ฝากรักฟากฟ้า
ทอรุ้งค่อยเอามือคลำไปตามผนังโพรงท่ามกลางความมืดมิด ร่างสั่นสะท้าน มือเย็นเชียบจนชาแข็ง เธอเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ ใช้เท้ายื่นไปข้างหน้าเพื่อหาตำแหน่งของลังไม้ของเขา
เธอคิดว่ามันน่าจนอยู่ใกล้กับผนังโพรง จนปลายเท้าไปเตะโดนของแข็งๆ บางอย่าง เธอค่อยย่อตัวลงวางเจ้าพูห์ลง น้องฝันยังกอดคอเธอไว้แน่น มือเธอคลำไล่ไปตามรูปทรงของสิ่งที่เธอกำลังแตะ เป็นลังไม้ของเขาจริงๆ ด้วย เธอไล่มือต่อไปจนเจอมือจับยกฝาลัง ทอรุ้งควานลงไปในลังแล้วดึงเอาผ้าคลุมที่เคยใช้ออกมาพันตัวน้องฝันทันที
ม๊ะ! มืด
เสียงน้องฝันพูดเบาๆ ทอรุ้งกระซิบปลอบโยนพลางเอามือสอดเข้าไปในผ้าคลุมจัดการถอดชุดนอนเปียกโชกของน้องฝันนั้นออก เธอคิดว่าน่าจะมีผ้าอีกสักผืนในลัง เธอควานมือลงไปอีกขึ้นคราวนี้เธอกลับได้ของที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นกระบอกไฟฉาย
...ใช่จริงๆ ด้วย...
เธอกดคลิกปุ่มข้างกระบอก ลำแสงเล็กๆ ส่องสว่างขึ้นมาในความมืดราวกับความหวังที่เรืองรอง เธอนั่งขัดสมาธิไปบนพื้นดินเปียกชื้นนั่นอย่างไม่สนใจ อุ้มร่างน้อยที่ห่อหุ้มด้วยผ้าผืนใหญ่ขึ้นนั่งบนตัก เจ้าพูห์เองก็เข้ามาซุกตัวอยู่ข้างตัก
เธอใช้ไฟฉายกระบอกเล็กส่องลงไปในลังอีกครั้ง คราวนี้ไม่ยากต่อไปเธอได้ผ้าปูรองนั่งขนาดยาวและผ้าห่มผืนเล็กอีกผืน เขาเคยบอกว่าที่นี่เป็นที่ปลีกวิเวกส่วนตัวของเขาเองดังนั้นลังจึงมีของใช้ที่จำเป็นอยู่ ทอรุ้งเอาผ้าผืนใหม่ขยี้เช็ดที่เปียกโชกของลูกสาวนายจ้าง
หนาวมั๊ยคะ
น้องฝันพยักหน้าน้อยๆ สิ่งที่ทอรุ้งนึกกลัวนั่นคืออาการไข้จากการเปียกฝนเป็นเวลานาน เธอจึงเอาผ้าคลุมทับอีกชั้นและนั่งโอบกอดร่างนั้นไว้
ทอรุ้งไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีสภาพเช่นไรนอกจากอาการเหน็บหนาวจนชาไปทั่วร่างกาย เสียงภายนอกยังดังกึกก้องเข้ามา ไม่รู้ว่าภายนอกจะเป็นอย่างไร ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินนั่นคือเสียงกระแทกกับตัวเรือนหลังเล็กดังลั่นจนน่ากลัว เธอไม่มีเวลาที่จะหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากวิ่งหนีขึ้นที่สูงอย่างเดียว เธอเอนตัวอิงกับลังไม้น้องฝันซบศีรษะลงกับซอกไหล่เธอ
ป๊ะ! หาป๊ะ น้องฝันพูดออกมาเบาๆ
ค่ะ พรุ่งนี้นะลูก ไปหาป๊ะกัน ทอรุ้งตอบด้วยเสียงที่ง่วงงุน
เธอรู้สึกมึนงง อาการสั่นสะท้านยังไม่หาย เธอซุกมือที่เย็นเฉียบกับผ้าห่มที่โอบคลุมเด็กน้อย ค่อยๆ ซบศีรษะลงกับลังไม้
น้องฝันไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวป๊ะก้อมารับเรา....
น้ำเสียงเธอแผ่วเบา แล้วเงียบไปในที่สุด หยดน้ำจากเรือนผมสลวยรินหยดลงมา...เป็นสีแดงคล้ำ!!!!!!