เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 12 )

สุชาดา โมรา

เฟี่ยว.....................
	เครื่องบินเคลื่อนตัวออกจากเมืองไทยไปยังประเทศที่ใกล้ ๆ อย่างฟิลิปปินล์  ฉันรู้สึกทั้งตื่นเต้นและก็กลัวการขึ้นเครื่องครั้งแรกมาก ๆ เพราะปกติฉันเป็นโรคกลัวความสูง  แต่เมื่อเครื่องบินลอยอยู่กลางอากาศฉันมองดูหมู่ละอองเมฆแล้วก็สุขใจ  มันสวยมากทีเดียว  พี่ ๆ ที่มากับฉันก็นิสัยดี  พูดคุยกับฉันตลอดเวลา  ที่จริงฉันก็เป็นคนคุยเก่งแต่เมื่อมาอยู่กับคนที่ไม่รู้จักก็ไม่กล้าคุยกับเขา  แต่พอเขามาแนะนำตัวมาชวนฉันคุยฉันก็เลยปล่อยตัวจริงของความขี้โม้ออกมาจนได้
	เมื่อเดินทางมาถึง  ครั้งแรกที่ได้เหยียบแผ่นดินใหม่ก็มีความรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที  ฉันตื่นเต้นมาก ๆ เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงทีเดียวแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้เพราะเดี๋ยวเขาจะรู้ว่าไม่ใช่คนประเทศเขา
	คนที่นี่หน้าตาเหมือนคนบ้านเรามาก  ผิวแบบเดียวกันแต่เสียอย่างเดียวคือคุยกันไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะเวลาเขาพูดภาษาอังกฤษเรายิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เพราะสำเนียงเขาแปลก ๆ เราต้องอาศัยล่ามซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
	รถจากกองทัพอากาศของกรุงมนิลามารับเราถึงสนามบิน  ฉันเดินมาพร้อมสัมภาระที่น้อยนิดเพราะมีพี่ทหารคนหนึ่งถือให้หมด  เขาคงเห็นว่าฉันเป็นเด็กก็เลยถือให้...ตลอดทางที่นั่งรถผ่านตึกรามบ้านช่องก็ดูใหญ่โต  โดยเฉพาะเมื่อได้ผ่านสวนสาธารณะของที่นี่  มันช่างกว้างขวางและงดงามมาก  บ้านเรายังห่างชั้นนัก  ความสะอาดของที่นี่ดีมาก ๆ บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยดีจริง ๆ
	นั่งรถเพียงแป๊บเดียวก็มาถึงกองทัพอากาศ  ฉันได้ไปพักที่คอนโดทหารฝั่งตะวันออก  ส่วนผู้ชายอยู่ฝั่งตะวันตก  แต่ก็อยู่ภายในตึกเดียวกันซึ่งเป็นรูปตัวยู  ฉันยังตื่นเต้นไม่หายเลยที่ได้มาเหยียบกรุงมนิลา  ฉันคิดว่าฉันจะเที่ยวให้คุ้มกับเบี้ยเลี้ยงที่ได้มา 60,000 นี้ทีเดียว
	"เป็นไงตื่นเต้นไหมดาว"
	"มากเลยค่ะพี่ตุ๊ก...ที่นี่สวยนะ  ขนาดห้องพักยังสะอาดเลยแต่เสียอย่างเดียวคือแคบไปหน่อยเนาะ"
	"เอาเถอะ...ไหน ๆ ก็มาอยู่ที่นี่ถึงเดือนนึงก็ทน ๆ หน่อยละกันแล้วเราต้องไปซ้อมที่เบาะข้างล่างเขาเตรียมไว้ให้เราเหมือนเดิมแล้วละ"
	"หมายความว่าพี่เคยมาแล้วเหรอ...."
	"อืม....เมื่อ 7 ปีที่แล้วนะ"
	ฉันตื่นเต้นมากทีเดียว  อย่างน้อย ๆ ก็มีคนนำทางฉันเที่ยวได้...
	"เออต้องขยันนะเพราะถ้าเกิดสายเขามาแอบดูเขาจะได้รู้ว่าเราฟิตขนาดไหน  จริงไหม  และอีกอย่างเราจะได้ไม่เสียเที่ยวกับการที่เราฟิตซ้อมมาถึง 2 เดือนเต็ม  ไหน ๆ ก็เก็บตัวนานแล้วก็เอาให้สมหน้าสมตากับที่เขาเลือกตัวมาหน่อยจริงไหม"
	พี่ตุ๊กขยี้หัวฉันแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วมานอน  ห้องเรานอนกัน 4 คน  เป็นเตียงสองชั้นสองเตียงทำให้ห้องดูแคบไปถนัดตาทีเดียว  พอพี่ ๆ นอนกันหมดฉันก็เลยไม่รู้จะไปคุยกับใครก็เลยเดินเซ่นซ่านลงไปข้างล่างจนไปเจอไกด์และล่ามคนที่มาด้วยกัน
	"อ้าวน้องดาวมาเดินอะไรค่ำป่านนี้แล้ว  ไม่ไปนอนเหรอ"
	"ก็นอนมาตลอดทางก็เลยไม่ง่วงค่ะ  คือหนูเหงาไม่รู้จะไปไหนดีเลยเดินลงมา"
	"งั้นพี่ว่าพี่พาน้องไปดูห้องซ้อมดีกว่านะ"
	พี่สองคนพาเดินมาที่ห้องซ้อมฉันเห็นพี่ ๆ หลายคนที่มาด้วยกันกำลังฟิตร่างกายและซ้อมกันอย่างหนักหน่วง  มีอาจารย์สุพจน์มาคุมด้วยอีกคนทำให้วิญญาณของนักยูโดในตัวฉันมันกำลังเรียกร้องที่จะไปเล่นให้ได้  ฉันยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่นานจนในที่สุดก็ต้องไปคว้าชุดยูโดที่อาจารย์เตรียมไว้ที่ล็อกเกอร์มาซ้อม
	"อ้าว  ไม่นอนเหรอ"
	"นอนไม่หลับละสิท่า  แปลกที่ละสิดาวใช่ไหม"
	ทั้งอาจารย์และพี่ติ๊ก  พี่โจ  พี่เปิ้ลและพี่ ๆ อีกหลายคนแซวฉันจนฉันรู้สึกเขิน ๆ เพราะไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนแซวฉันมากนักเพราะเขาเห็นฉันเป็นตัวอันตราย  แต่คราวนี้มีคนมารุมแซวก็ยิ่งทำให้ฉันเขินมากยิ่งขึ้น
	ฉันเดินขึ้นไปซ้อมทั้ง ๆ ที่เป็นผู้หญิงคนเดียว  ฉันไม่รู้จะไปจับคู่กับใครดี  ก็มีพี่ติ๊กนี่แหละที่มาเป็นคู่ซ้อมให้  แต่ก็มีพี่ทหารที่มาแข่งในคราวนี้แย่งที่จะมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันเหมือนกัน
	"เพื่อความสบายใจของทุกคน  ดาวจะไม่ลำเอียง  ดาวจะซ้อมกับพี่ทุกคนเข้าใจไหม"
	"แล้วจะไหวเหรอ"
	"ก็มาให้ดาวทุ่มคนละทีสิดาวถึงจะได้ไม่เหนื่อยและจะได้เล่นด้วยกันทุกคนไง"
	พี่ ๆ ทุกคนจึงเรียงแถวมาให้ฉันทุ่ม  ยิ่งทุ่มหลาย ๆ คนฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าทุ่มได้เร็วขึ้น  นี่เป็นการทำให้ฉันสปีดตัวเองให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า...  ต่อมาฉันก็เล่นแรนโดรี่กับพี่ ๆ หลายคนแต่ก็เล่นไปเหนื่อยไปเพราะพี่ ๆ เขาแกร่งมาก  ฉันไม่สามารถที่จะล้มได้สักทีมีแต่ฉันเองที่โดนทุ่มอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
	จู่ ๆ พี่อ้นก็มาซ้อมด้วย  พี่อ้นเป็นคนที่ถูกเรียกตัวมาเหมือนกัน  พี่อ้นเป็นนักศึกษาแพทย์ที่อยู่มหิดล  พี่คนนี้ฉันติดต่อกันอยู่นาน  คราวนี้ได้เล่นด้วยกันอีกครั้งแต่คราวนี้แววตาของพี่เขาเปลี่ยนไป  ดูอ่อนโยนจนฉันรู้สึกได้ว่านี่เป็นอาการของคนที่เจ้าชู้และมีใจให้กัน  พอเขาเข้ามาโอบเอ็วเตรียมทุ่มนั้นสายตามันหยาดเยิ้มจนฉันรู้สึกรำคาญ  ยิ่งเขาพยายามเข้ามาใกล้ ๆ ก็ดูเหมือนคนที่จะมาลวนลามมากว่า  ในที่สุดฉันก็เลยโมโหและทุ่มได้ในที่สุดด้วยท่าอาราอิ-โกชิ
	"อิปโป้ง.........!!!"
	"เฮ................!!!!"
	เสียงพี่ ๆ ปรบมือกันเกรียวกราว  ฉันรู้สึกดีใจที่ชนะเขาได้อีกครั้งและฉันก็ไปเล่นกับคนอื่นต่อ  นี่ถ้าขืนฉันยังไม่ชนะพี่อ้นมีหวังถูกแทะโลมตายเลย
	เหนื่อยมากเลยรู้สึกเพลีย ๆ ก็เลยไปทานอาหารกับอาจารย์และพี่ ๆ ที่ร้านอาหารไทยของที่นั่นแล้วก็กลับมาอาบน้ำนอน  รู้สึกอ่อนเพลียมากทีเดียวพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลย...				
comments powered by Disqus
  • โก้ ขาประจำขลับ (คลับ)

    5 สิงหาคม 2547 10:03 น. - comment id 75877

    โหได้เที่ยวต่างประเทศด้วย
  • โก้ ขาประจำขลับ (คลับ)

    5 สิงหาคม 2547 10:03 น. - comment id 75878

    มาโพสต์ช้าไปขออภัยด้วยครับ
  • โก้ ขาประจำขลับ (คลับ)

    5 สิงหาคม 2547 10:05 น. - comment id 75879

    ช่วงนี้มันยุ่งๆพี่มีงานทำเยอะเลยต้องไปซ่อมคอมที่อื่นอีกยุ่งชะมัดอย่าโกรธแฟนคลับคนนี้นะ ขอบอกกอล์ฟมันหลอกเด็กละไปจัดการมันเลย...เมล์ไปหาเลยบอกว่าอย่าหลอกเด็กเดี๋ยวติดคุก

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน