ตอบแทน(ตอนที่2)

สุชาดา โมรา

ใช่สิ...ผลลัพธ์ย่อมไม่สำคัญเท่ากับความพยายามหรอก ผมจะสามารถช่วย "นาย" ได้สำเร็จหรือไม่นั้น คงไม่สำคัญเท่ากับว่าผมได้พยายามช่วยเหลือนายอย่างสุดความสามาร ถแล้วหรือยังหรอก...จริงด้วย...ดังนั้นผมจึงไม่ควรกังวลมากเกิน ไป ผมจะไม่กังวลมากเกินไป ใช่...ผมจะไม่กังวล...ไม่กังวล
ในที่สุดความพยายามของพ่อก็สัมฤทธิ์ผล สามวันผ่านไปพวกเราก็เดินทางมาถึงดินแดนต้องห้าม ถึงแม้ระยะทางจากเขตแดนของเราจนถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จ ะไม่ได้ใกล้แค่เพียงเอื้อม แต่มันก็ไม่ได้อยู่ไกลโพ้นจนเกินกว่าที่เราจะเดินถึงเหมือนอย่า งที่ว่าไว้ในตำนาน และความจริงอีกหลายอย่างที่เราค้นพบ ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับหลายสิ่งที่เราเคยเชื่อถือต่อๆ กันมา สองข้างทางที่เราเดินผ่านนั้นหาได้มีขวากหนามและภยันตรายซุกซ่อ นไว้แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งปีศาจร่างยักษ์ที่ร่ำลือก็ไม่ได้โหดร้ายน่ากลัวอย่างที่ เข้าใจกัน แท้จริงแล้วเขาก็คือ "นาย" นั่นเอง มีเพียงสิ่งเดียวที่ตำนานกล่าวไว้แล้วเป็นจริงตามนั้น ก็คือความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินของแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์แ ห่งนั้น 
ผมยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ตอนที่เราสามตัวพ่อแม่ลูกเดินผ่านหน้า นายเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นสำหรับผมแล้ว เขาเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเ คยเห็นมา วินาทีนั้นความกลัวที่ห่างหายไปจากจิตใจผมตั้งแต่ตอนต้นที่เริ่ มเดินทาง ได้หวนกลับคืนมาจับอยู่ที่ขั้วหัวใจของผมอีกครั้ง กล้ามเนื้อและประสาททุกส่วนเขม็งเกร็ง ผมกลัวแม้กระทั่งว่าเขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเราด้วยซ้ำไป วินาทีนั้นไม่มีใครบอกได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเราต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า และโดยไม่ได้นัดหมายแต่เราต่างรู้ดีว่าวินาทีนั้นไม่ควรที่จะพู ดคุยกัน ต่างคนจึงต่างปิดปากเงียบก้มหน้าก้มตาเดินให้เร็วแต่แผ่วเบาที่ สุด 
ในตอนนั้นภาพที่ผมเห็นตรงหน้า คือชายหนุ่มผมยาวรุงรังหนวดเครารกครึ้มกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไร บางอย่างอย่างขะมักเขม้น เบื้องหน้าของเขามีโคมไฟดวงเล็กเปิดสว่างอยู่ ในมือถือดินสอแท่งเล็กกำลังขีดๆ เขียนๆ บางอย่างลงบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า พ่ออธิบายให้ฟังในภายหลังว่าตอนนั้นนายกำลังเขียนเรื่องสั้นอยู ่ เราสามตัวอาศัยช่วงจังหวะที่นายกำลังเผลอจ้ำจนสุดฝีเท้าไต่ไปบน กำแพงด้านที่อยู่ตรงหน้านาย แต่ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน มันก็ยังไม่ไวพอที่จะทันหลบพ้นสายตาของนายไปได้... 
ทันใดนั้นเองนายก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน มองจ้องตรงมายังพวกเราทั้งสามตัว ถึงแม้ดวงตาคู่นั้นของนายจะมีแววที่อ่อนโยนและปนเศร้าเล็กน้อย แต่มันก็มีพลังมากพอที่จะตรึงขาทั้งหกคู่ของพวกเราให้หยุดนิ่งอ ยู่กับที่ได้ แสงจากโคมไฟที่สาดทับลงบนกำแพงยิ่งช่วยขับเงาร่างของเราทั้งสาม ตัวให้เด่นมากขึ้นไปอีก ผมไม่รู้ว่าวินาทีนั้นพ่อกับแม่นึกอะไรอยู่ในใจ แต่สำหรับผมแล้วรู้แต่ว่าตื่นเต้นจนลืมหายใจ รู้สึกเหมือนหัวใจมันตกไปอยู่ที่ปลายหาง นึกภาวนาอยู่อย่างเดียวว่าขอให้การตายครั้งนี้เจ็บปวดน้อยที่สุ ด 
แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น นายยิ้ม ! ถึงแม้มันจะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ผมก็ยังจดจำรอยยิ้มนั้นได้ดี มันไม่ใช่แค่เพียงรอยยิ้มบนริมฝีปาก แต่มันเป็นยิ้มที่ทอประกายออกมาจากดวงตาคู่นั้น ชั่วสั้นๆ - เพียงเสี้ยววินาที... แล้วนายก็ก้มหน้าขีดๆ เขียนๆ อะไรต่อไป และอีกครั้งโดยที่มิได้นัดหมาย เราสามตัวจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตไปหลบอยู่หลังผ้าม่าน อีกนานหลายอึดใจกว่าที่ชีพจรของเราทั้งสามตัวจะกลับมาเต้นเป็นป กติเหมือนดังเดิมอีกครั้ง นายยังคงนั่งเขียนหนังสือต่อไป พ่อยังคงนิ่งเงียบ แม่ยังคงนิ่งเงียบ เราสามตัวมองหน้าแต่ไม่พูดอะไรกัน แต่ผมรู้ว่าพ่อกลัว แต่ผมรู้ว่าแม่กลัว และผมก็รู้ดีว่าตัวเองก็กลัวเช่นกัน ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกทีหนึ่งตอนที่พ่อปลุกให้ตื่น แสงสว่างก็ลดน้อยลงมากแล้ว เราสามตัวค่อยๆ เดินออกมาจากหลังผ้าม่าน ไต่ลงไปตามกรอบหน้าต่าง ผมลองหันไปมองดูข้างหลัง นายไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้ว เรายังคงมุ่งหน้าเดินต่อไปตามทางเรื่อยๆ ไม่นานนักเราก็เริ่มได้กลิ่นหอมแปลกๆ มากมายหลายกลิ่นลอยมาปะทะจมูก สัญชาตญาณบอกให้ผมรู้ว่านั่นคือกลิ่นของอาหารแน่นอน แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว ! แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์คงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก เราจึงเริ่มเดินเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ความหิวที่กดเก็บเอาไว้มานานหลายวันทำให้เราเคลื่อนไหวได้รวดเร ็วเหมือนติดปีก อีกไม่กี่อึดใจต่อมา เราก็พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าดินแดนต้องห้ามอันศักดิ์สิทธ ิ์ ภาพที่ผมเห็นแตกต่างจากที่จินตนาการเอาไว้ในหัวสมองมากมายนัก 
มันเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่โตมโหฬารสูงเกือบเท่าหัวนาย สัณฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูทางเข้าออกอยู่สองทาง อันหนึ่งอยู่ชั้นบน อีกอันอยู่ชั้นล่าง เมื่อไต่ไปดูใกล้ๆ จะเห็นว่าวัสดุที่ใช้ปิดทับเป็นฝาของบานประตูแต่ละด้านนั้น มีลักษณะเหมือนตาข่ายตาถี่ๆ ร่องรูของมันแต่ละอันนั้นเล็กเสียจนแม้แต่แมลงวี่ก็ยังบินผ่านเ ข้าไปไม่ได้ โชคยังดีที่ประตูด้านบนนั้นแง้มเปิดอยู่นิดหน่อย มีช่อง
ว่างขนาดใหญ่พอให้พวกเราเดินผ่านเข้าไปได้ พ่อเดินนำเข้าไปก่อน ตามมาด้วยผมและแม่ เมื่อเข้าไปถึงข้างใน เราสามตัวถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะที่อยู่ตรงหน้าคือบ่ออาหารขนาดใหญ่ถึงสามบ่อ มันมากมายเสียจนเราไม่รู้ว่าจะเลือกกินอันไหนก่อนดี เราจึงตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปกินคนละบ่อ ผมเพิ่งมารู้ในภายหลังว่า บ่อ หรือจะเรียกให้ถูกว่า จาน ที่ตัวเองเลือกกินในวันนั้น คือข้าวคลุกปลากระป๋องที่นายกินเหลือทิ้งเอาไว้จากมื้อเที่ยงนั ่นเอง...
สามวันต่อมาครอบครัวของเราก็เดินทางกลับถึงหมู่บ้าน ท่ามกลางการต้อนรับอย่างเอิกเกริก เสียงโห่ร้องสรรเสริญความกล้าหาญของพ่อดังระงมไปทั่วทั้งหมู่บ้ าน ชั่วระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ จากจิ้งจกที่เคยถูกมองว่าบ้า พ่อกลายเป็นวีรบุรุษผู้หาญกล้าไขปริศนาทั้งมวลแห่งดินแดนศักดิ์ สิทธิ์ วีรกรรมของพ่อถูกเล่าขานต่อๆ กันไปจากปากต่อปาก ฉากการเผชิญหน้ากับปีศาจร่างยักษ์กลายเป็นตำนานที่ผู้เฒ่าผู้แก ่ใช้เล่าให้ลูกหลานฟังก่อนนอน... 
พ่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะฑูตเดินทางไปเจรจากับหัว หน้าเผ่าไอ้เบิ้ม การเจรจาผ่านพ้นไปด้วยดี ไอ้เบิ้มหน้าโง่ตัวนั้นล่าถอยออกไปจากเขตแดนของพวกเราในที่สุด ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาสู่เผ่าของเราอีกครั้ง ความนิยมในตัวพ่อมาถึงขีดสุดเมื่อพ่อได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าเผ่าในเวลาต่อมา แต่พ่อก็หาได้สนใจในลาภยศสรรเสริญใดๆ ไม่ วันๆ พ่อขลุกอยู่แต่ในห้องสมุด ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ความจริงหลายอย่างที่พ่อค้นพบจากการเดินทาง สั่นคลอนระบบความเชื่อเดิมๆ ของเผ่าพันธุ์เราทั้งหมด พ่อบอกผมในคืนหนึ่งว่าดินแดนต้องห้ามอันศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคยเ ข้าใจกันนั้น แท้จริงแล้วมันคือ ตู้กับข้าว ของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เรียกตัวเองว่า มนุษย์
ในขณะที่ผมกำลังสำมะเลเทเมากินเหล้าเคล้านารีในฐานะลูกชายของหั วหน้าเผ่านั้น พ่อกลับใช้เวลาช่วงสุดท้ายในชีวิต ทุ่มเทค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ พ่อว่า...พ่อรู้สึกผูกพันกับนายแบบแปลกๆ เหมือนว่าพ่อกับนายจะเคยรู้จักกันที่ไหนมาก่อน พ่อว่านายคือผู้มีพระคุณ จริงๆ แล้วนายจะฆ่าพวกเราเสียตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ถ้านายต้องการ แต่นายก็ไม่ทำ ทั้งๆ ที่หลายครั้งพวกเราบางตัวก็ถ่ายเรี่ยราดไม่ระมัดระวัง บางทีหล่นลงไปบนหน้ากระดาษที่นายกำลังเขียนอยู่ก็เคยมี แต่เท่าที่นายทำก็เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาแล้วทำปากขมุบขมิบเท่าน ั้นเอง พ่อว่านายเป็นมนุษย์ที่แปลกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ที่เคยรับรู้มา วันๆ ไม่เห็นนายทำอะไรนอกจากตื่นมาตอนเช้า - เขียนหนังสือ - กินข้าว - เขียนหนังสือ - กินข้าว - นอน วนเวียนอยู่แค่นี้ น้อยครั้งที่จะเห็นนายออกไปจากบ้าน พ่อศึกษาจนรู้ว่านายเป็นนักเขียนไส้แห้ง สันนิษฐานจากจำนวนหน้ากระดาษ พ่อเดาว่านายน่าจะกำลังเขียนเรื่องสั้นอยู่ บางครั้งพ่อยอมเสี่ยงขนาดเอาชีวิตของตัวเองเข้าเป็นเดิมพัน หลายหนที่พ่อหายหน้าไปจากหมู่บ้านคราวละหลายๆ วัน แต่ทุกครั้งที่กลับมาพ่อก็จะมีสีหน้าสุขใจ ยิ้มแก้มแทบปริเหมือนกับว่าจับได้แมลงตัวใหญ่อย่างนั้นแหละ ผมไม่เคยเข้าใจในความหมายของรอยยิ้มนั้นแต่มั่นใจว่าพ่อจะต้องไ ปเผชิญหน้ากับนายมาแน่ๆ พ่อเองก็ไม่เคยปริปากบอกใครจนกระทั่งถึงวันที่พ่อตาย...
วันนั้นพ่อเรียกผมให้เข้าไปหาใกล้ๆ พ่อมีสีหน้าอิดโรยดูอ่อนล้า ผมรู้เลยว่าเวลาของพ่อใกล้จะหมดลงแล้ว พ่อกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งขณะที่พ่อกำลังเผชิญหน้ากับนายอยู่นั้น พ่อก็ได้ค้นพบวิธีการสื่อสารกับนายเข้าโดยบังเอิญ อันที่จริงจะเรียกว่าสื่อสารก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะมันเป็นเพียงการดักจับเอาสัญญาณความคิดของนายที่ล่องลอยอย ู่ในอากาศ หมายความว่าจิ้งจกอย่างเราสามารถเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของนายแ ต่ไม่สามารถพูดกับนายได้ วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่เข้าไปอยู่ใกล้ๆ นายในระยะที่ใกล้พอ แล้วหาโอกาสสบสายตากับนายให้ได้นานเกินสองวินาที เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการปรับคลื่นความถี่ให้ตรงกัน แล้วเราก็จะสามารถเข้าใจความคิดของนายได้ 
พ่อย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามไม่ให้ผมเอาเรื่องนี้ไปบอกต่อกับใคร แม้กระทั่งแม่ พ่อเกรงว่ามันอาจจะเป็นภัยต่อนายได้ ผมถามพ่อว่าแล้วพ่อบอกวิธีนี้กับผมทำไม พ่อตอบว่า...เพราะไม่แน่ในวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าอาจจะมีโอกาสได้ทำความฝันของพ่อให้กลายเป็นจริง... ผมยังจำคำพูดสุดท้ายก่อนที่พ่อจะสิ้นลมได้ดี จงตอบแทนพระคุณนายเมื่อเจ้ามีโอกาส ผมรับปากพ่อไปอย่างนั้นเอง เพราะมั่นใจว่าวันนั้นคงไม่มีทางมาถึง จิ้งจกตัวเล็กๆ อย่างผมน่ะหรือจะมีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดให ญ่กว่าผมนับล้านเท่าอย่างนาย 
จนเมื่อสามสี่วันที่ผ่านมานี้ ผมจึงเพิ่งตระหนักรู้ว่า หรือมันอาจจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต เป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดมาแล้ว เหมือนกับชะตากรรมของพ่อที่ถูกกำหนดให้เกิดมาเพื่อเป็นวีรบุรุษ ...หน้าที่ในการ ตอบแทน นี้อาจเป็นชะตากรรมของผมที่ถูกกำหนดมาแล้วก็เป็นได้...
สามสี่วันที่แล้วผมเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมของนายเปลี่ยนแปลงไป นายดูไม่เหมือนคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก บางครั้งผมเห็นนายลุกขึ้นมากลางดึก นั่งสูบบุหรี่อยู่คนเดียวในความมืด พอหมดมวนนายก็กลับไปล้มตัวลงนอนใหม่ เอามือก่ายหน้าผาก บ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียว พลิกซ้ายป่ายขวากลิ้งไปมาอยู่บนเตียงอีกนาน ก่อนจะลุกขึ้นมาจุดบุหรี่สูบมวนใหม่ บางทีนายก็ลุกขึ้นมาเปิดไฟจนสว่างโร่ไปทั้งบ้าน แล้วลงมือค้นหนังสือบนชั้น หยิบเล่มโน้น เปิดเล่มนี้ ปิดเล่มนั้น วนเวียนอยู่อย่างนี้ หนักเข้านายก็เอามือกวาดหนังสือบนชั้นหล่นลงมากองอยู่กับพื้นทั ้งหมด หนังสือนับร้อยเล่มวางระเกะระกะอยู่ล้อมรอบตัวนาย นายยืนนิ่งจ้องมองหนังสือเหล่านั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนล้มตัวลงนอนบนกองหนังสือเหล่านั้น แล้วเริ่มร้องไห้สลับกับการพูดคนเดียวแล้วก็ร้องไห้อีก แต่แล้วจู่ๆ นายก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่เกรงใจใครราวกับคน วิกลจริต พอถึงเวลาที่ปกติแล้วนายจะต้องเขียนหนังสือ ผมก็เห็นนายเอาแต่นั่งจ้องกำแพงตรงหน้า ในมือถือแก้วมีน้ำสีเหลืองๆ อยู่ในนั้น บางทีนายนั่งจ้องอยู่อย่างนั้นนานเป็นชั่วโมง ถึงแม้ว่าผมจะเป็นเพียงจิ้งจกตัวเล็กๆ แต่ผมก็ยังไม่โง่พอที่จะหลอกตัวเองได้ว่านายกำลังมีความสุข มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของพ่อ หรือว่ามันจะถึงเวลาแล้ว...
เมื่ออดรนทนเก็บความสงสัยเอาไว้กับตัวไม่ไหวจริงๆ เมื่อเช้านี้ผมจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของพ่อ เผื่อว่าผมอาจจะช่วยอะไรนายได้บ้าง ไม่มีอะไรจะต้องเสียอยู่แล้วนี่ ใครจะรู้ถ้าหากหนูยังช่วยราชสีห์ได้ แล้วทำไมจิ้งจกตัวเล็กๆ อย่างผมจะช่วยนายบ้างไม่ได้...ผมจึงค่อยๆ ไต่กำแพงด้านที่อยู่ตรงหน้านายลงไปเรื่อยๆ นายนั่งอยู่ตรงนั้น ที่เดิม ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ เปิดโคมไฟดวงเล็กส่องสว่างมาทางกำแพงครึ่งหนึ่ง นายกำลังพลิกหนังสือสามสี่เล่มที่วางอยู่บนโต๊ะออกอ่านด้วยสีหน ้าเคร่งเครียด ผมไต่ลงไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าได้ระยะที่ใกล้พอแล้วจึงหยุด ช่างเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งนัก เมื่อตำแหน่งที่ผมหยุดยืนอยู่ต่อหน้านายตอนนั้น อยู่ภายใต้แสงของโคมไฟ และองค์ประกอบต่างๆ โดยรอบก็ช่างอยู่ในลักษณาการที่คล้ายคลึงกัน กับวันที่ผมได้เผชิญหน้ากับนายเป็นครั้งแรกมิมีผิดเพี้ยน นายยังคงนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่อย่างนั้น ผมก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่มองจ้องตรงมายังนาย รอแค่เพียงโอกาสที่นายจะเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับผม แล้วทันใดนั้น ทุกอย่างก็เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว...นายเงยหน้าขึ้นมาเราสบตากัน...1...2...3...				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน