เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 10 )

สุชาดา โมรา

เช้าวันใหม่แห่งวันอันสดใส  ฉันเดินเข้ามาในโรงเรียนแต่เช้าเข้ามาหาอาจารย์แฉล้มที่ห้องปกครอง  วันนี้เป็นวันที่อาจารย์เกษียณอายุราชการ  นักเรียนทุกคนต่างก็เศร้าใจรวมทั้งฉันด้วยคนหนึ่ง  ฉันเอามาลัยไปคล้องที่มืออาจารย์  อาจารย์ยิ้มให้ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยฉัน  ฉันดีใจที่อาจารย์ยิ้มแต่ก็เสียใจที่อาจารย์จะไป  ใครหลายคนอยากให้อาจารย์ไปแต่ฉันอยากให้อาจารย์อยู่เพราะอาจารย์เหมือนที่พึ่งทางใจของฉัน...
	ฉันเข้าห้องเรียนด้วยจิตใจที่สงบ  ใกล้วันสอบปลายภาคเข้ามาทุกทีฉันจึงตั้งใจเรียนเป็นพิเศษด้วยความตั้งใจจริง  เพราะยิ่งแข่งกีฬาฉันก็จะยิ่งไม่มีเวลาอ่านหนังสือฉันจึงต้องตั้งใจพยายามเข้าใจในบทเรียนให้มากขึ้นเพื่ออนาคตที่ดีของฉัน 
	ข่าวร้ายของวันนี้ก็คือเหมี่ยวตั้งแก๊งใหม่  ทำตัวเกะกะระรานผู้อื่น  ในกลุ่มมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  เหมี่ยวพยายามเป็มาเฟียของห้อง  ฉันเข้าใจดีว่าเหมี่ยวเสียใจเรื่องพี่นัท  แต่สิ่งที่ฉันเล็งเห็นความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือเหมี่ยวจ้องจะทำร้ายฉันอย่างเห็นได้ชัด  คำพูดที่เสียดแทงใจฉันมันทำให้ฉันไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้อีกเลย...
	หลังจากเลิกเรียนฉันเดินไปซ้อมยูโดเป็นปกติแต่วันนี้มันเหมือนวันที่แย่ ๆ อีกวันหนึ่ง  กลุ่มของเหมี่ยวเดินมาขวางฉัน
	"สนุกนักเหรอ"
	"เรื่องอะไร"
	"ก็มึงแย่งผัวกู  มึงยุผัวกูใช่ไหม  ทำไมมึงไม่บอกว่าพี่นัทมาแล้ว..."
	"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่นัทจะมายืนที่ข้างหลังเธอนี่"
	"ยังมาทำท่าเป็นนางเอกอยู่ได้  ระวังตัวไว้เถอะ  อย่าให้เผลอนะมึง..."
	แล้วเหมี่ยวก็ขึ้นรถเมย์ไปที่สมาคมฯทันที  ส่วนฉันก็เดินตามไปเรื่อย ๆ จนมาถึง  ฉันเจอพี่เจี๊ยบสาวสวยของเบาะฉันถึงกับปล่อยโฮทันที  ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้เข้มแข็งเหมือนทุกครั้ง  ฉันเล่าเรื่องราวให้พี่เจี๊ยบฟังพี่เขาก็ปลอบใจฉันและก็ให้ข้อคิดดี ๆ หลายอย่าง
	"ดาว...ใช้สตินะ  สู้สิอย่ายอมแพ้  เราไม่ผิดนี่เขาต่างหากที่ผิด  อย่าเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย"
	"แต่มันหลายครั้งแล้วนะ  เหมี่ยวทำสงครามประสาทและก็สงครามทางใจกับดาวมาตลอดแต่คราวนี้มันหนักกว่าครั้งก่อน ๆ มันตั้งแก๊งและจ้องจะเล่นงานอยู่ตลอดเวลาจะให้ดาวทำยังไงดี"
	พี่เจี๊ยบปลอบใจอยู่นานจนฉันเดินเข้าไปแต่งตัวและก็ออกมาซ้อม  ฉันรู้สึกจิตใจสงบมากขึ้นเมื่อได้ระบายสิ่งที่เลวร้ายออกไป  วันนี้ฉันจึงตั้งใจซ้อมเป็นพิเศษเพื่อที่จะให้เหมี่ยวรู้ว่าเรามันคนละชั้นกัน  อย่าพยายามมาเทียบรุ่นกับฉันอีก
	"ดาว  มันต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าแกร่งทั้งนอกและใน"
	พี่เจี๊ยบเตือนสติตลอดจนฉันรู้สึกไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว  ฉันจะสู้  สู้ยิบตาทีเดียว....
	พี่ดอนไปแข่งชิงตัวเอเชียที่กรุงเทพฯ  ส่วนฉันก็อยู่ที่นี่อย่างเดียวดายเพราะไม่มีใครมาปกป้อง  พี่นัทก็ไม่สามารถช่วยเราได้หรอกเพราะพี่นัทไม่ได้เป็นแฟนเรา  ดู ๆ แล้วที่นี่ในขณะนี้ก้เห็นจะมีศิลานีอย่างพี่เจี๊ยบคนนี้แหละที่ฉันพอจะปรึกษาและพึ่งพาได้  พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางไปอุบลเพื่อที่จะไปแข่งชิงตัวเยาวชนทีมชาติฉันต้องแกร่งพอที่จะทำได้  ฉันจึงกลับบ้านไปด้วยจิตใจที่เบิกบานและรู้สึกว่าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
	เช้าแล้วอาจารย์ดนัยกลัวว่าฉันจะไม่ตื่นก็เลยโทรปลุกตั้งแต่ตี 4 ฉันจึงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้าน  แต่ฉันก็เห็นอาจารย์ดนัยมายืนอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว  อาจารย์รับฉันขึ้นรถและก็มุ่งหน้าไปที่ชมรมเพื่อมารับนักกีฬาคนอื่น ๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากทีเดียว  วันเสาร์นี้มันเป็นวันที่แสนสนุกของฉันจริง ๆ เลย
	ฉันเดินทางมากับนักกีฬาหลายคนเมื่อมาถึงอุบลฉันก็เอาสัมภาระไปเก็บที่ห้องและออกมานั่งฟังอาจารย์พูดเรื่องกฎต่าง ๆ ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึง 1 อาทิตย์  หลังจากนั้นฉันกับพี่ๆ ก็ไปหาอะไรกินกัน  อาจารย์จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้คนละ 3,000 บาทเราก็เลยเดินเที่ยวอย่างสบายใจ  แต่ฉันไม่ค่อยได้ซื้ออะไรหรอกนอกจากเดิน ๆ ดูเฉย ๆ ฉันกะว่าวันสุดท้ายค่อยมาซื้อ  อีกอย่างก็งกนิด ๆ ด้วย
	เฮ............
	เสียงผู้คนครึกครื้นกันเพราะจะได้แข่ง  การแข่งกระดับนี้มันเหมือนกระดูกชิ้นโตทีเดียว  ฉันรู้สึกว่าจะเจอแต่ทีมชาติที่เป็นเบอร์ 1 ทั้งนั้นเลย
	อาจารย์เรียกตัวไปให้ลงชื่อและชั่งน้ำหนัก  จู่ ๆ ฉันก็น้ำหนักขาดไป 1กิโล  ฉันรู้สึกกังวลใจมาก  อาจารย์จึงเอาเหรียญบาทใส่ถุงมาใส่ไว้ในกระเป๋าและเอาเสื้อยูโดมาให้ฉันใส่น้ำหนักก็เลยถึง 45 โล  ทุกคนดีใจมากทีเดียว  แต่ฉันก็รู้สึกเกร็ง ๆ มือเย็นจนต้องหักนิ้วอยู่หลายครั้ง  รู้สึกสั่น ๆ ยังไงไม่รู้แม็ทนี้มันน่ากลัวกว่าที่ผ่าน ๆ มาจริง ๆ
	"สาวน้อยมหัศจรรย์สู้เขา...สู้...!!!"
	พี่ทิพย์ยกแขนฉันขึ้น  พี่เจี๊ยบก็มากอดฉันไว้  พี่ ๆ คงรู้ว่าฉันกลัวก็เลยมาให้กำลังใจฉันจึงมีแรงใจที่จะสู้ถึงแม้ว่ารู้ตัวว่าคงผ่านไปได้ไม่เท่าไรนัก
	ฉันได้แข่งเป็นคู่ที่ 6 ฉันเดินลงมาที่สนามแข่งอย่างคนที่ใจตุ๊บตั้มตุ่มต่อมแต่ยังไง ๆ ก็จะสู้ไว้ลายให้เขารู้ว่าเราก็มีวิญญาณของนักกีฬายูโดเหมือนกัน
	"ฮาจิเมะ...!!!"
	เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น  ฉันได้ยินเสียงคำรามของคู่ต่อสู้ถึงกับสะดุ้ง  แต่ก็ยังเดินต่อไปเพื่อที่จะไปจับคอเสื้อ  ด้วยความที่สายข้างหน้าเป็นสายดำ  เขาทั้งเก่งและแกร่ง  ฉันพยายามจับคอเสื้อแต่ก็ทำไม่ได้  ในตอนนั้นฉันนึกถึงอาจารย์ดนัยและอาจารย์หลาย ๆ ท่าน  ฉันจึงนำท่าที่ฉันเรียนมาใช้รวมทั้งท่าของฉันด้วย  ฉันทั้งเกี่ยว ปัด  ทุ่มจนคู่ต่อสู้เสียการทรงตัว  จากนั้นฉันจึงเข้าไปซ้ำโดยที่คู่ต่อสู้ไม่ทันจะตั้งตัวทันด้วยท่าที่ฉันคิดขึ้นเองคือท่าไทเดบะ-ดุซุชิการิ
	"อิปโป้ง......!!!!"
	ฉันดีใจเหลือเกินที่ฉันชนะได้  เมื่อลงจากสังวียนก็เดินไปไหว้อาจารย์ทันที  และก็กอดพี่ทิพย์ไว้  ฉันรู้สึกหัวใจเบิกบานดีจริง ๆ
	คู่ต่อไปฉันต้องมาแข่งอีกคราวนี้รู้สึกว่ามันจะเป็นเขียงนะ  แต่หมายถึงฉันเนี่ยแหละที่จะเป็นหมูถูกเขียงทับ
	"ฮาจิเมะ...!!!"
	เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น  ฉันเดินหาจังหวะคู่ต่อสู้จนพบและเข้าท่าทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะทันที
	"อิปโป้ง....!!!"
	ความฝันเริ่มใกล้เข้ามาทุกที  ฉันจะชนะได้ไหมหนอ  จะผ่านเข้าไปเป็นทีมชาติได้หรือไม่นะ  ฉันรู้สึกดีใจจริง ๆ ที่ชนะมาจนเกือบถึงเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายแล้ว  คู่ต่อไปฉันแข่งแต่ครวนี้หนักหน่วงเหลือเกิน  คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นอดีตแชมป์อาเซี่ยนและเป็นไทยทูบี  หมายถึงตัวจริงของเมืองไทยอันดับสอง  น่ากลัวที่สุด
 	"ฮาจิเมะ...!!!"  
	เสียงกรรมการสั่งให้เริ่มต้น  ฉันเข้าไปกระชากเสื้อคู่ต่อสู้ทันที  แต่เขากลับจับข้อมือฉันหักและบิดออก  ฉันรู้สึกเจ็บมากทีเดียว  คู่ต่อสู้คนนี้เล่เหลี่ยมแพรวพราวทีเดียว  นักข่าวก็จับภาพจนฉันรู้สึกเกร็ง ๆ ทำอะไรไม่ถูกไปซะทุกอย่าง
	"ฮาเน  มากิโคมิ...!!!"
	เสียงใครบางคนตะโกนขึ้น  ฉันจึงเข้าท่าฮาเน  มากิโคมิทันที  เป็นโชคดีของฉันจริง ๆ ที่คู่ต่อสู้หลังหระแทกพื้นได้อย่างสวยงามทีเดียว
	"อิปโป้ง...!!!"
	เสียงกรรมการพูดดังก้องหูของฉัน  คู่ต่อสู้ทำท่าทางไม่ค่อยพอใจที่ฉันชนะ  ฉันคำนับแล้วก็เดินลงจากสังเวียน  กรรมการเรียกคู่น้ำหนักรุ่นต่อไปทันที  ฉันเดินมาหาอาจารย์แล้วก็ยิ้มแก้มปลิทีเดียว
	"ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่ช่วยหนู"
	"ไม่ใช่ครูหรอก  นั่นอาจารย์ของสมาคมยูโดกองทัพอากาศในพระบรมราชูประถัมป์ฯนั่นเขาเป็นคนบอก"
	"แล้วเขามาบอกหนูทำไมในเมื่อเขาน่าจะบอกคนของเขามากกว่า"
	"อย่าไปสนใจเลยเข้าไปขอบคุณท่านสิ  ท่านดังมากปั้นนักกีฬาระดับโลกมาแล้ว  เข้าไปฝากเนื้อฝากตัวสิอนาคตจะได้ไกล"
	ฉันจึงเดินไปขอบคุณอาจารย์ท่านนั้นและรู้ว่าอาจารย์ท่านนั้นชื่ออาจารย์สุพจน์  เป็นพันเอกพิเศษและเป็นโค้สของกองทัพอากาศ  ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักท่าน
	"ไปอยู่กับเราไหม  แม็ทหน้าเป็นชิงแชมป์ระดับอาเซี่ยนที่ฟิลิปปินล์ครูอยากให้หนูไปเพราะท่าทางหนูไปได้..."
	อาจารย์ให้เบอร์มา  ฉันก็รับไว้เพราะฉันก็ต้องการที่จะก้าวไปถึงดวงดาวให้ได้  อาจารย์บอกว่าแข่งที่นั่นไม่ต้องมาแข่งกันเองและแข่งในนามทหารของกองทัพอากาศไทยที่จะไปแข่งกับกองทัพอากาศระดับอาเซี่ยนที่นั่นฉันจะต้องฟิตให้มากกว่านี้เพราะความหวังของชาติอยู่ในมือฉันแค่เอื้อมเท่านั้น
	คู่ต่อไปในการชิงดำชิงแดง 10 คนสุดท้าย  ฉันได้เข้ารอบมาอย่างหวุดหวิด  แต่ฉันก็เป็นกระดูกอ่อนให้พวกทีมชาติปีที่แล้วขบเขี้ยวแน่นอน  แต่ยังไง ๆ ฉันก็จะสู้ให้ถึงที่สุดเท่าที่พยายามฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีเหมือนกันถึงแม้จะรู้ว่าแพ้ก็ต้องสู้
	"เอี้ย...!!!"  
	...เสียงร้องข่มคู่ต่อสู้ของฉันดังขึ้นพร้อม ๆ กับอารมณ์ที่บ้าครั่ง   ฉันไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันกระชากคอเสื้อคู่ต่อสู้สายน้ำตาลปลายดำคนนั้นแรงขนาดไหน ฉันคิดเพียงว่าจะไม่แพ้  ไม่แพ้  และก็ไม่มีวันแพ้... ฉันใส่ท่าโตโมนาเงะทันที
	"อิปโป้ง...!!!"
	เสียงกรรมการบอกว่าฉันชนะแล้วแต่ฉันก็ยังไม่รู้ตัว  ฉันใส่ต่อด้วยท่าล็อกเกซ่ากาตาเมะทันที  ฉันกดด้วยแรงอาฆาตนิด ๆ ของคนที่จะต้องไม่ยอมที่จะแพ้  หรือแม้แต่คิดฉันยังไม่ยอมคิดเลย  ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ค่อนข้างตาขาวนิด ๆ เพราะเขาเป็นอดีตทีมชาติปีที่แล้วและเป็นคนตัวโต  เขาเล่นในรุ่นน้ำหนัก 50 กิโลในขณะที่ฉันเล่นในรุ่น 45 กิโล  แต่คราวนี้มีคนแข่งในรุ่นของฉันน้อย  ฉันจึงต้องพลาสขึ้นไปแข่งกับรุ่นที่ใหญ่กว่า...  แต่ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะตัวใหญ่กว่าแค่ไหน  ถ้าลองให้เลือดสูบฉีดทั่วร่างแบบนี้แล้วรับรองว่าฉันสู้ตายทีเดียว...จนกรรมการต้องเดินเข้ามามาสะกิดบอกว่าฉันชนะแล้ว  ฉันชนะอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าฉันชนะ
	ฉันดีใจเป็นที่สุดเพราะไม่คิดว่าจะผ่านมาถึง  8 คนสุดท้ายได้  ฉันรู้สึกโล่งใจและตัวลอยทีเดียว  แม่หนูจะไปถึงดาวตามที่แม่ตั้งชื่อให้หนูแล้ว  แววดาวของหนูกำลังสดใสทีเดียว
	"ฮาจิเมะ...!!!"  
	เสียงกรรมการสั่งให้เริ่มต้น  ฉันเดินหาจังหวะของคู่ต่อสู้  พอจะเข้าไปกระชากคอเสื้อเขาก็หลบได้เร็วทำให้ฉันต้องเร่งความเร็วมากขึ้น  ภายในระยะเวลา 2 วินาทีฉันก็สามารถจับคอเสื้อของเขาได้  แต่ว่าเสียทีโดนเขาทุ่มตลอด 5 ครั้ง  เนี่ยแหละที่เขาเรียกว่ากระดูกแขวนคอ  ระดับทีมชาติอย่างพี่คนนี้ใครจะหาญไปสู้ได้  ถ้าทุ่มได้สักครั้งก็คงเป็นบุญของคน ๆ นั้นแล้วหละ....
	"อิปโป้ง....!!!!"
	ฉันรู้ตัวว่าแพ้โดยสิ้นเชิงแต่ฉันก็ดีใจที่ได้มีโอกาสมายืนที่จุดนี้  แม่หนูทำดีที่สุดแล้วค่ะ  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการแพ้ครั้งแรกของหนูก็ตามแต่แม่ต้องเข้าใจว่านี่มันกระดูกระดับงาช้างทีเดียว...ฉันเข้าไปจับมือกับพี่คนนั้นและลงมาจากสังเวียนยูโดเข้ามากอดพี่ทิพย์แล้วก็ยิ้ม  ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย
	"เก่งมากเลยแววดาว"
	เสียงนี้ถึงกับทำให้ฉันอึ้งเพราะฉันไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน  พอฉันหันไปก้เห็นพี่ที่แข่งกับฉันคนเมื่อกี้
	"พี่รู้จักหนูได้ยังไง"
	"ใครจะไม่รู้จักข่าวก็ลงออกบ่อยไป  โดยเฉพาะข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีขายเฉพาะคนในวงการเท่านั้นแล้วเขาก็ต้องรู้ว่านี่คือใคร  เราออกจะดังจะตาย  1 ปีที่พี่ตามข่าวมาเธอนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆพี่ไม่อยากจะเชื่อเลยเธอนี่สมฉายาจริง ๆถึงแม้ว่าครั้งนี้จะแพ้แต่เธอก็ก้าวมาจุดนี้ได้พี่นับถือเธอมากเพราะกว่าพี่จะมาถึงจุดนี้ได้พี่ต้องใช้เวลาถึง 6 ปีทีเดียวแต่เธอมาภายในระยะเวลาไม่ถึงปีนี่ก็ยอดมาก ๆ เลยนะหวังว่าคราวหน้าเราคงได้เจอกันอีกนะ"
	ฉันแลกที่อยู่กับพี่คนนี้  ฉันดีใจมากที่มีคนรู้จักฉัน  วันนี้ถึงฉันจะแพ้แต่ฉันก็ได้อะไร ๆ หลาย ๆ อย่างกลับไปมากมายเลือดของยูโดที่อยู่ในกายฉันมันสามารถผูกไมตรีกับคนอื่น ๆ ได้ทั่วไปหมด  ฉันดีใจที่มีวันนี้...ขากลับฉันจึงซื้อของกลับไปมากมายด้วยเงินเบี้ยเลี้ยงของฉันเอง  ส่วนเงินที่แม่ให้มานั้นฉันไม่ได้ใช้จ่ายเลยสักนิด  อย่างน้อย ๆ เที่ยวนี้ก็มีเหรียญกล้าหาญกลับไปให้แม่ดูเป็นรางวัลนะแม่...
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...รับรองว่าเข้มข้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ				
comments powered by Disqus
  • นิว

    5 สิงหาคม 2547 10:16 น. - comment id 75884

    หนุกดีนะ
  • นิว

    5 สิงหาคม 2547 10:17 น. - comment id 75885

    ตามมาอ่านเรื่อยๆอ่านยังไงก็ไม่ซ้ำแบบเลยมันดีชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบขอบอก...
  • นิว

    5 สิงหาคม 2547 10:19 น. - comment id 75886

    อ่านถอยหลังหรือเดินหน้ายังไงก็รู้เรื่องเนาะเหมือนการ์ตูนเลยเล่นเป็นตอนๆอิอิ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน