* แดนพิศวง ตอน ๕ *

แก้วประเสริฐ


           แดนพิศวง ตอน ๕
              (แอตแลนติค)
ในทำนองเดียวกันเมื่อทวีปแอตแลนติคจมลงในมหาสมุทรก็
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก หนุนแผ่นดินขึ้นมาใหม่ ที่เรียกว่า
ทวีปอเมริกาตราบจนทุกวันนี้   
     ดังนั้นชาวทวีปที่เกิดใหม่นี้จึงเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเป็น
เชื้อสายของชาวแอตตีสในบางส่วน  ที่สร้างวัฒนาการณ์ต่างๆไว้
อีกบางส่วนก็ไปสู่ยังด้านทวีปเอเซีย แต่ทวีปนี้ก็เจริญกว่าทุกๆทวีป
มาก่อนทั้งด้านอารยธรรม  มาหลายๆศวรรต   ตามหลักฐานวัฒนธรรมคือ
ชนเผ่ามายา และอินคาซึ่งปัจจบันนั้นเรียกว่าเผ่านาคา แต่เมื่อการเชื่อใน
ธรรมชาติต่างๆ ฟ้าร้อง ความแห้งแล้ง จึงเกิดเป็นลิทธิต่างๆขึ้นมาจน
ปัจจุบันนี้  ชาวเผ่าอินคาหรือเป็นนาคาไปในชมพูทวีป  ได้ถูกทำลายไป
จนเหลือเพียงเล็กน้อยตามรอยตะเข็บของประเทศพม่า   ส่วนที่กระจัด
กระจายกันไปก็มีในประเทศรัสเซีย จีน และทวีป
ยุโรปบางส่วน   ส่วนชาวแลนตีสนั้นได้หายสาปสูญไป
อย่างไร้ร่องรอย  บันทึกตามชาวอินคายังกล่าวไว้ว่า ก่อนทวีป
แอตแลนตีสนั้นจะสูญสลายไปนั้น  เกิดลางจากธรรมชาติใน
บางอย่างขึ้นด้วยปรากฏกลางทวีปบังเกิดแสงสว่างพวยพุ่งขึ้น
จากพื้นแห่งแผ่นดิน พุ่งไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยวังวน
ของเหล่าพายุที่มืดดำคล้ำฟ้าได้เปิดออกสามช่องทาง
เป็นทางที่ลำแสงนั้นได้พวยพุ่งไปแล้วก็หายลับไปในฟากฟ้า  
 จนกาลต่อมาก็เกิดพายุคลื่นเสียง  และพายุหมุนวนเสียง
คำรามอย่างหน้ากลัวของพลังงานต่างๆที่แยกตัวกันเข้าทำลาย
  เกิดการไหวตัวของพื้นดินอย่างรุนแรงมหาศาล เกิดการแตกแยกของ
ดินแดน เกิดความวุ่นวายอลหม่านไปทั่วชาวแอตแลนตีส เกิดรอยแตก
แยกไปทั่วทั้งทวีป  น้ำจากมหาสมุทรพวยพุ่งไปในท้องฟ้า 
เหตุผันแปรจนเกิดกระแสร์แม่เหล็กสลับขั้วกัน  ความพินาศ
ย่อยยับได้บังเกิด แผ่นดินทั้งทวีปก็ทรุดหายไปใน
ท้องมหาสมุทร  ผ่านมานับเป็นหลายหมื่นหลายพันๆปี   บัน
ทีกที่ชาวนักโบราณคดีค้นพบได้เป็นบางส่วนที่สลักไว้ภายใน
ถ่ำต่างๆ  และแผ่นจารึกถึงความเจริญรุ่งเรืองของทวีปแอตแลนติค
ก็ขาดหายไป  จึงเพียงแค่ทราบถึงแผ่นดินทวีปแอตแลนติคยากจะ
หลุดพ้นภัยพิบัตินี้ต่างแยกตัวออกมา  ตามสถานที่ต่างๆ  เรียกว่าพวก
ตัวเองออกไปตามสถานที่ที่ได้ถูกน้ำทะเลพัดเข้าสู่ฝั่ง  ส่วนพวกที่ยัง
ยึดมั่นอยู่ต่างก็รวบรวมนักปราชญ์ไว้เพื่อจะสร้างขึ้นใหม่  แต่กระแส
แห่งพลังงานต่างๆได้  เกิดภัยพิบัติต่างแยกไปคนละทิศละทาง คงจะ
เหลือไว้เรียชื่อต่างกันคือเผ่า มายา เผ่าอินคาหรือนาคาและเผ่า
แอตติส ซึ่งล้วนเป็นพวกไม่เห็นด้วยมีศีลธรรมดีงาม แต่ก็แปรเปลี่ยน
สภาพไปตามภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมต่างๆผ่านกาลเวลานานเข้า
     ดังนั้นชาวแอตแลนตีสและเผ่าต่างๆที่พากันอบพยบกระจายไปเท่านั้น
ซึ่งต่อมาแยกตัวเป็นชนกลุ่มน้อย  ที่ต่างขจัดขจายกันในระหว่างหลบหนี
มหาภัยพิบัติครั้งนั้น การบันทึกของชนต่างได้ขาดหายไป   จึงไม่สามารถ
ปะติดปะต่อได้จึงเป็นการสิ้นสุด และการใช้ภาษาก็แตกต่างกันออกไป
ตามสภาพสิ่งแวดล้อม จะมีส่วนที่คล้ายๆคลึงกันบ้างในบางส่วนเท่านั้น
      การค้นคว้าของนักโบราณคดีในปัจจุบัน ซึ่งยังมีพวกที่ยังเสาะค้นหา
กันอยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย โดยเฉพาะพวกแอสติสที่มีความรู้มากมาย
ต่างก็สร้างพาหนะอาศัยพลังงานไปอยุ่ยังที่อื่นนอกโลก ข้ามมิติกาลเวลา
ไปเกือบหมดสิ้น  ดังนั้นชาวแอสติสจึงสาปสูญไปจากโลกเรานี้
     แต่ในบันทึกเล่มนี้ยังได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมภาพ
ขึ้นอีกมากมาย  ทำให้ชายหนุ่มเร่งศึกษาค้นคว้าหนังสือ
ตำราต่างๆที่เขาเก็บไว้ออกมาเปรียบเทียบแล้วเขาก็ต้องตกตลึงไป 
     เมื่อพบว่ามีส่วนคล้ายๆคลึงกันมากที่สุด แน่ล่ะ????.......
หากเขาเอาหนังสือทั้งสามเล่มนี้ออกเผยแพร่ไปยังชาวโลก
คงจะเกิดการตกตลึงไปกันตามๆกันทั้งด้านวิทยาศาสตร์
นักโบราณคดีและตัวเขา พร้อมตำราทั้งสี่เล่มนี้ ยากจะหา
คนอ่านได้ นอกจากเขาเท่านั้นแต่ก็อาศัยดวงแก้วสองดวง
ที่เป็นพลังงานและซุกซ่อนสิ่งเร้นลับออกมาเกิดพลังงานใน
สมองของเขาเอง จึงสามารถอ่านหนังสือเหล่านี้ได้ไม่ผิดพลาด
หากตำราเหล่านี้จะต้องถูกนำไป
    แน่ล่ะเขาต้องกลายเป็นวิทยากรเป็นอย่างแน่แท้ เพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ
ให้แก่ชาวโลกได้รับรู้เหตุการต่างๆ  ถึงเรื่องราวนี้ตลอดจนพลังงานของ
จักรวาล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ยังค้นคว้าไม่ถึง
 อันนี้เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเท่าใดนัก เขารำพึงในใจตัวเองและ
ด้วยนิสัยไม่ค่อยชอบวุ่นวายอะไรอยู่แล้ว  
     ดังนั้นเขาจึงหมั่นเร่งศึกษาหนังสือทั้งสามอย่างคร่ำเคร่งตลอดเวลา
ทุกๆตัวอักษรอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนเข้าใจได้เป็นอย่างดี และทบทวน
จนสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำไม่ขาดหล่นตกหายถึงพลังงานเวทย์มนต์
ที่แตกต่างจากปัจจุบันนี้อย่างมาก    อีกเล่มหนึ่งไม่เกี่ยวกับวิชาการใดๆ
เพียงเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆของเหล่าชนชั้นต่างๆที่อาศัยยังนอกโลกใน
อีกทั้งยังมีในอีกมิติหนึ่งและเกี่ยวกับนครต่างๆรวมถึงนครต้องสาปที่ชาย
ทั้งสามได้กล่าวไว้ให้เขารู้อยู่แล้ว  ส่วนเล่มที่สามนั้นเป็น
วิชากลยุทธ์ต่างๆและอำนาจเวทย์มนต์ต่างๆการสร้างและการแก้ไขจน
ละเอียดหมดสิ้น  โดยผ่านการบันทึกเหตุการณ์จากผู้เฒ่าสืบทอดกันมา
    ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องพลังงานแต่อย่างใด  ครั้นเขาศึกษาจนหมดแล้วเห็น
ว่าหากเขาจะนำเวทย์มนต์เหล่านี้มาผสมผสานกับอำนาจของพลังงานจิต
ไว้ก็ยิ่งจะทำให้เปี่ยมไว้ด้วยพลังงานอำนาจทั้งมืดและสว่างได้อย่าง
มหาศาลประมาณค่ามิได้
   ด้วยการศึกษาและความละเอียดเฉลียวฉลาดของเขาที่ผ่านการ
ศึกษามามากจากตำราต่างๆ ซึ่งเขาได้ร่ำเรียนมาจนจบเกี่ยวกับด้าน
โบราณคดีและชีวะวิทยาอย่างลึกซึ้ง โดยไม่โอ้อวดตัวเองเท่านั้น
เพียงไม่นานนัก รวมทั้งการค้นคว้าศึกษาสิ่งอื่นๆมาเขาก็สามารถ
จะนำสิ่งทั้งสองเหล่านี้มาผสมผสานกันด้วยการอาศัยสื่อบางอย่าง
เป็นตัวช่วยให้ทั้งสองอย่างนี้ผสมผสานกันอย่างกลมกลืนกัน
ไม่มีช่องว่างใดๆเหลือไว้อีกเลย  เพียงแต่เขาพะวงใจในบางอย่าง
เท่านั้นว่า พลังงานในโลกนี้พร้อมเวทย์มนต์กับอีกมิติหนึ่งนั้นจะ
สามารถใช้ได้หรือไม่  หรืออาจจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกที่เขาเป็นห่วงนัก
   เมื่อศึกษาตลอดจนได้รับการฝึกฝนจากชายฉกรรจน์ทั้งสามแล้ว   จน
คล่องแคล่วผสมผสานเป็นอย่างดีแล้ว เขาคิดช่างเถอะอนาคตเป็นสิ่ง
กำหนดไว้   หากจะเรียนรับรู้สภาพของพลังงานอีกด้านหนึ่งก็คงจะไม่
ใช้เวลานานเท่าใดนัก  เพราะเขามีพื้นฐานได้รับการฝึกฝนมาพร้อมแล้ว
      บัดนี้ชายหนุ่มก็เปลี่ยสภาพไปตามกระแสของพลังงานได้โดยสมบูรณ์
โดยเขาไม่รู้ตัวเอง ว่าเขาสามารถใช้พลังงานในโลกและพลังแห่งจักรวาล
ได้อย่างไม่รู้ตัวของเขาเลย ทุกๆอย่างต้องอาศัยสมาธิแบบพุทธศานาทั้งสิ้น
   เขาเคยทดลองในห้องด้วยการเพ่งพลังงานใช้กับวัตถุต่างๆในห้องให้
สามารถปฏิบัติงานตามใจนึกได้อย่างไร้การต้านทานใดๆ เช่นให้สิ่งต่างๆ
ลอยไปลอยมาได้ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหนักสักเท่าใด เพียงแค่คิดเท่านั้นเอง
        ดังนั้นเขาจึงต้องรีบนำเอาหนังสือทั้งสี่เล่มไปเก็บไว้ยังที่ซ่อนในชั้น
หนังสือในห้องลับที่เขาสร้างไว้เพื่อซ่อนตำราไว้อย่างดี  
แต่เขานึกว่าคนที่จะได้ตำรานี้ไปหากได้ไปก็ไม่สามารถจะอ่าน
ได้เพราะจะพบแต่ความว่างเปล่าจากอักษรทั้งสิ้น 
แต่ด้วยความไม่ประมาท จึงซุกซ่อนไว้ก่อนดีกว่า เพื่อความสบายใจเขา
    ชายหนุ่มก้าวออกจากห้องส่วนตัวครั้นพบแม่บ้านพลันถามว่า
   “แม่ม่อม  นี่วันที่เท่าใดเดือนใดแล้วหรือจ๊ะ”
   หญิงแม่บ้านมองหน้าชายหนุ่มด้วยความงุนงงสงสัย  เพราะเห็น
ชายอยู่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง แล้วก็มาถามจึงได้บอกวันเดือนปีให้
ชายหนุ่มทราบ เขามองไปค้นหาปฏิทินทันที ครั้นแลเห็นก็ตกใจ???..........
                       * แก้วประเสริฐ.*

Cartoon_Animation_08.gif1139348gm3744qpip.gif76.gif				
comments powered by Disqus
  • อนงค์นาง

    20 กุมภาพันธ์ 2555 23:36 น. - comment id 128509

    ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินค่ะครู
    
    36.gif36.gif36.gif29.gif41.gif41.gif
  • แก้วประเสริฐ

    21 กุมภาพันธ์ 2555 13:20 น. - comment id 128511

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ อนงค์นาง
    
             จ้าศิษย์รัก  ติดตามไปเถอะรับรองสนุกแน่
    หากครูไม่เร่งรัดนะ ด้วยเบื่อเสียก่อน 
             รักศิษย์เรามากๆเสมอจ้า
    
                    16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • กิ่งโศก

    23 กุมภาพันธ์ 2555 17:17 น. - comment id 128528

    เกี่ยวกับชาวนาคา ผมเคยอ่านในล่องไพรเหมือนกันแต่เป็นนวนิยาย
    
    ตอนนี้ดู ไสยศาสตร์ กับพลังงานจักรวาล
    จักรวมตัวกันแล้วใช่ไหมครับครู
    ครูเขียนแทรกว่านำหลักทางพุทธ เข้ามาด้วย
    หลากหลายดีครับครู น่าติดตาม
  • แก้วประเสริฐ

    23 กุมภาพันธ์ 2555 20:14 น. - comment id 128532

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
         แล้วติดตามไปเรื่อยๆเถอะ เธอจะพบในการ
    สร้างจินตนาการ ส่วนล่องไพรครูไม่เคยอ่าน
    แต่เคยอ่านเกี่ยวชาวเผ่านาคาตอนปลายแต่
    มีบันทึกไว้ว่าคือเผ่านาคินหรือเผ่านาคาคือ
    พวกเดียวกับชาวแอตแลนตีสนั่นเอง ต่อมา
    ก็เกิดการแตกแยกออกอีกหลายแขนง จนหา
    ร่อยรอยเดิมแทบจะไม่มีแล้วจวบจนมาถึงยุค
    แห่งชาวอียิปต์ซึ่งหลักฐานเกี่ยวกับพลังงาน
    ก็ยังมีให้เห็นคือปิรามิดที่ยังต้องอาศัยพลังงาน
    ของดวงอาทิตย์อยู่สร้างพลังงานขึ้นและพวก
    มัมมี่ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถจะทำได้เกี่ยว
    กับเรื่องศพที่ไม่เน่าเปื่อยแต่ก็อาศัยอำเนาจ
    ของพลังจิตและตัวยาบางอย่างของพวก
    เวทย์มนต์ ซึ่งการครองยุคนั้นจะแบ่งออก
    เป็นสองในการปกครองแผ่นดิน ซึ่งเธอก็คง
    จะรู้อยู่แล้วล่ะ  ส่วนทางด้านพุทธก็มี่ผู้ที่สำเร็จ
    ฌานต่างๆใช้พลังงานแห่งจิตกำหนดร่างกาย
    ไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยปัจจุบันก็มีมากมายหลาย
    วัด  เท่านี้นะ  รักศิษย์เรามากเสมอ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน