พิษต้มยำกุ้ง...

คีตากะ

m2tomyumkoong2.jpg














     จากผลการสำรวจของ “เบล์แมล็กโพล (Bailmlack Poll)” เกี่ยวกับเรื่องสาเหตุต้นตอที่ทำให้เกิดมหาอุทกภัยในประเทศครั้งล่าสุดที่ผ่านมา โดยการสุ่มสอบถามบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมจำนวนหนึ่ง ในส่วนของคำถามแบบปลายเปิดได้รับคำตอบที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

นักวิชาการด้านภูมิอากาศ : เป็นที่แน่นอนแล้วว่าภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสาเหตุของมหาอุทกภัยของประเทศในครั้งนี้ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลซึ่งมันมาเร็วกว่าปกติเป็นเดือนๆ โดยฝนตกภายในเดือนเดียวมีปริมาณสูงมากเทียบเท่ากับปริมาณฝนที่เคยตกมาตลอดทั้งปี นอกจากนั้นยังส่งผลให้จำนวนพายุบริเวณทะเลจีนใต้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย

นักวิชาการด้านน้ำ : ปริมาณฝนที่มีมากจนเกินไปในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้เขื่อนที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการเก็บกักปริมาณน้ำอันมหาศาลเอาไว้ได้ การจะต้องบริหารจัดการน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะประเทศมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้งเกือบทุกปี ทำให้เขื่อนต้องเก็บกักน้ำเอาไว้เพื่อใช้ในการเกษตรและส่งผลให้ระบายน้ำออกไม่ทันในช่วงเวลาเร่งด่วน เมื่อเขื่อนแทบทุกแห่งมีปริมาณน้ำเกินความจุ นั่นคือมีมากกว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ การต้องเร่งรีบระบายน้ำออกจากเขื่อน จึงทำให้พื้นที่บริเวณที่อยู่ท้ายเขื่อนเกิดอุทกภัยตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นักวิชาการด้านธรณี : การบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ประกอบกับการสื่อสารเรื่องภัยพิบัติให้ประชาชนรับทราบยังด้อยประสิทธิภาพ นอกจากนั้นการเตือนภัยในบริเวณจุดเสี่ยงอันตรายของหน่วยงานที่รับผิดชอบยังขาดมาตรฐานเท่าที่ควร ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน จึงทำให้หนีไม่ทันหรือไม่มีการเตรียมพร้อมรับมืออย่างรอบคอบ และยิ่งไปกว่านั้นคูคลองตลอดจนแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขาต่างๆ ก็เกิดการตื้นเขินและแคบมากเนื่องจากปริมาณตะกอนและสิ่งปฏิกูลจำนวนมากที่สะสมทับถมมาเป็นเวลายาวนาน มันได้ไปปิดกั้นเส้นทางน้ำไหล ทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะติดขัดและมีข้อจำกัดหลายประการรวมทั้งการใช้ที่ดินที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น บริเวณที่ควรใช้เป็นบริเวณรับน้ำกลับนำไปปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ เป็นต้น

นักการเมือง : พายุจำนวนหลายลูกพัดเข้าถล่มบริเวณตอนบนและตอนกลางของประเทศในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ ฝนจึงตกหนักอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงพอดี ทำให้การระบายน้ำออกจากเขื่อนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ประกอบกับเส้นทางน้ำผ่าน (Flood Way) ที่เคยใช้เมื่อครั้งในอดีต ปัจจุบันได้ถูกหมู่บ้านจัดสรร อาคาร โรงงาน และถนนจำนวนมากตั้งเรียงรายขวางทางน้ำอยู่ ทำให้เส้นทางน้ำเดิมกลายเป็นอัมพาตไปโดยสิ้นเชิง น้ำจึงระบายได้อย่างยากลำบาก กลายเป็นน้ำล้นตลิ่งและน้ำหลากทุ่ง และเกิดมหาอุทกภัยตามมาในที่สุด

นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม : ประเทศมุ่งแต่การพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมมากจนเกินไป โรงงานจึงเกิดขึ้นมากมายราวดอกเห็ด ผลที่ตามมาก็คือขาดวัตถุดิบในด้านการผลิต ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติรวมทั้งที่ดินจำนวนมาก เพื่อการเลี้ยงปศุสัตว์และปลูกพืชเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ป่าไม้ของประเทศถูกตัดทำลายไปจำนวนมากมายมหาศาล ธรรมชาติเกิดการเสียสมดุล อากาศจึงแปรปรวนอย่างที่เห็น เดี๋ยวน้ำท่วม เดี๋ยวภัยแล้ง เดี๋ยวดินถล่ม เดี๋ยวน้ำป่าไหลหลาก ภัยพิบัติต่างๆ มากมายเกิดขึ้นล้วนแล้วมาจากการตัดไม้ทำลายป่าแทบทั้งสิ้น

นักมนุษยธรรม : จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกต้องการอาหารปริมาณมหาศาล ขณะที่ประเทศเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก(ครัวโลก) เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำซึงมีดินตะกอนทับถมอันเป็นแหล่งแร่ธาตุสารอาหารมากมายเหมาะสำหรับการเพาะปลูกพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด มัน อ้อย ผลไม้ต่างๆ เพื่อการบริโภคและการส่งออกทำให้ประเทศจำเป็นต้องใช้ที่ดิน น้ำ แร่ธาตุต่างๆหรือเรียกว่าปัจจัยการผลิตจำนวนมาก ผลก็คือป่าไม้ แหล่งต้นน้ำ และแม่น้ำต่างๆ ถูกทำลาย เนื่องจากนายทุนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งถือครองที่ดินส่วนใหญ่ของประเทศเอาไว้ นำที่ดินไปใช้เพื่อการแสวงหาผลกำไรใส่ตนในหลายๆ รูปแบบ แต่ผลที่ตามมาคือขยะปริมาณมหาศาลและภาวะโลกร้อนที่กำลังคร่าชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะคนที่ยากจนซึ่งไม่มีกำลังเพียงพอในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ได้

นักเศรษฐศาสตร์ : ปริมาณแก็สเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาของเหล่าประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกตั้งแต่เริ่มยุคการปฏิวัติด้านอุตสาหกรรม กำลังจู่โจมทำลายประเทศเล็กๆ ที่กำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนาในอีกมุมหนึ่งของโลกที่ห่างไกล ซึ่งความยากจนนี่เองที่ทำให้ประเทศผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นไม่มีปัญญารับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ทางธรรมชาติจากภาวะโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้นได้ทัดเทียมกับประทศที่ร่ำรวย ตลาดการค้าขายคาร์บอนเครดิตยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักและยังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร เช่นเดียวกับทิศทางการลดปริมาณแก็สเรือนกระจกของบรรดาประเทศยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่ยังไม่ชัดเจน แทบทุกประเทศก็อ้างผลกระทบทางเศรษฐกิจของตน การประชุมเรื่องการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมาจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่มีการบังคับใช้ด้วยกฎหมาย พูดกันแต่เพียงลอยๆ ผลก็คือภัยพิบัติที่กำลังเกิดถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น และสามารถมองเห็นไปได้ทั่วโลกในเวลานี้

นักวิทยาศาสตร์ : แก็สเรือนกระจกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ กำลังทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกกำลังละลายด้วยอัตราที่รวดเร็ว ทำให้มหาสมุทรมีน้ำจืดปริมาณมหาศาลเพิ่มมากขึ้น ความเค็มของน้ำทะเลลดลง น้ำที่เค็มจะมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำจืด นั่นเองเป็นสาเหตุให้การระเหยของน้ำมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ประกอบกับอุณหภูมิของพื้นมหาสมุทรก็เพิ่มสูงขึ้นไปด้วยจากภาวะโลกร้อน ความร้อนในมหาสมุทรเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนให้เกิดพายุจำนวนถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น เมื่อได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมและความกดอากาศต่ำ มันได้นำปริมาณฝนที่เหนือการคาดการณ์มาสู่ประเทศและเกิดมหาอุทกภัยอย่างที่ยากจะหลีกเลี่ยง

นักการศาสนา : อย่าไปโทษใครเลยจะดีกว่า สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม ดูที่จิตตัวเองก็จะรู้ ภัยพิบัติครั้งนี้เกิดจากกรรมร่วมของประชาชนในประเทศ สาเหตุมาจากกาย วาจา ใจ ไม่บริสุทธิ์ ไม่ถูกต้องตามทำนองครองธรรม มนุษย์ขาดศีลธรรมอันดีงาม เวรกรรมเลยตามทัน เรื่องก็มีเพียงเท่านั้น

นักทำนาย : ราศีธาตุน้ำกำลังส่งอิทธิพลต่อประเทศ ขณะที่ดาวแห่งสงครามโคจรเข้ามา ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่และเกิดความขัดแย้งของชนในชาติไปทั่วทุกหัวระแหง ปฏิทินมายากำลังสิ้นสุดลงในไม่ช้า ภัยพิบัติต่างๆ กำลังเกิดขึ้นเพื่อล้างพวกคนบาปออกไปจากสารบบ โลกกำลังเข้าสู่ยุคทอง ยุคของคนที่มีศีล มีธรรม ครองโลก

นักบุญ : สรรพสิ่งเกิดแต่เหตุ การเกิดมหาอุทกภัยของประเทศครั้งนี้เกิดจากศีลข้อปาณาติบาต การมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจจนละเลยศีลธรรมอันดีงามคือสาเหตุของทั้งหมด ประเทศส่งออกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะกุ้ง ไก่ และสุกรมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะกุ้งผลิตได้ประมาณปีละ 5 แสนตัน ส่งออกคิดเป็น 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ของทั้งโลกถือว่ามากเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันมายาวนานกว่า 15 ปี แน่นอนประชาชนส่วนใหญ่จึงต้องมีสภาพไม่ต่างอะไรกับกุ้งนั่นคืออาศัยอยู่ในน้ำ มหาอุทกภัยจึงเป็นที่คาดหมายได้ไม่ยากก็ด้วยเพราะ “ พิษต้มยำกุ้ง”นั่นเป็นผลแห่งการกระทำหรือผลแห่งกรรม ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็แค่ละ ลด เลิก เท่านั้น


Be Veg, Go Green 2 Save the Planet				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน