สารคดี : โรงสีชุมชน

สุชาดา โมรา

เมื่อสิ่งเหล่านี้หมดไปทำให้คนต่างจังหวัด  เริ่มอยู่อย่างตัวใครตัวมันมากขึ้น ความมีน้ำใจเริ่มหมดไป  ความเห็นแก่ตัวเข้ามาแทนที่  จากที่เคยอยู่กันอย่างเครือญาติ  อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่  ก็แยกตัวออกมาเป็นอิสระ ความเป็นญาติที่ใกล้ชิดกลับเป็นเพียงญาติห่าง  ๆ  ความรักความสามัคคี  การช่วยเหลือจุนเจือกัน  ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ลดน้อยลงจนเริ่มจางหายไปในที่สุด
	ในปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทกับสังคมของคนชนบททำให้สิ่งทั้งหลายเริ่มหายไป  แต่บางอย่างก็ยังคงอยู่  เช่น การขอแรงกันไปช่วยหุงข้าวทำกับข้าวในงานบุญต่าง  ๆ  ซึ่งยังมีปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน  ถือเป็นประเพณีที่ดีที่ควรอนุรักษ์ไว้และในงานบุญต่าง  ๆ  ในสมัยก่อน  ชาวบ้านยังไม่มีโรงสีข้าวเหมือนในปัจจุบัน  ชาวบ้านจึงต้องช่วยกันตำข้าวเพื่อให้เปลือกข้าวหลุด  เมื่อตำเสร็จแล้วจึงมาใสกระด้งฝัดให้เปลือกออก  และนำข้าวที่ได้มาหุงทำให้เกิดความสามัคคีในการร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน  แต่พอมีโรงสีข้าวขนาดใหญ่ทำให้ภาพความสามัคคีที่เกิดขึ้นในอดีตหายไป  จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
	จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในตำบลบางคู้เกิดความคิดที่จะอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าๆ  ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต      ทำให้เกิดโรงสีชุมชนขนาดเล็กที่ชาวบ้านหมู่    ๑๓    ตำบลบางคู้      ร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อสีข้าวให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงรวมทั้งบุคคลทั่วไปด้วย    ถือเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนสร้างความรักความสามัคคีและความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันของชาวบ้านให้เกิดขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง
โรงสีชุมชนแห่งนี้  จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่  ๑๕  กุมภาพันธ์  ๒๕๔๔  โดยการระดมหุ้นจากชาวบ้านในหมู่บ้าน  ได้ทุนในการดำเนินกิจการ  ๒๔๕,๐๐๐  บาท  และที่ดินที่ใช้ในการสร้างชาวบ้านต่างยินยอมยกให้ใช้จัดตั้งโรงสีชุมชน  เมื่อโรงสีสามารถดำเนินการได้ก็สามารถแก้ไขปัญหาต่าง  ๆ  ในหมู่บ้านได้ดี  เช่น  ปัญหาการขาดอาชีพ  เมื่อมีโรงสีทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการบริหารจัดการ  ปัญหาข้าวที่สีแล้วมีราคาแพง  ช่วยให้ชาวบ้านซื้อข้าวในราคาที่ถูกลงหรือใครจะนำข้าวของตนมาสีก็ได้แต่ทางโรงสีจะขอแกลบ  ปลายข้าว  รำข้าว  เอาไว้ขายเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย  เช่น  ค่าน้ำค่าไฟ  และใช้ในการดูแลรักษา  นอกจากนี้โรงสีชุมชนยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของตำบลบางคู้ด้วย 
นอกจากจะแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของคนในชุมชนแล้ว  โรงสีชุมชนยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอีกด้วยเพราะจะมีผู้ขอมาศึกษาดูจากงานเป็นจำนวนมาก
ต่อมาโรงสีชุมชนได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนชุมชนเพื่อสังคมเมื่อวันที่  ๑๔  มีนาคม  ๒๕๔๔  ในการปรับปรุงโรงสีชุมชนเป็นเงิน  ๒๕๐,๐๐๐  บาท  เพื่อเพิ่มกำลังผลิตและเพิ่มคุณภาพของการสีข้าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  และเมื่อวันที่  ๕  พฤศจิกายน  ๒๕๔๔  ได้รับงบสนับสนุนจาก  สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท  จัดสรรงบถ่ายโอนผ่านองค์กรปกครองท้องถิ่น เป็นทุนดำเนินการโครงการจัดซื้อข้าวเปลือกแก่โรงสีชุมชน เป็นเงิน ๓๔๐,๐๐๐ บาท  จากเงินส่วนนี้ทำให้โรงสีชุมชนมีทุนในการซื้อข้าวเปลือกมาสีขายให้กับชาวบ้าน
ข้าวเปลือกที่หาซื้อได้ก็ได้จากชาวบ้านในหมู่บ้านเพราะคนในตำบลส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลักทำให้มีข้าวที่ชาวบ้านนำมาสีเพื่อไว้เองหรือที่โรงสีชุมชนซื้อมาจากชาวบ้านเพื่อสีขาย  และซื้อข้าวจากนอกพื้นที่มาขายเช่น  ข้าวหอมมะลิ   ข้าวหอมกุหลาบ  เป็นต้น  มาสีขายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด
อย่างไรก็ตามโรงสีชุมชนก็ถูกสร้างขึ้นมาจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านเพื่อประโยชน์ของคนในหมู่บ้าน  เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนรวมทั้งสามารถสร้างอาชีพให้คนในชุมชน  ทำให้ความสามัคคี  ความมีน้ำใจ  ของคนต่างจังหวัดกลับมาเยื้อนจนทำให้เราสามารถรำลึกถึงบรรยากาศแห่งน้ำใจไมตรีได้อีกครั้งหนึ่ง				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน