การเดินทาง นับดาว รอคอย

บุหรง

ลมหนาวพลิ้วปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกเย็นเยียบแต่แห้งเหือด
อากาศหนาวเย็นทางตะวันเฉียงเหนือของประเทศไทยเป็นอย่างนี้เอง  
ผมเดินทางมาถึง ariport ของเมืองนี้ เวลาสายๆ  ก่อนเครื่องลงจอดมองผ่านหน้าต่างเครื่องบิน ยังเห็นไอหมอกลอยฟุ้งเป็นกลุ่มควันสีขาวรานตา...
ผมเลื่อนนัดทุกอย่างในวันนี้ออกไป เพราะผมมีเรื่องที่สำคัญกว่าทุกสิ่งต้องทำ
จริงๆ  ผมไม่ต้องให้ความสำคัญก็ไม่เป็นไร แต่เหมือนมีสิ่งดลใจบอกว่าผมต้องเดินทางมาที่นี่ ในวันนี้ หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ผมพยายามติดหลายต่อหลายครั้ง  แต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเวลาผ่านมาหลายเดือนจนผมเองก็ลืมแล้วว่าเคยโทร.ไปเบอร์ที่ผมเคยพยายามติดต่อนั้นปลายทางโทร.กลับมาแต่ไม่ใช่คนที่ผมต้องการจะสนทนาด้วย เธอคนปลายสายบอกเพียงว่าถ้าอยากรู้รายละเอียดให้ผมเดินทางมาที่นี่
ผู้หญิงผิวสีแทนนัยตาสวย 
ผมยาวสลวยกำลังเดินตรงมา
คิดว่าน่าจะเป็นเธอคนนี้ที่โทร.กลับไปหาผม
และมันก็เป็นเช่นนั้น
"สวัสดีค่ะ "
"สวัสดีครับ ผมณธร"
"อือ...ค่ะ ฉันเอื้องเพื่อนสนิทศิริน" เธอเอ่ยต่อ
"และนั่นคุณวศิน  พี่ชายศิริน"  ผู้ถูกแนะนำยิ้มรับอย่างเป็นมิตร
"คุณต้องการให้หาที่พักให้หรือไม่ค่ะ"
"ไม่ครับ ผมจองตั๋วไปกลับวันนี้ ขอบคุณมาก"
ขณะนั่งรถออกจากสนามบินไม่มีใครพูดหรือเอ่ยออกมาสักคำ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาสองคนจะพาไปที่ไหน แปลกที่ไม่คิดกังวลเลยสักนิด
ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง รถที่นั่งมาจอดนิ่งบริเวณหน้าวัด คนทั้งสองเปิดประตูลงไป ผมเปิดประตูรถลงเดินตามคนทั้งคู่ไป แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าที่เก็บอัฐิ ภาพที่เห็นเป็นหญิงสาวผมจำเธอได้ เธอเป็นคนที่ผมฝันถึง  คิดถึง  แม้ผมไม่พบหน้าเธอแต่ผมจำเธอได้ ผมเห็นภาพถ่ายของเธอบ่อยๆ  ด้านล่างของภาพเขียนบอกไว้ว่า ชาตะ : ๘ ตุลาคม ๒๕๒๑  มรณะ : ๘  สิงหาคม ๒๕๕๕ ทันทีที่เห็นผู้หญิงในรูปผมชาไปทั้งตัว  นี่เธอเสียชีวิตแล้วหรือ  เธอไม่รอผม...
ผมมองสมุดบันทึกเล่มสีฟ้าที่ถืออยู่ในมือ
ก่อนขึ้นเครื่องเดินทางกลับเพื่อนของเธอยื่นส่งมาให้ผมพร้อมกับบอกผมว่า 
"ขอคุณอ่านมันให้จบ  เพราะเธอใช้เวลาทั้งชีวิตเขียนมัน" 
เมื่อพูดจบเธอเดินหันหลังจากไป ผมมองตามเธอเนิ่นนิ่งจนถูกกลุ่มคนกลืนหายไป
ระหว่างอยู่บนเครื่องผมคิดย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว  
ผมได้พบหญิงสาวใบหน้าสวยมน  ที่โชคชะตาลิขิตให้พบกับเธอ เราได้พูดคุยกันและค่อยค่อยเพาะบ่มร่วมความผูกพันขึ้นอย่างเงียบจนผมเองแทบไม่รู้ตัวว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลาผ่านมาเมื่อไม่นานเธอเผยความรู้สึกให้ผมรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับผม  ใช่..."เธอบอกรัก" ผม  แต่ ณ เวลานั้นผมรู้สึกอิ่มอยู่ในใจแต่ไม่ได้บอกอะไรเธอไป ไม่ได้ปฏิเสธ  และไม่ได้ตอบรับ วันนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับเธอจนถึงเดี๋ยวนี้และมันจะเป็นตลอดไป ผมเปิดสมุดบันทึกเล่มสีฟ้าหน้าที่เส้นไหมสีฟ้ากั้นไว้  แต่ไม่ใช่หน้าสุดท้ายที่เธอเขียน

๐๕.๐๕.๒๕๕๕ : ๒๓.๐๙
"การเดินทาง  นับดาว  รอคอย" 
ดึกแล้ว...บรรยากาศเงียบ
แต่ในใจทำไม?ครึกโครมเช่นนี้นะ  
วันหยุดพี่อรรจน์มารับแต่เช้าไปทำบุญ
แล้วพาไปเดินช๊อป...ไปกินข้าวกัน  
"ขอบคุณ ขอบคุณจริงจริง"  ที่ทำดีกับน้องตลอดมา
วันนี้คำถามของพี่อรรจน์ทำเอานิ่งอึ้งไปเลย 
"พี่อ่านเราไม่ออก ดูไม่มีคนรักดูไม่มีใครแต่เหมือนใจกำลังคอยใครบางคน 
บางคนที่พี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร  แต่รู้ไม่ใช่พี่แน่นอน"
พี่อรรจน์น้องบอกไม่ได้แม้ว่าเรารู้จักกันมานานว่าใจของน้องได้มอบให้เขาคนนั้นไปแล้ว นี่ก็เข้าปีที่ 8 แล้ว  สำหรับการรอคอยให้บุพเพนำพาเชื่อมโยงสองใจให้มาใกล้กัน แต่น้องก็รู้ดีว่าน้องไม่มีวันสมหวังกับความรักครั้งนี้  เหมือนความรักครั้งแรก ความรักเกิดขึ้นสองครั้งแล้ว  แต่ไม่สมหวังสักครั้งแต่น้องก็ยินดี....
หากเป็นเช่นนี้ตราบสิ้นลมหายใจ 
แต่ขอให้ความรักของน้องเหมือนความรักของวาสิฏฐี  
ขออธิษฐานคืนนี้   "ขอคุณนั้นหลับฝันดี"

 
ผมปิดสมุดบันทึกเล่มสีฟ้าลงแล้วนึกย้อนกลับไปเมื่อวันที่ผมได้คุยกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย วันนั้น "เธอบอกรัก"  นัยตาอันปวดร้าวนั้นยังตราตรึงอยู่ในหัวผม ดูเธอจะเจ็บแปลบและหวาดหวั่นวิตกอย่างมาก เพราะผมได้ไม่ตอบหรือให้คำมั่นใดเพียงแต่บอกเธอไปว่า "ไว้ค่อยคุยกัน  แล้วจะติดต่อกลับไป"  แล้วผมก็เงียบงันเป็นเวลายาวนาน  ผมเองที่เป็นฝ่ายทิ้งระยะเวลาให้ห่าง จากวันนั้นจนถึงวันที่บันทึกไว้เกือบหนึ่งเดือน แม้ว่าถูกมองข้ามความรู้สึกแต่เธอยังมีความเชื่อมั่นในความรักของเธอ มันยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดกับสิ่งที่พลั้งไป  เพียงแต่เธอรอผมอีกสักนิด  นิดเดียวเท่านั้นเอง
ผมก้มหน้ามองสมุดบันทึกในมือที่วางบนตักแล้วเปิดมันอีกครั้งเพื่อหาหน้าที่ "เธอบอกรัก"

๑๐.๐๔.๒๕๕๕ : ๐๒.๑๙
"บทสรุป"
น้องไม่มีบทสรุปให้ตัวเองหรอก
น้องมีเพียงคำถามว่า  "น้องกำลังฝันไปใช่ไหม"
น้องทำอะไรลงไป "รักไม่ได้"  รู้ดีไม่ใช่หรือ?
น้องรู้เพียงว่า "คุณเป็นคนที่น้องรอ และจะรอตลอดไป"
วันนี้น้องฟังเพลง "ดาว" ของคริสติน ร้อยรอบแล้ว
ความรู้สึกของน้องตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากเพลงนี้เท่าใด  
หากวันนี้จะหลับไปก็อิ่มใจที่ได้ "บอกรัก"

ผมปิดสมุดบันทึกลง
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะตรงไปตรงมาไม่ยอกย้อนซ่อนแง่
จะไม่ทำร้ายทำลายหัวใจผู้หญิงคนหนึ่งจนทำให้เธอเดินออกไปจากชีวิตผม
และจากไปตลอดกาล

PS. ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เราได้รู้จักกับใครสักคน บางครั้งเขาก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เราลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างได้ - -Cr.ดาริกามณี				
comments powered by Disqus
  • จวว

    19 สิงหาคม 2555 20:25 น. - comment id 130117

    เศร้าก่อนนอน 10.gif
    
    ฝันดีค่ะคุณบุหรง 57.gif58.gif
  • (น้ำตาลหวาน)

    20 สิงหาคม 2555 10:57 น. - comment id 130118

    11.gif62.gif36.gif
  • พยับหมอก

    20 สิงหาคม 2555 21:30 น. - comment id 130122

    เป็นความตรึงตราในโลกมนุษย์
    เป็นความพลัดพรากในทางธรรม
    เป็นวิบากกรรมแห่งชาติภพ
    
    จะรออ่านค่ะ เรื่องที่คุณเขียนสอนอะไรได้หลายๆ อย่าง ๆ โดยเฉพาะ ความน่ากลัวแห่งวัฏฏสงสาร
  • เพียงพลิ้ว

    21 สิงหาคม 2555 16:08 น. - comment id 130128

    มาแอบอ่านสมุดบันทึกค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • ฉางน้อย

    31 สิงหาคม 2555 10:12 น. - comment id 130194

    แอบอ่านด้วยคนค่ะ11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน