คนที่ไม่เคยสำคัญ

สุชาดา โมรา

สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมักเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุดเพราะนั่นคือสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน  เราก็คิดอยู่ว่าเราก็ต้องเห็นอยู่แบบนั้นต่อไป  ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญ  ไม่เคยเห็นแม้แต่คุณค่าเลยสักนิด  เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครบางคนอยู่ทุก ๆ วัน  คน ๆ นั้นวิ่งตามเราอยู่ทุก ๆ วัน  ใส่ใจเราอยู่ทุก ๆ วัน  เราก็มักจะเห็นแค่ว่าใครคนหนึ่งกำลังทำอะไรที่ดูแสนจะงี่เง่า  น่ารำคาญ  น่าเบื่อหน่ายที่สุด  เป็นอะไรที่ทำให้เราเซ็งสุด ๆ และก็อยากจะหนีไปให้พ้น ๆ แต่เราก็ไม่อาจจะทำได้เพราะเราต้องเจอะเจอกันทุก ๆ วัน
                  กิ๊ก  กินข้าวหรือยังไปทานด้วยกันไหม  
                   กิ๊ก  ทำงานเป็นไงบ้าง  ผมช่วยไหม  
                   กิ๊กวันนี้ผมเหงามากเลยอยากชวนคุณไปดูหนังรอบค่ำ  คุณว่างหรือเปล่า
                   กิ๊กปีใหม่นี้ไปทำอะไรกินกันที่บ้านผมเถอะคุณแม่ท่านบ่นถึงนะ
                   กิ๊ก  งานบวชน้องชายคุณให้ผมไปช่วยงานนะ
                   กิ๊กผมเห็นว่าสายไฟบ้านคุณเก่าแล้วให้ผมเดินสายไฟให้ใหม่นะ  รับรองไม่คิดตังค์
                   กิ๊กกิ๊กกิ๊ก
                   สิ่งที่รับฟังอยู่ทุก ๆ วัน  มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อน่ารำคาญสำหรับคนที่ขี้หงุดหงิด  แต่นั่นแหละเราต้องเจอเขาทุกวัน  สิ่งที่ดูคุ้นน่าคุ้นตาที่สุดก็คือหมอนี่  บางทีเขาก็สร้างความตลก  บางทีก็สร้างความจุ้นจ้าน  โดยเฉพาะเวลาที่กำลังเซ็งได้ที่  แต่เราก็ต้องทน ๆ เขาหน่อยเพราะเราจะหาเพื่อนที่ดี ๆ คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลาแบบนี้ได้ยาก  ถึงจะเบื่อก็ต้องจำยอมเขาละเพราะว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง  และก็ดูจะเห็นอกเห็นใจเราเป็นที่สุด
                   โอ๊ย!!!!เบื่อจริง ๆ เลย  เช้ามาเจ้านายก็เรียกไปด่า  โอ๊ย!!!!!.ปวดหัวจริง ๆ เลย
                   เป็นอะไรเหรอกิ๊ก  บ่นเสียงดังลั่นออฟฟิตแล้ว  เดี๋ยวเจ้านายเธอก็มาได้ยินหรอก
                  ช่างหัวประไร  ไม่อยากทำงานที่นี่อีกแล้วละ
                  แล้วเธอมีทางไปเหรอ  เดี๋ยวนี้หางานยากนะ
                  จะไปยากอะไรเล่า!  นายลองมาเป็นฉันบ้างเอาไหม  ทำดีไม่ได้ดี  รู้งี้ไปอยู่บริษัทฝ่ายตรงข้ามดีกว่า
                  อย่าบอกนะกิ๊กว่าฝ่ายนั้นเขาชวนเธอไปอยู่ด้วย  เธอทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้วนะ  นี่เธอจะทิ้งกันไปง่าย ๆ เหรอ
                 อย่ามายุ่งนะนายยุทธพงศ์  ฉันรำคาญนายที่สุดเลย
                  ปึง!!ฉันเอาหนังสือวางกระแทกโต๊ะอย่างแรงแล้วจึงเดินหนีไป
                  ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป  ฉันเสียงดังแค่ไหนกับยุทธพงศ์  แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนั้นก็คือฉันพิมพ์ใบลาออกอย่างหุนหัน  ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ที่เจ้านายเรียกฉันไปต่อว่าต่อขานเรื่องดีไซน์ชุดราตรีหรู ๆ ให้นางแบบก่อนที่จะดีไซน์ชุดหนังบ้า ๆ อะไรนั่นให้ยายคุณหญิงระเบียบซึ่งเป็นขาประจำของบริษัท  แล้วฉันก็ดิ่งไปหาเจ้านายที่แสนจะชิงชังของฉันทันที
                  ปึง!!ฉันกระแทกใบลาออกกับโต๊ะไม้สักหรู ๆ ของเจ้านายที่งี่เง่าเรียกฉันไปด่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง   ระดับฉันแล้ว  ฉันไม่จำเป็นต้องง้อใคร  ฉันถือว่าฉันเก่งเพราะฉันจบมาจากปารีส  เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังของวงการนี้  ฉันเปิดบริษัทเองก็ได้  หรือไม่ฉันก็ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามเลยจะดีกว่านึกแล้วก็แค้นใจ  ฉันสะบัดก้นออกจากห้องเจ้านายทันทีโดยไม่เหลียวหลังกลับไปอีกถึงแม้ว่าเจ้านายจะแผดเสียงเรียกฉันดังลั่นเพียงใดก็ตาม
                 กิ๊กกลับมาหาฉันก่อนนี่มันอะไรกันเนี่ยกิ๊ก
                 เมื่อฉันก้าวเท้าพร้อมสัมภาระที่ฉันเก็บใส่กล่องใบโต ๆ ออกมาจากบริษัทแล้ว  ฉันก็คิดว่าฉันจะไม่มีวันหวนกลับมาที่นี่อีก  ฉันคิดแต่เพียงว่าฉันโกรธ  ฉันแค้นและก็ชิงชังบริษัทนี้  ฉันไปโดยไม่บอกลาใคร  แล้วฉันก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องแก้แค้นให้สำเร็จ  ฉันจะเหยียบบริษัทที่ฉันทุ่มเทให้กับงานโดยที่ฉันจะไม่จดจำสิ่งที่ดี ๆ ของบริษัทนี้อีกเลย
                 บรื้น.ฉันขับรถคันโก้ออกจากบริษัท  และก็ไปลาดตระเวนหาที่ทำกินแห่งใหม่  เพราะฉันพอจะมีเงินเก็บในบัญชีอยู่ก้อนใหญ่   เมื่อประจวบเหมาะกับทำเลดี ๆ ตึกดี ๆ ฉันจึงเหมาซื้อตึกหลังนี้หมดทั้งแถว  และจัดแจงหามัณฑนากรที่ดี ๆ มาตกแต่งบริษัทให้สวยหรู  ให้เป็นที่พอใจแก่ฉัน
เวลา  5  เดือนผ่านไป  บริษัทฉันตั้งขึ้นด้วยแรงใจของฉัน  สำเร็จด้วยมือของฉันเอง  ฉันจึงเปิดรับสมัครพนักงานหลายแผนกด้วยกัน  รวมทั้งดีไซน์เนอร์ที่จะมาแบ่งเบาภาระให้ฉันด้วย
                 ก๊อกก๊อกก๊อก
                 เสียงเคาะประตูดังขึ้น
                 เชิญค่ะ  นั่งตรงนี้เลยนะคะ
                 ฉันเรียกให้ใครคนนั้นเข้ามานั่งใกล้ ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร  นั่งก้มหน้าก้มตาวาดแบบชุดต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ  เพราะฉันคิดว่าใครคนนี้คงไม่เป็นที่ถูกใจฉันอีก  หลังจากที่ฉันสัมภาษณ์มาเป็นจำนวน  15 คนแล้ว
                สวัสดีครับ  ผมมาสมัครงานครับ
                เสียงที่คุ้นหูคุ้นตาที่สุดทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาดูว่าเจ้าของเสียงนั่นว่าเป็นใคร  ฉันจึงค่อย ๆ วางดินสอแล้วก็มองชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่เบิกบานจนแทบจะกระโดดกอดผู้ชายคนนั้นทีเดียว
                 ยุทธพงศ์
                 ฉันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและก็ดีใจเป็นที่สุด
                เธอมาได้ไงเนี่ย  แล้วไม่ทำงานที่บริษัทเดิมแล้วเหรอ  แล้ว
                พอ ๆ ๆ ๆ พอก่อนตอบไม่ถูกแล้วเราเป็นเพื่อนซี้กันไม่ใช่เหรอ  ถ้าเพื่อนไม่ไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนจะอยู่ยังไงล่ะ
                ขอบใจนะยุทธพงศ์
                เลิกเรียกยุทธพงศ์ได้แล้ว  เบื่อจะแย่อยู่แล้ว  เรียกมา 5 ปีแล้ว  เรียกบอยก็ได้ง่ายดี
                จ้าบอย
                ตั้งแต่หมอนี่มาอยู่กับฉัน  ทำให้ฉันมีความสุขมาก  มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน  เราร่วมกันสร้างบริษัทให้โด่งดังได้และก็ตีขนาบกับบริษัทเดิมได้  ตอนนี้แม้แต่คุณหญิงระเบียบยังมาตัดชุดที่บริษัทเราเลย  ถึงแม้ว่าบริษัทเราจะเป็นบริษัทที่เล็ก ๆ ก็ตามแต่ฉันก็มั่นใจว่าจะไปรอด  และไปได้ด้วยดี  ลูกค้าของฉันหลายคนที่ยังติดใจในฝีมืออันปรานีตของฉันกับหมอนี่ก็ทยอยมาอุดหนุนบริษัททำให้บริษัทเดิมไม่พอใจใช้ยุทธวิธีเรียกร้องความสนใจโดยหานางแบบดัง ๆ มาแสดงโชว์ชุดที่ตัดเย็บแบบหรู ๆ เพื่อที่จะมาข่มกับเราแต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก  จริง ๆ นะ
                 กิ๊ก  ผมติดต่อละครเรื่องหนึ่งได้    ผมว่าถ้าเราเป็นสปอนเซอร์ให้กับละครหลาย ๆ เรื่องรับรองว่าเราจะต้องดังกว่าบริษัทนั้นแน่ ๆ แล้วก็ถ้าเราเป็นสปอนเซอร์ให้กับนางแบบดัง ๆ ชุดของบริษัทเล็ก ๆ อย่างเราต้องขายดิบขายดีแน่ ๆ เลย
                 ฉันเห็นด้วยกับความคิดของหมอนี่ที่สุด  เมื่อเราลงมือทำร่วมกันแล้วผลปรากฏว่าเป็นที่พอใจแก่เราทุกฝ่ายมาก ๆ เพราะเราร่วมมือร่วมใจกันสร้างฝันให้เป็นจริงจนเรามีชื่อเสียงที่ดีกว่าเก่า  และเป็นที่ยอมรับแก่วงการอื่น ๆ ฉันจึงมีโบนัสพิเศษให้แก่พนักงานทุก ๆ คนด้วย
                เมื่อบริษัทเราโด่งดังเพราะการสร้างสมความดีและการพัฒนาตนเองของบริษัทเราเป็นเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ฉันจึงเริ่มขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น  ตอนนี้ก็มีนางแบบเป็นของตัวเอง  มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง  มีช่างแต่งหน้าทำผมที่ดีเข้ามาอยู่ภายในบริษัท  ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเข้ามามากมาย  ฉันเริ่มใส่ใจกับตัวเองมากขึ้น  เริ่มแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีกว่าเก่า  เป็นไฮโซที่มีชื่อเสียง  ออกงานสังคมมากขึ้น
                 กิ๊ก  งานการไม่ทำเหรอ  จะไปออกงานสังคมอีกเหรอ
                 อย่ามายุ่งกับฉันน่า  นายมีหน้าที่อะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ  นายเป็นแค่ลูกจ้างนะ
                 ฉันพูดแบบไม่คิดถึงจิตใจใคร  พูดโดยไม่รู้ว่าหมอนี่จะโกรธหรือไม่ทำให้หมอนี่เดินหนีฉันไป  ถึงกระนั้นฉันก็ยังไม่รู้ตัวว่าฉันผิดที่พูดอะไรแรง ๆ แบบนั้น  คงอาจเป็นเพราะ  supper - ego  มันคงเข้าคอบงำจิตใจของฉันทำให้ฉันไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์และยับยั้งช่างใจที่จะไม่พูดไม่ได้
ปึง!!
                 อะไรเหรอบอย
                 ผมขอลาออก
                 ทำไมล่ะ
                ฉันจับมือหมอนี่เอาไว้  แต่เขาก็สลัดมือฉันออก
               ต่อไปนี้ผมจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว  ผมรู้สึกผิดที่มาอยู่กับคุณที่บริษัทนี้  10 ปีที่ผมอดทนกับคุณแต่ผมไม่เคยได้รับคำพูดดี ๆ จากคุณเลย  ผมไม่ต้องการให้คุณมารักผมแต่ผมขอแค่คุณพูดดี ๆ กับผมเท่านั้นแต่คุณไม่เคยเลย  ไม่เคยเลยจริง ๆ
               อย่าไปเลยนะ  บอย
               ฉันตะโกนลั่นจนสุดเสียง  พนักงานทุกคนมองดูฉันอย่าสมเพช  ฉันเกลียดตัวเองจริง ๆ ที่เป็นคนแบบนี้  ฉันรู้สึกเสียใจบ้างแต่ก็ไม่เท่าไรนักเพราะฉันคิดว่าถึงไม่มีเขาฉันก็ทำงานสำเร็จได้ด้วยดีแน่นอน
              5 เดือนผ่านไป
             โอ๊ย!!!บ้าจริง ๆ เลย  ช่วงนี้เป็นอะไรนะ  ทำอะไรก็ไม่สำเร็จเลยแม้แต่นิดเดียว  บอยฉันขอโทษ  ฉันเสียใจ
              ฉันรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก  รู้สึกได้ตอนนี้นี่เองว่าเราได้สูญเสียคนดี ๆ คนนึงไป  ฉันรู้สึกแย่รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ ฉันคิดว่าฉันจะต้องตามหาเขาให้ได้  ต้องพาเขากลับมา  มาอยู่ร่วมกันอีกครั้งเป็นทีมเดียวกัน  เป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง
                ตุ๊ด  ตูด ตุ๊ด  ตุ๊ด
               ฉันกดโทรศัพท์หาหมอนี่จนมือแทบหงิกแต่สิ่งที่ฉันได้คือ
               หมายเลยที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ
               ฉันรู้สึกหมดหวัง  รู้สึกเศร้าใจเป็นที่สุด  ขณะนี้สภาวะการณ์ทางบริษัทเริ่มแย่ลง  พนักงานลาออกไปหลายคนเพราะการพูดการจาที่เลวร้ายของฉัน  ฉันรู้สึกหัวหมุน  รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจอย่างทารุณ
               ฉันเพิ่งรู้สึกตัววันนี้นี่เองว่าการสูญเสียเป็นอย่างไร  ฉันคิดถึงบริษัทเก่า  คิดถึงเจ้านายเก่าที่พูดดี ๆ กับฉัน  และฉันก็คิดได้ว่าแค่เพียงคำพูดคำเดียวของอดีตเจ้านายทำให้ฉันต้องลาออกในวันนั้น  และเหตุการณ์นี้ก็อีกที่เป็นฉนวนทำให้หมอนี่ไปจากฉัน  มันทำให้ฉันคิดได้หลายเรื่องว่าฉันไม่เคยพูดดี ๆ กับหมอนี่เลย
               ฉันเขียนบันทึกไว้เล่มหนึ่ง  ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเขาว่า
               ฉันมีชีวิตที่สุขจนไม่รู้จะเรียกว่าสุขขนาดไหน  ฉันมีหมอนี่เป็นคู่คิดที่ดี  มีหมอนี่เป็นทีมงานที่เข้มแข็งเป็นแรงและกำลังใจให้ฉันเสมอมา  ฉันมีความสุขทุกครั้งที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ จนกระทั่งฉันได้แยกตัวมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง  ก็มีเขานี่แหละที่คอยมาช่วยเหลือฉันจนได้ดิบได้ดีขนาดนี้  หมอนี่เป็นแรงผลักดันพิเศษให้ฉันในทุก ๆ เรื่อง  และฉันก็เริ่มเปลี่ยนจากคำว่าหมอนี่เป็นเขาโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด
               แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้สูญเสียผู้ชายดี ๆ คนนั้นไปแล้ว  ทีแรกฉันคิดว่าก็แค่อาจจะรู้สึกเสียใจบ้าง  เคยคิดอยู่หลายครั้งหลายหนว่าเราต้องการให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมดีหรือเปล่า  แต่บางทีเราก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นกลับจะรู้สึกว่าดีใจที่ได้มีชีวิตที่ปราศจากความรำคาญ  เฮ้อต้องถอนใจยาว ๆ อยู่หลายครั้งทีเดียว  ไม่ใช่เพราะดีใจหรอกนะแต่ฉันเกิดความสับสนในตัวของฉันเองมากกว่า  ตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันต้องการอะไร  คิดยังไงกันแน่  มันสับสนจนปัญญาไปหมดแล้ว  รู้สึกเครียดและเบื่อหน่ายตัวเองเป็นที่สุด  ทำไมฉันมันถึงได้โง่เง่าขนาดนี้  ผู้ชายดี ๆ คนหนึ่งที่เราพึ่งพาเขามาโดยตลอด  เรากลับทอดทิ้งเขาไป  เอาแต่ความสุขส่วนตัว  คิดแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่คิดถึงจิตใจของเขาเลยสักนิด  เราเราบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือนี่
               จะมีใครบ้างนะที่เคยรู้ถึงความรู้สึกของคนที่เป็นผู้ให้  ซึ่งเขาทำให้เราทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่าง  จนบางทีสิ่งที่เขาทำอยู่อาจไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฉันรำคาญ  แต่เขาทำไปเพราะเขารักฉันจริง ๆ  เหมือนความรักของพ่อแม่  เหมือนความรักของญาติผู้ใหญ่ของฉัน  เหมือนความรักของใครอีกหลายคนที่ทำให้ฉันด้วยความจริงใจแต่ฉันกลับเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักเขาดีพอ  ไม่รู้จักใจของตัวเองว่าคิดอย่างไร  
                  ฉันเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญบ้างหรือไม่สำหรับชีวิตของฉัน  ฉันเคยคิดว่าขณะนั้นฉันดูแลเขาดีพอหรือยัง  ฉันให้ความสำคัญกับคนที่รักฉันถูกคนหรือเปล่า  ฉันให้ความสำคัญกับคนที่ให้วัตถุคุณมากกว่าคนที่ให้ความรู้สึกที่ดี ๆ กับฉันบ้างหรือเปล่านะ  ฉันเกิดความสับสนในใจอยู่หลายครั้งจนทำอะไรไม่ถูก  คิดอะไรไม่ออก  สมองตื้อตึงไปหมด  เครียดจนไม่รู้จะเครียดยังไงเฮ้อแต่ก็นั่นแหละสิ่งที่ฉันได้คิดก็คือ  ฉันไม่เคยทำอะไรที่ดี ๆ กับเขาเลย  แม้แต่จะพูดจาไพเราะรื่นหูสักหน่อยก็ไม่มี  
                    สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคือเขา  แต่ฉันกลับมองข้ามเขาไปนั่นเป็นเพราะความโง่ของตัวฉันเอง  แต่เมื่อฉันได้คิดไตร่ตรองอะไรดี ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันต้องมองเขาด้วยหัวใจมองด้วยแง่มุมที่รับรู้ถึงการเป็นผู้ให้และผู้รับ  ซึ่งฉันไม่เคยเป็นผู้ให้เลยแม้แต่นิดเดียว  แต่ฉันก็พยายามเปิดใจให้กว้างขึ้นเพื่อที่จะมองเขาด้วยใจที่เป็นกลาง  โดยไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป  ไม่คิดเข้าข้างตัวเองฉันจึงเปิดใจและจึงรับรู้ได้ว่าเขารักฉันและฉันก็รักเขามาก  
                   แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ควรมีความรักในตอนนี้เพราะฉันไม่มีเวลาพอที่จะใช้หัวใจมองอะไรได้  นั่นเพราะฉันเพียงแค่มองอะไรแค่ฉาบฉวยแล้วก็ตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่  และฉันก็กลับมองดูความร่ำรวยและก็ความจนของคนที่ข้าวของที่เขาใช้  เขาสวมใส่  ดูในสิ่งโก้หรูแต่ฉันไม่เคยมองความดีของคนตรงที่เขาแสดงให้ฉันเห็นเลย  ฉันมองอะไรหลายอย่างด้วยตาแล้วฉันก็ตัดสินคนเพียงแค่เวลาไม่เกิน 5 วินาที  มันทำให้ฉันต้องสูญเสียมิตรภาพที่ดีดีจากเขาไป  เพียงเพราะฉันอ้างกับใจและตัวของฉันเองว่าไม่มีเวลา  ไม่เคยมีเวลาเลยสักนิดเดียว  นั่นเป็นเพราะฉันไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากตัวฉันเอง  ฉันไม่เคยให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้นเลย  รวมทั้งต่อคนที่เขารักฉันด้วยใจจริงคนนั้น  
               ถ้าฉันได้ลองมองเขาตั้งแต่ตอนนั้น  และก็มองย้อนกลับไปดูว่าทำไมเราถึงมีเวลาทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากมายในแต่ละวัน  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญต่อชีวิตฉันเลย  ไม่ว่าจะเป็นงานสังคม  งานเลี้ยงสังสรรค์ในสังคมโก้หรูที่มีแต่ความจอมปลอมบนโลกใบนี้  เพราะเราให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อมัน  ทำไมฉันถึงไม่ลองให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฉันลืมไป  ฉันไม่เคยนึกถึงมาโดยตลอด  โดยเฉพาะกับคนที่หวังดีกับฉันคนนี้แต่ฉันกลับไม่เคยมองเขาเลยสักนิด  
               ฉันจึงคิดว่าฉันต้องไม่ปล่อยให้มิตรภาพดี  ๆ  ต้องมีรอยร้าวเพราะเมื่อวันหนึ่ง  เวลาหนึ่งที่คน ๆ  นั้นต้องจากเราไปโดยมองหน้าเราไม่ติดแบบนี้   เราคงอายไม่กล้าสบตาเขาไม่กล้าพูดกับเขาทั้ง ๆ ที่เราก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้เขา  และเขาก็มีเช่นกัน  และถ้าวันหนึ่งเราจะต้องจากกันเราก็ควรจะจากกันด้วยความรู้สึกที่ดีดีต่อกันเราจะได้ไม่รู้สึกผิดและรู้สึกแย่  ๆ  แบบนี้  โถ่!!!ไม่น่าเลยเรา  นั่นเป็นเพราะว่าเรายังทำดีกับเขาไม่เพียงพอใช่ไหม  เพราะฉันไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอเลยใช่ไหม  บอย  ตอนนี้ฉันคงพูดได้แค่เพียง  ฉันขอโทษ  ฉันขอโทษจริง ๆ  ฉันเสียใจนะบอย
                เธอคือสิ่งที่ไม่สำคัญกับฉันในตอนแรก  นั่นเพราะฉันไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นคุณค่าในสิ่งที่เธอมอบให้มาเลย  ฉันขอโทษนะบอย  และตอนนี้ฉันก็รู้ตัวแล้วละว่าเธอคือคนพิเศษของฉัน  เธอคือคนที่สำคัญของฉันเสมอ  บอยได้โปรดเถอะ  กลับมาหาฉันนะฉันขอร้อง
                ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันรู้สึกอย่างไร  บอยฉัน  ฉัน  ฉัน  จะให้ฉันพูดอย่างไร  จะให้ฉันทำอย่างไรกันในเมื่อฉันเป็นผู้หญิง  ฉัน  ฉันรักเธอนะบอย
ฉันได้บันทึกเรื่องราวถึงความรู้สึกที่ฉันรู้สึกผิดรวมทั้งสิ่งที่ฉันเพิ่งค้นพบตัวเองเจอก็ต่อเมื่อสายไปแล้ว  
บรื้น
                ฉันขับรถตามหาเขาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง  แต่ก็ไม่พบเขาเลย  ไม่ว่าจะเป็นบ้านเขา  บ้านญาติ ๆ ที่ฉันเคยไป  หรือแม้แต่ที่ที่เขาชอบไปด้วย  สิ่งที่ฉันได้มันคือความว่างเปล่า  ความว้าเหว่ในจิตใจ  มันทำให้ฉันรู้สึกผิดและรู้สึกว่าแย่ที่สุด  เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา  ฉันผิดหวังและสิ้นหวังจริง ๆ เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเธอ  เธอรู้ไหมว่าฉันแคร์เขามากแค่ไหน
ฉันจึงกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่บริษัทอีกครั้ง  ฉันจอดรถด้วยความรู้สึกที่หดหู่สิ้นหวังเป็นที่สุด  ทำอะไรไม่ถูก  คิดอะไรไม่ออกเลย  ฉันรู้สึกว่าขณะนี้ฉันอ้างว้างเดียวดาย  หาที่พึ่งไม่ได้
                บอย
                 ฉันตะโกนลั่นสุดเสียง  เขาหันกลับมามองฉันช้า ๆ ฉันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอเขาอีกครั้ง
                มีอะไรเหรอกิ๊ก
                 ฉันขอโทษนะ  กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม
                  เขาเงียบและก็เรียกใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากบริษัทของฉัน
                 นี่พลอยแฟนผม
                 คำพูดนี้แหละที่ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ ถึงมากที่สุด  ตัวชาหน้าชาทำอะไรไม่ถูก  เหมือนใครเอาน้ำเย็น ๆ มาสาดดังโครม!!!  ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ รู้สึกยิ่งกว่าอ้างว้างเสียอีก  บอยเธอมีคนอื่นแล้วเหรอ
                 กิ๊กเธอเป็นอะไรไปน่ะ  กิ๊ก
                 เอ่อเอ่อมะไม่เป็นไร
                  เ.ออผมไม่โกรธคุณหรอกนะ  ที่ผมมาวันนี้ผมไตร่ตรองดีแล้วละว่าผมจะพาพลอยมาฝากงานกับคุณ  เธอเก่งเรื่องการตกแต่งภาพ  รับรองว่าเธอจะทำให้บริษัทคุณไม่ผิดหวัง
                ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
               เสียงนี้ยิ่งทำให้ฉันขมขื่นใจยิ่งนัก  ถ้าฉันไม่รับคนชื่อพลอยอะไรนี่เข้าทำงานก็จะกระไรอยู่  มันจะดูน่าเกลียดไปมั้ง  สิ่งนี้มันทำให้ฉันคิดหนักว่าฉันควรจะทำอย่างไรดี  ถ้าปฏิเสธความสัมพันธ์ของเรามันคงจะจบสิ้นตรงนี้แน่ ๆ ฉันจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามา
              เริ่มงานเลยละกัน
              วันนี้เลยเหรอคะ  แล้วเรื่องเงินเดือนล่ะคะ
             อย่าเพิ่งเร่งรัดสิคุณ  เดี๋ยวเจ้าของบริษัทก็ว่าเราไม่ดีหรอก
              ฉันดูทั้งคู่มีความสุขดีนะ  ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วในเมื่อเขามีความสุขเราก็ควรมีความสุขไปด้วยถึงจะถูกต้องเฮ้อชีวิตของฉัน  เฮ้อ  ฉันต้องถอนหายใจหลายครั้งทีเดียวแต่ฉันก็ยังคงยิ้มรับสู้ได้นะ  เพราะอย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้รู้แล้วว่าการพูดดี ๆ มันทำให้มิตรภาพยั่งยืน  การที่เราใจกว้างมันทำให้ได้อะไรมาหลาย ๆ อย่าง  และการที่เรารู้จักคำว่าขอโทษมันคือแรงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้าสู้กับเขาได้  นอกจากนั้นฉันก็รู้แล้วว่ารักคือการให้  รวมทั้งการให้อภัยในหลาย ๆ เรื่องด้วย  เมื่อเราเห็นเขามีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วย
             บอย  เธอจะกลับมาหรือเปล่า  ฉัน
              ฉันส่งใบลาออกคืนให้เขา
             อย่าคิดมากนะกิ๊ก  วันนั้นผมหุนหันเกินไป  ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะ  ต่อไปนี้ผมจะทุ่มเทเพื่องาน  ผมจะตั้งตัวและเตรียมพร้อมที่จะแต่งงานให้เร็วที่สุด
              ถึงแม้ว่าประโยคที่ฉันได้ยินมันจะทำให้ฉันรู้สึกใจหวิว ๆ ก็ตามแต่มันก็ทำให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้น  ฉันยิ้มรับคำพูดของเขาและยิ้มรับความรู้สึกของฉันได้ฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว
               เวลาผ่านไปยาวนานเหลือเกินจนฉันลืมเรื่องราวร้าย ๆ ในชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว  บริษัทของฉันรุ่งโรจน์ขึ้น  ฉันมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น  และฉันก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตที่โสด ๆ ด้วย  แหมมันช่างสบายใจดีจริง ๆ
               คุณยุทธพงศ์คะ  อ่านนี่หน่อยนะคะ
               พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงดังลั่น  จนข่าวลือรู้กันไปทั้งบริษัท  มีเพียงฉันคนเดียวที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย  ยิ่งนานวันข่าวยิ่งพูดกันหนาหูมากขึ้นจนทำให้ฉันรู้จนได้ว่าเรื่องอะไรแต่ฉันก็ทำเฉย ๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
               วันนี้จบการประชุมเพียงเท่านี้
               คุณกิ๊กครับ  ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ
               ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร  แต่สิ่งที่ฉันกลัวก็คือข่าวลือที่มันก็เป็นความจริงเสียด้วย  ไดอารี่เล่มน้ำเงินของฉันหายไปเล่มหนึ่ง  ฉันหามันมาตลอดแต่ก็ไม่เจอ  แต่ก็ช่างเถอะฉันก็ทำเฉย ๆ ไว้ก็เท่านั้นราวกับว่าไม่มีอะไร  ทำใจเย็น ๆ แต่จริง ๆ แล้วหัวใจมันเต้นรัวราวกับกลองทีเดียว
                กิ๊กคุณเคยรักผมบ้างไหม?
                คำพูดนี้แหละที่ทำให้ฉันใจหวิว ๆ ทำอะไรไม่ถูก  ไม่รู้จะตอบยังไงดี  ฉันรู้สึกว่าฉันดีใจเหมือนกับได้ของเล่นเมื่อตอนเด็ก ๆ เลย  คำพูดประโยคนี้เป็นคำพูดที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน  และฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยปากถามฉันขึ้นมาเองด้วยซ้ำ
                  คุณไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้นนะ  ผมอยากให้คุณมากับผมเดี๋ยวนี้เลย
เขาฉุดแขนฉันออกจากห้องประชุมและพาขึ้นรถคันหรูของเขาฉันได้แต่คิด  คิด  คิด คิดแล้วก็คิดอีกว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป  เขาจะพาฉันไปไหน  ไปทำอะไร  แล้วฉันจะวางตัวอย่างไรถูกในเมื่อเขามีคนรักของเขาอยู่แล้วฉันคิดอยู่นานจนมารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเขาเปิดประตูให้ฉันลงจากรถแล้ว
ตึง
                 เสียงปิดประตูดังขึ้น  ฉันสะดุ้งโหยง  แต่ก็ยังตีหน้าเฉย ๆ อยู่  ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                คุณจำได้ไหมว่าเราเคยพบกันครั้งแรกที่นี่ 
ฉันจำได้ดีว่าวันนั้นฉันเพิ่งกลับมาจากปารีสได้เพียง 2 วัน  ฉันรู้สึกเหงา ๆ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาที่แห่งนี้  มาปล่อยอารมณ์ให้ทอดไปกับสายลม  มองดูนกฝูงใหญ่  และก็มองดูว่าวมากมายที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า  และว่าวก็มาตกลงตรงหน้าฉัน  มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาเก็บจากนั้นฉันเลยได้รู้จักกับเขาคนนั้น
                ใช่ฉันจำได้
               ก็ดี  ผมจำได้ว่าว่าวมาตกที่ตรงหน้าคุณ  และว่าวมันก็ทำให้ผมต้องเลิกกับแฟนเก่าของผมเพียงเพราะผมเดินมาเก็บว่าวและก็คุยกับคุณ  5555  ขำจริง ๆ เลย  ผู้หญิงนี่บทจะเลิกก็เลิกง่าย ๆ นะ  จริงไหม
พอฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเขา  มันก็ทำให้ฉันเบิกบานหัวใจ  รู้สึกอกชื้น ๆ เหมือนต้นไม้ที่มีใครเอาน้ำมารด  วันนี้ฉันจึงยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเลยละ
              กิ๊ก  ไป
              ไปไหน
              เขาฉุดฉันวิ่งไปรอบ ๆ พาไปดูนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า  ให้อาหารนก  ให้อาหารปลา  ฉันรู้สึกเพลิดเพลินจริง ๆ   เพราะนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้สนุกแบบนี้
              ผมมีความสุขที่สุดเลยนะ
               ฉันก็เหมือนกัน
               ไปไปกับผมอีกทีได้ไหม
               ไปไหน
               เขาพาฉันวิ่งอีกครั้ง  พาฉันไปซื้อว่าวมาเล่น
                ผมจำได้ว่าคุณเล่นว่าวไม่เป็น  วันนั้นที่ผมเลิกกับแฟนผมก็มีคุณนี่แหละที่ปลอบใจผมและก็มาเล่นว่าวกับผม  วันนั้นเหมือนมันเพิ่งผ่านมาเองนะ  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะ 10 กว่าปีมาแล้ว
               อืมจริง ๆ ด้วยนะ
               เราหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุขจนตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้าไปแล้ว  ลมที่พัดแรง ๆ อยู่เริ่มพัดเอื่อย ๆ จนไม่มีลมจะพัดอีกแล้วอากาศเริ่มอึมครึม  ความหนาวเย็นเริ่มเข้ามาสู่กายฉัน  ฉันรู้สึกหนาวเหน็บจริง ๆ
              กิ๊ก  คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีและตอนนี้ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจไปไหนแล้วด้วยผมอยากจะอยู่ตรงนี้นาน ๆ ทีเดียว
             วันนี้เธอแปลก ๆ นะบอย
             มันไม่แปลกหรอกกิ๊ก  เพียงแต่คุณไม่ได้สังเกตผมเท่านั้นเอง
ฉันอึ้งไปหมด  ทำอะไรไม่ถูกเลย
            แต่งงานกับผมเถอะนะ  ผมขอร้อง
             ฉันไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น  เขายื่นแหวนวงหนึ่งออกมา  มือของเขาสัมผัสที่มือของฉัน  เขาค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้ฉันช้า ๆ แต่ฉันก็ต้องหดมือกลับมา
           ไม่ได้นะ  แล้วคนรักของเธอล่ะ
           ผมเลิกกับเขาไปนานแล้วละ  แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
           ทำไม
            ฉันถามแบบงง ๆ
           เพราะผมรู้ว่าใจผมคิดยังไง  และผมก็รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับผม  โดยเฉพาะเวลาที่ผมได้อ่านหลักฐานสำคัญของคุณมันทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่าคุณแคร์ผมมากแค่ไหน  คุณไม่ต้องพูดไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น  ผมจะบอกคุณให้ฟังว่าจิรมลนางแบบชื่อดังของคุณแอบเอาไดอารี่เล่มน้ำเงินมาให้เลขาของผม  ผมจึงได้อ่านไดอารี่เล่มนั้น  ผมจึงได้รู้ความจริงหลาย ๆ อย่างผมเลยตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม  และผมอยากจะบอกคุณว่าผมรักคุณนะ  แต่งงานกับผมเถอะนะ
            ฉันรู้สึกดีใจเป็นที่สุด  จนลืมตัวเองว่าเป็นผู้หญิง  โผกอดเขาไปโดยไม่ได้คิดถึงความเสียหายใด ๆ  นักเรียนนอกหัวโบราณอย่างฉันก็ทำอะไร ๆ ที่คนรักกันหลาย ๆ คนแสดงออกต่อกันได้เหมือนกัน เฮ้อฉันอยากจะตะโกนก้องฟ้าเลยว่า   ดีใจเหลือเกิน!!!!
              เขาบรรจงสวมแหวนให้ฉัน  และฉันก็รับแหวนนั้นมาโดยดีฉันมีความสุขในชีวิตมากทีเดียว  หัวใจฉันเต้นรัวราวกับกำลังดิสโก้อยู่  ฉันดีใจที่ความหวังของฉันเป็นจริง  คนไม่เคยสำคัญก็คือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน  นั่นเป็นเพราะเราต้องมองหัวใจตัวเองให้เป็น  ต้องเห็นว่าใครดีใครไม่ดี  และต้องให้ความสำคัญกับคนที่เขาดีกับเราให้ดีที่สุดฉันรักเขาจริง ๆ
               เฮ.
              เสียงผู้คนในบริษัทมากมายโห่ร้องกันดังลั่น  งานวิวาห์ของฉันสำเร็จไปได้เพราะจิรมลนางแบบคนดังคนสนิทของฉัน  ถ้าวันนั้นฉันไม่ป่วยและจิรมลไม่ไปดูแลฉันที่บ้าน  เขาคงไม่พบไดอารี่ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงของฉัน
              ขอบใจนะจิรมล
              ไม่เป็นไรค่ะ  ก็เหมือนกับที่คุณช่วยคุณอาสาฬห์แฟนของฉันไงคะ
              ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขจริง ๆ  และที่ต้องขอบคุณอีกคนก็คือแม่เลขาตัวดีของบอย
              ขอบใจนะณัฐพร
             เรื่องอะไรคะ
           ฉันยิ้มและไม่ตอบอะไร  จากนั้นฉันก็เดินไปตัดเค้กร่วมกับบอยอย่างหวานชื่น  32 ปีกับอายุที่ไม่ใช่น้อย ๆ เลย  แต่ฉันก็มีความสุขกับชีวิตของฉันเป็นอย่างดี
            ฉันโยนช่อดอกไม้สวย ๆ ให้กับคู่บ่าวสาวคู่ต่อไป  คนที่รับช่อดอกไม้ช่อนั้นได้ก็คือณัฐพรเลขาของบอย  ซึ่งก็ได้หมายมั่นไว้ว่าจะแต่งงานกับตะวันลูกชายเจ้าของสำนักพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทย  ดูเขามีความสุขดีนะ  และเขาก็ประกาศแล้วว่าเขาจะแต่งงานเป็นคู่ต่อไป
           เสียงหัวเราะกันครื้นเครงในบริษัทแห่งนี้  กับงานแต่งงานที่รู้กันเฉพาะในวงการ  มีนักข่าวมาประปราย  มีญาติผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายมาเป็นสักขีพยาน  ถึงแม้ว่าเราจะไม่เด่นไม่ดัง  งานจะไม่หรูหราจนน่าเกลียดแต่เราก็มีความสุขมาก  และก็สัญญากันไว้ว่าจะรักและใช้ชีวิตร่วมกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ช่วงเวลาต่อไปนี้แหละจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตของฉัน  ฉันจะตั้งใจเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีของเขา  ฉันจะต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ ๆ กับเขาให้ดีที่สุด
                                                             ( ติดตามต่อภาค2ในเรื่องมรสุมทางใจ)				
comments powered by Disqus
  • tiki

    14 กรกฎาคม 2547 18:11 น. - comment id 75438

    เขียนดีมากค่ะ
  • พลอย

    22 กรกฎาคม 2547 16:03 น. - comment id 75642

    อยากทราบชื่อหนังสือ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน