งานโกนจุก

สุชาดา โมรา

ในที่ไกล ๆ บ้านไกล ๆ เมือง  เวลาพระธุดงค์ผ่านไปทางนั้น  ชาวบ้านที่มีลูกหลานไว้จุก  ไว้แกละ  มักจะขอให้ท่านช่วยโกนผมให้เด็กเพื่อเป็นสิริมงคลเพราะจะพาไปวัด  วัดก็อยู่ไกล  ครั้นโกนเองก็ทำไม่ได้  เป็นธรรมเนียมและความเชื่อมาแต่โบราณว่า  ถ้าโกนผมให้เด็กเองแล้ว  เด็กจะบ้า  หรือสติไม่ค่อยดี  จึงไม่มีใครกล้าเสี่ยง
	ทางต่างจังหวัดจะจัดพิธีโกนจุกประจำปีกันที่วัดไหนบ้างไม่ทราบ  แต่ที่กรุงเทพฯ  และเมืองนนทบุรี  มีพิธีโกนจุกเด็กประจำปี  ทุกปีต่อเนื่องกันมานานแล้วไม่ได้ขาด
	แห่งหนึ่งคือโบสถ์พราหมณ์  ที่เสาชิงช้า  ข้างวัดสุทัศน์  เป็นแหล่งที่สำคัญ  เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีต่าง ๆ ของพระมหากษัตริย์ตลอดมา  พราหมณ์ทั้งหลายก็ถือเป็นข้าราชการมีเงินเบี้ยหวัดกันเหมือนข้าราชการทั่วไป
	ที่จริง  การโกนจุกที่โบสถ์พราหมณ์นั้นพอเอาเข้าจริง ๆ แล้วการทำพิธีนี้ก็หาใช่จัดขึ้นเพื่อโกนจุกลูกชาวบ้านโดยตรงไม่  ( สำหรับเจ้าฟ้า  เจ้านาย  ย่อมมีพระราชพิธีโสกันต์  และเกศากันต์ในวัง  และลูกผู้ดีมีเงินก็มักจะจัดกันตามบ้านตัวเองอยู่แล้ว )  งานโกนจุกโบสถ์พราหมณ์เป็นผลพลอยได้จากพิธีตรียัมปวาย  หรือพิธีเนื่องในวันปีใหม่ของพราหมณ์
	ในวันขึ้นปีใหม่พระเป็นเจ้าทั้งสามที่พราหมณ์นับถือจะลงมาเยี่ยมโลก  เมื่อขณะที่พระเจ้าลงมานี้  ถือเป็นวันมงคลจะทำการใด ๆ ก็ได้ทั้งสิ้น  แม้ตามทางบวกลบคูณหารจะว่าเป็นวันไม่ดีอย่างไร  แต่ในเมื่อมีพระผู้เป็นใหญ่ประทับเป็นมิ่งขวัญอยู่  สิ่งเลวร้ายใด ๆ ก็ย่อมไม่อาจเข้ามากล้ำกรายได้
	ในที่สุดจะเริ่มเมื่อรัชกาลใดไม่ทราบ  ระหว่างพิธียัมปวายนี้ก็เกิดผนวกเอาการโกนจุกโกนแกละ  ลูกหลานชาวบ้านเข้ามาร่วมด้วย  พ่อแม่ปู่ย่าตายายคนไหน  เห็นว่าลูกหลานถึงอายุหรือได้เวลาควรโกนจุกก็หอบลูกกันมาให้พราหมณ์ทำพิธีตัดจุกให้
	วันที่จะโกนจุกได้แก่  วันแรม 6 ค่ำ  เดือนยี่  ถ้าเทียบกับสมัยนี้คือต้น ๆ เดือนมกราคม  อย่างเช่น  ปีนี้ก็เพิ่งโกนไปเมื่อวันอังคารที่ 7 มกราคม  ( ปกติ  วันอังคารนั้นเขาถือเรื่องไม่ให้ตัดจุก  เพราะเป็นวันพระขันกุมารคอขาด  คราวจะตัดจุกคือพระนารายณ์ท่านได้เชิญให้ไปร่วมงานโกนจุกด้วย  แต่นอนหลับเพลิน ๆ ก็มีคนมาปลุก  ท่านนึกหงุดหงิด  จึงตรัสออกไปว่า  ไอ้ลูกหัวหาย  คือพูดส่งเดชด้วยอารมณ์  ทันใดนั้นหัวพระขันธกุมารก็หายไปจริง ๆ  ภายหลังต้องหาหัวมาต่อให้วุ่นวาย  จนไปได้หัวช้างมา  พลอยให้เรียกกันว่าพระคเณศจนทุกวันนี้  อย่างไรก็ตาม  ดังที่กล่าวแล้วว่าช่วงตรียัมปวายเป็นวันมงคลถึงจะโกนวันอังคารก็ไม่เป็นไร )
	งานโกนจุกที่จริงมี 2 วันคือ  ข้ามไปเย็นวาน  วันแรม  5  ค่ำเดือนยี่  ต้องพาเด็กเข้าฟังพระสวดมนต์เย็นก่อน  เลิกแล้วใครจะไปไหนก็ได้  บางคนก็กลับบ้าน  บางคนก็ต้องนอนที่นั่นเพราะมาไกล  จากหาดใหญ่  บางคนก็มาจากฉะเชิงเทรา  ยิ่งสมัยก่อนก็ต้องมาจากหลาย ๆ จังหวัดเพราะทางโบสถ์พราหมณ์มีบัตรและลงทะเบียนเอาไว้  ตั้งแต่ตอนบ่าย  พอจะค้นดูไว้สถิติที่เด็กมากันมากนั้นว่า  500-600  ก็ยังเคย  ลองเทียบดูกับ  79  คนของปีนี้แล้วก็คงเห็นแล้วว่าเด็กไว้จุกจะน้อยลงไปทุกที				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน