รุ้งทอฝัน#2

ฝากรักฟากฟ้า

ภาพทิวทัศน์สองข้างเปลี่ยนไปเรื่อยๆตั้งแต่รถขับเคลื่อนเข้าทางแยกจากถนนใหญ่  ด้วยเพราะเป็นเส้นทางขึ้นสู่ดอยอ่างขาง     ซึ่งมักมีรถของชาวต่างถิ่นมาเที่ยวตลอดทั้งปี  สภาพท้องถนนจึงดีกว่าถนนสายเล็กๆ อื่นที่ไม่สำคัญ  จากปากทางเข้าสู่สวนส้มที่อยู่เชิงดอยมีหมู่บ้านใหญ่ๆหลายแห่ง  สังเกตจากการปลูกที่อยู่อาศัย  ล้วนแต่โอ่อ่าใหญ่โตแสดงถึงสภาพฐานะของผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน  ทอรุ้งอดรู้สึกทึ่งไม่ได้  คิดไว้ว่าตนคงจะได้มาอยู่ในสวนที่มีสภาพเรือกสวน  หมู่บ้านแบบเกษตรกรทั่วไป  กลับมาเห็นบ้านเรือนที่ทันสมัย  บางหลังเป็นเรือนไทยไม้สักหลัง  บางหลังทันสมัยอย่างหมู่บ้านจัดสรรในเมืองกรุง
          เจ้าของสวนส้มเป็นส่วนใหญ่  สวนลิ้นจี่น้อยลงแล้วค่ะ  แม่บ้านร่างท้วมหันมาเล่าให้ทอรุ้งฟังเป็นระยะ  ตั้งแต่ตรงหมู่บ้านปากทางเข้ามาก้อเป็นสวนส้มหมดแหละ    บางสวนก้อมีโรงแว๊กซ์ของตัวเองด้วยนะคะ
           ทอรุ้งได้แต่พยักหน้ารับฟัง  อีกไม่นานเธอคงจะรู้จักมากขึ้นเอง
พ้นจากหมู่บ้านก็เป็นสวนส้มที่เรียงรายตามเส้นทาง  แต่ละสวนดูกว้างใหญ่ไปจนสุดสายตา  กินอาณาบริเวณไปจนถึงไหล่เนินเขา   
          ครูมาช่วงนี้ก้อวายไปล่ะ  แต่บางสวนเขาบังคับให้ออกได้ตลอดปีก้อมี  เสียงมัคคุเทศก์เฉพาะกิจอธิบายเสริมอีก  ที่สวนคุณปราชญ์มีทั้งส้ม  ลิ้นจี่  แล้วก้อองุ่น
          มีองุ่นด้วยเหรอคะ   ทอรุ้งเอ่ยถามด้วยความสนใจ
          ค่ะ  ก้อเริ่มปลูกได้สักสองปี  กำลังขยายออกไปอีก
          ระยะทางจากตัวอำเภอเข้ามาที่สวนนับว่าไกลพอสมควร  จนกระทั่งสุดท้ายพาหนะสีน้ำตาลคันหรูเลี้ยวเข้าประตูรั้วสวน   ผ่านแปลงต้มส้มไปหลายแปลงแล้วจนดูเหมือนรถกำลังวิ่งขึ้นเนิน  ผู้โดยสารต่างถิ่นหันมองผ่านกระจก  เห็นแต่ต้นส้มสูงเป็นทิวแถว  มีคนงานกำลังตัดแต่งกิ่งส้มตามแปลง  
          รถแล่นผ่านไปตามถนนโรยกรวด  บ้านไม้ขนาดย่อมตั้งอยู่บนเนิน  รูปทรงตามแบบบ้านทรงยุโรปที่ทอรุ้งเคยเห็นในหนังสือประเภทบ้านในสวน  หน้าบ้านประดับด้วยซุ้มเฟื่องฟ้าอวดสีสันแข่งแสงแดดเจิดจ้าฤดูร้อน  คนขับรถขับขึ้นไปจอดพอดีหน้าบ้าน  ที่มีบันไดไม้ยาวลงมา 4-5 ขั้น  ไปสู่ระเบียงกว้างก่อนเข้าถึงตัวบ้าน
         ครูลงมาก่อนนะคะ  เดี๋ยวให้นายหรุ่งขนกระเป๋าไปไว้ที่บ้าน
         แม่บ้านตุบตับลงรถก่อนที่จะหันมาขยับเลื่อนเบาะให้ทอรุ้งก้าวลงรถ  เธอกล่าวขอบคุณเบาๆ  ขณะนายหรุ่งคนขับรถเดินอ้อมไปยกกระเป๋าลงจากกระบะท้ายรถคันใหญ่  เธอยังคงหิ้วเพียงกระเป๋าโน้ตบุ๊คเดินตามแม่บ้านขึ้นบันไดไป  มีทางเดินอ้อมไปด้านหลังบ้านซึ่งมีเรือนหลังเล็กแบ่งเป็นส่วนของครัวหลังหนึ่ง  และเรือนพักหลังเล็กอีก 2 หลัง  เป็นสัดส่วน  แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ทำให้ดูร่มรื่น 
         หลังนี้ค่ะครู  ป้าพรรณเรียกทอรุ้งพร้อมกับเปิดประตูเรือนเล็กชั้นเดียว  ทอรุ้งเดินตามเข้าไปในห้อง  เป็นบ้านพักที่ไม่กว้างอะไรมากมาย  ห้องนอนเป็นสัดส่วน  มีห้องน้ำในตัว  พื้นที่สำหรับนั่งเล่นหรือทำงานกว้างพอสมควร  
          ครูมีกระเป๋าแค่นี้เหรอคะ
           ค่ะ  ก้อไม่ได้เอาอะไรมามาก  ทอรุ้งตอบยังนึกขำในใจ  กระเป๋าแค่นี้ก็คือใบใหญ่ยักษ์  ที่อุตส่าห์แบกลากมาอย่างทุลักทุเล  แต่พอเปิดกระเป๋าออกมาก็จะเห็นว่าเธอมีแต่เสื้อผ้ามาพอประมาณ   หนังสือต่างๆ  ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือสำหรับเด็กมากกว่า
            ทอรุ้งค่อยหยิบออกมาวางเป็นสัดส่วน  ตู้เสื้อใบขนาดย่อมเข้าชุดกับเครื่องเรือนภายในห้องนอน  เรียบๆ ง่ายๆ  ดูสบายตา  เธอจัดหนังสือวางบนบนโต๊ะใกล้หน้าต่างข้างเตียงนอน  
            มองออกไปเห็นสนามหญ้าบริเวณไม่กว้างนัก  ตกแต่งบริเวณด้วยพุ่มไม้ดอกหลากพันธุ์หลายสี  มีชิงช้าสำหรับเด็กใกล้ชุดโต๊ะสนาม  ที่ดูเหมือนจะตัดแต่งจากรากไม้  เธอมองดูอย่างมาดหมายว่าจะต้องหาเวลาลงไปสำรวจให้ได้ในเร็ววัน  
           เมื่อเดินออกจากห้องนอนก็จะเป็นส่วนอเนกประสงค์  มีชุดโต๊ะเก้าอี้จากไม้ไผ่สีเหลืองทอง  ชั้นวางโทรทัศน์และเครื่องเสียงชุดเล็ก  ทำให้นึกสงสัยอยู่คร้ามครันว่า  เรือนพักหลังนี้เจ้าของบ้านคงจะจัดไว้สำหรับรับแขกเหรื่อที่น่าจะมากันบ่อยๆ  มีเคาน์เตอร์วางเครื่องดื่ม  ทอรุ้งแทบไม่ต้องคิดร้องขออะไรเพิ่มเติม
           พ่อเลี้ยง  ทอรุ้งนึกถึงภาพไม่ออกว่าจะเหมือนอาเสี่ยพุงพลุ้ยหรือคนคุมงานสวนดี  แต่ดูจากการจัดบริเวณบ้าน  หากไม่ใช่เป็นการว่าจ้างมัณฑนากรมาออกแบบ  ก็ถือว่าเจ้าของบ้านเป็นคนที่มีรสนิยมดีคนหนึ่งทีเดียว  
          แล้วไปได้กับคำว่าพ่อเลี้ยงเหร๊อ เธอนึกขันในใจอยู่คนเดียว
          เสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ  ทอรุ้งรีบก้าวเท้ากลับไปที่ห้องนอน  มองหาโทรศัพท์มือถือ  เมื่อหยิบออกจากกระเป๋าถือจึงรู้ว่าไม่ใช่จากเครื่องของเธอ  เสียงนั้นยังดังอยู่เรื่อยๆ  เธอหมุนกลับออกมาจากห้องอีกที  ยืนหันรีหันขวางหาที่มาของเสียงก่อนจะเหลือบเห็นเครื่องโทรศัพทืสีเหลืองอ่อนแขวนติดอยู่ที่ผนังเหนือเคาน์เตอร์
          สวัสดีค่ะ  เธอกล่าวทักทายทันทีที่หยิบออกมาจากที่แขวน
          ครูเจ้า  ป้อเลี้ยงมาล่ะ  เปิ้นไค่ปะครูเน้อเจ้า  เสียงป้าพรรณดังจากปลายสาย  
          จะให้ไปพบตอนนี้เลยเหรอคะ  ทอรุ้งถาม
          ครูสะดวกก่อเจ้า
          ....ไม่สะดวกได้เหรอ  นายจ้างจะขอดูตัว....  ทอรุ้งแย้งขำๆ  ในใจ  หากพูดไปว่า
          ได้ค่ะ  ขอเวลา 10  นาทีค่ะ
          เจ้า  กำเดียวป้าจะฮื้อนางซอไปฮับเน้อ  ป้าพรรณสั่งอย่างเป็นการเป็นงาน  
           ทอรุ้งจึงรีบวางโทรศัพท์  เข้าไปหยิบซองเอกสารจากกระเป๋า  ก่อนที่จะหันไปสำรวจความเรียบร้อยของใบหน้าและเครื่องแต่งกาย  เสื้อยืดโปโลสีฟ้าสดใส  เพ้นท์ลายกล้วยไม้สีเหลือง  กับกางเกงยีนส์ลูกฟูกสีน้ำตาลเข้มที่ดูทะมัดทะแมง   เธอไม่ได้คิดว่าต้องเปลี่ยนใหม่เพราะชุดที่แต่งอยู่ก็น่าจะเรียบร้อยพอแล้ว   
           นางซอที่ป้าพรรณเป็นผู้หญิงร่างท้วมอีกคนหนึ่ง  ...อยู่ที่นี่คงอ้วนไปตามๆ กัน...  ทอรุ้งไพล่นึกไปนึก  พ่อเลี้ยง  พุงพลุ้ยอีกคนเช่นกัน  หน้าตาซื่อๆ  ยิ้มง่าย  คงเป็นหญิงต่างด้าว  เธอสังเกตจากสำเนียงที่พูด  
          นางซอเดินนำเธอจากเรือนที่พัก  เดินอ้อมเรือนหลังใหญ่ที่ด้านหน้า  เมื่อผลักบานประตูกระจกสีทึบเข้าไป  สัมผัสความเย็นที่ได้จากการออกแบบบ้านให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี  ไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศแต่อย่างใด
         จากเครื่องเรือนไม้เพื่อรับแขกสีน้ำตาลที่ออกแบบอย่างกลมกลืน เรียบๆ  ง่ายๆ  สร้างความรู้สึกอบอุ่นให้กับผู้ที่เข้ามาเยือน  ห้องโถงส่วนหนึ่งถูกกันไว้สำหรับเป็นที่ทำงาน  โต๊ะทำงานขนาดใหญ่  มีเพียงกล่องใส่เอกสาร  เครื่องจอคอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุด  หลังเก้าอี้ทำงาน  เป็นตู้เก็บเอกสารขนาดสามชั้น  
         ที่สะดุดตาคือกรอบรูปไม้สักทองสลักเสลาเป็นเครือไม้อ่อนช้อยขนาดย่อมที่ประดับภาพถ่ายผู้หญิงคนหนึ่ง  ใบหน้าหวานซึ้ง  สังเกตจากรูปดวงตาที่เรียวรี  ชั้นเดียว  ตลอดจนลักษณะเครื่องประดับผม  เดาว่าคงเป็นคนที่มีเชื้อสายจีน  ทอรุ้งรู้สึกคุ้นๆ  คล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
         ขณะที่ทอรุ้งกำลังจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน  เสียงฝีเท้าหนักๆ กับเสียงพูดเบาๆ  จากข้างหลังทำให้เธอชะงักพร้อมกับหันไปมอง  
         ยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ  เพราะคนที่เข้ามาใหม่นั้นคือ  ชายที่เธอได้พบแล้วเมื่อวานนี้  บนรถโดยสารที่เธอนั่งจากตัวจังหวัดมานั่นเอง
         อ้าว!  เอ๊ะ...  กลับเป็นเขาที่อุทานขึ้นก่อนทันทีที่เห็นหน้าเธอ
         คุณเองเหรอ โธ่เอ๊ย!
          นางซอเหลียวมองกลับไปกลับมาด้วยความงุนงง  
         เชิญนั่งเลยครับ  เขารีบเดินตรงมาและนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงานอย่างไม่พิธีรีตอง  พร้อมกับเชื้อเชิญให้เธอนั่งลงเช่นกัน				
comments powered by Disqus
  • กชมนวรรณ

    26 กันยายน 2550 12:55 น. - comment id 97754

    11.gifแล้วส่งส้ม มาทานมั่งนอ พี่ริน อิอิ11.gif
  • ผู้ติดตามเรื่องสั้น

    27 กันยายน 2550 08:59 น. - comment id 97760

    คอยติดตามตอน3
    ว่า นางเอกจะทำไงต่อไป
  • ฝากรักฟากฟ้า

    30 กันยายน 2550 08:20 น. - comment id 97779

    อีกเดือนนึงนะคะ  ส้มของเมืองฝางจะเริ่มออกสู่ตลาด  แล้วจะไปเก็บภาพสวนส้มสวยๆมาฝากค่ะ
  • ฝากรักฟากฟ้า

    30 กันยายน 2550 08:21 น. - comment id 97780

    แก้ไขคำผิดแล้วนะคะ
  • ฝากรักฟากฟ้า

    30 กันยายน 2550 08:21 น. - comment id 97781

    นางเอกยังทำอะไรไม่ถูกค่ะ  อิๆๆๆๆๆ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน