นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

maruko_sos

เช้าวันใหม่หลังจากการสอบ ฉันหยิบ "โลกของจอม" ขึ้นมาอ่านต่อ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป จากที่เคยอ่านหนังสืออยู่กับโต๊ะ ก็เปลี่ยนมานอนกับพื้น 
"เหมือนอ่านหนังสือเรียนไม่มีผิด" ฉันหยอกตัวเอง 
อีกหนึ่งชั่วโมง ฉันพบว่าได้พาตัวเองออกมาที่ระเบียง นั่งบนถังน้ำขนาดใหญ่ไม่ใช้แล้วที่รองรับน้ำหนัก 50 โลกรัมได้ ตายังจับจ้องอยู่ที่ตำแหน่งหนึ่งของหน้า 55 
(จอมไม่เข้าใจว่าเหตุใด ด้วยสมองที่มากกว่าผีเสื้อล้านเท่า คนจำนวนมากจึงไม่เชื่อว่าทุกสิ่งในจักรวาลเป็นหนึ่งเดียว การทำลายสิ่งอื่นอย่างไม่ยั้งคิด สุดท้ายคนก็ต้องได้รับผลเสีย คนจำนวนมากปฏิเสธทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ที่ว่า ทุกสิ่งในจักรวาลถูกผูกโยงกันไว้โดย"เส้นด้ายวิเศษ"(Superstring)ซึ่งเรามองไม่เห็น การเด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งบนโลกจะสะเทือนถึงดวงดาว การฆ่าปลาวาฬตัวหนึ่งในทะเลเบอริ่ง(Bering sea)จะกระทบระบบนิเวศน์ทั่วจักรวาล)
จบย่อหน้านี้ที่หน้า 56
วันนี้วันอาทิตย์ ฉันคิดถึง"ข้างนอก"อย่างไม่มีเหตุผล
ว่าแล้วก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้อยู่สภาพพร้อมเดินทาง(ที่ยังไม่มีจุดหมาย)กับเป้ใบโปรด จุดประสงค์คือร้านกาแฟหรือร้านอะไรก็ได้ที่พอจะซุกตัวอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบก่อนมืดวันนี้
รถเมล์ยูโรสาย 59 ฉันเลือกนั่งริมกระจก มองทะลุออกไปด้านนอกตลอดเวลาที่รถวิ่ง มาถึงแค่บางเขน ฉันรู้สึกถึงความไม่ลื่นไหลบนท้องถนน หรือจะหยุดการเดินทางไว้แค่เซ็นทรัลฯ ลาดพร้าว ฉันถามตัวเอง เอาน่า ไหนๆก็ออกมาแล้ว ขอไปอีกหน่อย
ผู้หญิงที่อดทนต่อความอึดอัดได้น้อยอย่างฉันไปได้ไกลถึงจตุจักร ผู้คนมากมายในวันอาทิตย์สร้างความอึดอัด คนรอรถเมล์บนถนนยาวมากกว่า 500 เมตร พวกเขาออกมาชะเง้อมองหารถของขสมก.และบริษัทเอกชนในช่องทางเดินรถฝั่งซ้ายสุดแทนที่จะเป็นฟุตบาท รถติดสร้างความอึดอัด ฉันลงรถที่จตุจักรหวังจะนั่งBTSต่อจนถึงสยามเพราะไม่สามารถทนรถติดได้ แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นผู้คนต่อคิวซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ นึกถึงสภาพโบกี้เล็กๆที่หนาแน่นไปด้วยผู้คน 
ฉันตัดใจกลับหอท่ามกลางสภาพอากาศขมุกขมัว สามชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ได้หนังสือสักหน้า
ระหว่างต่อรถกลับหอ พบน้องสาวคนหนึ่งที่อยู่ในสังคมที่สระว่ายน้ำ เราส่งยิ้มให้กัน ทักทายกันเหมือนทุกครั้งหลังจากไม่เจอกันนานตั้งแต่อากาศเริ่มเย็น ฉันไม่รู้จักแม้ชื่อของเธอ จะว่าไม่เคยสนใจจะรู้จักเลยก็ได้ เพราะไม่ว่าเธอจะชื่ออะไร เธอก็คือเธอ ไม่ว่าจะเจอเธอที่ไหน เธอก็คือเธอ เป็นเพื่อนอายุน้อยที่ไม่เคยสร้างความลำบากใจให้ฉัน เรารู้จักกันจากการเดินทางของเวลาและกิจกรรมของเรา เหมือนเพื่อนบางคนของฉัน
เธอขอคำปรึกษาเรื่องเรียนต่อ ฉันเล่าเรื่องตอนม.ปลายของตัวเองให้ฟังนิดหน่อยก่อนจะแนะนำอะไรเล็กๆน้อยๆ
เธอกำลังกลัวการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงนั้นรวมถึงสังคมและวิถีชีวิต 
เธอเล่าจากคำบอกกล่าวที่เคยได้ยินว่าเด็กผู้หญิงจะถูกขึงเพื่อให้เด็กผู้ชายข่มเหง เมื่อรุ่นพี่ผู้หญิงสั่งเพราะไม่ชอบใจเด็กคนนั้น ฉันแนะนำให้เธออยู่ห่างๆ ทำตัวธรรมดา เธอว่ามันทำลำบากเพราะไม่มีวันรู้ว่ารุ่นพี่จะไม่ชอบหน้าเอาเมื่อไร
การจะชอบหน้าหรือไม่ชอบหน้าใครนี่มันก็พูดลำบากเหมือนกัน ครั้นจะบอกอาจารย์ก็อาจจะโดนหนักกว่าเดิมในภายหลัง ว่าแต่ระบบอาจารย์จะอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ จะอ่อนแอขนาดปกป้องลูกศิษย์ของตัวเองจากพวกเด็กอันธพาลไม่ได้เชียวหรือ ...อันนี้ตอบยากเพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ทำไมอะไรก็ยากสำหรับฉันไปหมดเนี่ย
เด็กเขามีความกดดันของเขา เรื่องเด็กอันธพาลมีจริง ไม่มีปัญหาของใครเป็นเรื่องเล็ก มันกระทบถึงจิตใจ ปัญหาใหญ่ๆมาจากปัญหาเล็กๆ คนเราเกิดมาใครๆก็ต้องเจอปัญหากันทั้งนั้น ทุกคนต้องแก้ปัญหา ไม่มีใครสบาย เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องทุกข์ใจเลย
ฉันได้แต่แนะนำน้องให้อยู่ห่างๆคนพวกนั้น ทำตัวให้เหมาะสม และตั้งใจเรียน วันหนึ่งเราจะชินกับสังคมแบบนั้นและรู้วิธีเอาตัวรอด
ก่อนจะจากกันเราลากันพอเป็นพิธี 
ฉันกลับหอพร้อมกับเรื่องที่ได้เรียนรู้ในวันนี้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าออกไปไหนวันอาทิตย์"				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน