ฉันมันโง่เอง... (ตอนที่1)

สุชาดา โมรา

สิ่งที่มีในโลกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตาเราเสมอ  ไม่ว่าเราจะทำอะไร  คิดยังไง  เราก็มักจะมองไม่ออกทำอะไรไม่ถูกต้องตามที่ใจเราปรารถนา  หากมีใครสักคนหนึ่งทำอะไรให้เราเสมอ ๆ เราก็มีความสุข  แต่นั่นแหละ  เราก็ไม่เคยที่จะเห็นคุณค่าของเขาเลย  เราไม่อาจรู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา  และเราก็ไม่อาจรู้เลยว่าเราผิดตรงไหนที่ทำไปแบบนั้น
สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมักเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุดเพราะนั่นคือสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน  เราก็คิดอยู่ว่าเราก็ต้องเห็นอยู่แบบนั้นต่อไป  ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญ  ไม่เคยเห็นแม้แต่คุณค่าเลยสักนิด  เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครบางคนอยู่ทุก ๆ วัน  คน ๆ นั้นวิ่งตามเราอยู่ทุก ๆ วัน  ใส่ใจเราอยู่ทุก ๆ วัน  เราก็มักจะเห็นแค่ว่าใครคนหนึ่งกำลังทำอะไรที่ดูแสนจะงี่เง่า  น่ารำคาญ  น่าเบื่อหน่ายที่สุด  เป็นอะไรที่ทำให้เราเซ็งสุด ๆ และก็อยากจะหนีไปให้พ้น ๆ แต่เราก็ไม่อาจจะทำได้เพราะเราต้องเจอะเจอกันทุก ๆ วัน
กิ๊ก  กินข้าวหรือยังไปทานด้วยกันไหม  
กิ๊ก  ทำงานเป็นไงบ้าง  ผมช่วยไหม  
กิ๊กวันนี้ผมเหงามากเลยอยากชวนคุณไปดูหนังรอบค่ำ  คุณว่างหรือเปล่า
กิ๊กปีใหม่นี้ไปทำอะไรกินกันที่บ้านผมเถอะคุณแม่ท่านบ่นถึงนะ
กิ๊ก  งานบวชน้องชายคุณให้ผมไปช่วยงานนะ
กิ๊กผมเห็นว่าสายไฟบ้านคุณเก่าแล้วให้ผมเดินสายไฟให้ใหม่นะ  รับรองไม่คิดตังค์
กิ๊กกิ๊กกิ๊ก
สิ่งที่รับฟังอยู่ทุก ๆ วัน  มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อน่ารำคาญสำหรับคนที่ขี้หงุดหงิด  แต่นั่นแหละเราต้องเจอเขาทุกวัน  สิ่งที่ดูคุ้นน่าคุ้นตาที่สุดก็คือหมอนี่  บางทีเขาก็สร้างความตลก  บางทีก็สร้างความจุ้นจ้าน  โดยเฉพาะเวลาที่กำลังเซ็งได้ที่  แต่เราก็ต้องทน ๆ เขาหน่อยเพราะเราจะหาเพื่อนที่ดี ๆ คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลาแบบนี้ได้ยาก  ถึงจะเบื่อก็ต้องจำยอมเขาละเพราะว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง  และก็ดูจะเห็นอกเห็นใจเราเป็นที่สุด
โอ๊ย!!!!เบื่อจริง ๆ เลย  เช้ามาเจ้านายก็เรียกไปด่า  โอ๊ย!!!!!.ปวดหัวจริง ๆ เลย
เป็นอะไรเหรอกิ๊ก  บ่นเสียงดังลั่นออฟฟิตแล้ว  เดี๋ยวเจ้านายเธอก็มาได้ยินหรอก
ช่างหัวประไร  ไม่อยากทำงานที่นี่อีกแล้วละ
แล้วเธอมีทางไปเหรอ  เดี๋ยวนี้หางานยากนะ
จะไปยากอะไรเล่า!  นายลองมาเป็นฉันบ้างเอาไหม  ทำดีไม่ได้ดี  รู้งี้ไปอยู่บริษัทฝ่ายตรงข้ามดีกว่า
อย่าบอกนะกิ๊กว่าฝ่ายนั้นเขาชวนเธอไปอยู่ด้วย  เธอทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้วนะ  นี่เธอจะทิ้งกันไปง่าย ๆ เหรอ
อย่ามายุ่งนะนายยุทธพงศ์  ฉันรำคาญนายที่สุดเลย
ปึง!!ฉันเอาหนังสือวางกระแทกโต๊ะอย่างแรงแล้วจึงเดินหนีไป
ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป  ฉันเสียงดังแค่ไหนกับยุทธพงศ์  แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนั้นก็คือฉันพิมพ์ใบลาออกอย่างหุนหัน  ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ที่เจ้านายเรียกฉันไปต่อว่าต่อขานเรื่องดีไซน์ชุดราตรีหรู ๆ ให้นางแบบก่อนที่จะดีไซน์ชุดหนังบ้า ๆ อะไรนั่นให้ยายคุณหญิงระเบียบซึ่งเป็นขาประจำของบริษัท  แล้วฉันก็ดิ่งไปหาเจ้านายที่แสนจะชิงชังของฉันทันที
ปึง!!ฉันกระแทกใบลาออกกับโต๊ะไม้สักหรู ๆ ของเจ้านายที่งี่เง่าเรียกฉันไปด่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง   ระดับฉันแล้ว  ฉันไม่จำเป็นต้องง้อใคร  ฉันถือว่าฉันเก่งเพราะฉันจบมาจากปารีส  เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังของวงการนี้  ฉันเปิดบริษัทเองก็ได้  หรือไม่ฉันก็ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามเลยจะดีกว่านึกแล้วก็แค้นใจ  ฉันสะบัดก้นออกจากห้องเจ้านายทันทีโดยไม่เหลียวหลังกลับไปอีกถึงแม้ว่าเจ้านายจะแผดเสียงเรียกฉันดังลั่นเพียงใดก็ตาม
กิ๊กกลับมาหาฉันก่อนนี่มันอะไรกันเนี่ยกิ๊ก
เมื่อฉันก้าวเท้าพร้อมสัมภาระที่ฉันเก็บใส่กล่องใบโต ๆ ออกมาจากบริษัทแล้ว  ฉันก็คิดว่าฉันจะไม่มีวันหวนกลับมาที่นี่อีก  ฉันคิดแต่เพียงว่าฉันโกรธ  ฉันแค้นและก็ชิงชังบริษัทนี้  ฉันไปโดยไม่บอกลาใคร  แล้วฉันก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องแก้แค้นให้สำเร็จ  ฉันจะเหยียบบริษัทที่ฉันทุ่มเทให้กับงานโดยที่ฉันจะไม่จดจำสิ่งที่ดี ๆ ของบริษัทนี้อีกเลย
บรื้น.ฉันขับรถคันโก้ออกจากบริษัท  และก็ไปลาดตระเวนหาที่ทำกินแห่งใหม่  เพราะฉันพอจะมีเงินเก็บในบัญชีอยู่ก้อนใหญ่   เมื่อประจวบเหมาะกับทำเลดี ๆ ตึกดี ๆ ฉันจึงเหมาซื้อตึกหลังนี้หมดทั้งแถว  และจัดแจงหามัณฑนากรที่ดี ๆ มาตกแต่งบริษัทให้สวยหรู  ให้เป็นที่พอใจแก่ฉัน
เวลา  5  เดือนผ่านไป  บริษัทฉันตั้งขึ้นด้วยแรงใจของฉัน  สำเร็จด้วยมือของฉันเอง  ฉันจึงเปิดรับสมัครพนักงานหลายแผนกด้วยกัน  รวมทั้งดีไซน์เนอร์ที่จะมาแบ่งเบาภาระให้ฉันด้วย
ก๊อกก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เชิญค่ะ  นั่งตรงนี้เลยนะคะ
ฉันเรียกให้ใครคนนั้นเข้ามานั่งใกล้ ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร  นั่งก้มหน้าก้มตาวาดแบบชุดต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ  เพราะฉันคิดว่าใครคนนี้คงไม่เป็นที่ถูกใจฉันอีก  หลังจากที่ฉันสัมภาษณ์มาเป็นจำนวน  15 คนแล้ว
สวัสดีครับ  ผมมาสมัครงานครับ
เสียงที่คุ้นหูคุ้นตาที่สุดทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาดูว่าเจ้าของเสียงนั่นว่าเป็นใคร  ฉันจึงค่อย ๆ วางดินสอแล้วก็มองชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่เบิกบานจนแทบจะกระโดดกอดผู้ชายคนนั้นทีเดียว
ยุทธพงศ์
ฉันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและก็ดีใจเป็นที่สุด
เธอมาได้ไงเนี่ย  แล้วไม่ทำงานที่บริษัทเดิมแล้วเหรอ  แล้ว
พอ ๆ ๆ ๆ พอก่อนตอบไม่ถูกแล้วเราเป็นเพื่อนซี้กันไม่ใช่เหรอ  ถ้าเพื่อนไม่ไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนจะอยู่ยังไงล่ะ
ขอบใจนะยุทธพงศ์
เลิกเรียกยุทธพงศ์ได้แล้ว  เบื่อจะแย่อยู่แล้ว  เรียกมา 5 ปีแล้ว  เรียกบอยก็ได้ง่ายดี
จ้าบอย				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน