ลำนำ "ความรัก"

แดดเช้า

เมื่อความรักโบกมือไหวๆ เรียกที่ปลายฟ้าสีทองส่องสว่างพร่างตา
ใครเลยจะไร้ซึ่งศรัทธา ... บันดาลใจ และแรงมุ่งหวัง
ฝันอันกระจ่างย่อมอยู่มิห่างไกลหัวใจผู้ได้รับการทักทายจากสายรัก
บนคืนวันที่เหน็บหนาว ร้าวราน แทบภินท์พังกับความเดียวดายกรายล้อมรอบกาย
ความรักเสกประกายฉายแสงอุ่นคุ้นเคยเป็นผ้าห่มปกคลุมให้คลายหวั่น
ใครเลยจะไม่ฝันถึงความหอมหวานแห่งวารวันอันงดงาม
บนคืนวันที่ร้อนระอุ แล้งร้าย อบอ้าว เคล้าด้วยความเหงาเศร้าตรมระทมกล้ำกลืน
ความรักหยิบยื่นปัดเป่าสายลมพรมน้ำทิพย์หยิบคำปลอบมอบเป็นกำนัล
หัวใจของใครเลยจะเฉยเมยไม่เปิดกว้างกระจ่างเผยเชยชื่นพร้อมรับ
เมื่อดอกไม้กรุ่นอุ่นฝันบานแย้มแต้มสีสันในอรุณอุ่นแห่งวันใหม่
ความรักนฤมิตความชื่นใจเป็นผีเสื้อปีกสวยกรายบินผินมาชมมวลดอกไม้
ดูดดื่มความอบอุ่นคุ้นเคยจากเยื่อใยเกสรดอกไม้ด้วยความดื่มด่ำอย่างเหลือประมาณ
หัวใจของใครเลย ... จะทนเฉยชาไม่แย้มยิ้มอิ่มใจไปกับสิ่งกำนัลอันเลอค่า ณ แดนสรวงแห่งสวนสวรรค์
โอ้ ... อานุภาพแห่งความรัก จักรวาลสานผืนหล้า แผ่นฟ้า หาดทราย สายลม ห่มห้อมคืนวันของมวลสรรพสิ่งเอาไว้
ภายใต้ความอบอุ่นแห่งรัศมีตะวันและนวลทองเย็นเบาแห่งจันทร์พราว
หากหัวใจ "ผู้รับ" ความรักยังคงโหยหา และเรียกร้องเกินไปนัก
ความรักจักต้องโบกมือจากลาไปไกลแสนไกล
ความรักมักอยู่ภายใต้ความดีงามแห่งการเป็นผู้ให้สรรพชีวิต
นอกเหนือดวงจิตดวงใจใดๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น
แผ่นดินโอบร่างหลังปลิดดวงจิตออกจากกาย
แผ่นฟ้าคุ้มครองลมหายใจในห้วงแห่งชีวิต
หากคิดเพียงแต่จะรับ มุ่งหมายทะยานอยากปรารถนา
ฟ้าฤๅดินย่อมสิ้นเมตตาแก่ดวงจิตอันกระหายอยากอันไร้ขีดจำกัด
และแล้ว ... ถ้าในสักวัน 
ความรักหนักแน่นของแผ่นดิน อ่อนโยนเพียงพิณบรรเลงเพลงฟากฟ้า 
ขับร้องทำนองประสานแห่งกระพริบระยิบดาวเดือน ปกป้องแกร่งเข้มเต็มดวงตะวัน พลันโบกมือลาลับกลับคืนสู่สุดปลายฟ้า
หัวใจเจ้าเอย ... ใครเลยจะไม่พรึงพรั่นสั่นสะท้าน สะท้อนห้วงอกสะทกหวั่นไหว
บนคืนวันที่แสนอบอ้าว เหงา เคล้าซึมเซื่อง เงื่องหงอย โศกระทมตรมเศร้า
ความรักหายหน้าไปพร้อมกับสายลมแผ่วเบา เย็นชาคล้ายไร้หัวใจรู้คิดรู้สึกรู้ชมรู้ชื่น
หัวใจของใครเลยจะไม่ปวดร้าวยิ่งยวดไปกว่าเดิม
เมื่อดอกไม้ผลิกลีบบาน แต่ไร้ความรักชื่นชมยินดี 
สาดถักทอแสงสีแห่งกลีบดอกไม้จะมีค่าเทียบเท่าอันใด
นอกเสียจากความสิ้นไร้อารมณ์ เยือกเย็นเร้นลึกให้รู้สึกพรั่นพรึง 
ในยามอุษาสางสว่างฟ้า ความรักโบกมือลาไม่มาทักทาย
แสงแรกแห่งตะวันฉายจะมีความคุ้นค่าใดเหลืออยู่บ้าง 
นอกเสียจากความแตกต่างระหว่างวัน กับมวลสรรพสิ่งชีวิตรู้คิดแปลกแยกแผกผิดจากกันโดยสิ้นเชิง
สัมพันธภาพทาบโยงแห่งโค้งฟ้าย่อมไร้ความหมายใด  เนื่องไร้อานุภาพแห่งรักคอยเชื่อมผูกพัน
การณ์เป็นเช่นนี้แล้ว .... ห้วงดวงใจใครเลยจะไม่รู้สึกแห้งโรยระโหยหา
รักษาความรักไว้ให้แน่นแฟ้นกับผืนโลกอันสุกสกาวด้วยดาวพราวพริบเพริศ แสงเลิศเลอแห่งจันทร์นวล ผืนหล้าและแผ่นฟ้าทั้งมวลจะผนวกความดีงามกลางท่ามห้วงใจของใครๆ
รักษาความรักไว้ให้แนบแน่นกับผืนฟ้ายามอรุณสาง เพื่อสร่างบรรเทาความเหงาให้จางกระจาย และคล้ายปลูกต้นกล้าแห่งความฝันให้พลันงอกงาม
รักษาความรักไว้ให้แน่นหนากับผืนหล้า ดินอุ่นละมุน ละเมียดละไมอันเป็นสายธารหล่อเลี้ยงสวนแห่งสวรรค์งามล้ำเกินคำบรรยาย ด้วยมีความรักเป็นผู้จุดประกายชีวิตสถิตมั่นอยู่กับสรวงดอกไม้ให้ไหวเคลื่อนเลื่อนไหลไปตามทำนองของชีวิต
เพื่อความสราญสุข ปลุกแรงบันดาลใจ ไขคำถามไถ่ทวงความเป็นจริงในห้วงแห่งความคำนึงอันซึ้งซาบ
เพื่อความเปรมปรีดาและรอยยิ้มอันชื่นมื่นของใครต่อใคร
อย่าให้ความรักโบยบินหายไปไหน ... ขอให้ความรักอยู่กับโลกและใครๆ ชั่วนิจนิรันดร์
เพื่อความสราญและรอยยิ้มอันชื่นมื่นของใครต่อใคร
วอนขอให้ช่วยกันรักษาความรักเอาไว้ .... ชั่วนิจนิรันดร์				
comments powered by Disqus
  • pong

    8 กันยายน 2550 14:44 น. - comment id 97493

    8.gif16.gif7.gif6.gif5.gif4.gif3.gif11.gif12.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน