เนี่ยแหล่ะ...ชีวิต"

ดอกแก้ว

ถ้าตอนนี้คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ได้ทำงานหรือแม้กระทั่งมีแฟนหรือครอบครัว  ถ้าคุณลองย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ความรับผิดชอบของเราก็มีเรื่องเรียน เล่นสนุกบ้าง  อาจโดนดุบ้าง...แล้วมันก็ผ่านไป ตอนนี้คุณรู้สึกไม๊ว่ามันไม่ใช่แล้ว ยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะรู้มากขึ้นว่า ชีวิตคืออะไร  เราเคยได้ยินคนบางคนพูดว่า "ชีวิตเริ่ม เมื่ออายุ40" (ไม่รู้จริงรึเปล่านะ)    ยังไงก็ตามเราขอยินดีกับทุกๆคนที่เกิดมาเป็นคน มีโอกาสที่จะคิดจะทำ ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงแม้จะเจออุปสรรคใหญ่บ้างเล็กบ้าง   แต่ก็รู้สึกนับถือคนที่ผ่านจุดๆนั้นมาด้วยความจริงใจ ด้วยว่าเมื่อเราโตขึ้น เรารู้จักคนมากขึ้น ได้พบกับคนหลายแบบ ทั้งจริงใจ และไม่จริงใจ บางคนแสนดี บางคนก็โกหกอย่างไม่สะทกสะท้าน บางคนก็ชอบคุยแต่เรื่องไร้สาระ บางคนก็น่ารักเหลือเกิน มีแต่คนห้อมล้อมมากมาย ฯลฯ   ไม่มีใครที่เหมือนกันเลยจริงๆ แม้แต่พี่น้องครอบครัวเดียวกันในหน้าตาที่คล้ายกันแต่ก็ยังมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป แรกๆเรายังคงปรับตัวและทำใจไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราไม่ชอบ ความเห็นแก่ตัวของคนบางคน ความเกรี้ยวกราด...ความซึมเซาเฉื่อยชา...ความโลเล   อีกทั้งความเอาแต่ใจ ฯลฯ ที่ทำให้เราเดือดร้อนใจอยู่เสมอ
เราทุกๆคนต้องการจะพบเจอแต่ความสุขความสบายใจ ความยิ้มแย้มแจ่มใส แต่หลายครั้งมันคาดไม่ถึงและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าเราจะเจอกับคนไม่ดี ผิดหวังกับเรื่องใดๆ เสียใจ สูญเสีย เหล่านี้ ทำให้เราท้อแท้ เหนื่อยและมองว่า โลกนี่มันช่างเลวร้ายเสียจริงๆหลายต่อหลายครั้งเราหาคำตอบไม่ได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะอะไร ใครทำให้เกิด ถ้าไม่มีคำตอบ   สุดท้ายก็คงจะเป็น....โชคชะตา
เหตุการณ์และสิ่งบางอย่างมันก็เกิดขึ้นเองโดยไม่คาดคิด  จบลงไปเพราะเวลาที่เลยผ่านโดยไม่มีใครขวางมันได้   ชีวิตดำเนินไปบนหนทางโดยมีโชคชะตานำทาง แต่ในเวลาเดียวกัน การกระทำของเราก็เป็นสิ่งผลักดัน ให้เราจะได้เดินไปกับโชคชะตาที่จะไปพบกับสิ่งที่ดีหรือร้าย   "ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และโชคชะตาจะกำหนดให้เรารับผลแห่งการกระทำนั้นเร็วหรือช้า เท่านั้นเอง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น   ไม่ว่าวันไหนจะรู้สึกสับสนท้อแท้-ดีใจ-เสียใจ    ที่แน่ๆก็คือ "ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป"  ไม่ว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเราเองหรือเพื่อใครบางคนก็แล้วแต่    สิ่งที่ผ่านมาก็ยังคงผ่านไปเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่แน่นอนตายตัว ชีวิตเปรียบเสมือนถนนสายหนึ่งที่ยาวไกล   บ้างคดเคี้ยว  บ้างก็ขรุขระ   บางครั้งก็ราบเรียบ   ตลอดทางที่ผ่านเราเจอผู้คนมากมาย  มากหน้าหลายตา  หลากนิสัยใจคอ  มีบางครั้งที่เราหลงไหลอยู่บนช่วงหนึ่งของถนน ที่มีแต่ความบันเทิงและสนุกสนาน เราเพลิดพลินกับมันจนลืมวันเวลา ลืมความรับผิดชอบชองเราที่มี   ว่าเรายังต้องเดินก้าวต่อไป...ไปให้ถึงจุดหมาย เราไม่ปล่อยวาง เราเสียดายที่จะสละเวลาแห่งความสุขของวันนี้   ด้วยว่าไม่แน่ใจว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร (หรืออาจเป็นเพราะเราพอใจแล้วก็เป็นได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทัศนะคติของแต่ละคน) แต่เมื่อวันเวลาล่วงเลยไป สิ่งที่เคยสนุกอาจไม่สนุกอีกต่อไป ม้าหมุน ไม้ลื่น ที่เคยสนุกตอนเรา 6-7 ขวบ วันนี้เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป กระแสแห่งกาลเวลาไม่เคยรอใคร ไม่ง้อใคร มันผ่านไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นานเข้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผู้คนแต่งตัวเปลี่ยนไป ทุกๆอย่างเปลี่ยนไป ตามกาลเวลา ตามสมัยที่มันเป็นอย่างธรรมชาติ    เราเสียอีกที่อาจลืมตัวว่าเราย้อนเวลาไม่ได้ เมื่อพรุ่งนี้มาถึง วันนี้ก็เป็นเพียงเมื่อวาน   ที่มีค่าแค่เพียงจดจำเพื่อเตือนตัวเราเองว่าเรายังต้องมีวันพรุ่งนี้ และพรุ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ ชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป ไม่มีใครรู้ได้แน่ชัดว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่จะเป็นเค้าพอมองให้เห็นได้ว่า เราจะมีความสุข ประสบความสำเร็จหรือไม่ คือการกระทำของตัวเราเอง ตั้งแต่เริ่มต้นเดินเข้ามาสู่ถนนสายชีวิตนี้ เราทำอย่างไร เราได้อย่างนั้น เรารู้จักให้ เราก็จะเป็นผู้รับในวันหนึ่ง หากเราไม่จริงใจกับใคร เราก็ควรแล้วที่ได้ความไม่จริงใจและหลอกลวงเป็นสิ่งตอบแทน    แม้จะมีบางครั้งที่หลงทาง ว้าวุ่นใจ เจ็บปวด ผิดหวัง ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ค่อยๆหาทางออก ใช้เหตุผล, ความจริงใจและความสามารถของเราที่มีเอาชนะอุปสรรคให้ได้ และกลับเข้ามาเดินบนถนนที่ราบเรียบและสุขสันต์อีกครั้ง
ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยหกล้ม และก็ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยผิดหวัง เสียใจ ทุกคนมีปัญหาต่างๆกันไป   ไม่จำเป็นต้องบอกให้กันรู้ คนมีเงินมาก  ร่ำรวย ก็ไม่ได้แปลว่า มีความสุขกว่าคนที่มีเงินน้อย    อยู่ที่ว่าเขารู้ที่จะใช้ชีวิตของเขาอย่างไรให้มีความสุขที่สุด พร้อมๆกันก็  "อย่าลืมที่จะทำให้คนรอบข้างคุณมีความสุขด้วยล่ะ" รู้จักให้อภัย เสียสละ เอาใจเขามาใส่ใจเรา    หยิบยื่นสิ่งดีๆให้คนอื่น 
ลองดูสิ อย่างน้อยตัวคุณเองจะรู้สึกเลยล่ะว่า "ตัวคุณมีคุณค่าแค่ไหน"				
comments powered by Disqus
  • ละมัย

    27 กันยายน 2548 19:09 น. - comment id 86915

    ขอบคุณสำหรับบทความ
    ที่ดึงหัวใจที่กำลังหลงทางให้กลับมามองโลกด้วยสายตาที่เข้าใจมากขึ้น

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน