เชื่อมั่นในรักแท้ ( ตอนที่ 2)

สุชาดา โมรา

ผมมีความสุขกับชีวิตคู่ของผมมาก  ผมตั้งใจไว้ว่าจะมีลูกสาว  และก็ลูกชายที่น่ารักเอาไว้อุ้มชู  ส่งให้เขาเรียนมีงานมีการทำ  และผมก็คิดเลยไปถึงอนาคตที่ผมจะต้องมาเลี้ยงหลาน  นึกแล้วก็มีความสุขไม่น้อยเลย
ฟืด
ตื่นได้แล้วค่ะ  สายแล้ว
แม่ศรีภรรยาของผมหอมแก้มเหม็น ๆ ของผมแต่เช้า  เธอปลุกผมตั้งแต่แสงพระอาทิตย์ยังไม่โผล่ออกมาเลย  เธอเดินลงไปทำอาหารเช้ามาให้ทานถึงที่ห้อง  วันนี้เธอทำข้าวต้มกุ้งมาให้ผมทาน  ใส่เห็ดหอมน่ากินทีเดียว  แต่พอผมกินเข้าไปคำนึงนะถึงกับตาตั้งทีเดียว  เพราะไม่คิดว่ามันจะเค็มขนาดนี้
เป็นไงบ้างคะ  อร่อยไหม  นี่เป็นการทำกับข้าวครั้งแรกของลูกแก้วเลยนะคะ
ถึงแม้ว่าจะเค็มขนาดทะเลเรียกพระเจ้าเลยแต่ผมก็ต้องตอบอย่างรักษาหน้าภรรยาว่าอร่อย  อร่อยมาก ๆ เพราะพอผมมองสีหน้าที่อยากรู้ของเธอแล้วผมก็ต้องตอบอย่างนี้ทุกทีว่าดีดีครับผมยอมก้ำกลืนฝืนทานจนหมด  พอผมดื่มน้ำเข้าไปถึงกับโล่งเลยทีเดียว
อืมพี่กอล์ฟคะเมื่อคืนคุณพ่อของพี่ท่านว่าอะไรเหรอคะ
ที่จริงพี่ไม่อยากจะตอบเลยนะเพราะมันเป็นความลับ  แต่โอ๋ ๆ ๆ อย่างอนนะคนดีผมบอกก็ได้นะไหน ๆ เราก็เป็นคนคนเดียวกันแล้วนะ
ก็ตอบมาหน่อยสิคะ  ต่อมอยากรู้มันกระตุกจะแย่อยู่แล้ว
ผมยิ้มแล้วก็ต้องตอบ
คุณพ่อท่านบอกว่า  ถ้าใจไม่ถึงอย่าเลยลูก
ยังไงคะ  ไม่เข้าใจ
ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี  เพราะดูเธอไร้เดียงสาไปซะหมด  ผมจึงยิ้มแล้วก็ต้องถามเธอ
เคยเล่นตา  หู  คัน  ดัง  บะไหม
เคย  ทำไมเหรอ
เล่นกันไหม  งั้นพี่ขอเป็น
ลูกแก้วเลือกก่อนได้ไหมคะ  ลูกแก้วขอบะ  แล้วก็หูได้ไหม
ได้สิ  งั้นที่เหลือพี่จองนะตา  หู  คัน  ดัง  บะ
ตานี้ผมยอมเธอไปก่อน  ผมถูกเธอดึงหูอย่างเต็มแรงเกิดจนหูชาทีเดียว  แต่ตานี้ผมไม่เอาไว้แน่ ๆ พอผมได้ดังแล้ว  ผมจึงให้เธอหลับตาแล้วผมก็โผกอดแล้วหอมแก้มเธอไม่หยุดเลย
ขี้โกงนี่
ช่วยไม่ได้นี่นา
วันนี้ผมจึงไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปไหน  จนได้เวลาเที่ยง  ผมอาบน้ำแต่งตัวรีบวิ่งลงมาทำอาหารให้เธอทานก่อนที่เธอจะตื่นลงมาทำ  เพราะผมกลัวฝีมือเธอเหลือเกิน
ที่รัก  ทานข้าวได้แล้ว  มาตื่นเร็ว
ผมปลุกเธอให้ตื่นแล้วก็ชวนเธอลงไปทานข้าวด้วยกัน  เธอชมผมไม่หยุดปากเลยว่าทำอร่อย  ผมรู้สึกเขินจริง ๆ แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยผมทำตามคำพูดของคุณพ่อแล้ว  ก็เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ต้องทำตามที่ท่านบอกผมจึงเดินจูงมือเธอไปที่สวนหลังบ้านแล้วก็มองไปที่ต้นราตรี  จากนั้นจึงแหงนมองหน้าต่างห้องตัวเองเพื่อมองตามที่พ่อบอก  ผมเห็นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งแขวนอยู่ที่ขอบหน้าต่างห้อง  ผมจึงวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะดูว่ากล่องนั้นมีอะไร  ผมและเธอช่วยกันแกะกล่อง  ผมอ่านจดหมายที่พ่อเขียน  ผมรู้สึกสำนึกว่าผมไม่เคยทำอะไรให้พ่อเลย  แต่พ่อกลับห่วงหาผมและแม่มาโดยตลอด  ถ้าวันนั้นพ่อไม่ขี้เมา  ชีวิตครอบครัวเราคงจะมีความสุขมากกว่านี้
พี่กอล์ฟคะ  ดูนี่สิคะ!!!!.
เธอร้องเสียงหลงทีเดียว  ผมจึงต้องหันไปดู  พ่อเปิดบัญชีให้ผมไว้ใช้หลังแต่งงาน  ผมตื้นตันใจที่สุด  และก็เกิดคิดได้ขึ้นมาว่าพ่อไปทำอะไรมาถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้  ผมจึงไปหาพ่อตามที่อยู่ที่พ่อทิ้งไว้  ผมจึงได้รู้ว่าพ่อเป็นลูกเจ้าของโรงทอผ้า  แต่พ่อหนีออกจาบ้านตั้งแต่หนุ่ม ๆ เพราะไม่เข้าใจกับครอบครัว  พ่อจึงกลายเป็นขี้เมาไม่ได้สติ  พวกเราเลยลำบาก  แต่พอพ่อเลิกกับแม่พ่อเสียใจมาก  พ่อจึงกลับไปตายรังที่เดิม  จากนั้นพ่อก็เลยมีกินมีใช้ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องในนิยายน้ำเน่ามันจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม  พ่อบอกว่าอยากคืนดีกับแม่  แต่ผมรู้ว่าแม่คงไม่ยอมแน่ ๆ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน  เรื่องนี้ก็สุดแล้วแต่วาสนาของพ่อกับแม่ก็แล้วกัน  ว่าจะลงเอยกันหรือเปล่า
เวลาผ่านไปยาวนานเหลือเกิน  ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างมีความสุข  ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่สุดแสนจะ  happy  ที่สุดแต่ภรรยาผมก็ไม่ยอมมีลูกให้ผมสักที  ผมไม่รู้จะทำยังไงดี  จะพาเธอไปตรวจเธอก็ไม่ยอม  ผมอดใจจะเป็นพ่อคนไม่ไหวอยู่แล้ว  ผมไปปรึกษาหมอมาหลายที่  รวมทั้งตรวจภายในร่างกายผมด้วย  ผลก็ออกมาว่าผมปกติดี  หมอบอกว่าอาจจะเป็นภรรยาผมที่มีลูกยากหรือเปล่า
วันนั้นพอหลังจากที่ผมกลับมาจากไปหาหมอ  ผมเดินตรงเข้าไปในสวนหลังบ้านก่อนที่จะขึ้นไปบนบ้าน  มันทำให้ผมต้องตกใจเพราะได้ยินภรรยาผมร้องไห้  และใครคนหนึ่งกำลังข่มขู่ภรรยาของผม  ได้ฟังแต่เสียงก็รู้ทันทีว่าเธอกลัวชายคนนั้นมาก ๆ
มึงจะว่ายังไง  ไอ้กอล์ฟผัวมึงไปไหน  มันไม่เคยให้อะไรมึงเลยเหรอ!!!!
โถ่พี่ต้น  พี่ก็เอาไปหมดแล้วนี่  เมื่อวันก่อนพี่ก็มาเอาไปทีนึงแล้วแล้วพี่จะมาเอาอะไรอีกได้โปรดเถอะนะขอร้องละ  เดี๋ยวพี่กอล์ฟเธอมาละจะยุ่งนะ
มึงไม่ต้องมาขู่กู  ไม่ต้องมาทำท่าทางอ้อนวอน  กูไม่สนหรอกว่ามันจะมาหรือไม่มา  กูมาก่อนมันด้วยซ้ำ  มันน่ะแย่งมะ
พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  รีบออกไปได้แล้ว
ทีแรกผมก็สงสัยอยู่ว่าใครมันมาทำอะไรในบ้านของผม  ในห้องนอนของผม  ตอนนี้ผมเริ่มไม่แปลกใจเลยเธอคงสนิทคุ้นเคยกันเพราะผมเห็นเธอเอามือไปปิดปากเจ้าหมอนั่นไว้  ถ้าเมื่อกี้ผมเกิดโผ่งผ่างขึ้นไปช่วยผมคงไม่ได้ยินทั้งคู่คุยกัน  และขณะนี้ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่เสียด้วย  เมื่อหมอนั่นไปได้พักหนึ่งผมจึงขึ้นไปบนบ้าน  ค่อย ๆ เดินเข้าไปที่ห้องและแง้มประตูดูเธอ  ผมเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้อง  ผมก็เห็นเธอยังคงสวมชุดนอนและก็นั่งร้องไห้  ดูเธอน่าสงสารเหลือเกิน  ผมจึงแง้มประตูปิด  ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี  ผมรู้สึกสับสนและสงสัยกับคำพูดของหมอนั่น  ไอ้ต้นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง  ที่มันเป็นคนค่อนข้างเงียบ ๆ ไม่หวือหวาในเรื่องที่คนอื่นเขาเฮกัน  ดูมันขรึม ๆ แก่เรียน  เคร่งเครียด  แต่มันมาทำอะไรที่บ้านผม  ผมไม่เข้าใจเลย
ผ่านมาอีกหลายวันผมก็โทรนัดไอ้ต้นออกมากินเหล้า  ผมก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ นานา  เพราะผมอยากรู้เรื่องอะไรหลาย ๆ อย่างเลยค่อย ๆ ตะล่อมถาม  แต่หมอนี่มันคอแข็งจริง ๆ จากที่ผมจะถามมันกลายเป็นผมเมาจนถูกมันถามซะเอง
เมื่อไรนายจะมีเมียวะ  งานการก็ดีนี่ทำไมวะ
ก็มันยังหาที่ถูกใจไม่ได้นี่นาเพราะรักเก่ามันยังตราตรึงอยู่
รักเก่ายังไงวะ  แกอกหักด้วยเหรอไอ้ต้น
อย่าพูดถึงมันเลย  แล้วชีวิตครอบครัวพี่ล่ะสุขสบายดีไม่ใช่เหรอ  เป็นไงศรีภรรยาของพี่เขาทำกับข้าวอร่อยไหม  ทำอะไรเป็นมั่งล่ะ555555.
ผมต้องสะดุดกับคำหัวเราะของเจ้าหมอนี่  แต่ผมก็ยังคิดอะไรไม่ออกเพราะผมรู้สึกโงนเงนไปหมดแล้ว  ผมคงจะเมาจนเลอะเทอะไปแล้วละ  วันนี้หมอนี่เลยต้องมาส่งผมที่บ้าน
ขอบคุณนะพี่ต้น  เนี่ยไม่น่าพากันไปดื่มเลย.
เป็นห่วงมันมากขนาดนี้เลยเหรอหา.!!!
อย่าเอ็ดไปเลย  เดี๋ยวคุณแม่ท่านตื่นลงมาจะยุ่งพี่นี่ก็
จริง ๆ แล้วถึงผมจะเมามายแค่ไหน  แต่ผมก็ยังคงรับรู้ในสิ่งที่ทั้งคู่พูดกันอยู่อย่างชัดเจนทีเดียว  ผมเริ่มรู้สึกสังหรใจยังไงชอบกล  ครุ่นคิดตลอดเวลาว่าลักษณะการพูดแบบนี้มันคืออะไรกันนะมันเหมือนคนที่เกินสนิทกันแล้วนะ  เพราะตอนสมัยที่เรียน ป.โทอยู่ก็ไม่เห็นทั้งคู่จะสนิทกันเลย  ทำไมคำพูดเหล่านี้ถึงได้เกิดขึ้นได้เล่า!!!!
วันที่  18  มิถุนายน  วันนี้วันเกิดของภรรยาผม  ผมไปหาซื้อข้าวของมาจัดเตรียมที่จะประดิษฐ์อะไรสักอย่างให้กับเธอ  แต่พอผมเห็นร้านที่ออกแบบดีไซน์เสื้อผ้าของน้องสาวผมบนห้าง  ผมก็สะดุดตาสะดุดใจกับเสื้อผ้าสวย ๆ ทันที  ผมคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจแล้วที่จะประดิษฐ์ของให้เธอ  ผมว่าผมอุดหนุนชุดสวย ๆ ของน้องสาวผมดีกว่า
ไงกิ๊กขายดีไหม  แล้วที่บริษัทล่ะเป็นยังไงบ้าง
ก็พอไปได้ค่ะ  ตอนนี้ที่บริษัทก็หัวหมุนอยู่เลย  ต้องตัดชุดให้คุณหญิงระเบียบอี  โอ้โหวุ่นวาย  แล้วพี่กอล์ฟรู้ได้ไงคะว่ากิ๊กมาเปิดร้านที่นี่ปกติพี่ก็ไม่เคยสนใจเดินห้างเลยนี่นา  ผีเข้าเหรอคะ
น้องสาวผมยิ้มอย่างมีไมตรี  หลังจากที่เปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้  แล้วก็มาเปิดร้านเพื่อที่จะขยายสินค้าให้สู่ตลาดมากขึ้น  ก็ดูหน้าบานไม่ยอมหุบเลย  คงมีความสุขกับงานมากทีเดียว
พี่มาดูของขวัญวันเกิดให้คุณลูกแก้วน่ะ
แล้วพี่สนใจอะไรในร้านบ้างไหมล่ะ
อืมพี่ชอบชุดนี่น่ะอยากได้มาก ๆ อยากให้เธอใส่ที่สุดเลย
เดี๋ยวนะคะพี่กอล์ฟ  บอย   บอยคะมาดูลูกค้าหน่อยเร้ว
น้องสาวหัวดื้อของผมเรียกดีไซน์เนอร์คนนึงออกมา  คน ๆ นี้เคยตัดชุดเจ้าสาวให้กับผมมาก่อน  แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าเขาย้ายบริษัทมาตั้งแต่เมื่อไร  แต่เท่าที่ดู ๆ แล้วหมอนี่คงจะชอบยายกิ๊กแหง ๆ ละเพราะทั้งคู่เคยอยู่บริษัทเดียวกันมาก่อนนี่นะ
สวัสดีครับอ้าว!!!คุณกอล์ฟ  นึกว่าใครที่ไหน  วันนี้จะรับชุดอะไรครับ  เนื่องในงานอะไร  ตัดไซท์เท่าเดิมหรือเปล่า
เอ่อ.ไม่ใช่ของผมหรอก  แต่เป็นของภรรยาผมน่ะ
อ๋อของคุณลูกแก้วน่ะเหรอ  คุณอยากได้แบบไหนล่ะ
ผมชอบชุดนี้ครับ
อ๋อเดี๋ยวผมแก้ให้  คุณลูกแก้วยังไซน์เท่าเดิมหรือเปล่าครับ
ครับ
พอผมได้ชุดราตรีสีฟ้าสดใสแล้ว  ผมก็ตรงดิ่งไปที่ร้านจิวเวอร์รี่ทีเดียว  เพื่อที่จะเลือกกำไลสักวง  ต่างหูสักคู่  และก็สร้อยเพชรอีกเส้นให้เธอ  ผมเลือกไม่ถูกเลยเพราะดู ๆ มันก็สวยจนผมเลือกให้ภรรยาไม่ถูก
สวัสดีครับ  คุณต้องการเครื่องประดับแบบไหนครับ  และใช้ในงานอะไร
ผมสะดุดกับป้ายชื่อของนายคนนี้จริง ๆ นามสกุลเขาเหมือนผมเหลือเกิน    แล้วนามสกุลนี้พ่อผมเป็นคนตั้งขึ้นมาเองด้วย  ก็มีแต่ลูกของท่านเท่านั้นที่จะได้ใช้  ผมจึงถามอย่างไม่ลีรอเลย
น้องครับ  น้องหน้าตาคุ้น ๆ มากเลยนะ  พี่ถามจริง ๆ เถอะนามสกุลนี้น้องเอามาใช้ได้ยังไง
โถ่พี่นี่ก็นามสกุลพ่อผมนี่จะให้ผมใช้นามสกุลใคร  พี่นี่ก็ถามแปลก ๆนะ
พ่อน้องชื่ออะไร
พี่จะถามไปทำไมกัน
ก็พี่อยากรู้  พี่เห็นเราใช้นามสกุลเดียวกันเผื่อจะเป็นญาติกัน
พี่อย่ามาอำเลย  ถึงพี่มีนามสกุลเดียวกับผมก็ใช่ว่าผมจะลดราคาให้พี่นะ  ผมน่ะเป็นแค่ลูกจ้างเขาเท่านั้นแหละ
ผมกลัวว่าหมอนี่จะไม่เชื่อผมก็เลยเอาบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋า  แล้วยื่นให้หมอนี่ดู
เหลือเชื่อเลยนะ  พี่นามสกุลเดียวกันกับผมเหรอ  อย่าบอกนะว่าพี่เป็นพี่ผมอีกคน
ทำไมเหรอ
ผมถามอย่างสงสัย  คำว่าอีกคน  แสดงว่าต้องไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแน่ ๆ เลย  หมอนี่อาจจะเจอยายกิ  หรือยายกิ๊กแล้ว  ผมอาจจะตกข่าวแล้วก็ได้  หมอนี่เป็นใครกันแน่นะทำไมถึงใช้นามสกุลนี้ได้  ผมรู้สึกแปลกใจจริง ๆ เลย
นายไปเจอใครมา
ก็เมื่อ ปีก่อนผมได้รู้จักกับดีไซน์เนอร์คนนึงเขาชื่อกิ๊ก  พี่เขาก็มาถามผมแบบเดียวกันกับคุณพี่นี่แหละ  แล้วถามไปถามมาจนผมรู้ว่านี่คงเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณแม่พิมพ์ใจ  กับคุณพ่อแน่ ๆ ส่วนผมน่ะถ้าพี่อยากรู้ผมก็จะบอกให้  ผมเป็นลูกของคุณพ่อวศิลป์  กับคุณแม่กระจง  แต่ผมจะบอกให้ว่าคุณพ่อมีผมหลังจากที่เลิกกับคุณแม่พิมพ์ใจแล้วได้ปีหนึ่งนะ  ผมไม่ใช่ลูกเมียน้อยนะ
แล้วนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร
ถ้าคุณเป็นลูกของคุณแม่พิมพ์ใจละก็  ผมว่าคุณต้องเป็นลูกคนโตของท่าน  คุณชื่อกีรตฤณใช่ไหม  อย่าบอกนะว่าคุณคือกอล์ฟน่ะ
ใช่
ผมตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น  เพราะผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะมีน้องชายกับเขาด้วย  ยายกิ๊กไม่เห็นบอกผมเลย  ถ้าวันนี้ผมไม่เปลี่ยนใจที่จะเลือกของละก็ผมคงไม่ได้เจอหมอนี่  และก็คงไม่รู้ว่าหมอนี่คือน้องชายของผม  คุณพ่อนี่ก็เหลือร้ายนะ  ปากก็บอกว่าอยากจะคืนดีกับคุณแม่แต่ดูสิการกระทำแบบนี้น่ะเหรอจะอยากมาคืนดีด้วย  สงสัยจะยาก
นายเรียนจบอะไรถึงได้มาขายจิวเวอร์รี่เนี่ย
ผมจบวิศวกรรมโยธา  แต่ตกงาน  ไม่มีใครรับผมเพราะตอนนี้สภาวะการเลิกจ้างมันสูง  ผมเลยหางานทำลำบาก  หัวก็ไม่ดี  เรียนก็แค่สองกว่า ๆ จะไปทำอะไรกินได้
ไปอยู่กับพี่ไหม  ที่บ้านพี่ก็ไม่มีใคร  ถ้ามีเราไปอยู่ด้วยมันคงคึกครื้นดีนะ  แล้วอีกอย่างที่บริษัทพี่ก็ยังว่างอยู่ตำแหน่งนึงคือผู้ช่วยวิศวะ  สนใจหรือเปล่า
ครับ ๆ ๆ
น้องชายคนนี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีใจมาก ๆ ดูท่าทางจะเป็นคนดีไว้ใจได้นะเนี่ย
แต่ตอนนี้นายต้องขายของให้พี่ก่อนนะ
ครับ  จะเลือกแบบไหนดีครับ  เอาไปให้พี่ลูกแก้วเหรอครับ
นายนี่รู้ไปซะทุกเรื่องเลยนะ
ผมได้เพชรสวิตมาชุดนึง  สวยมาก ๆ แต่ราคาค่อนข้างสูง  เพื่อคนที่ผมรักแล้วจะราคาเท่าไรผมก็ทุ่มไหว  แล้วผมก็ให้นายกฤษน้องชายของผมมาอยู่กับผมด้วยเลยวันนี้
ไงจ๊ะที่รัก  ไม่สบายหรือเปล่า  ตาแดงอีกแล้ว  อย่างอนพี่นะวันนี้พี่มีอะไรอยากให้แปลกใจน่ะ  ไปอาบน้ำก่อนนะ
ผมหลอกล่อให้ภรรยาเข้าไปอาบน้ำแล้วผมก็เอาชุดราตรีออกมาวางที่เตียงและเขียนโน๊ตทิ้งไว้ให้ หวังว่าเธอคงใส่ได้พอดีใจจริงผมก็รู้ว่าไอ้ต้นต้องมาแน่ ๆ หมอนี่นี่แย่จริง ๆ ทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว  แต่ก็ช่างเถอะวันนี้วันเกิดของเธอผมจะต้องทำให้เธอมีความสุขที่สุดทีเดียวผมคิดอย่างนั้น
ภรรยาของผมเดินลงมาด้วยชุดราตรีสีฟ้าสวย  ผมยืนรอเธอที่บันได้เตรียมพร้อมที่จะทานอาหารกัน  คุณแม่และน้องชายของผมก็นั่งรอที่โต๊ะแล้ว				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน