รุ้งทอฝัน#7

ฝากรักฟากฟ้า

อุ๊ยตาย!  ทำอะไรกันมาคะนั่น  พี่ปราชญ์  
         เสียงแหลมๆ  ดังขึ้นทันทีที่ทั้งสองเข้ามาถึงบ้าน  สายตาสี่คู่ที่มองมาบอกความรู้สึกแตกต่างกัน   โดยเฉพาะเจ้าของเสียงทักทายบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย   ใบหน้าบึ้งตึง  
         ปราชญ์ไม่ได้ใส่ใจนัก  เขาแบกร่างครูทอรุ้งไว้บนหลังลงมาจากป่าหลังบ้านภายหลังการบังคับให้เธอยินยอม  
        ครูเดินไม่ได้  ท่าผมอุ้ม  ผมก้อเดินลงดอยไม่ได้  มีอย่างเดียวคือครูต้องขี่หลังผมไป  
        ค่อยเดินลงไปก้อได้นี่คะ  แค่นี้เอง  
         แค่นี้อะไร  ยืนยังไม่ไหว  จะเดินลงไปแบบไหน  มา...ขึ้นหลังนี่  
         เขาค่อยๆ วางทอรุ้งลงบนเบาะเก้าอี้นั่งเล่นในห้องโถง  แสงจิ่งมองดูด้วยความชื่นชมนายจ้างและเข้ามาช่วยประคองพร้อมกับป้าพรรณที่นั่งอยู่ไม่ห่างน้องฝัน  ทอรุ้งทำหน้าเหยเก  
         หกล้มตกดอยค่ะ  ป้าพรรณ   เธอบอกแม่บ้านเบาๆ  
         รั้นมากเลยนะ  แม่ครูของป้าพรรณน่ะ  
         ปราชญ์เล่าเสริมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆ  
        มะ  รัยก๊ะ  เสียงแจ้วๆ ของน้องฝันแทรกขึ้นมา  แววตาใสจับจ้องผู้เป็นครู  
         มะของน้องฝันดื้อพ่อค่ะ  เลยหกล้ม  น้องฝันอย่าดื้อแบบมะนะคะ  
          เขามีแก่ใจพูดล้อเลียนเธอโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวอีกคนสักนิด  หากทอรุ้งกลับรู้อึดอัดใจกับสายตาที่มองมาคุ่นั้น
         ครูรุ้งค่ะ...  ทอรุ้งทักท้วง  "ไม่ใช่  ม๊ะ"
          หากหญิงสาวคนนั้นยืนหันรีหันขวางด้วยความรู้สึกว่าตนกำลังจะกลายเป็นคนนอก  เธอจึงข่มใจออกปากบ้าง
         คราวหลังครูรุ้งก้อระวังบ้างนะคะ  ทางเส้นไหนไม่ชินก้อไม่ควรออกไปเดินเล่น  
         ค่ะ  ขอบคุณค่ะ  
          คำขอบคุณนั้น  ทอรุ้งเองก็ไม่รู้ขอบคุณเรื่องอะไร  แต่ก็เพื่อไม่ให้เข้าใจกันเลยเถิดมากไปกว่านี้  
         ป้าพรรณคะ  รุ้งอยากกลับไปที่ห้องนะคะ  
         เดี๋ยวผมจะพาไปหาหมอที่อนามัยก่อน  ปราชญ์ไม่ยินยอม  
         พี่ปราชญ์คะ  แล้วที่นัดกับส้มล่ะคะ  
         รออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ  เดี๋ยวผมมา  
         ปราชญ์หันไปบอกสั้นๆ  ทอรุ้งยิ่งรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย  
        ไม่เป็นไรค่ะ  ให้นายหรุ่งไปส่งก้อได้ค่ะ  
        นั่นสิคะ  ส้มเธอรีบเอออวยทันที
        ผมจะพาไปเอง  
        ปราชญ์ย้ำหนักแน่น  ฝ่ายหนึ่งทำหน้าปั้นยาก  อีกฝ่ายหนึ่งทำหน้าบึ้งตึงมากขึ้น  แต่คนพูดไม่ได้สนใจ  
        ไม่นานนักนายหรุ่งก็เข้ามาบอกว่ารถมาจอดเตรียมให้แล้ว  ทอรุ้งขยับตัวจะลุกแต่ต้องล้มทิ้งตัวตามเดิม  ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด    ปราชญ์ทำท่าจะเข้ามาอุ้มหากป้าพรรณถึงตัวก่อน  
        เดี๋ยวป้าพยุงไปกับแสงจิ่งเอง  คุณปราชญ์ไปที่รถก่อนเถอะค่ะ  
        แสงจิ่งเข้ามาประคองอีกข้าง  
        ป่ะๆ!  
        น้องฝันเกาะกุมมือผู้เป็นพ่อเดินออกไปด้วย  แม่เลี้ยงสาวโรงคัดส้มใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองฝางต้องนั่งลงที่เก้าอี้ไม้สักชุดรับแขกหรูอย่างไม่สบอารมณ์  จะอาละวาดออกไปอย่างไรก็ใช่ที่   รู้สึกอึดอัดขัดใจบอกไม่ถูก  
        ระหว่างความสัมพันธ์ของเธอกับปราชญ์ที่ไม่มากขึ้นหรือลดน้อยกว่าเดิม  ทั้งๆ  ที่เธอเป็นฝ่ายแสดงออกตลอดเวลาที่ได้รู้จักกันมาว่าต้องการให้มีความก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงการแต่งงาน  หากท่าทีของปราชญ์ไม่เคยมากไปกว่านี้  
        ......จะเป็นเพราะลูกสาวคนโปรดหรือเปล่านะ....  
        จะเป็นเพราะคิดมากไปเองหรือไม่  ตั้งแต่ทราบมาว่าเขาได้รับครูพิเศษมาช่วยดูแลลูกสาวผู้พิการถึงบ้าน  เมื่อแรกนั้นก็เบาใจว่าเป็นครูอายุมากแล้ว  ผ่านการมีครอบครัวมีลูกถึงสองคน  ไม่น่าจะต้องกังวล   อย่างไรเสียฝ่ายชายก็ไม่เคยมีข่าวคบหากับหญิงใดเป็นพิเศษนอกจากเธอ  
        ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจระหว่างเขากับเธอก็ตามที   หากเมื่อได้มาพบกับครูทอรุ้งแล้วเธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา  ทั้งการที่เขาเริ่มห่างหายจากการพบปะเธอ  ถ้าไม่ใช่เรื่องงานแล้วเขาแทบจะไม่มีเวลาออกไปพบเธอเลย  
        คิดมากไปหรือเปล่านะ  อาจจะไม่มีอะไร  วัสสิกานึกปลอบใจตน  
        วันนี้ทั้งที่เขารับปากไว้เป็นมั่นเหมาะที่จะไปตกลงเรื่องผลผลิตส้มปีนี้  ทั้งยังรับปากจะไปรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วย  หากความใจร้อนที่ทำให้เธอไม่สามารถรออยู่กับที่ได้  จึงต้องเข้ามาถึงสวนส้ม  
        หญิงสาวนั่งรออยู่นานดูเหมือนจะมีแต่นางซอที่บังเอิญผ่านมาบนเรือนใหญ่จึงรู้ว่ามีแขกมารอพบเจ้าของบ้าน  เธอจึงได้มีน้ำและผลไม้สดรับประทานเป็นของว่างระหว่างที่รอ   
        นางซอเองอดที่จะนำผู้หญิงสองคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิแตกต่างกันไม่ได้  แสงจิ่งมักจะพูดถึงแม่เลี้ยงคนนี้ว่า  เธอไม่ค่อยชอบน้องฝันและทำท่ารังเกียจเสมอเวลาที่น้องฝันเข้ามาพูดคุยอย่างไร้เดียงสา  นางได้แต่ห้ามไม่ให้ลูกสาวของตนเอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนอื่นฟัง
       "เฮาบ่ไจ้เป๋นอะหยังเปิ้น  อู้ไปบ่าดี  ดักปากเหียเน้อ"
        
        การรอคอยมักจะดูเนิ่นนานเสมอกว่าทั้งหมดจะกลับมา  ปราชญ์เดินเข้ามาท่าทีเนือยๆ  วัสสิกาอยากจะต่อว่าแต่ก็ต้องสะกดคำไว้ด้วยรู้จักนิสัยของเขาดี  
        ไปกันรึยังครับ  ต้องขอโทษนะครับที่ให้มารอ  
        ไม่เป็นไรค่ะ  ดีก้อใช้  ไข้ก้อรักษาเป็นธรรมดาค่ะ  ใบหน้าผ่อง  เนียนด้วยเครื่องสำอางค์ยิ้มหวาน  ไม่เป็นอะไรมากใช่ป่าวคะ  
        ข้อเท้าพลิกครับ  
        อ่อ  ค่ะ  เราไปธุระของเรากันเถอะค่ะ  เธอตัดบทอย่างไม่แยแส
        ครับ  
        แต่ก่อนจะออกไปกันจริงๆ  เขาก็ยังไม่วายที่ต้องไปกำชับกำชาเรื่องการดูแลผู้ป่วยอีกหนกับป้าพรรณ  วัสสิกาเดินคล้องแขนเขาไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้กับอาการขืนตัวเล็กๆ จากเขาและสายตาที่เขม้นมองของคุณแม่บ้าน				
ทอรุ้งคลี่ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ออกห่มคลุมให้ร่างน้อยๆ  ที่นอนหลับสนิทบนเตียงของเธอ  สองสามวันหลังจากที่เธอได้รับอุบัติเหตุจนยังไม่สามารถเดินได้ปกติ  ลูกศิษย์คนเดียวของเธอก็จะลงมาคลุกอยู่ที่เรือนพักด้านหลังมากกว่า  
        หมอถามหาครูด้วยนะครับ  ฝากความคิดถึงมาให้ด้วย  
        ปราชญ์บอกเมื่อกลับมาจากการพาน้องฝันไปตรวจร่างกายและพัฒนาการที่ศูนย์พัฒนาเด็กฯ  จำได้กับสายตาที่จับจ้องหาความผิดปกติของผู้รับฟัง  
        แล้วเรื่องที่จะพาน้องไปโรงเรียนล่ะคะ  
        ทอรุ้งต้องทำไม่สนใจกับข่าวฝากมา  ถามไถ่เพียงเรื่องราวของลูกศิษย์
        คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร  เพราะน้องฝันปรับตัวได้ดีมากขึ้นแล้ว  
        ท่ายังงั้นเทอมหน้า  น่าจะลองพาน้องไปโรงเรียนดูนะคะ  ทอรุ้งเสนอความคิด  
        กลัวแกจะโดนเพื่อนแกล้ง  
        คงไม่หรอกค่ะ  อย่ากังวลเลยเรื่องนั้นเลยค่ะ  เธอแย้ง  การที่น้องได้อยู่กับเพื่อนอายุรุ่นเดียวกัน  จะช่วยน้องได้มากกว่าหลายเรื่องนะคะ  
        น้องฝันเป็นแบบนี้  จะมีใครเล่นด้วยเหรอ  ปราชญ์ยังไม่วายกังวลไปทุกเรื่อง  
        คุณปราชญ์คะ  น้องฝันต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่นนอกจากครอบครัวด้วยนะคะ  ทอรุ้งยืนยัน  คุณจะเก็บน้องไว้อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้นะคะ  การปรับตัวเข้ากับคนอื่นและการยอมรับจากสังคมจะช่วยให้น้องมีความสุขนะคะ  
         ปราชญ์นิ่งมองก่อนจะตัดสินใจออกปากให้เป็นงานของครูทอรุ้งต่อไป

         เพราะยังไม่ดึกมากและไม่ใช่เวลาหลับตามปกติ  ทอรุ้งจึงค่อยๆ เดินเขยกไปนั่งทำงานที่โต๊ะเล็กๆ กับโน้ตบุ๊คตัวเก่ง  หยิบเอาแฟ้มรายงานพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของน้องฝันออกมาอ่านพร้อมกับพิจารณาผลการตรวจร่างกายและพัฒนาการจากศูนย์พัฒนาเด็กฯ   วางแผนที่จะจัดกิจกรรมต่อไปสำหรับไปเสนอให้กับผู้เป็นนายจ้าง   
         ดนตรี  เสียงเพลงช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของน้องฝันได้มากกว่าอย่างอื่น  และดูเหมือนเธอจะมีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย  คงเป็นเพราะลักษณะของเด็กออทิสติค  ที่มักจะมีความสามารถที่โดดเด่นเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งในขณะที่การเรียนรู้ด้านแทบจะไม่มีพัฒนาการหรือพัฒนาไปได้ช้ามาก  
        ม๊ะ  เพงๆ  เต้งๆ  
         เด็กน้อยมักจะเรียกร้องให้เปิดเพลงมากกว่า  ทันทีที่เข้า 'ห้องเรียน'   เธอต้องตามใจเพื่อให้นักเรียนได้มีสมาธิและพร้อมที่จะเรียนปนเล่น  ซึ่งแม่เลี้ยงสาวคนนั้นเคยพูดให้เธอได้ยิน
        "ไม่เห็นจะสอนอะไรนะคะ  วันๆ เห็นมีแต่เปิดเพลงฟัง  เขียนหนังสือยังไม่ได้สักตัว"
         "คงไปเร่งแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ"  เธอเคยอธิบายให้ฟัง
         "ลำบากหน่อยนะคะ  เพราะแกปัญญาอ่อนแบบนี้"
         เวลาไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อ  วัสสิกาจะพูดถึงอาการของน้องฝันด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง  ทอรุ้งเคยคิดสงสัยว่าต่อไปจะเป็นครอบครัวกันอย่างไร  หากฝ่ายที่เป็นแม่เลี้ยงมีความรู้สึกแบบนี้ต่อลูกเลี้ยง  ถึงเวลานั้นเธอเองก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว  
         หากจากการสังเกตอย่างใกล้ชิด  การพูดของน้องฝันก็เริ่มสื่อความหมายได้มากขึ้น  ด้วยการฝึกพูดช้าๆ  ควบคู่กับการบริหารลิ้นซึ่งเคยมีปัญหาเกี่ยวกับพงผืดที่ยึดลิ้นจนไม่สามารถพูดเปล่งเสียงได้ปกติ  เธอจึงต้องเรียนรู้ถึงการฝึกบริหารลิ้นให้น้องฝันควบคู่ไปกับการเรียนรู้ด้านอื่น  แต่ที่เธอรู้สึกแปลกใจที่น้องฝันไม่เคยเรียกเธอว่าครูเลย  
        อือ  ..พูๆ  มาๆ  เสียงเล็กๆ  ร้องขึ้นเบาๆ  
        ทอรุ้งหันไปมองตามเสียง  ที่แท้คงละเมอถึงหมาน้อยตัวโปรด  เธอลุกเขยกไปที่เตียงทรุดนั่งลงข้างๆ  ร่างบาง  ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ  แต่ดวงตาทั้งสองปิดสนิท  
        แว่วได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าเรือนหลังใหญ่   ทอรุ้งอดเหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กที่โต๊ะข้างเตียงไม่ได้  
        ...หมู่นี้ออกไปบ่อยจริง  ทิ้งลูกสาวซะแหละ...  
        นาฬิกาบอกเวลาที่ล่วงเลยไปจนลืมสังเกต  อีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืน  เธอคิดว่าคงได้เวลาพักผ่อนแล้ว  อาการขัดยอกจากการหกล้มวันนั้นยังไม่หายสนิทนัก
         ด้านนอกยังมีเสียงฝนตกพรำไม่ขาดสาย   ฝนตกมาตั้งแต่หัวค่ำ  อากาศเย็นผิดกว่าที่ที่เธอเคยอยู่  
        ปีนี้รู้สึกฝนจะเยอะกว่าปีก่อน  ป้าพรรณปรารภให้ฟัง    ก้อดีไปอย่าง  ส้มจะได้ไม่ต้องสูบน้ำมากนัก  แต่ก้อต้องบำรุงกันมากหน่อย  
         เธอไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็อาศัยป้าพรรณเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังจึงรู้กับเขาบ้าง  ผลผลิตจากสวนที่นี่จะถูกส่งไปจำหน่ายทางภาคกลางและส่วนหนึ่งมีใบสั่งจากมาเลย์เซีย  เขาแทบจะไม่ต้องรอราคาตลาดในประเทศ  รายได้ต่อปีนับว่าไม่น้อยทีเดียว  
          ...ติ๊ง...
          เสียงสัญญาณจากอินเตอร์เนตที่เธอต่อเข้ากับมือถือดังขึ้นเบาๆ  ดูเหมือนเป็นสิ่งที่เธอรออยู่  ทอรุ้งจึงเปลี่ยนใจที่จะเข้านอน  เธอค่อยพยุงตัวไปที่โต๊ะเล็กนั้นอีกครั้ง  
          ไม่ได้สังเกตแสงไฟจากห้องชั้นบนเรือนใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกับส่วนเรือนพักของเธอ  เงาร่างเจ้าของบ้านทาบทับกับม่านหน้าต่างห้องอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจปิดไฟก่อนที่เธอจะเข้านอน				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน