้า
หากมัน  ปรากฏร่างเป็นผีที่น่ากลัวเจ้าก็อย่าได้หวาดหวั่นเพราะมันจะ
ไม่ทำให้เจ้าเห็นหรอก  แต่ฝ่ายตรงกันข้ามจะเห็นเท่านั้น เมื่อทำลาย
แล้วให้เข้าไปตรวจให้แน่ใจเสียก่อน  ถึงจะกลับมารายงานแก่ข้าเพื่อ
ข้าจะได้แจ้งให้นายทราบ  อ้อๆๆๆส่วนหัวหน้าหน่วยฝึกและหน่วย
ลับไม่สนใจพวกผู้หญิงเหล่านี้บ้างหรือไงล่ะ????....”
     เมื่อบรรดาพวกหัวหน้าฝึกและฝ่ายลับได้ยินถามเช่นนั้นต่างก็พา
กันส่ายหน้าไปๆมาๆ   เจ้าเปล่งก็หัวร่อ พลางบอกให้ทุกๆคนไป
พักผ่อนได้แล้ว  เพราะเวลาใกล้เข้ามาแล้วต้องออกเดินทางให้ทัน
ตามกำหนดนัดหมาย    ดังนั้นทุกๆคนต่างก็ไปพักผ่อนเพื่อจะได้ออก
เดินทางกลับยังที่พักต่อไป
   เสียงรถเก๋งดังปริ๊นๆๆกังวานขึ้นที่หน้าบ้านเสี่ยเม้ง  บรรดาเด็กๆ
ต่างวิ่งกันออกมา  กำนันมั่นก็ก้าวลงจากรถเก๋งพลางสอบถามว่าเสี่ย
อยู่หรือเปล่า???....  เด็กๆบอกว่าเสี่ยไม่อยู่ไปข้างนอก
   “อ้าว!!!!!ๆๆๆๆแล้วเสี่ยไปไหนเสียล่ะ”
   “เห็นเสี่ยบอกว่าจะไปที่ร้านอาหารจิตรโภชนาของเสี่ยเองแหละ
กำนัน   เสี่ยสั่งว่าหากมีอะไรก็ให้กำนันไปหาที่นั่นนะ”
   “เออ!!!????....ขอบใจว๊ะ”
   แล้วกำนันมั่นก็ก้าวขึ้นรถ พร้อมสั่งเจ้าน้อยให้ขับรถไปร้านอาหาร
จิตรโภชนาทันที
   ภายในห้องอาหารลับของร้านอาหารจิตรโภชนาจัดไว้ด้วยโต๊ะ
ขนาดยาวผืนผ้ามีอาหารเต็มพร้อมเหล้ายาบริบูรณ์ ต่างนั่งกันกำลังคุย
กันกับบรรดาลูกน้องตัวยงทั้งหลาย  แต่ข้างๆเสี่ยเม้งกับเพิ่มด้วยชาย
ฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก  รู้สึกว่าเสี่ยจะเอาใจ
คนๆนี้มาก  พลางกล่าวว่า
   “งานที่ให้ไอ้มุ้ยไปทำมันชักชอบกลยังไงๆนะเสี่ย  เพราะคนๆนี้ข้า
ไว้ใจมากที่สุดและทำงานกันมาหลายๆปีแล้ว มันบอกว่ามีคนปลอม
ตัวมารับของไปก่อน  มันจึงไปคอยดักรอและเกิดยิงกันขึ้นลูกน้อง
มันตายหมด คงเหลือแต่มันที่โดนยิงคนเดียวเท่านั้นที่มันรายงานตัว
มา    มันบอกว่าเอกสารเหมือนกันเปี๊ยบเลยทั้งรถทั้งคน ข้าจึงสงสัย
นักนี่  เดี๋ยวไอ้กำนันมั่นก็คงจะมาหรอก เพราะข้าสั่งให้เด็กบอกว่าข้า
อยู่ที่นี่  หากหนังสือสองฉบับเหมือนกันล่ะจะทำอย่างไรดีเสี่ยเล้ง”
   “เรื่องนี้ข้าว่าต้องดูหลักฐานก่อนโว้ยไอ้เม้ง  ข้าก็ได้ยินมาว่าไอ้
กำนันคนนี้มันก็ทำงานมาดีตลอดไม่เคยบิดเบี้ยวสักครั้งเลยนี่นา”
   “นั่นซิเสี่ยข้าจึงคอยมันอยู่ที่นี่จะเอาหลักฐานมันมาให้เสี่ยดูด้วยเผื่อ
จะพบข้อพิรุธใดบ้าง  ไอ้มุ้ยบอกว่ามันเป็นลายเมือเหมือนข้าไม่ผิด”
   “แล้วของที่เด็กของเสี่ยล่ะยังอยู่ครบไหมล่ะ????...”
   “ของที่ให้เก็บซ่อนไว้เมื่อวานนี้ข้าก็ไปตรวจดูแล้วว่ายังอยู่ครบ
และยังมีคนคอยเฝ้าอยู่ ตลอดแนวทางเลยล่ะ เพราะข้าได้สั่งให้แยก
ออกเป็นสี่ทางคนละทิศไว้เก็บไว้ในถ่ำภูเขาที่รกร้างยากที่จะหา
ค้นพบ”
   “ถ้าอย่างนั้นก็ดีไป แต่ว่าข้าคิดว่าจะให้รีบขนมาให้หมดก่อนที่
อะไรๆจะเหมือนกับที่คนของเอ็งพบมานะ  ข้าจะได้ให้คนของข้า
ที่นำมานำไปให้หมด ด้วยทางกรุงเทพฯนั้นไม่พอจำหน่าย   และที่
สร้างใหม่นั้นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะต้องส่งไปหลายๆจังหวัดด้วยยิ่ง
ทางใต้ด้วยแล้ว มีความต้องการสูงด้วยซิ”
   “แล้วจะไปขนเมื่อไหร่ดีล่ะเสียข้าจะได้ให้  ไอ้เซี๊ยะ ไอ้เช้ง ไอ้สุย
 และไอ้มุ้ยนำพวกเสี่ยไปขนของเสียเลย  อ้อๆๆได้ข่าวว่าทางเราจะมา
ผลิตเองจริงหรือเปล่าล่ะเสี่ย???...”
   “ใช่แล้วไอ้เม้ง  ตอนนี้ข้าได้ติดต่อไปทางพม่าและลาวไว้ตลอดจน
จีนด้วย ให้ส่งน้ำยาผสม และบางส่วนมาประกอบกันแถวๆชานเมือง
นี้แหละ  เอ็งนับว่าหูตาไม่เบาเลยนะ”
   “ทำไงได้ล่ะเสี่ยเล้ง เพราะเราทำงานด้านนี้ต้องหูตาไวๆหน่อย  
อ้อๆ เดือนหน้าท่านรองตำรวจก็จะปลดแล้ว ได้ข่าวว่าตัวจริงจะเข้า
มาทำงานเอง  ข้าเองพยายามสืบเสาะหาว่าใครเป็นหัวหน้าที่แท้จริง
จนบัดนี้ยังไม่รู้เลย  คงจะรู้ตอนมอบกันนั่นแหละ  ถึงจะรู้ว่าใครเป็น
ใครกันก็ ต้องนำของขวัญไปแสดงความยินดีกับเขาด้วยเพื่อสืบอีก
ทางหนึ่ง   จะได้รู้สักทีว่าเป็นใครกัน”
   “เออ????...ดีแล้วล่ะแต่ตอนนี้ให้ไปนำของมาก่อนนะเพราะข้า
รู้สึกว่าจะไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่  ทำไมมันรู้ได้อย่างไรว่าไอ้กำนันมั่น
มันไปซ่อนยังภูเขามันยังรู้ได้เลย   ข้าก็เลยสงสัยว่าแล้วที่ซ่อนไว้ตาม
ที่ต่างๆมันจะรู้หรือเปล่า???????......”
    เมื่อได้ยินเสี่ยเล้งกล่าวเช่นนั้น จึงหันไปสั่งกับลูกสมุนมันทันที 
ขณะกำลังคุยกันไปฟังกันไปอยู่     เสี่ยเม้งก็เอ่ยว่า
   “ไอ้เซี๊ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เช้ง ไอ้สุย  มะรืนนี้มึงนำคนไปขนของที่ซ่อน
ไว้มาไว้ที่นี้เพื่อมอบให้เสี่ยเล้งเขาลำเลียงเข้ากรุงเทพฯนะ”
   “ไม่ต้องต้องห่วงหรอกข้าจะนำคนไปขนของมาให้ทั้งหมดเลยล่ะ
เสี่ยอย่าได้เป็นห่วง  เพราะคนที่ข้าส่งไปเฝ้านั้นล้วนแล้วแต่พระกาฬ
ไว้ใจได้ เพราะเป็นทหารที่ได้ปลดประจำการมาย่อมเชี่ยวชาญด้านนี้
ดีอีกทั้งตำรวจตะเวณชายแดนอีกด้วยที่ถูกปลดมา”
   คนทั้งหมดกล่าวกับเสี่ยงเม้งและเสี่ยเล้ง  จึงทำให้ทั้งสองยิ้มออกมา
สักครู่ใหญ่ๆ  ก็มีเด็กเข้ามากระซิบกับเสี่ยเม้งทันที   เสี่ยเม้งพยักหน้า
แล้วหันไปมองหน้าเสี่ยเล้งพลางเสมือนส่งสัญญาณให้รู้ แล้วเอ่ยว่า
   “ให้มันเข้ามาได้ว๊ะ  แล้วมึงคอยไปเฝ้าประตูไว้ ส่วนภายนอกให้
จัดเด็กคอยสังเกตุคนแปลกหน้าไว้ด้วยนะหากสงสัยจัดการได้เลย”
   “ครับผมจะสั่งพนักงานทุกๆคนไว้ให้ครับ งั้นขอตัวออกไปก่อน
เพื่อทำงานให้เสี่ยครับ”
   “เออ???...ดีแล้วไปได้แล้วล่ะ”
    ครั้นเด็กออกไปเรียกกำนันมั่นให้เข้ามาได้   กำนันก็เดินเข้ามา
พร้อมกระเป๋าเอกสาร   พลางวางกระเป๋าลงแล้วยกมือไหว้เสี่ยเม้ง
ทันที   เสี่ยเม้งก็หันไปแนะนำให้กำนันมั่นได้รู้จักกับเสี่ยเล้งเจ้าพ่อ
อิทธิพลในกรุงเทพฯ  ทำให้กำนันมองไปเห็นสภาพร่างกายก็ให้นึก
เกรงขามนัก เพราะไว้หนวดใบหน้าอูบอวมหน้าตาทมึงแต่ดวงตา
กลับกลมโตผิดกับชาวจีนทั่วๆไปให้นึกสงสัย แต่เพียงเก็บไว้ในใจ
เท่านั้น  แล้วยกมือไหว้เสี่ยเล้ง
   เสี่ยเม้งพลันก็เอ่ยขึ้นว่า
   “นั่งก่อนซิ  หรือว่าจะกินอะไรก่อนก็ได้นะ นั่งข้างๆข้านี่แหละว๊ะ
กำนันมั่นไหนๆขอดูหลักฐานด้วยนะ”
     พลางสาวๆที่คอยเสริฟอยู่ก็รินเหล้าผสมเสร็จส่งมาให้ พร้อมนำ
ถ้วยตะเกียบมาตั้งไว้เสร็จก็ถอยหลังไปยืนคอยต้อนรับ  กำนันครั้นยก
แก้วเหล้าดื่มจนหมดแก้ว  แล้วก็เปิดกระเป๋านำเอกสารสามฉบับยื่น
ส่งให้เสี่ยเม้งทันที     เสี่ยเม้งมองที่ลายเซ็นต์ทั้งสองฉบับถึงกับตก
ตลึงไป  เพราะมันเป็นลายเซ็นต์ของมันไม่ผิด ดังนั้นจึงยื่นเอกสารทั้ง
สามฉบับให้เสี่ยงเล้งทันที...................
                     แก้วประเสริฐ.
(ขอโทษด้วยที่แต่งให้ช้าเพราะผมแต่งสดๆไว้  ตอนนี้ค่อยยังชั่วก็รีบเขียนส่งกลัวว่า จะทำให้เรื่องขาดตอนไปครับ อภัยด้วยครับ.....แก้วประเสริฐ.)

1139348gm3744qpip.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    24 กรกฎาคม 2554 12:11 น. - comment id 125173

    มาติดตามงานครูแก้วครับ
    
    ตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องรักต่างภพ  อิอิ ยังไงครูก็พักผ่อนเยอะๆนะครับ ผมเองหวัดเล่นงานงอมเหมือนกันครับ
  • กลั่นแก้ว

    24 กรกฎาคม 2554 20:05 น. - comment id 125187

    มาอ่านงานครูแก้วประเสริฐค่ะ1.gif1.gif1.gif1.gif1.gif
  • สุญญะกาศ

    25 กรกฎาคม 2554 00:24 น. - comment id 125192

    29.gif36.gif36.gif36.gif
    
        กราบคุณครูแก้วครับ
    
        ระลึกถึงท่านเสมอครับ เห็นท่านหายไปนาน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
    
      ในงานตอนนี้ของครู มีโฆษณาแฝงร้านอาหารหรือไม่ครับ อิอิอิอิ  ร้านนี้อร่อยครับยืนยัน^^
    
      คุณครูครับ กระผมคิดว่างานเขียนดีอย่างหนึ่งตรงที่สบายใจในการระบาย ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงระบายอารมณ์ หากแต่ระบายเหมือนสีที่พู่กันป้ายลงกระดาษ ผมจึงรู้สึกดีครับ
    
       กลอนที่ครูให้ฝึกกลอนแปดบ่อยๆให้ชำนาญ ผู้น้อยจะพยายามฝึกเรื่อยๆครับ ทั้งนี้เพื่อให้แขกเหรื่อ ท่านที่มาอ่านได้มีความสุข รู้สึกดี และยิ่งถ้าถูกตามแบบฉันทลักษณ์ ผมก็พอใจมากแล้วครับ จะได้ถ่ายทอดไปแนะนำญาติมิตร และเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน ไม่อาจกล้าเป็นขนาดนักเขียนครับครู
       ยิ่งถ้าโน้มน้าวให้คนรอบข้าง มารักภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณี ผลนั้นทำให้ก่อจิตสำนึกแห่งความหวงแหนชาติเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่งเลยครับ กระผมคิดดังนั้น
    
       ศิษย์มองว่า การนำเอาไปใช้กับเรื่องงานประจำ ก็ยิ่งสำคัญมากทำให้ใจเย็นในการคัดหาคำพูดเพื่องานธุรกิจที่กระชับและเข้าใจง่าย เป็นต้น
    
      เวลาผมนึกถึงครูในโรงเรียนที่ท่านเคยสอน ผมมักจะพนมมือให้ท่านสุขภาพแข็งแรง มีความสุข ท่านก็เช่นกันครับ
    
     รักเคารพครูเสมอ
    
    29.gif36.gif36.gif36.gif16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    25 กรกฎาคม 2554 22:50 น. - comment id 125206

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
            ศิษย์รักเราอันเรื่องเกี่ยวกับผีสางนางไม้
    เทพอัปสรทั้งนั้นเมื่อนำมาผสมผสานกับคน
    ก็ต้องให้กลมกลืนกันไปจ้า รักศิษย์เรามากๆ
    เสมอจ้า
    
                  16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    25 กรกฎาคม 2554 22:52 น. - comment id 125207

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กลั่นแก้ว
    
           ครูเองก็บอกวิธีการเขียนไว้ให้แล้วนี่นา
    หัดเอาไว้เถิดสนุกนะ หากเบื่อกลอนก็มาทาง
    นี้แหละนะ เช่นครู  แม้ว่าจะไม่สบายพอดี
    หน่อยก็รีบเขียนไ้ว้ก่อนที่จะไม่ได้เขียนจ้า
             รักศิษย์เสมอ
    
          16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    25 กรกฎาคม 2554 22:55 น. - comment id 125208

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ สุญญะกาศ
    
            ครูไม่มีอะไรแล้วนอกจากตัวนี่แหละ
    หาความสนุกไปวันๆหนึ่งเท่านั้นเองแหละ
    เขียนได้ก็เขียน เขียนไม่ได้ก็ไม่เขียนไม่
    ต้องการเด่นดังอะไรทั้งนั้น ก่อนที่จะเขียน
    ไม่ได้นะ อ้อเมล์ไปให้แล้วใช่หรือเปล่าไม่
    รู้นะ หากได้รับแจ้งด้วยนะ รักศิษย์เสมอ
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • สุญญะกาศ

    26 กรกฎาคม 2554 00:03 น. - comment id 125211

    29.gif36.gif36.gif36.gif
    
       กราบครูครับ
       ผู้น้อยได้รับเมล์นั้นแล้ว ซาบซึ้งในมาก เพราะละเอียดเหมือนระดมสรรพปัญญาของครู เข้ามาในจุดเดียวแก่รุ่นหลัง
      ดีใจที่คุณครู มีความสุขสดชื่นกับงานเขียน ซึ่งกระผมเริ่มจะเข้าใจทีละน้อยๆตามรอยครับ
     หากมีโอกาส ได้ไปกราบครูนับเป็นวาสนาครับ
    ทั้งนี้อยากให้ลองได้ชิม หมูกรอบหมูฝอยที่พี่สาวกระผมทำ ภูมิใจกับรสชาตินั้นนักครับคุณครู
      เซ้นส์ผมบอกว่าคุณครูชอบเพลงลูกทุ่งเก่ามากๆ ซึ่งน่าจะตรง  กระผมชอบ แนวคุณสุรพล  แล้วถ้าลูกกรุงก็ ีคุณชรินทร์ ครับ (แต่ เพื่อนรุ่นผมจะไม่ใช่แนวนี้กัน)
      ท่านกรุณารักษาสุขภาพด้วย อย่านอนดึกนักจนขาดการพักผ่อนนะครับ 
    
      รักเคารพท่านเสมอ
    
    
      29.gif36.gif36.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    26 กรกฎาคม 2554 14:51 น. - comment id 125221

    36.gif16.gif36.gif
    คุึณ สุญญะกาศ
    
            ครูมีหน้าที่ในการแนะนำเท่านั้นส่วน
    งานสร้างเขียนเป็นหน้าที่ของศิษย์เรา หาก
    ว่าเราได้รับการยกย่อง ขอบอกให้จดจำไว้
    ว่า ต้องทำตัวเราให้อ่อนน้อม อย่าทรนงตน
    ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ให้ เราต้องต่ำเตี้ยติดดิน
    มากเท่านั้น อย่าอวดตัวอวดเก่งเป็นอันขาด
    จำไว้ ศิษย์เราทุกๆคนต้องทำ เราต้องให้
    เกียรติแก่ทุกๆคนที่มาเยี่ยมเยียนเราเขียน
    เพื่อความบันเทิงใจเราเท่านั้นไม่จำเป็น
    ต้องอวดตัวเองว่าเก่งกาจ อย่าลืมว่ามี
    คนรักก็ย่อมมีคนชังเรา คนชังจะมากกว่า
    คนที่รักเราเสมอ ด้วยคนเราปากกับใจมัก
    จะไม่ตรงกันเสมอน้อยคนนักที่จะจริงใจ
    แต่เรานะ  การแนะนำครูสามารถนำไปใช้
    ได้ทั้งการทำงานของเราและงานอื่นๆต้อง
    จำไว้ว่าจะเขียนอะไรก็ทำตามคำแนะนำ
    ไว้เสมอๆ ให้มีสติรำลึกไว้ก่อนลงมือนะ
    ด้วยใจเราเป็นใหญ่กว่าสิ่งใดๆทั้งสิ้น
               รักศิษย์เรามากๆเสมอ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif16.gif
  • สุญญะกาศ

    28 กรกฎาคม 2554 12:06 น. - comment id 125288

    กราบครูครับ
    
      จะน้อมนำปฏิบัติ คิดดีทำดีไว้เป็นพื้น
    ยิ่งด้วยหลายๆท่าน เป็นผู้หลักผู้ใหญ่
    หรือแม้กระทั่งสื่อสาธารณะ ที่มีผู้มาพานพบ
      กระผมคิดเพียงมีความสุข เวลาเห็นเขายิ้ม
    กระผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า..
     ในหลายเว็บมีงานเขียนหมายเจาะจงเสียดสี
    หรือต่อว่า อาจเปรียบเปรย หรือซ่อนคำก็ตาม
    จักเป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนท่านทำมาบ้างหรือไม่ (แต่ที่ผ่านตาไม่เคยเห็นครับ)
    สิ่งนั้นนับเป็นเสน่ห์ของงานหรือไม่
    ส่วนตัวตั้งใจจะไม่ทำเช่นนั้น
      ทั้งนี้เพราะคิดเพียงว่าควรจรรโลง
    โดยเฉพาะจรรโลงต่อจิตตนเองครับ
      ส่วนตัว ศิษย์คิดว่าตนเองต้อยต่ำ ทั้งวุฒิภาวะ
    และความรู้
     ผมยังรู้สึกดี กับมิตรกลอนทุกท่าน และหวัง
    ให้ท่านมีความสุข เวลามาอ่านงานที่ตั้งใจ
    คิดเพียงเท่านี้ครับ
    
     รักเคารพครูเสมอครับ
    
    
    
    11.gif29.gif29.gif36.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    28 กรกฎาคม 2554 13:06 น. - comment id 125290

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ สุญญะกาศ
    
       ศิษย์เอ๋ย...ไม่ว่างานใดๆนั้น การเล่นซ่อน
    รูป เล่นคำนั้น ตามหลักปราชญ์โบราณท่่าน
    จะมักใช้การอบรมสั่งสอนจรรยาบรรณต่างๆ
    ไว้โดยการเปรียบเีทียบ หาใช่การมาค่อนแคะ
    ด่าท้อกันไม่ จะทำให้ร้อยแก้วก็ดีร้อยกรอง
    ก็ดีเสื่อมไป ร้อยแก้วสิ่งที่สำคัญคือคำพูด
    ตามสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่นเป็นหลัก
    ร้อยกรองเขาจะคิดค้นหลักจริยธรรมเพื่อ
    สั่งสอนคนให้นำไปใช้ เช่น โคลง
    นาคีมีพิเพี้ยง.....สุริโย
    เลื่อยบ่อทำเดโช....แช่มช้า
    พิษน้อยยิ่งยโส.......แมงป่อง
    ชูแต่หางเองอ้า......อวดอ้างฤทธี
    
    เป็นต้น  ร้อยแก้ว คบบัณฑิตย่อมพาไปสู่ผล
    คบคนพาลย่อมนำมาซึ่งเสื่อมเสียวงศ์
    ตระกูล เจ้าจงใฝ่ควรรำลึกไว้เสมอๆ
    เป็นต้น   การที่คนเราเขียนด่าท้อนั้นก็
    เกิดจากใจที่ไร้การอบรมหรือสืิ่งแวดล้อม
    นำพาไปนั่นเอง   ฉนั้นการเสพย์งานใดๆ
    เราควรตั้งมั่นให้ืทำแต่สิ่งดีๆ หากพบสิ่ง
    ไม่ดีก็ไม่ควรอ่านเพราะจะซึมซาบไปไว้
    ในใจเราเสมอ แต่ก็ไม่ควรไปโต้ตอบอย่าง
    เช่นครูตอบโต้ในร้อยกรองไว้เป็นกระทู้
    ซึ่งแฝงด้วยความนัยอันลึก แต่จะรู้หรือไม่
    ว่าครูนั้นด่าด้วยคำสุภาพในทำนองเดียว
    กันก็แสดงความไม่รังเกียจอีกด้วย
          งานครูเป็นงานซึ่งรักษาเอกลักษณ์
    ของคนโบราณ จึงแนวทางมักจะออกทาง
    โบราณเสียเป็นส่วนมาก เพื่อรักษาวรรณกรรม
    ที่ปราชญ์ท่านทั้งหลายอุตส่าห์มอบให้แก่
    เราไว้ใช้แม้แต่สิ่งปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆให้
    รักภาษาของเราไว้อีกด้วย ดังเช่นการใช้
    คำไทยผสมกับฝรั่งนั้นเขาห้ามเด็ดขาด
    มาตั้งแต่สมัยอยุธยาที่มีฝรั่งมาอยู่แล้ว
    สมัยนั้นมักนิยมพูดไทยคำฝรั่งคำเป็นต้น
             คนเราหากฝึกในสิ่งที่ดีๆไม่ต้อง
    ประกาศตนเองหรอกคนอื่นจะเห็นความดี
    เราถึงจะเห็นหรือไม่เห็น แต่ใจเราเห็นว่า
    เราทำในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว รักเสมอ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน