ปาฏิหารรักข้ามมิติ ตอนที่ 2

สุชาดา โมรา

ใครจะเชื่อว่าจู่ ๆ ผู้บริหารและกองบรรณาธิการจะมีความเห็นตรงกันว่า น่าจะเพิ่มคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องแปลกพิศวง เรื่องเหลือเชื่อ ในหนังสือพิมพ์ไททรรศน์ทุก ๆ วันอาทิตย์ เพื่อดึงให้คนหันมาสนใจซื้อหนังสือมากขึ้น ซึ่งเรื่องแปลก ๆ มักจะขายได้เสมอ แม้จะอยู่ในยุคของการแข่งขันทางการตลาดที่สูงก็ตาม ยิ่งนำเสนอได้น่าตื่นตาตื่นใจ น่าพิศวงมากเท่าไร โอกาสที่ยอดขายจะเพิ่มขึ้นก็มีมากขึ้นเท่านั้น 
ชาตินักรบ พงศ์ไทย นักข่าวหนุ่มจากทีมข่าวอาชญากรรม ผู้มีความสามารถในการรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเด็นคดีได้น่าสนใจแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในทีมข่าวด้วยกัน เขาได้รับมอบหมายให้เป็นคนรับผิดชอบในการเขียนเปิดคอลัมน์นี้ก็เพราะเหตุนี้
ครั้งแรกที่ได้ยินข้อเสนอ ให้เป็นคนเขียนส***๊ปเปิดคอลัมน์ดังกล่าว ชาตินักรบคิดว่า การหาข้อมูลมาเขียนเรื่องแปลก เรื่องเหลือเชื่อคงไม่แตกต่างกับการหาข้อมูลมาเขียนข่าวอาชญากรรม มากนัก เป็นโอกาสดีเสียอีกที่จะเขาได้ลองฝึกเขียนงานแนวอื่นบ้าง เพื่อความก้าวหน้าในสายอาชีพนี้ เขาจึงตบปากรับคำคุณอดิศร เกริกหล้า หัวหน้ากองบรรณาธิการว่ายินดีรับเป็นคนเขียนเปิดคอลัมน์ให้
ครับผมจะรวบรวมข้อมูลและทำข่าวนี้ให้ดีที่สุด
คุณอดิศร เกริกหล้า ให้เวลาเขาหาประเด็นและเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนประมาณสองอาทิตย์ก่อนที่หนังสือพิมพ์จะเปิดคอลัมน์ดังกล่าว
ชาตินักรบ พงศ์ไทย เป็นนักข่าวอาชญากรรมหนุ่มไฟแรง เขามีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แววตาของเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ใบหน้าหวาน พร้อม ๆ กับความคมเข้มที่มองเห็นได้ชัดเจนเวลาที่เขาเดินไปไหนต่อไหน ใคร ๆ ก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นดารามาเดินเที่ยวที่ห้างฯ ต่างก็ต้องเข้ามาขอลายซงลายเซ็นกันยกใหญ่ ทำให้เขาเองต้องบอกปฏิเสธอยู่หลายครั้ง
อุ๊ย!!!! พี่บิ๊กดีทูบีขอลายเซ็นค่ะ
กรี๊ด.!!!!!!!!!!พี่ชาย ชาตโยดม ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ
พี่กิ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟ.วรรธนะ กัมทรทิพย์แน่ ๆ เลยเธอ เข้าไปขอลายเซ็นกันหน่อยเนาะ!!!!
ฉันว่าน่าจะเป็นพี่สันติภาพ สุวรรณพิมพ์แน่ ๆ เลย
แต่ฉันว่านี่พี่กิ๊ฟนะ
ฉันว่าพี่บิ๊กดีทูบี
เอ๊ะจะมาเถียงเอาอะไร ฉันว่านี่พี่ชาย ชาตโยดมต่างหากล่ะ
แต่ฉันว่าน่าจะเป็นเขต ฐานทัพต่างหากล่ะ
สาว ๆ ที่เข้ามาขอลายเซ็นของชาตินักรบต่างก็ถกเถียงกันใหญ่ว่าเขาเป็นดาราคนไหนกันแน่ เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คล้ายไปหมดทุกคน
หยุดดดดดดด!!!!!!
ชาตินักรบตะโกนดังลั่นห้างสรรพสินค้า ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเงียบจ๋อยไปตาม ๆ กัน
ผมไม่ได้เป็นดารงดาราหรอกครับผมเป็นนักข่าว ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือพิมพ์ไททรรศน์คุณก็จะรู้จักผม
ถึงจะไม่ใช่ดาราแต่พวกเราก็ขอลายเซ็นคนหล่อเลยละกันเนาะจริงไหมพวกเรา
ชาตินักรบจึงต้องหลวมตัวเซ็นลายเซ็นให้กับสาว ๆ พวกนี้อยู่เป็นประจำ เพราะเขาเองก็รู้ว่าคงจะปฏิเสธเด็กสาวพวกนี้ไม่ได้เพราะเขาเข้ามาลุมล้อมกันขนาดนี้ ถ้าจะฝ่าวงล้อมออกไปก็เกรงว่าจะน่าเกลียด
.
ในรอบสัปดาห์นี้มีข่าวที่น่าสนใจเกิดขึ้นหลาตามหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ อยู่หลายเรื่อง แต่มีข่าวอยู่สองข่าวที่ความสดใหม่และความน่าสงสัยของมัน ทำให้ชาตินักรบคิดว่าน่าจะลองออกไปหาข้อมูลมาดูก่อนเผื่อว่าจะเขียนเป็นส***๊ปข่าวเปิดคอลัมน์ได้ ซึ่งข่าวสองข่าวนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันสองวันนี้เอง
เหตุการณ์แรกเป็นอุบัติเหตุรถนักเรียนชนกับรถประจำทาง บนถนนสายจรัญสนิทวงศ์ จากลักษณะของการชนกันของรถ ผู้คนที่มุงดูต่างคาดคะเนว่าถ้าไม่มีคนตายเป็นจำนวนมาก ก็น่าจะมีคนที่บาดเจ็บสาหัสจำนวนไม่น้อย เพราะสภาพรถยับเยินไปทั้งคัน แต่เมื่อหน่วย***้ภัยและรถพยาบาลไปถึง กลับพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพียงสองคน ส่วนคนเจ็บนั้นกลับมีบาดแผลและบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่มีคราบเลือดปรากฏให้เห็นในที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก
ผู้รอดชีวิตหลายคนให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้เดินทางมาประสบเหตุและเขาคนนั้นเป็นคนโทรแจ้งไปยังหน่วย***้ภัยให้มาช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย ช่วงเวลาที่รอหน่วย***้ภัยและรถพยาบาลมารับนั้น ผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาผู้เคราะห์ร้ายทุกคน ใช้มือพลิกจับไปมาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพวกเขา เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ในขณะที่บุคคลดังกล่าวที่กำลังบาดเจ็บนั้นนอนร้องโอดครวญขอความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่ถูกชายคนนั้นสัมผัสตัว พวกเขาต่างรู้สึกมึนงง และหมดสติไปครู่ใหญ่ ในใจคิดว่าคงโชคร้ายซ้ำสองถูกผู้ชายคนนั้นวางยาเพื่อปลดทรัพย์แน่แล้ว
เมื่อฟื้นขึ้นมาชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ ที่กังวลว่าจะถูกขโมยไปนั้นยังอยู่ครบถ้วน ในขณะที่ความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากอุบัติเหตุกลับค่อย ๆ ลดน้อยลงไป ไม่รู้สึกเจ็บปวดทุรนทุรายเหมือนเคย บาดแผลที่ได้รับเหมือนจะมีขนาดเล็กลงไปด้วย เมื่อรออยู่ครู่ใหญ่หน่วย***้ภัยและรถพยาบาลจึงมาถึงที่เกิดเหตุและนำ พวกเขาส่งโรงพยาบาล
จากบันทึกประจำวันของตำรวจระบุว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์สองสามคนให้ข้อมูลสอดคล้องกับผู้รอดชีวิตว่า เห็นผู้ชายคนหนึ่งขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุ เมื่อเริ่มมีคนจอดรถเพื่อดูเหตุการณ์เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเอ่ยถามถึงป้ายทะเบียนรถที่ผู้ชายคนนั้นขับ ไม่มีพยานคนไหนบอกได้เลยว่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์ที่ชายอายุประมาณ ๒๕  ๓๐ ปีคนนั้นขับออกไปหมายเลขทะเบียนอะไร
ผมไม่รู้ครับ
ฉันไม่รู้ค่ะ มันคลับคล้ายคลับคลา ฉันจำได้แต่กางเกงของเขาและรองเท้าของเขาเท่านั้น
แล้วเขาใส่รองเท้าอะไร
รองเท้าหนังสีดำเป็นเงาราวกับจะส่องเป็นกระจกได้ เขาใส่กางเกงชเล็กสีดำฉันจำได้แค่นี้เอง
แล้วทรัพย์สินมีค่าของคุณหายไปหรือเปล่า
ไม่นี่ไม่
เมื่อผู้รอดชีวิตให้การว่าทรัพย์สินมีค่าที่ตนเองมีอยู่ในขณะเกิดเหตุไม่ได้สูญหายไป แต่อย่างใด ประเด็นความสนใจของตำรวจว่าชายคนนั้นอาจจะเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ที่เข้ามาลักทรัพย์ของผู้เคราะห์ร้ายก็หมดไป เหลือไว้แต่เพียงข้อสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นเข้าไปทำอะไรกับผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากตำรวจเจ้าของคดีลงความเห็นว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปคดี ข้อสงสัยนั้นจึงไม่ได้มีการสืบค้นเพื่อขยายผลแต่อย่างใด แต่สำหรับชาตินักรบนั้นข้อสงสัยนี้กลับเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก และยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งสองที่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต้นไม้ในสวนสาธารณะบริเวณใกล้ ๆ กับที่เกิดอุบัติเหตุหรือต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ พร้อมใจกันสลัดใบ และเ***่ยวเฉาลง หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุเพียงหนึ่งวัน
มีผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนให้ข้อมูลว่า ก่อนวันที่ต้นไม้จะพร้อมใจกันสลัดใบและเ***่ยวเฉาหนึ่งวัน ซึ่งตรงกับวันที่มีอุบัติเหตุรถชนกัน มีผู้ชายอายุประมาณ ๒๕ - ๓๐ ปีคนหนึ่งขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์มาจอดที่สวนสาธารณะ รูปพรรณสัณฐานของชายคนนั้น ชี้นำให้รู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับผู้ชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุรถชนกันในวันนั้น
ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าชายคนนั้นเขาเดินโซซัดโซเซออกจากรถมานอนเหมือนคนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมีคนเดินเข้าไปหาเพื่อที่จะดูอาการ จู่ ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมาและเดินกลับไปที่รถ ขับรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทะเบียนรถของชายคนนั้นล่ะครับหมายเลขอะไร ชาตินักรบเอ่ยถาม
ป้ายทะเบียน... ป้ายทะเบียนเหรอรถคันนั้นมีป้ายทะเบียนไหมนะเอไม่รู้สิแต่น่าจะไม่มีป้ายทะเบียนนะ 
นั่นคือข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับรถคันนั้นที่ชาตินักรบได้รับเพิ่มเติมมา
แทบจะหาจุดเริ่มต้นอะไรไม่ได้เลย สำหรับการค้นหาผู้ชายคนนั้น ไม่มีชื่อ ไม่รู้ป้ายทะเบียนรถ ผู้ชายคนหนึ่งที่ขับรถยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ คงมีเป็นพัน เป็นหมื่นคนในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดอื่น ๆ บางทีอาจจะเลยออกไปถึงเขตปทุมธานีหรือนครปฐมด้วยซ้ำชาตินักรบนึก
.
ช่วงขณะที่ต้องผจญกับภาวะรถติดในขณะที่เดินทางกลับที่พัก ชาตินักรบได้แต่ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้เขาจะคิดหัวข้อเรื่องที่จะเขียนบทความเรื่องพิศวงซึ่งเป็นการเปิดคอลัมน์ได้แล้วว่าน่าจะใช้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับความเจ็บปวดที่หายไป แต่ภายในใจก็ยังครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าความเจ็บปวดที่หายไป จะมีความน่าสนใจ ถึงขั้นเป็นเรื่องน่าพิศวง ที่จะนำมาเขียนในคอลัมน์จริง ๆ นะเหรอ...
มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากว่าในช่วงขณะที่ชายคนนั้นเข้าไปจับตัวผู้เคราะห์ร้ายทุก ๆ คนที่มีชีวิตอยู่ เขาอาจจะฉีดยาชาหรือทำการรักษาอาการเจ็บปวดให้ผู้เคราะห์ร้ายด้วยวิธีการแบบอื่น ๆ เช่น สกัดจุด หรือฝังเข็ม เพื่อให้ผู้เคราะห์ร้ายรู้สึกเจ็บปวดทุรนทุรายน้อยลง
แต่การฉีดยาชา การสกัดจุด หรือการฝังเข็มให้กับคนเจ็บทุกคนนั้นคงต้องใช้เวลาไม่น้อย ในสภาวการณ์ตามที่ได้รับข้อมูลมา ชายคนนั้นไม่น่าจะมีเวลามากมายถึงขนาดที่จะกระทำการใด ๆ อย่างนั้นได้ เพราะการฉีดยาชา และการฝังเข็มต้องมีอุปกรณ์ และต้องใช้เวลาในการเตรียมอุปกรณ์สำหรับคนคน ๆ หนึ่งพอสมควร
ในขณะที่การสกัดจุดนั้น ลักษณะบาดแผลของผู้เคราะห์ร้ายซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้การสกัดจุดแต่ละจุดเพื่อยับยั้งความเจ็บปวดนั้น คงต้องใช้เวลาในการค้นหาจุดแต่ละจุดพอสมควรเช่นกัน
บาดแผลที่มีขนาดลดลงไปอีกล่ะ จะอธิบายได้ว่ายังไง...แล้วการกระทำของผู้ชายคนนั้นในเหตุการณ์ที่สองมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แรกหรือไม่ ยังไง...ตอนนี้ชาตินักรบเองก็ยังหาคำตอบให้กับคำถามนี้ไม่ได้...
เบื่อรถติดชะมัด
กว่าชาตินักรบจะฝ่ารถติดมาถึงห้องพักได้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว เขาเปิดประตูห้อง เอื้อมมือกดสวิตช์ไฟข้างประตู เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อระบายอากาศ จากนั้นจึงเดินไปเปิดโทรทัศน์เพื่อให้เสียงและภาพของมันอยู่เป็นเพื่อน ถึงแม้ที่ห้องจะมีเครื่องเสียงอยู่ชุดหนึ่งก็ตาม แต่ชาตินักรบเองก็ไม่ชอบเปิดฟังมันมากนัก เพราะเวลาที่เปิดฟังมัน เขารู้สึกเหมือนกับต้องจมเข้าไปอยู่กับความรู้สึกภายในของตัวเองคนเดียวทุก ๆ ครั้งที่ปล่อยใจไปกับเสียงเพลงที่ได้ยิน
...อยู่กับตัวเองคนเดียวมันเหงาเหลือเกิน...ความรู้สึกนี้มันกลับเข้ามากระทบใจอีกครั้ง เมื่อไรเราจะสลัดมันไปได้ซะทีนะชาตินักรบนึกพร้อมกับแสดงสีหน้าซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
โทรทัศน์จึงเป็นสิ่งที่เขาเลือกเปิดมากกว่า เพราะมีทั้งภาพ ทั้งเสียง ให้ได้ยินได้ฟัง อย่างน้อยการมองดูชีวิตคนอื่นในโทรทัศน์ ก็ทำให้หลงลืมการอยู่คนเดียวไปได้บ้าง
ชาตินักรบเดินไปหยิบจานและช้อนที่หลังห้องมาใส่ข้าวกล่องที่แวะซื้อจากร้านปากซอย เปิดขวดน้ำรินน้ำใส่แก้ว พร้อมแล้วสำหรับการกินอาหารค่ำและการดูรายการโทรทัศน์
ใครน่ะใคร
เขารู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงตะโกนออกไปและรีบหันหลังกลับไปดูทันที แต่ก็น่าแปลกที่เขาเองกลับไม่เห็นอะไรเลย
ตายแล้วเขาจะเห็นเราไหมนะ แคนดี้นึกพร้อมกับลอยตัวไปยังหลังประตูห้องครัวก่อนที่ชาตินักรบจะหันมา หล่อนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขานั่งทานข้าวอยู่คนเดียวอยู่ครู่หนึ่ง ชาตินักรบก็อดนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับอาริซ่า อดีตคนรักที่เพิ่งเลิกกันไปไม่นาน เพราะงานที่เขาและเธอทำอยู่ทำให้แต่ละคนมีเวลาให้กันไม่ได้มากนัก ...ช่วงเวลาที่ได้นั่งทานข้าวกับเธอตอนนั้น สำหรับเขาแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแตกต่างกับตอนนี้มาก
ชาตินักรบคิดเรื่อยเปื่อยย้อนไปถึงสมัยที่เขายังอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัด ช่วงเวลาเย็น ๆ แบบนี้เป็นเวลาที่สมาชิกทุกคนจะมานั่งทานข้าวล้อมวงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เสร็จจากอาหารเย็นแล้วยังเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวใช้เป็นโอกาสในการพูดคุยปรึกษาหารือกันในเรื่องต่าง ๆ
เขาออกจากบ้านมาทำงานในเขตเมืองหลวงได้เกือบสามปีแล้ว นับตั้งแต่เรียนจบทางด้านหนังสือพิมพ์และการเป็นบรรณาธิการมาด้วยผลการเรียนที่ดีเยี่ยม แม้ว่าพ่อแม่จะคะยั้นคะยอให้เขาทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในตัวจังหวัด เพราะอยู่ใกล้บ้านก็ตาม แต่เขากลับเลือกที่จะมาสมัครทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอย่างสำนักพิมพ์ไททรรศน์ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีคนอ่านมากที่สุดและเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดมากกว่า.เพราะอยากจะมองเห็นโลกให้กว้างขึ้น และอยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่พิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น..เขาบอกตัวเองและคนในครอบครัวอย่างนั้น
ชาตินักรบมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้ฝนเริ่มตกลงมาแล้ว นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้โทรกลับบ้าน เกือบสองเดือนได้แล้วมั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง
เมื่อทานข้าวเสร็จ ชาตินักรบจึงยกจานและแก้วไปล้างและเก็บไว้ เขาเดินมาที่โทรศัพท์ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดหมายเลขลงไป สัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่สามสี่ครั้ง จึงมีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย
พ่อเหรอครับ เขาทักเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
เออ 
จะนอนหรือยังครับพ่อนี่ผมโทรมารบกวนหรือเปล่า
กำลังจะนอนแล้ว
เหรอครับ
มีอะไรหรือเปล่าเจ้าชาติ โทรมาซะดึกดื่น เสียงพ่อถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง 
ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะถามว่าที่บ้านฝนตกหรือเปล่า...แม่ล่ะครับเป็นยังไงบ้าง 
บทสนทนาดำเนินไปไม่ถึงห้านาที ชาตินักรบเริ่มรู้สึกว่าตนเองนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะถามไถ่พ่อแม่ไม่ออกแล้ว เขาจึงเป็นฝ่ายขอยุติการสนทนาขึ้นก่อน หลังจากที่วางสายเสร็จแล้วชาตินักรบจึงนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งให้กับพ่อแม่ได้รู้ สิ่งสำคัญนั้นก็คือประโยคที่ว่า...... คิดถึงนะครับ รักษาสุขภาพด้วย........

ใครน่ะใคร
เขายังคงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเขาทุกที เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนสวย แววตาเป็นประกาย ใบหน้ารูปไข่ แก้มสีชมพูระเรื่อ ปากเธอสวยราวกับกลีบกุหลาบสีชมพูอ่อน แต่งตัวราวกับเจ้าหญิงในชุดสีขาวประดับด้วยอัญมณีสีรุ้ง มีกำไลที่ข้อมือเป็นรูปมังกรขาว เธอมีปีกเป็นขนนกและเธอบินได้
นี่เธอเธอเป็นใครน่ะ เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง
ตายแล้วเขาเห็นเราได้ไงเนี่ย หรือว่าเขาจะเป็นแต่คงไม่ใช่หรอก มนตราเอาอาจจะเสื่อมลงก็ได้เพราะเราก็หายตัวมานานแล้วเหมือนกัน แคนดี้ตอบกับตัวเองในใจ
.แวบ..แคนดี้ลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับค่อย ๆ หายตัวไปกับผนังห้องที่เป็นสีขาวสะอาดตา
ชาตินักรบรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบขยี้ตาทันที เมื่อจ้องมองไปที่ผนังห้องก็มองไม่เห็นเธอแล้ว
สงสัยเราคงตาฝาดไปเอง เขาเอ่ยขึ้น
รุ่งชึ้น 
๐๙.๒๓ น. สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์
คุณอดิศรเดินมาถามชาตินักรบถึงโต๊ะทำงานว่าเขามีเรื่องที่จะเขียนเปิดคอลัมน์ให้หรือยัง เมื่อชาตินักรบเล่าถึงเรื่องที่เขากำลังจะทำให้ฟัง เขาได้รับความเห็นจากคุณอดิศรว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว เขาอยากรู้มากว่าชาตินักรบจะเขียนเรื่องราวออกมาในแนวไหน
ดี ๆ เอาเลยนะ คุณรีบไปเก็บข้อมูลมานะ แล้วถ้าเขียนเสร็จแล้วก็เอามาส่งผมที่ห้องด้วย

๐๙.๓๕ น. แฟลตแห่งหนึ่งที่ย่านบางกะปิ
ปาริชาติได้กลิ่นเหม็นมาจากห้อง ๔๐๗ ห้องพักข้าง ๆ ห้องของเธอมา ๒-๓ วันก่อนแล้ว กลิ่นเหม็นที่ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน หลังจากที่ทนเหม็นจนนอนไม่หลับมาตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ปาริชาติจึงตัดสินใจเดินมาเคาะประตูห้องนั้นเพื่อจะสอบถาม เจ้าของห้องว่าเก็บอะไรเหม็น ๆ ไว้ในห้อง หรือได้กลิ่นอะไรเหม็น ๆ ในห้องหรือเปล่า 
เมื่อปาริชาติยืนอยู่หน้าประตูห้อง ๔๐๗ จมูกของเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ทวีความรู้แรงเพิ่มมากขึ้น เหม็นมากจนแทบจะอาเจียนออกมา เธอกลั้นใจเอามือข้างหนึ่งอุดจมูกไว้ และใช้มืออีกข้างหนึ่งเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงเรียกเจ้าของห้อง
นี่คุณ..มีใครอยู่มั๊ย...มีใครอยู่หรือเปล่า ? 
เธอไม่มียินเสียงตอบรับกลับมา แม้ว่าเธอจะส่งเสียงเรียกเจ้าของห้องดังเพียงใดก็ไม่มีใครตอบรับกลับมาสักที 
ชั่วขณะที่มีความเงียบเป็นเสียงตอบรับ ปาริชาติได้ยินเสียงเหมือนคนพูดคุยกันเบา ๆ มาจากข้างในห้อง ใจเธอเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา เธอเคยรู้จักเจ้าของห้องนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...
เคยสิ...ดูเหมือนเขาจะชื่อทรงพล เธอเคยเห็นเขาอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งแล้วแต่โอกาส ว่าจะบังเอิญเปิดประตูห้องมาเจอกันตอนไหน เขาเป็นผู้ชายอายุยี่สิบต้น ๆ เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ท่าทางเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปไหนแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืนหรือวันหยุดก็ตาม ที่เธอรู้ก็เพราะว่าเธอมักจะได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงโทรทัศน์ดัง มาจากห้องข้าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว จำได้ว่าเธอเห็นเขาครั้งล่าสุด เมื่อ ๕-๖ วันที่ผ่านมานี่เอง หลังจากนั้นมาเธอยังไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกเลย
ความเงียบทำให้ความรู้สึกบางอย่างอย่างเกิดขึ้นในจิตใจ สมองของปาริชาติเริ่มนึกไปถึงข่าวต่าง ๆ ที่เธอเคยอ่าน หรือได้ยิน ได้ฟัง มาจากสื่อต่าง ๆ และเริ่มประมวลผลมันเข้ากับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
มีความเป็นไปได้ ที่น่าเชื่อถืออยู่มากทีเดียวว่าอาจจะเกิดเรื่องร้าย ๆ เรื่องหนึ่งขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของประตู เธอกลั้นหายใจ ตัดสินใจเคาะประตูห้องนั่นดูอีกครั้งหนึ่ง
ก๊อกก๊อกก๊อก
นี่คุณ ถ้าไม่เปิดประตูออกมา ฉันจะไปเรียกผู้ดูแลข้างล่างให้ขึ้นมานะ...คุณ...คุณ
ความเงียบยังคงเป็นคำตอบที่เธอได้รับกลับมาปาริชาติเริ่มมั่นใจในความคิดของเธอมากขึ้น เธอวิ่งลงจากชั้น ๔ ลงไปหาไสวผู้ดูแลอาคารที่ชั้นล่าง เล่าเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งข้อสงสัยของเธอให้เขาฟัง และร้องขอให้เขาเอากุญแจสำรองขึ้นไปเปิดประตูห้องของทรงพล
ไสวกดเบอร์โทรศัพท์ของห้องทรงพลขึ้นมาเพื่อสอบถาม สัญญาณดังอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย ไสวเองก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้เห็นทรงพลมา ๔-๕ วันแล้วเช่นกัน
ความสงสัยบวกกับเรื่องราวที่เขาได้ฟังมาจากปาริชาติ เชิญชวนให้เขาตัดสินใจเดินขึ้นมาข้างบนเพื่อหาข้อพิสูจน์
ตายไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้
ประตูถูกลงกลอนจากด้านใน แม้ว่าไสวจะใช้กุญแจสำรองไขเปิดลูกบิดแล้วก็ตาม กลิ่นที่เหม็นรุนแรง กับการคาดการณ์ซึ่งน่าจะมีเค้าความจริงอยู่ไม่น้อย ทำให้ไสวตัดสินใจพังประตูห้องของทรงพลเพื่อจะเข้าไปดูเหตุการณ์ ข้างใน
...ปัง....ประตูถูกกระแทกเข้าไป
กลิ่นเหม็นรุนแรงนั้นลอยเข้ามาปะทะจมูกจนสะอึก และสิ่งที่พวกเขาพบนั้นถึงกับทำให้ผงะด้วยความตกใจ 
ทรงพลเจ้าของห้องนอนตะแคง เป็นศพอยู่บนเตียง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกำลังรู้สึกเจ็บปวด มือข้างหนึ่งกุมอยู่บริเวณหน้าอก ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นไปเหนือศีรษะเหมือนกำลังพยายามจะไขว่คว้าหาอะไรบางอย่าง 
เมื่อมองตามทิศทางมือของทรงพลขึ้นไปจนสุดเขตสายตา เห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะติดกับผนังห้อง...โทรศัพท์นั่นเอง...เขากำลังพยายามจะหยิบโทรศัพท์
โทรทัศน์ในห้องนั้นถูกเปิดทิ้งไว้ สภาพศพบวมเป่ง มีคราบน้ำเหลืองเป็นวงกว้างให้เห็นบนฟูกนอน ภาพที่เห็นกับกลิ่นที่ได้รับ เกินความทนทานของจิตใจที่จะรับได้ ร่างกายของปาริชาติและไสวขับดันบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนขึ้นมาจากบริเวณช่องท้อง เพื่อลดความกดดันนั้นให้ลดลง
โอ๊ก..
โอ๊ก..
พวกเขาอาเจียนออกมาเกือบจะพร้อมกัน
ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีร่องรอยการฆาตกรรม หลักฐานที่ปรากฏไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้ตายฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ตำรวจซึ่งมาตรวจที่เกิดเหตุให้ความเห็นในเบื้องต้นว่า 
ผู้ตายอาจจะหัวใจวายตาย 
ชาตินักรบหยิบสมุดบันทึกของเขาขึ้นมา บันทึกข้อความลงไป
นางปาริชาติหญิงข้างห้อง และนายไสว ผู้ดูแลอาคาร พบศพนายทรงพลผู้ตาย ในห้องพักหมายเลข ๔๐๗ ย่านบางกะปิ... หลังจากที่ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ ๕ วัน... ก่อนผู้ตายจะเสียชีวิตคาดว่าน่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกอย่างรุนแรง และพยายามจะหยิบโทรศัพท์เพื่อติดต่อใครสักคนให้มาช่วยเหลือ แต่เขาทำไม่สำเร็จ หัวใจของเขาทำร้ายตัวเขาเองก่อนที่เขาจะบรรลุเป้าหมาย 
เสียงโทรศัพท์มือถือของชาตินักรบดังขึ้น หมายเลขที่แสดงทำให้รู้ว่าเป็นเบอร์ของคุณอดิศรหัวหน้ากองบรรณาธิการ 
ครับ หัวหน้า ชาตินักรบตอบรับ
จำเรื่องต้นไม้ที่สวนสาธารณะที่คุณพูดถึงได้หรือเปล่า 
มีอะไรเหรอครับ
ผมเพิ่งขับรถผ่านมาจากทางนั้น มีเรื่องอยากจะให้คุณช่วยเช็คดูหน่อย
ได้ครับ ผมเพิ่งทำข่าวเสร็จพอดี มีเรื่องอะไรเหรอครับ คงจะเป็นเรื่องด่วนน่าดู ไม่งั้นหัวหน้าคงไม่โทรศัพท์มาหาเขาทันทีแน่
...ผมเพิ่งเห็นต้นไม้ทุกต้นในสวน ผลิดอกผลิใบเต็มต้นเมื่อกี้นี้เอง.....
.หา.เขานึกในใจก่อนที่จะขับรถออกมา
๑๓.๔๕ น. สวนสาธารณะ บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์
ต้นไม้ที่สวน ผลิใบเต็มต้นทุกต้น เหมือนที่คุณอดิศรบอกจริง ๆ ถึงแม้ว่าต้นไม้จะมีเวลาฟื้นตัวของมันเอง แต่จากสภาพของต้นไม้ที่ปรากฏให้เห็นเมื่อคราวก่อน ไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่า ในเวลาเพียงสองวัน ต้นไม้ที่ลำต้นเ***่ยวเฉา กิ่งก้านไร้ใบที่แห้งและเปลือกแตกเหมือนขาดน้ำมานาน จะกลับมาสดชื่น และผลิดอกผลิใบได้เต็มต้นขนาดนี้ 
เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ พวกนี้?เขานึก ความสงสัยนี้ทำให้ชาตินักรบตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาราชพฤกษ์เพื่อนของเขาคนหนึ่งซึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ เพื่อสอบถามเรื่องบางอย่างทันที
ชาตินักรบรู้จักกับราชพฤกษ์ตอนไปเข้าค่าย ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่นครปฐม ชาตินักรบเรียนอยู่สื่อสารมวลชนคณะมนุษย์ ในขณะที่ราชพฤกษ์เรียนชีววิทยาอยู่คณะวิทยาศาสตร์ แม้จะอยู่ต่างคณะกันแต่กิจกรรมค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ทำให้ทั้งสองมีโอกาสได้มาพบกันเขาทั้งสองนอกจากจะถูกล้อเรื่องชื่อที่สื่อออกมาเพื่อแสดงความเป็นไทยแล้ว ตอนอยู่ในค่ายยังเป็นคนชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่น ๆ เหมือน ๆ กันด้วย ความที่มีอะไรเหมือน ๆ กันนี่เองทำให้ทั้งคู่ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา แม้จะกลับออกจากค่ายมาแล้ว
กระทั่งเรียนจบและชาตินักรบก็ตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ ในขณะที่ราชพฤกษ์เลือกที่จะทำงานเกี่ยวกับการดูแลต้นไม้ อยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์ที่เชียงราย ด้วยหน้าที่การงานของเขาทั้งสองจึงทำให้พวกเขามีโอกาสติดต่อกันน้อยลง
***ชาติเองเหรอวะ มีอะไรหรือเปล่าร้อยวันพันปี ***ไม่เคยเห็น***โทรมาเลย ราชพฤกษ์แปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ชาตินักรบโทรหาเขา เพราะชาตินักรบไม่ได้โทรหาเขามานานจนจะร่วมปีแล้ว...
ชาตินักรบเล่าให้ราชพฤกษ์ฟังถึงเรื่องต้นไม้ในสวนสาธารณะ และถามพฤกษ์ถึงความเป็นไปได้ที่ต้นไม้จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ภายในเวลาเพียงสองสามวัน หลังจากที่อยู่ในสภาพใกล้ตาย 
แปลกมาก นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาได้ยินจากราชพฤกษ์
ถ้าไม่แปลก***คงไม่โทรมาหา***หรอก ***คิดยังไงกับเรื่องนี้ 
***รู้สึกเหมือนกับว่า ต้นไม้มันเจ็บเหมือนคนใกล้จะตายอยู่แล้ว จู่ ๆ ก็มีปาฏิหาริย์มาทำให้มันหายป่วยกะทันหัน ยังไงยังงั้นเลยว่ะ
ต้นไม้เจ็บเหมือนคนใกล้ตายเหรอ เข้าใจเปรียบนะชาตินักรบนึก
...เดี๋ยวก่อน ประโยคหลัง***พฤกษ์แกพูดว่ายังไงนะ เหมือนมีปาฏิหาริย์ทำให้มันหายป่วย ยังงั้นเหรอ
ก็เออน่ะสิทำไมเหรอ
เดี๋ยวนะคนเจ็บไม่เจ็บอย่างที่ควรจะเป็น ผู้ชายท่าทางเจ็บหนักที่นอนสติอยู่ใต้ต้นไม้ที่จู่ ๆ ก็ลุกพรวดเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กับต้นไม้ที่หายป่วยอย่างกับปาฏิหาริย์ยังงั้นเหรอ
ใช่แล้ว ชาตินักรบคิดว่าเขาหาจุดเชื่อมของเรื่องทั้งหมดนี้ได้แล้ว
เฮ้ย! ขอบใจว่ะพฤกษ์ แค่นี้ก่อนนะ 
อ้าว เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ ***ชาติ ***ยังไม่ทันจะบอกอะไร***เลยนะ... ชาตินักรบวางสายไปเสียก่อนที่ราชพฤกษ์จะพูดจบ
***บ้าเอ๊ย โทรมาทั้งที โทรคุยกันแค่เนี้ยะ ราชพฤกษ์บ่นตามหลังมา
..
ชาตินักรบชายคนนี้จะนำพาเราไปหาผู้วิเศษ ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ มีพลังเหนืออำนาจใด ๆ ในโลกนี้ ดีไม่ดี ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนที่เรากำลังจะตามหาอยู่ก็ได้แคนดี้นึก
ใครน่ะใคร
ชาตินักรบยังคงรู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาสัมผัสได้และรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้นเขารู้สึกเหมือนถูกผีหลอก หรือไม่ก็มีคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันกลับไปเขาก็มองไม่เห็นอะไรเลย
มันก็น่าแปลกอยู่ที่คนเราจะสัมผัสและรับรู้กับบางสิ่งบางอย่างได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่เห็นตัวตนอะไรที่แฝงมากับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีดำคันนี้
สงสัยเราจะประสาทหลอน ชาตินักรบเปรยขึ้น
๑๙.๐๙ น
ชาตินักรบกลับถึงห้องเร็วกว่าปกติ เพราะไม่มีงานค้างที่สำนักงานที่ต้องทำให้เสร็จ ทำให้เขามีเวลาในการคิดทบทวนข้อมูลบางอย่างจากเหตุการณ์ทั้งสอง เหตุการณ์มากขึ้น
เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานภายในห้อง เปิดโคมไฟใช้แสงสลัว ๆ เพื่อให้มีสมาธิในการใช้ความคิดมากขึ้น เขาหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาอ่านข้อมูลต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ และหยิบคำสองคำที่บันทึกเป็นข้อสังเกตไว้ เข้ามาคิดประมวลร่วมด้วย...คำว่า ความเจ็บปวด และ ความเจ็บปวดที่หายไป 
เค้าร่างบางอย่างเหมือนจะเกิดขึ้นในห้วงคิด หากจะทำให้มันชัดเจนขึ้นคงต้องเขียนออกมาให้เป็นรูปร่าง เป็นตัวหนังสือ ชาตินักรบหยิบแผ่นกระดาษเปล่าขึ้นมาหนึ่งแผ่น ใช้มือเอื้อมไปหยิบดินสอมาไว้ในมือ และเริ่มลงมือเขียนความคิดของตัวเองออกมา
มีข้อสังเกตอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้บ้าง ชาตินักรบเริ่มใช้ความคิดผ่านสายตาและสมองของเขา
๑.ผู้ได้รับการบาดเจ็บอาการดีขึ้น หลังจากที่ นาย ก.( นามสมมติของชายคนนั้น ) เดินเข้ามาสัมผัสกับพวกเขา นาย ก. ย่อมมีความสัมพันธ์กับความเจ็บปวดที่หายไปของผู้ที่ได้รับความบาดเจ็บเหล่านั้น
๒.หลังจากที่นาย ก.ออกมาจากที่เกิดเหตุ ขับรถมาจอดรถที่บริเวณสวนสาธารณะ ขณะที่เดินออกมาเขามีอาการเหมือนคนไม่สบาย คำถามก็คือ อาการเหมือนคนไม่สบายของเขามาจากไหน ในขณะที่ข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่ได้ชี้นำให้เห็นว่า เขามีอาการเหมือนคนไม่สบายมาก่อนเลย
๓.มีความเป็นไปได้มากว่าอาการเหมือนคนไม่สบายของนาย ก. เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ไปสัมผัสกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นแล้ว 
๔.ถ้าการกระทำของนาย ก. มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความเจ็บปวดที่หายไปของผู้ที่ได้ รับบาดเจ็บ และอาการเหมือนคนป่วยของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่สัมผัสคนเจ็บแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า ความเจ็บปวดที่หายไปนั้นจะเข้ามาอยู่ในร่างกายของนาย ก.เอง 
๕.หลังจากที่นาย ก.นอนเหมือนคนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้แล้ว ครู่หนึ่งเขาจึงลุกขึ้นเดินกลับไปขึ้นรถเหมือนคนปกติ ไม่มีอาการเหมือนคนไม่สบายให้เห็น อาการเหมือนคนเจ็บของนาย ก.หายไปไหน รุ่งขึ้นต้นไม้ในสวนสาธารณะที่นาย ก.นอนอยู่จู่ ๆ ก็ทิ้งใบ ลำต้นเ***่ยวเฉา เหมือนคนเจ็บ อาการเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการกระทำของนาย ก.หรือไม่อย่างไร 
๖.ต้นไม้กลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างไรถ้าคำตอบสำหรับข้อสังเกตที่ ๒ คือ อาการเหมือนคนไม่สบายของนาย ก.มาจากความเจ็บปวดที่หายไปของผู้ได้รับบาดเจ็บ และข้อสังเกตที่ ๓ เป็นความจริง คำตอบดังกล่าวย่อมทำให้ข้อสังเกตที่ ๔ มีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้น
...แต่มันเข้ามาได้ยังไง...เขานึก
นอกจากผู้วิเศษแล้ว ก็คงจะไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก ชาตินักรบเอ่ยขึ้น
ผู้วิเศษ.!!!! เขาร้องเสียงหลง
ผู้วิเศษงั้นเหรอเขาคิด หรือว่าชายคนนั้นจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ อาจจะเป็นไปได้เพราะเรื่องคนที่มีพลังพิเศษเหนือคนอื่น ตอนนี้มีให้ได้ยินได้ฟังในสื่อต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
ถ้าสมมติให้ชายคนนั้นมีพลังวิเศษจริง คำตอบที่จะเติมคำลงไปในช่องว่างสำหรับคำถามที่ว่า ความเจ็บที่หายไปของนาย ก.ไปอยู่ที่ไหน คือ ถูกถ่ายโอนไปให้กับต้นไม้ใช่หรือเปล่าถ้าใช่ เมื่อต้นไม้กลับคืนสู่สภาพปกติ ความเจ็บปวดทั้งหมดหายไปไหน?แล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน และมีพลังนั้นได้ยังไงกัน?....
ชาตินักรบรู้สึกเหมือนกับว่า เขาวนกลับมาสู่คำถามเดิม ที่ตอบไม่ได้มาตั้งแต่ตอนต้น และตอนนี้เขากำลังต้องการใครสักคน มาช่วยให้ความกระจ่างกับเขา
ใครใครน่ะใคร
เขายังคงรู้สึกเหมือนเดิม รู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังยืนอยู่ที่ข้างหลังเขา เมื่อเขาเอนตัวพิงเก้าอี้และเงยหน้าขึ้นมองบางสิ่งบางอย่างนั้น เขาก็ต้องตกใจกับผู้หญิงมีปีกคนนั้น คนที่เขาเห็น
นี่คุณ!!!! 
เขาถึงกับร้องเสียงหลงทีเดียว เมื่อเขาหันเก้าอี้กลับมาผู้หญิงมีปีกคนนั้นก็หายไป
นางฟ้านางฟ้าเหรอ หรือว่าผีหลอกกันแน่ เขาเอ่ยขึ้น สงสัยว่าเราจะทำเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพิศวงมากจนเกินไปทำให้ตาฝาดเห็นเป็นนางฟ้า หรือเทพธิดาที่โบยบินมาในห้องรก ๆ ของเรา
ใครว่ารกล่ะ ชาตินักรบ ห้องออกจะสะอาด เราอุตส่าห์เก็บให้จนสวยงามแบบนี้ยังจะว่ารกอีกเหรอ
เสียงนี้ถึงกับทำให้ชาตินักรบสะดุ้งพร้อมกับกวาดสายตามองหาเจ้าของเสียงนั้น แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลยแต่สิ่งที่น่าแปลกที่สุดคือห้องของเขาทำไมถึงสะอาดได้ถึงเพียงนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อาริซ่า!!!!!! เขาเอ่ย เพราะเขาคิดว่าคนที่มาเก็บห้องให้เขาน่าจะเป็นอดีตคนรักเก่าของเขาเป็นแน่				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน