ความสมดุลของลบบวก (The Way to Balance Yin and Yang)

คีตากะ

ms-title.jpg










ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ที่คอสตาริกา
วันที่ 3 มิถุนายน 2532
(ต้นฉบับเป็นภาษาจีน รหัสวีดิทัศน์ #80)



วันนี้มีนักข่าวคนหนึ่งมาสัมภาษณ์อาจารย์ เขาถามว่า: “พลังของมารหรือพลังลบมาจากไหน?”
อาจารย์บอกว่า: “มันก็มาจากพระเจ้าเหมือนกัน”
เขาพูดว่า: “อ้าว? ทำไมจึงมาจากพระเจ้า?”
อาจารย์บอกว่า: “เพราะคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกว่า “พระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างทั้งจักรวาล” ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าไม่สร้าง ดังนั้น ถ้าพลังของมารไม่ใช่พระเจ้าสร้างมา แล้วใครเล่าเป็นผู้สร้างมัน?”
เขาก็พูดว่า: “ใช่แล้ว! แล้วทำไมพระเจ้าจึงสร้างพลังลบ?”


775620.jpg


        ด้านบวกของพลังลบ

อาจารย์บอกเขาว่า มันมีประโยชน์ มีประโยชน์ สำหรับพวกเรามาก เพราะจะทำให้พวกเราเรียนรู้การทำพลังลบให้เป็นพลังที่ใช้ได้ เหมือนกับไฟฟ้าก็อันตรายเช่นกัน พวกเราถ้าไปสัมผัสมันหรืออยู่ใกล้กับสถานที่ไฟฟ้าแรงสูง พวกเราจะถูกไฟลัดวงจร จะมีอันตรายต่อชีวิต แต่ถ้าเราเรียนรู้วิธีที่จะปรับมันได้ ก็จะไม่มีปัญหา เงินก็ทำให้คนมากมายทำผิด ทำผิดศีล ทำเรื่องไม่ดีมากมาย แต่ถ้าเรารู้จักใช้เงิน ไม่ถูกเงินมันหลอกใช้ เงินก็จะเป็นประโยชน์ เราไม่ได้ถูกเงินควบคุม แต่เราเป็นผู้ควบคุมเงิน กลายเป็นเจ้าของเงิน ถ้าเงินกลายเป็นเจ้านายเรา ถ้าไม่มีเงิน เราก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่มีบางคนอยากได้เงินมากจนเกินไป อยากได้เงิน ก็ฆ่าคนได้ ขโมยได้ ใช้วิธีมากมายมาทำแต่เรื่องเลวร้าย แล้วเมื่อนั้นเงินก็จะกลายเป็นเรื่องลบ แต่ถ้าเรารู้จักใช้เงิน เงินก็เป็นเรื่องบวก

เหมือนกับไฟฟ้ามี 2 ขั้ว ขั้วบวกขั้วลบรวมขึ้นมา จึงจะมีพลังไฟฟ้า ในโลกนี้ก็มีพลัง 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเป็นบวก มันเป็นพลังของพระเจ้า เมตตา พลังรัก ดูแล พลังพรต่างเป็นพลังบวก อีกชนิดหนึ่งมันเป็นพลังลบ ก็คือพลังของมารที่เราพูดถึง พลังของมารจะผูกมัดให้คนอยู่แต่ในโลกนี้และจะทดสอบความ โลภ โกรธ หลง ปัญญากับความสามารถในการแก้ไข ความจริงมันมิใช่ดีและมิใช่ไม่ดี ต้องดูการใช้ของเรา มันก็จะกลายเป็นดีหรือไม่ดี พลังลบสามารถทำให้เราเรียนรู้การแก้ไขและปรับมันกลับกลายเป็นสิ่งที่ใช้ได้

ไม่ว่ามหาอาจารย์ท่านใดก็ตาม เช่น พระพุทธเจ้า พระเยซูคริสต์ โมหะหมัด โซเครติส และเพลโต ต่างๆ เป็นต้น พวกท่านมายังโลกนี้เพื่อมาสอนให้คนรู้จักปรับพลังลบ พลังทางด้านซ้าย จับมันรวมกับพลังบวก คนจีนพูดว่า “ลบบวกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว” มีลบมีบวกจึงจะดี ทำไมต้องทำเช่นนี้? คนเราไม่มีลบบวกหรือ? มี! แต่อาจมีลบมากเกินไป บวกน้อยไป ดังนั้นเราจึงไม่สมดุลเลย เราจึงอ่อนไหวง่าย เหมือนกับใบไม้ที่ปลิวไปตามสายลม โดยปราศจากการตัดสินใจด้วยตนเอง ถ้าเราวิ่งตามโลกนี้ วิ่งตามความโลภ โกรธ หลง เมื่อนั้นเราก็วิ่งตามด้านลบ วิ่งตามพลังลบ และเมื่อนั้นมหาอาจารย์จะบอกเราว่า ควรจะเพิ่มบวกเข้าไปหน่อยจึงจะดี มิฉะนั้นเราจะเอียงไปทางซ้ายมาก มันลบเกินไป ก็จะถูก “ด้านลบ” ตัวนี้มัดเอาไว้แน่นตลอด


201106-06-144211-1.gif


        มหาอาจารย์เปรียบเหมือนช่างประปาและช่างไฟฟ้า

บวกคืออะไรหรือ? เป็นพลังบวก พลังบวกคือความเมตตา พลังรัก คือการรู้แจ้ง มีแสงสว่าง ปีติยินดี มีพลังพร มันมาจาก “เบื้องบน” พลังลบมาจากทางโลกหรือ “ข้างล่าง” พลังหนึ่งดึงเราลงไป อีกพลังดึงเราขึ้นไป อยู่บนสวรรค์หรือที่อยู่ของทูตสวรรค์ พวกเขาบวกมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาไม่เข้าใจว่า ความทุกข์คืออะไร และไม่เข้าใจว่าจะเห็นใจคนอื่นที่ทุกข์ได้อย่างไร เราอยู่โลกนี้ ความทุกข์มากเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงจำได้แต่ความทุกข์ ความสุขจำไม่ค่อยได้ เข้าใจความสุขได้น้อยมาก เวลาแห่งความสุขน้อยเกินไป ความทุกข์มีมาก อาจารย์ขอยกตัวอย่าง: พวกเธอทำงานวันละ 8 ชม. 10 ชม. กลับบ้านรับประทานข้าวได้แค่ 2-3 ชาม เวลารับประทานข้าวก็คือเวลาที่เรามีความสุข แต่ต้องใช้เวลา 10 ชม.มาแลก เมื่อเราอยู่กับสามีหรือภรรยา เราจะมีความสุข เราบอกว่า เราอยู่บนสวรรค์ แต่เธอลืมไปว่ามีหน้าที่มากมายที่ผูกติดกับความสุขนี้ หลังจากเธอแต่งงานแล้ว 20 ปี 30 ปี 40 ปี ต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้นั้น แล้วยังต้องมีความรับผิดชอบต่อลูกๆ ด้วย ต้องทำงานทั้งวัน ดูแลอาหาร 3 มื้อ เสื้อผ้าของตัวเอง แล้วยังต้องดูแลเด็กๆ จนกว่าเด็กจะมีอายุครบ 20, 25, 30 ปี ก็ยังดูแลไม่หมด ต่อไปเขาแต่งงานแล้วมีลูก ก็จะพาลูกมาให้เธอดูแล ดังนั้นสวรรค์ที่นี่นั้นเวลาสั้นมาก เวลาแห่งความสุขนั้นน้อยเหลือเกิน เราใช้พลังกาย จิตใจมากมาย จึงจะมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ (ทุกคนปรบมือ)

ทำไมเราต้องหาด้านบวก? จะหาได้อย่างไร? เพราะเราขาดด้านบวก ดังนั้นเราจึงไม่มีความสุข ทำงานก็เหน็ดเหนื่อย เวลาแห่งความสุขก็น้อยมาก ดังนั้นเวลาประทับจิต อาจารย์จะช่วยพวกเธอเปิดน้ำของพลังบวก มันเหมือนกับก๊อกน้ำ ข้างหนึ่งเย็น ข้างหนึ่งร้อน ก๊อกน้ำที่เย็นก็เหมือนพลังลบ ก๊อกน้ำที่ร้อนก็คือพลังบวก ถ้าเราเปิดมันพร้อมกันเมื่อน้ำรวมกัน เมื่อน้ำรวมกัน เราอาบน้ำ ก็จะไม่เป็นหวัด และอาบได้สบายสดชื่น แล้วโรคภัยไข้เจ็บทางร่างกายก็จะน้อยลง เราจึงจะมีพลัง จิตใจ เพื่อต่อสู้กับความทุกข์ งาน และความรับผิดชอบทางโลกในวันต่อไป ถ้าเราอาบน้ำเย็นทุกวัน ร่างกายแข็งแรงก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่แข็งแรง อาจมีอันตรายถึงชีวิต

โลกนี้ให้ความทุกข์และความกลุ้มใจมากมายเหมือนกับเราอาบน้ำเย็นทุกวันจนนานเกินไป อยากมีความอบอุ่น ดังนั้นอาจารย์จึงได้มาบอกพวกเธอว่า ยังมีก๊อกน้ำอีกอันหนึ่ง มันเป็นน้ำร้อน ถ้าหากเปิดรวมกับก๊อกน้ำที่เย็นของพวกเธอ พวกเธอจะรู้สึกสบาย จะไม่เจ็บป่วยง่าย แม้จะเจ็บป่วยบ้าง ก็จะรู้สึกสบาย ไม่หนักมาก แต่น้ำก๊อกตัวนี้มันปิดอยู่ ถึงแม้จะมีก๊อกน้ำ และมีน้ำอยู่ข้างใน แต่ก๊อกน้ำติดขัดอยู่ข้างใน อาจารย์มาซ่อมให้ก็ใช้ได้ เปิดได้แล้ว และมีน้ำทันที เหมือนกับการประทับจิต อาจารย์เหมือนกับช่างประปาและช่างไฟฟ้า อาจารย์ช่วยพวกเธอต่อไฟฟ้า พวกเธอก็มีไฟฟ้า ช่วยซ่อมก๊อกน้ำให้ พวกเธอก็มีน้ำ มันเป็นเช่นนี้ เพราะกลัวพวกเธออาบน้ำเย็นทุกวันนานเกินไป จะเจ็บป่วย แล้วจะช่วยไม่ทัน


1209197749.jpg


        การบำเพ็ญไม่มีการขาดทุน

บางคนพูดว่า “ไม่เอา ไม่เอา ข้าพเจ้าอาบน้ำเย็นจะประหยัดกว่า “ตกลง อาจารย์เห็นด้วย แต่ควรจะทราบว่าเมื่อเวลาผ่านไปอีกสักระยะ จ่ายให้กับแพทย์หรือร้านขายยาจะมากกว่านี้! ดังนั้นบางคนบอกกับอาจารย์ว่า “ข้าพเจ้าไม่อยากประจิตกับท่าน ข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดก็ได้ ข้าพเจ้าสามารถรับความทุกข์ของโลกนี้ได้ ไม่อยากไปสวรรค์ ไปสวรรค์ต้องรับประทานมังสวิรัติ ยุ่งยาก! วางเนื้อสัตว์ไม่ลง เนื้อสัตว์มันอร่อยดี” หรือพูดว่า “ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม โอ! มันยากจริงๆ! ศีลมากมายเหลือเกิน มันสับสน ยุ่งยากเกินไป ค่าของการประทับจิตมันสูงเกินไป ไม่เอาละ! “ แต่ว่า ควรจะทราบว่า ตกนรก ถูกไฟเผา มันยิ่งทุกข์กว่านี้! เปรียบกับการถือศีลเวลานี้ เวลานั้นยิ่งทุกข์กว่า เปรียบเทียบกับวางเนื้อสัตว์ ปลา ลงในขณะนี้ จะยิ่งทุกข์กว่า บางคนบอกกับอาจารย์ว่า “โธ่! ประทับจิต แล้วต้องนั่งสมาธิ 2 ชม. ตายจริง! ทนไม่ไหว! เวลา 2 ชม. มาหาความสุขทางโลกดีกว่า เราทราบแต่ว่า เวลานี้เรายังมีชีวิตอยู่ ใครจะไปรู้อนาคต?”  ต้องรู้อนาคตแน่! เมื่อเราตาย เราเสียใจ มันก็ช้าเกินไป ไม่มีใครมาเป็นเพื่อนเรา เวลาที่เราเสวยสุข มันนำความยุ่งยากมาให้เรา เช่น เราเสพสุขกับพวกเนื้อสัตว์ ปลา สุรา ร่างกายของเราก็จะไม่สบายยิ่งขึ้น ดังนั้นโรงพยาบาลจึงมีแต่คนรับประทานเนื้อสัตว์ ดื่มสุรา ผู้รับประทานมังสวิรัติเจ็บป่วยน้อยมาก และเมื่อถึงเวลาเราจะตาย กรรมจะอยู่กับเรา ไม่มีผู้อื่น ญาติมิตรก็เป็นเพื่อนเราไม่ได้

ถ้าเราบำเพ็ญกับอาจารย์ ประทับจิต บำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิม หรือบำเพ็ญทั้งสามีภรรยา เรามิเพียงมีความสุขกับครอบครัว ต่อไปเราจะไปด้วยกัน จะมั่นคงกว่า เราเสียสละเวลาเพียง 2 ชม. เพื่อนั่งสมาธิ แล้วเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ดอกเบี้ยมันคุ้มใช่ไหม? (ทุกคนปรบมือ) ไม่ขาดทุนแน่นอน! บำเพ็ญกับอาจารย์ มีดอกเบี้ยมาก ไม่ขาดทุน

กฎแห่งลบบวกเป็นเช่นนี้ ถ้าเรามีลบมากเกินไป เราก็จะจมอยู่ในสถานที่ลบ มันเป็นกฎแห่งกรรม เราปลูกลบก็จะได้ลบ เราปลูกบวก ก็จะขึ้นสวรรค์ แต่ว่า ถ้าเราปลูกทั้ง 2 อย่าง ลบกับบวกสมดุลกัน ลบกับบวกรวมกัน เราก็จะกลายเป็นคนที่สมดุล – สำเร็จเป็นพุทธะ “พุทธะ” มิใช่มีแต่บวก มีทั้งลบและบวก ดังนั้นเราจึงเห็นสัญลักษณ์ของเต๋าข้างหนึ่งเป็นลบ ข้างหนึ่งเป็นบวก แล้วข้างที่เป็นบวก จะมีลบอยู่ส่วนหนึ่ง ส่วนข้างที่เป็นลบ จะมีบวกอยู่ส่วนหนึ่ง ความหมายเป็นเช่นนี้ เป็นนักพรต ผู้ที่บรรลุธรรม ท่านต้องมีทั้งลบและบวกด้วยกัน ท่านมิได้เป็นบวกทั้งหมด และมิได้เป็นลบทั้งหมด ถ้าท่านเป็นบวกทั้งหมด ท่านจะไม่เข้าใจถึงส่วนเป็นลบของสรรพสัตว์ ท่านให้อภัยสรรพสัตว์ไม่ได้ ไม่รู้ใจของพวกเขา ติดต่อกับพวกเขา ปลอบใจสรรพสัตว์มิได้ ถ้าท่านลบเกินไป ท่านก็จะเหมือนพวกเรา รับประทาน ดื่ม เล่นสนุก อวิชชา ไม่รู้แจ้ง ไม่มีพลัง ไม่สามารถช่วยพวกเราได้

พลังบวกหรือพลังช่วยชีวิตนั้นอยู่ภายในของเรา นั่นคือความหมายของ “จิตเดิมแท้ดีงาม” ขณะนี้เราถูกมันขัดไว้ ถูกกรรมห้อมล้อม มองไม่เห็น ถ้ามีใครคนหนึ่ง ท่านสามารถเปิดบวกได้โดยเฉพาะ แล้วซ่อมแซมให้เรา เราก็จะได้รับประโยชน์ ประทับจิตก็คือเช่นนี้ อาจารย์ช่วยเพื่อนบำเพ็ญหรือลูกศิษย์ เปิดความเมตตา พลังรักของเขาออกมา ความเมตตาและพลังรักจะดูแลเขาทุกวัน ชาวคริสต์เรียกว่าพระเจ้า รู้จักพลังรักและเมตตา ก็คือการรู้จักพระเจ้า


yy0707-2.jpg


        สนามแม่เหล็กของผู้บำเพ็ญ

ถ้าเราไม่บำเพ็ญ ตายแล้วเราจะไปไหน? มีนรกหรือเปล่า? มีสวรรค์หรือเปล่า? คำตอบคือ “มี!” นรกคืออะไร? มันสร้างมาจากกรรมของเราเอง ความคิดที่มืดมนของเรา การกระทำที่ไม่ถูกต้องของเรา มันจะสร้างสนามแม่เหล็กชนิดหนึ่ง บรรยากาศชนิดนี้ ไม่ว่าอะไรมันจะไม่สูญไป มันจะอยู่ในจักรวาลนี้ เราพูดอะไรออกไป มันไม่สูญไป เราคิดอะไร มันก็ไม่สูญไป มีสิ่งหนึ่งบันทึกการกระทำของกาย วาจา ไม่ว่ากาย วาจา ใจจะถูกหรือผิด ก็จะกลายเป็นบรรยากาศพิเศษชนิดหนึ่งห้อมล้อมเราไว้ วิ่งตามเราไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อเรามีชีวิตอยู่ มันจะล้อมอยู่ข้างตัวเรา วิทยาศาสตร์เรียกว่า มันเป็นสนามแม่เหล็กของคน เมื่อคนตายแล้ว สนามแม่เหล็กนี้ก็จะล้อมอยู่รอบกายอีกชนิดหนึ่ง นอกจากเธอเป็นผู้บำเพ็ญที่มีพลังและยิ่งใหญ่ เธอจึงสามารถสลายมันไปได้ มิฉะนั้นมันไม่ง่ายจริงๆ! กลาย 100 ปีผ่านไป สนามแม่เหล็กนั้นจึงจะค่อยๆ สลายไป มันไปอีกที่หนึ่ง หรือถูกเหตุการณ์หรือผู้อื่นดูดไป และจางไป

เหมือนเรามีโรงงานใหญ่ ทำอาหารได้มากมาย แล้วมีควันลอยขึ้นไปกลายเป็นเมฆสีดำ เมฆดำเหล่านี้ไม่สลายไปทันที ดังนั้นสถานที่บางแห่งมีโรงงานมากเกินไป บนท้องฟ้าจึงมีแต่เมฆดำ มันไม่ดีต่อร่างกายคน โลกนี้มีสถานที่แบบนี้มากมาย เพราะถูกเมฆดำล้อมไว้ ไม่มีออกซิเจนมากพอ ผู้คนและเด็กต้องใช้กล่องออกซิเจนหายใจ

ในทำนองเดียวกัน ภายในของเราก็มีควันออกมาแล้วกลายเป็นบรรยากาศที่ดีหรือไม่ดี ทำให้คนสบายหรือไม่สบาย เราสร้างบรรยากาศชนิดนี้ เราจะถูกกระทบเป็นคนแรก ผู้อื่นก็จะเดือดร้อนไปด้วย เหมือนคนสูบบุหรี่ เขาทำร้ายร่างกายของตัวเอง ผู้อยู่ข้างๆ จะสูบควันนั้นเข้าไปด้วย ก็จะรู้สึกไม่สบาย ดังนั้น พวกเราบำเพ็ญ จะเป็นผู้ที่ช่วยผู้อื่นได้มาก พวกเราดูแลกาย วาจา ใจของตัวเอง ไม่ให้มันทำผิด พูดเรื่องไม่ดี แล้วมาทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น เราสูบอากาศบวกจากข้างบน สูบพลังของพระเจ้า เพื่อให้พรกับเรา ทำให้เราฉลาดยิ่งขึ้น มีอิทธิฤทธิ์ที่ไร้รูปมากขึ้น มิใช่อิทธิฤทธิ์ชนิดที่ต้องท่อง “ฮูลา ฮูลา โอม” เพื่อให้คนได้เห็น อาจารย์หมายถึงอิทธิฤทธิ์ที่อยู่เหนือ 3 โลก มันเป็นอิทธิฤทธิ์ของพุทธะ อิทธิฤทธิ์ของพระเยซู พวกเราจะช่วยผู้อื่นอย่างธรรมชาติ เราไม่จำเป็นต้องรู้ แต่จะทราบดีอย่างชัดเจน บางครั้งเราก็ทราบดี แต่มิได้ทำด้วยเจตนา เหมือนกับดอกไม้ มันมิได้แกล้งมีกลิ่นหอม มันมีกลิ่นหอมโดยธรรมชาติ

พวกเราบำเพ็ญแล้ว กาย วาจา ใจจะสะอาดยิ่งขึ้น แล้วเราจะมีปัญญามากขึ้น พลังมากขึ้น เราทำงานอะไร ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับตัวเราและผู้อื่น เราจะเป็นผู้ที่ประเสริฐ แล้วเราจะสร้างสนามแม่เหล็กที่เป็นสุข สดชื่น และช่วยผู้อื่นได้ จะไม่สร้างสนามแม่เหล็กที่มืดมน ทำให้คนอื่นรู้สึกเหนื่อยมีกรรมมาก สมัยที่พระเยซูมีพระชนม์อยู่ คนมากมายทราบดีว่า พระองค์มีพลัง มีคนหนึ่งที่ป่วยหนัก เธอจึงมาแอบจับเสื้อผ้าของพระเยซู แล้วเธอก็หายเจ็บป่วย เราจะไปพูดว่าพระเยซูใช้อิทธิฤทธิ์ “ฮูลา โอม” มาช่วยเธอไม่ได้ ไม่มี! ขณะนั้นพระเยซูก็ไม่ทราบว่า ใครมาขโมยพลังของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงมองไปรอบข้างแล้วถามว่า “ใครมาจับเสื้อผ้าของข้าพเจ้า?” หญิงผู้นั้นจึงตกใจ เดินออกมาสำนึกบาปว่า “ข้าพเจ้านี่แหละที่ไปจับเสื้อผ้าของพระองค์ ขณะนี้ข้าพเจ้าหายป่วยแล้ว ขอบพระคุณพระองค์! พระองค์โปรดอภัยให้ข้าพเจ้า!” พระเยซูจึงตรัสว่า “ดีแล้ว ไม่เป็นไร ความศรัทธาในใจของเธอได้ช่วยเธอเอง!” นั่นคืออิทธิฤทธิ์ที่แท้จริง พระองค์มิได้แสดงอิทธิฤทธิ์ ตัวพระองค์ก็คืออิทธิฤทธิ์! ผู้ใดมีความสัมพันธ์กับพระองค์ สัมผัสกับพระองค์ ก็จะได้รับประโยชน์


yin-yang-.jpg


        เสียงจากภายใน

เราเคยได้ยินว่า มีคนหูหนวก แล้วพระเยซูไปช่วย เขาก็สามารถได้ยินเสียง การได้ยินนี้มันแตกต่างจากที่เราได้ยินกับหู อาจารย์ทราบว่าการ “ได้ยิน” นี้คือ “การได้ยินจากภายใน” ดังนั้นลูกศิษย์ของอาจารย์บางคนหูหนวก ก็สามารถได้ยินเสียงพุทธะจากภายใน เสียงของพระเจ้า คนทั่วไปมีหูเป็นปกติ แต่ไม่ได้ยินเสียงชนิดนั้น ได้ยินแต่เสียงทางโลก สำหรับเสียงของพระเจ้า พวกเขาเหมือนคนหูหนวก คนทีหูหนวกเมื่อมาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ แม้พวกเขาจะไม่ได้ยินเรื่องราวที่ดีหรือเลวของทางโลก แต่พวกเขาได้ยินแต่เสียงที่ดีที่สุด เป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด เป็นสุขที่สุด มีปัญญาที่สุด ช่วยเหลือได้มากที่สุด ช่วยชีวิตได้มากที่สุด ฟังเสียงนั้นดีกว่ามาฟังเรื่องราวของภายนอก! ดังนั้น ได้ยินเสียงภายนอกมิได้วิเศษอะไร ได้ยินเสียงจากภายในต่างหากที่สำคัญ!

เสียงจากภายในนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้หูฟัง ถ้าเราสามารถฟังได้เอง ก็ดี ถ้าฟังเองไม่ได้ เราควรจะไปหาอาจารย์ที่สามารถที่จะเปิดแก้วหูได้ เพื่อขอให้ท่านช่วยเปิดแก้วหูที่อยู่ภายในของเรา แล้วเราก็จะได้ยิน แต่ว่า ถ้าเราสามารถได้ยินเอง อาจมิใช่เสียงที่สูง บางครั้งเราได้ยินเสียงแล้วหรือเห็นแสงแล้ว ยังต้องไปหามหาอาจารย์มายืนยัน มาดูว่า อันดับชั้นของเราอยู่ที่ไหน? แล้วใช้พลังของท่าน ดึงเราให้สูงขึ้นไปอีก เพื่อยกอันดับชั้นของเรา เราบางทีชาติก่อนได้บำเพ็ญ ดังนั้นชาตินี้จึงได้ยินเสียงได้ เห็นแสงได้ แต่ถ้าไม่มีมหาอาจารย์ เราไม่สามารถไปที่สูงที่สุด มหาอาจารย์มาจากดินแดนที่สูงที่สุด จึงทราบหนทางดี สามารถพาเราไปสู่ที่สูงสุด


Taoism+Yin+Yang.jpg


        เปิดพลังที่เป็นบวก

ถาม: ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าเข้าใจพลังบวกที่ท่านพูดได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าขอให้ท่านอาจารย์บอกข้าพเจ้าอีกว่า พลังบวกที่ว่านี้จะช่วยเราในเวลาไหน? เมื่อสักครู่ฟังท่านอาจารย์ยกตัวอย่างมาหลายเรื่อง จะยกตัวอย่างอีกสักเรื่องได้ไหม?

อาจารย์: ได้! ในโลกนี้ พลังบวกทำงานได้อย่างมากมาย แต่เราไม่รู้สึกว่า มันได้มาช่วยเรา แต่มันช่วยเราจริงๆ เป็นต้นว่า เมื่อใดก็ตามที่เราเปิดเอาพลังบวกนี้ออกมาใช้ และเมื่อนั้นเราจะรู้สึกมีความสุข สมมุติว่าเธอเห็นคนหนึ่งจนเหลือเกิน ป่วยหนัก ไม่มีใครดูแล ทันใดนั้นเธอรู้สึกสงสาร จึงเอาเงินให้เขา ดูแลเขาไปสักพักหนึ่ง แล้วตัวเองก็รู้สึกเป็นสุข นั่นก็คือพลังบวกที่ช่วยผู้อื่นและช่วยตัวเราเอง มิใช่เราจะเห็นและรู้สึกต่อหน้าที่เท่านั้น ต่อไปเธอเจ็บป่วย ผู้อื่นจะมาช่วยเธอมากกว่านั้น มากกว่าที่เธอช่วยผู้อื่นมาก่อน สมมุติว่า เธอให้ผู้อื่น 100 บาท ต่อไปเธอป่วย คนอื่นจะมาให้เธอ 10,000 บาท หรือเธอมิได้ป่วย แต่ไปช่วยเหลือผู้ป่วยบ่อยๆ ต่อไปเธอก็จะไม่เจ็บป่วย พลังบวกช่วยเราแบบนี้แหละ

แต่เรามีโอกาสจะใช้พลังบวกนี้น้อยมาก เพราะเรามันอ่อนแอเกินไป ถูกพลังลบควบคุมไว้ ดังนั้นจึงต้องมีมหาอาจารย์มาช่วยเราเปิดก๊อกน้ำที่เป็นบวกและมีพลังมากที่สุด เวลานี้มันขัดข้อง ทุกวันมันมีแค่น้ำเป็นหยดๆ เท่านั้น อาจารย์ซ่อมแซมจนหายดี พอเปิด ก็มีน้ำออกมามากมาย ใช้ไม่หมด ต่อไปมันจะมีน้ำมากมาย ไม่ต้องซ่อม ไม่ต้องรอมันหยดทีละหยด รอทั้งวันมีน้ำแค่นิดหน่อย ขอเพียงเปิดหัวก๊อกน้ำ น้ำจะแรงและมีมาก

พลังบวกมีอยู่ภายในของเรา สมมุติว่า หลังจากประทับจิต เธอก็ติดต่อกับพระเจ้าทุกวัน หรือติดต่อกับพุทธะหรือจิตเดิมแท้ สามารถเห็นพระเยซูได้ เห็นพุทธะ เห็นพระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อนั้นเราอยู่ต่อหน้าท่านเหล่านั้น ถามอะไรก็ได้ พวกเธอขออะไร จะเป็นความจริงทั้งหมด เราติดต่อกับพลังที่ยิ่งใหญ่นั้น พวกเราใช้ไม่หมด พลังบวกที่แท้จริงเป็นเช่นนี้ ต่อไปมันจะดูแลจิตวิญญาณของเรา ในโลกนี้มันจะดูแลชีวิตเรา เราจะดีทุกสิ่งทุกอย่างในทุกๆ ด้าน! ธรรมวิถีกวนอิม รักษาทุกโรค รักษาโรคกลุ้มใจ โรคอวิชชา โรคโลภ โกรธ หลง รักษาโรคนรก ผีเปรต สัตว์เดรัจฉาน เราจะไปดินแดนสวรรค์ พุทธเกษตร ไม่ต้องลงนรกหรือมาเกิดเป็นคนเพื่อรับทุกข์ทรมานอีก ถ้าเราอยากมาเกิดเป็นคนก็ได้ เราคิดจะช่วยผู้อื่น เราก็มาเกิดเป็นคนได้ แต่เป็นเรื่องที่เรายินยอมเอง มิใช่เป็นคนอวิชชาที่ถูกกรรมมันดึงลงไป แล้วต้องเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ทรมาน

พลังบวกวิเศษจริงๆ เมื่อยังมิได้เปิด เราจะเป็นทุกข์ ว้าเหว่ เมื่อเปิดแล้ว เราจะรู้สึกว่า เรายิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน มีพลังมากขึ้นทุกวัน มีความพอใจยิ่งขึ้น มีความสุขมากขึ้น ไม่ขาดแคลนอะไร ไม่ยึดติดกับวัตถุทางโลก แล้วเมื่อนั้นเราจึงจะปล่อยวางโลกนี้ได้ง่ายดาย ขณะนี้พลังบวกของพวกเธอยังมิได้เปิด ดังนั้นอาจารย์พูดตั้งนาน พวกเธอก็ยังไม่เข้าใจ ขณะที่เราประทับจิต เปิดแล้วจะเข้าใจทุกวัน ทุกวันจะเข้าใจว่า พลังบวกช่วยเราได้อย่างไร ขณะนี้ยังมิได้เปิด พูดทำไม? เหมือนเราไม่มีเงิน ไม่ทราบจะซื้ออะไรดี? มีเงินก็จะทราบดี ไปซื้อขนมปังได้ ซื้อเต้าหู้ ซื้อแป้งหมี่กึน (ทุกคนหัวเราะ) แต่งงานได้



yinyang1.jpg


        พลังลบก็ให้ประโยชน์กับคนได้

ถาม: ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า เมื่อสักครู่นี้ท่านแนะนำพลังบวก ขอรบกวนท่านให้อธิบาย พลังลบจะช่วยเราได้อย่างไร?

อาจารย์: ถ้าเราสามารถปรับพลังลบ มันก็ช่วยเราได้ เป็นต้นว่า ทุกคนบอกว่าเงินล่อใจคน ทำให้คนฆ่าสัตว์ ทำให้สามีภรรยาหย่าร้าง ทำให้พี่น้องแตกแยกกัน ทำให้ครอบครัวทะเลาะกัน ทำให้คนรับสินบนกลายเป็นข้าราชการฉ้อโกง ทำให้คนเป็นคนเลว แต่ถ้าเราเองรู้จักใช้เงิน เรามีเงินยิ่งมากยิ่งดี ไม่มีปัญหา ถ้าคนที่โลภมากหรือคนที่ถูกเงินควบคุมมีเงินมาก มันยิ่งโลภมาก แต่ถ้าคุมเงินได้ และเป็นคนที่ไม่สนใจเงิน เขาจะเป็นคนใจกว้าง เขามีเงินมากก็ยิ่งดี เขาจะช่วยผู้ยากจน เด็กกำพร้า แม่หม้าย เขาสร้างโรงพยาบาลได้ ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ดังนั้นเงินจึงมิใช่สิ่งที่เลวร้าย

พลังลบ เหมือนกระแสไฟฟ้ามี 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งเป็นบวก ขั้วหนึ่งเป็นลบ ถ้าไม่มีขั้วลบ ไฟจะไม่สว่าง ดังนั้นพลังบวกกับพลังลบ ก็เป็นพลังเหมือนกัน แต่ทำงานต่างกัน เป็นเพราะเราใช้ไม่เป็น มันจึงไม่ดี ดังนั้นจึงต้องการมหาอาจารย์ ท่านจะสอนเรา จะใช้พลังลบให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร หลังจากบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิม แล้วจะเข้าใจ ความจริงไม่มีดีกับไม่มีเลว ไม่มีบวกและไม่มีลบ แต่เรามองแตกต่างกัน เราไม่เข้าใจ สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้แจ้ง พลังบวกก็ไม่มีประโยชน์ต่อเขา เขาใช้ไม่เป็น เขาจะใช้มันทำผิด สมมุติว่า คนที่ไม่รู้แจ้งเห็นคนที่มีเจตนาดี เขาจะถือโอกาสนี้ไปขอยืมเงินกับเขา แล้วเอาไปดื่มสุรา เล่นการพนันต่างๆ เป็นต้น แต่ถ้าผู้รู้แจ้งแล้ว แม้จะเป็นพลังลบ เขาก็จะใช้มันเป็นประโยชน์ได้


1_1234028053.gif

Be Veg, Go Green 2 Save the Planet				
comments powered by Disqus
  • โสวนิจย์

    13 กุมภาพันธ์ 2555 00:12 น. - comment id 128466

    16.gif เป็นข้อความที่ดีมากๆ เลยค่ะ
    ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆ มาแบ่งปันนะคะ41.gif
  • คีตากะ

    17 กุมภาพันธ์ 2555 10:59 น. - comment id 128499

    36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน