ตาบอด(ตอนที่2เสนอเป็นตอนสุดท้ายค่ะ)

สุชาดา โมรา

เขารู้ได้ในทันใดว่าทั้งคู่จะต้องเป็นคู่รักหรือไม่ก็เป็นสามี-ภรรยากันเป็นแน่ เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สัญชาตญาณคงบอกให้เธอรู้ว่าตรงนี้มีคนยืนอยู่ เธอหันหน้ามาทางเขาแต่ก็ไม่ถูกทิศดีนัก เธอบอกขออภัยที่ต้องรบกวนเขา เธออยากให้เขาช่วยดูรถเมล์สายที่เธอกำลังรอให้ด้วย เขาตอบไปว่าได้ถ้ามาแล้วเดี๋ยวจะบอกให้รู้ เธอกล่าวขอบคุณ เขาบอกไม่เป็นไร เธอจึงหันกลับไปพูดคุยกับคนที่มาด้วยกัน เขาจึงได้รู้ว่าทั้งคู่ตาบอดสนิท... 
แวบแรกที่เธอหันมาพูดกับเขา เขารู้สึกตกใจนิดหน่อยเมื่อได้เห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าข องเธอ เหมือนแผลเป็นที่เกิดจากของมีคม มันพาดผ่านจากใต้ตาด้านซ้ายยาวลงมาผ่านริมฝีปากบนและล่างจนถึงป ลายคาง รอยฝีเข็มที่เกิดจากการเย็บแผลไม่ประณีตอย่างที่ควรจะเป็น ริมฝีปากของเธอจึงเว้าแหว่งบิดเบี้ยวผิดไปจากรูปเดิมอย่างเห็นไ ด้ชัด ประกอบกับสีเนื้อบริเวณที่เป็นแผลเป็น ออกจะเข้มกว่าผิวหน้าสีเหลืองซีดของเธอ ดูเผินๆ จึงคล้ายกับมีตะขาบวางพาดอยู่บนใบหน้า ดูน่ากลัว เขาเห็นหลายคนที่อยู่ตรงป้ายรถเมล์นั้นเบือนหน้าไปทางอื่น...
น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกสนใจเรื่องราวของคนทั้งคู่มากขึ้นไปอีก ตลอดเวลาที่ทั้งสองยืนอยู่ที่ป้าย เขาจ้องมองทั้งคู่เหมือนดั่งหลงใหลในผลงานของประติมากรเอกฝีมือ ก้องโลก ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงในพิพิธภัณฑ์ เขาเก็บทุกๆ รายละเอียดที่ตามองเห็น ทั้งเสื้อผ้าที่ทั้งคู่สวมใส่ รองเท้า ทรงผม กิริยาอาการที่ทั้งคู่แสดงออกยามสนทนากัน น้ำเสียงที่พูดคุย เสียงหัวเราะ เขาละลาบละล้วงกระทั่งแอบตั้งใจฟังบทสนทนาที่ก็ไม่มีอะไรมากไปก ว่าชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป การทำมาหากิน ล็อตเตอรี่ขายไม่ค่อยดีเพราะคนนิยมเล่นหวยใต้ดินมากกว่า...อะไร ทำนองนั้น 
เขาเริ่มหันมาสังเกตฝ่ายชายบ้าง ถ้าไม่นับตาที่บอดคู่นั้นแล้ว คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางได้รูปและวงหน้ารูปไข่ เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วจัดว่าชายผู้นี้เป็นคนหน้าตาดีทีเดียว ร่างสูงโปร่ง ผิวก็ขาวนวลเหมือนคนจากทางเหนือ ตัดกันอย่างเห็นได้ชัดกับผิวดำคล้ำดูเกรียมแดดของฝ่ายหญิง จะว่าไปแล้วทั้งคู่ดูไม่เหมาะสมกันเอาเสียเลยในความคิดของเขา แต่ให้ตายเถอะ...พวกเขาช่างดูมีความสุขเหลือเกิน ตลอดเวลาที่คอยอยู่นั้นทั้งคู่ยืนกุมมือกันไม่ยอมห่างเหมือนกลั วว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปไหน เขาแทบจะรู้สึกได้เลยถึงความรักจากลมหายใจที่สูดเข้าไป เหมือนดั่งมีอณูความรักล่องลอยปะปนอยู่ในอากาศบริเวณนั้น
แวบหนึ่ง...เขาคิดถึงคนรักของเขา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่เคยเดินจูงมือเธอ พักหลังๆ นี้เราเริ่มห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะเธอหรอก ก็เขาเองนั่นแหละที่พยายามตีตัวออกห่าง ทั้งที่ก็ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันหรือเป็นเพราะคบกันมานานเกินไป เขาจึงเบื่อเธออย่างไม่มีเหตุผล เมื่อไหร่ที่มีโอกาสเขามักจะพยายามเข้าไปทำความรู้จักกับผู้หญิ งคนใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นคู่นัดของเขาในวันนี้ เธอมีอะไรบกพร่องหรือก็เปล่า เธอออกจะเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างด้วยซ้ำและที่ส ำคัญเธอรักเขามาก และเขาก็รักเธอเช่นกัน แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาจึงไม่เคยพอใจในสิ่งที่เขามีอยู่ เขากำลังจะไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่น เขาจงใจจะนอกใจเธอ เขาโกหกเธอ...ทำไม...ทำไม...
เสียงแตรรถฉุดเขาออกจากภวังค์ อ้าว นั่นรถเมล์สายที่ชายหญิงตาบอดคู่นั้นกำลังรออยู่นี่ คันที่ขับตามหลังมาติดๆ นั่นก็สายที่เขารออยู่ เขาเดินเข้าไปสะกิดบอกเธอ เธอกล่าวขอบคุณ เขารอจนรถจอดเทียบท่าดีแล้วจึงอาสาพาทั้งคู่ไปส่งที่ประตูรถ เธอหันมาขอบคุณอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไป เขาเดินตรงไปยังรถเมล์คันที่จอดต่ออยู่ข้างหลัง เขาก้าวขึ้นบันได แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจเดินกลับลงมา ที่ป้ายรถคนเริ่มบางตา เขาเลือกนั่งตรงเก้าอี้ตัวริมซ้ายสุด เขาคิด เขาต้องการหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ภาพชายหญิงตาบอดคู่นั้นยังคงวนเวียนอยู่ในมโนนึกตัดสลับกันกับภ าพของคนรักเขาเสี้ยวหนึ่งในความคิด เขารู้สึกว่าเขาอยาก
จะตาบอดบ้าง
ดวงตาซึ่งทำให้เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่สวยงามในโลก บางครั้งมันก็กลับทำให้เรามืดบอดจากบางสิ่งบางอย่างได้โดยที่เร าไม่รู้สึกตัว บางครั้งดวงตากลับกลายเป็นเหมือนสิ่งที่บดบังไม่ให้เรามองเห็นส ิ่งที่สวยงามอย่างแท้จริง เช่นความดีงามที่ต้องใช้ใจมองเท่านั้นจึงเห็นอย่างที่ชายตาบอดคนนั้นมองเห็นในใจของหญิงตาบอด อย่างที่เขามองไม่เห็นในตัวคนรักของเขา 
นี่ถ้าฉันตาบอด ฉันก็คงจะไม่ตัดสินคนแค่จากเปลือกนอกจากสิ่งที่ฉันมองเห็นเท่าน ั้น แต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ความผิดของดวงตาเสียทีเดียวหรอก มันเป็นเรื่องของความเขลา เรื่องของความเป็นคนที่ยังคงมีกิเลส ตัณหา ราคะ ซึ่งยังหลงบูชาในเปลือกอยู่มาก และดวงตาเป็นเพียงเครื่องมือของมันที่ใช้เสพในเปลือกในวัตถุ โดยนัยนี้การมีดวงตากลับเหมือนทำให้เรามืดบอด มองไม่เห็นในสิ่งซึ่งงดงามอย่างแท้จริงได้ ฉันอยากจะตาบอดก็เพื่อที่จะขจัดความมืดบอดแห่งดวงตา หากแต่เป็นไปเพื่อเปิดดวงตาที่แท้จริง ดวงตาแห่งใจ-ดวงตาแห่งปัญญา สิ่งนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้เราได้มองเห็นความงามที่แท้จริงซึ่ งปราศจากการปรุงแต่งแห่งรูปลักษณ์ภายนอก วัตถุ และสิ่งอื่นๆ ที่ไม่จีรังยั่งยืน 
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันควรจะทำอะไร ฉันจะไปหาเธอ ไปหาคนรักของฉัน ฉันจะพาเธอไปดูหนัง เราจะเดินจูงมือกัน
นั่นล่ะครับเรื่องราวของไอ้ต้น คุณว่ามันฟังดูเพี้ยนๆ ไหมอืมม์ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ เขาออกจะดูเป็นคนประหลาดๆ อยู่สักหน่อยโอ้โหว้าว ! คุณเห็นไหมนั่นนั่นไง ทางซ้ายมือผู้หญิงเสื้อสีชมพูที่กำลังเดินมานั่นไง น่ารักจังเลย คุณว่าผมเข้าไปคุยกับเธอดีไหม.....วะ ! โทรศัพท์ดังอีกแล้ว ใครนะดันโทรเข้ามาตอนนี้
ฮัลโหล
ไอ้ต้นมึงอยู่ไหน ทำไมยังไม่มาอีก
....
เก็บไว้คิดต่อนะคะ...(ให้คิดเอง)				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน