เพลงรัก เพลงละคร ตอนที่1

เก่งกาจ

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อยาหยี บ้านฉันอยู่ที่หมู่บ้านสายลมและแสงดาว ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลป์ แห่งหนึ่ง คณะศิลปกรรม เอกการละคร แต่ฉันก็รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ และมีเพลงโปรดที่มักเล่นเสมอ นั่นคือเพลง First Love 
	สมัยเด็ก ๆ เวลาเช้าก่อนไปโรงเรียนฉันจะมาเล่นเพลงนี้เสมอ  และหลังจากกลับจากโรงเรียน ฉันก็จะได้ช็อคโกแล็ตแท่งหนึ่ง  แต่หากวันไหนฉันไม่เล่นเพลงนี้ฉันก็จะไม่ได้รับช็อคโกแล็ต
	ฉันอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่มาให้ช็อคโกแล็ตกับฉันทุกวันอย่างนี้ เขาคงเป็นเด็กชายแน่เลย นึกแล้วฉันก็แอบหลงรักเขาเข้าให้แล้ว  นี่กระมังที่เรียกว่ารักแรกของฉัน
	รักแรกของฉันกำลังจะถูกลืมค่ะ เพราะมีชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต จะเป็นใครนั้นขออุบไว้ก่อน
	ขอพูดถึงเพื่อนสนิทของฉันก่อนแล้วกัน เขาเป็นผู้ชายค่ะ มีชื่อว่าโดม 
	ในความคิดของฉันฉันคิดว่าโดมเป็นคนที่หละลอยไปวัน ๆ ไม่มีแก่นสาร สมัยเขาเป็นเด็กเขาก็รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ เขาเก่งนะค่ะเขาสามารถแต่งเพลงได้ตั้งแต่อายุ สิบสองขวบ เพลงแรก และเพลงเดียวในชีวิตของเขา คือเพลง First Love ที่ฉันมักแอบขโมยมาเล่นอยู่เสมอ จนได้รับช็อคโกแล็ตจากชายหนุ่ม
	แต่วันหนึ่ง 
	ฉันให้แกโดมกล่าวกับฉันพลางยื่นโน้ตเพลงFirst Love ให้
	ฉันรับมาแล้วพูดว่า
	ให้ฉันจริง ๆหรือฉันกล่าวพลางยิ้มดีใจ กอดโน้ตนั้นไว้แน่น
	ก็ใช่นะสิ แต่แกต้องสัญญานะหยี ว่าแกจะไม่บอกใครว่าฉันเป็นคนแต่งเพลงนี้โดมกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมเดินผละไป
	ฉันอยากจะถามเหตุผลว่าทำไม แต่ไม่กล้า ได้แต่มองตามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
	ตอนนี้ฉันจะพูดถึงชายหนุ่มที่ทำให้ฉันลืมรักแรกไปสนิท ชายคนนั้นเขาชื่อกริช เป็นนักศึกษาคณะศิลปกรรม ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาค่อนข้างเงียบขรึม ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาค่ะ เพราะเขามีแฟนอยู่แล้ว เธอคนนั้นมีนามว่าเค้ก เป็นดาวคณะของคณะศิลปกรรมมหาลัยเดียวกับกริช  เธอค่อนข้างเรียบร้อย และดูเหมาะสมดีกับกริช  ทั้งคู่เข้ามาพัวพันในชีวิตฉันได้อย่างไรหรือค่ะ เพราะพวกเขามาช่วยพี่กุ๊กซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีหก คุณคงแปลกใจว่าทำไมพี่กุ๊กถึงเรียนตั้งหกปี เพราะพี่กุ๊กไม่ผ่านวิชาโปรเจคเสียที คือพวกเขามาช่วยพี่กุ๊กแสดงละครของรุ่นปีสี่ในมหาวิทยาลัยฉัน
	
เข้าเรื่องกันเลยนะ
	ที่บ้านของยาหยีทุกเช้ายาหยีจะต้องโทรไปบ้านของโดมเพื่อปลุกโดมให้ไปเรียน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นถี่ โดมยังงัวเงีย เอามือไปขวานหาโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
	ฮัลโหล โทรมาทำไม คนกำลังจะนอนโดมบ่นงึมงำ เหมือนรู้ดีว่าเป็นยาหยี
	สายแล้วนะแก รีบไปเรียนด้วยละ แล้วอย่าโดดเด็ดขาด เพราะวันนี้มีประชุมชมรมละครยาหยีรัวพูดเพราะกลัวเพื่อนจะวางสาย
	เออๆ รู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม...เขาพูดจบก็วางสายทันที
	เดี๋ยว....ยังไม่ทันที่ยาหยีจะพูดต่อไป เพื่อนเธอก็กดวางสายทันที
	ไอ้บ้าเอ๊ย วางเสียแล้ว ยังพูดไม่จบเลยยาหยีบ่นกับตนเอง เธอวางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปที่มหาลัยตามความเคยชินของเธอ หยีรีบปั่นจักรยานอย่างรวดเร็ว เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว
	หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีเธอก็มาถึงมหาวิทยาลัย เธอเอารถไปจอดที่ตรงที่เขาจัดไว้ให้จักรยาน 
	จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องเรียนทันที  เธอใช้เวลาวิ่งไม่ถึงสองนาทีก็มาถึง
	หยีหยุดยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมหายใจแรงเพราะวิ่งมาเรียนรู้สึกเหนื่อยมาก
	ในห้องอาจารย์ยังเขียนหนังสือบนกระดาน โดยไม่ทันสังเกตว่า หยีที่กำลังแอบย่องเข้าห้องเรียน 
	เธอหันซ้ายแลขวา ว่ามีที่ตรงไหนว่างจากนั้นก็นั่งลงอย่างรวดเร็ว 
	หลังจากนั้นเพียงเสี้ยวนาที อาจารย์ก็หันมาแต่ไม่ทันสังเกตอยู่ดี อาจารย์ก็สอนตามปกติ หยีถอนหายใจอย่างโล่งอกที่รอดจากถูกอาจารย์ตำหนิว่ามาสาย
	 เธอนั่งเรียนอยู่ในห้องนานประมาณหนึ่งชั่วโมงแต่ จนแล้วจนรอดเพื่อนชาย หรือนายโดมก็ไม่ยอมมาเสียที เธออารมณ์เสียกับความหละลอย และไม่รับผิดชอบของเพื่อนมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นเพื่อน คิดดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาโดมทันที
	ที่บ้านของโดม เสียงโทรศัทพ์ดังขึ้น โดมได้แต่เอามือปิดหูไม่อยากได้ยินแต่ไม่เป็นผล เสียงโทรศัพท์ยังคงดัง เพื่อตัดความรำคาญเขาจึงรับโทรศัพท์เพื่อนทันที
	ไอ้โดม เมื่อไหร่แกจะมามหาลัย สักที วันนี้มีประชุมชมรมนะหยีรัวใส่เพื่อนทันที อย่างอารมณ์เสีย
	เออ.. เดี๋ยวตามไป เลิกโทรมาเสียทีได้ไหมจะนอนพูดจบโดมก็วางสายไปทันที ไม่รอให้เค้กพูดต่อ
	เดี๋ยวสิไอ้โดม ไอ้โดมหยีหงุดหงิดโยนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าทันที 
หลังจากนั้นไม่นานก็หมดชั่วโมงเรียน หยีตรงไปที่ห้องประชุมทันที แต่ที่นั่นไม่มีใคร ในห้องประชุมชมรม เป็นเวที และบนเวทีมีเปียโนตั้งอยู่ ตอนนั้นหยีเห็นไม่มีใคร เธอเดินไปที่เปียโน แล้วนั่ง จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงโปรดของเธอ เพลง First Love
	ทางด้านชายหญิงคู่หนึ่ง ก็เดินตรงมาที่ห้องประชุมชมรมละคร ของมหาวิทยาลัยที่หยี ศึกษาอยู่ ชายและหญิงคู่นี้ มีนามว่ากริชกับเค้ก   เมื่อพวกเขามาถึงที่ชมรม ก็จะเดินเข้าไปที่ห้องประชุม หากแต่กริชก็นึกอะไรออก เขาหันมาพูดกับแฟนสาวซึ่งพึ่งคบหากันไม่นาน
	เค้ก เราลืมของ เค้กเข้าไปก่อนนะ   เดี๋ยวเราตามไปจากนั้นกริชก็วิ่งออกไป เค้กมองตามแล้วยิ้ม
	เค้กนั้นเริ่มคบหากับกริชไม่นาน เธอจำได้แม่นยำว่า เธอและกริชเริ่มคุยกันครั้งแรกเมื่อไร ในตอนนั้นของวันหนึ่งเป็นวันที่เธอต้องสอบร้องเพลง เธอได้นำเพลง ๆหนึ่งมาร้องไห้อาจารย์ฟัง ซึ่งเธอก็ไม่เคยทราบว่าใครเป็นคนอัดเทปส่งมาให้เธอ  
	เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธออายุสิบสอง วันนั้นวันที่เธอจะย้ายออกจากบ้าน มารดาของเธอก็เดินมาหาเธอพร้อมตลับเทปกล่องหนึ่ง แล้วพูดว่า
	เค้ก มีคนส่งของมาให้ลูกจ๊ะแม่กล่าวพลางยื่นกล่องนั้นให้เค้ก
	อะไรหรือค่ะเค้กยิ้มให้แม่   พร้อมรับกล่องนั้น
	ไม่รู้สิ เค้กลองเปิดดูสิแม่เธอกล่าว พร้อมลูบหัวลูกอย่างเอ็นดู
	เค้กค่อยๆแกะกระดาษห่อของขวัญออก  จากนั้นเธอก็เปิดว่าในนั้นเป็นอะไร มันคือตลับเทปนั่นเอง
	ตลับเทปอะไรนี่เค้กบ่นพึมพำกับตนเอง
	หญิงสาวไม่รอช้าเดินไปที่วิทยุ พร้อมใส่ตลับเทปลงในวิทยุ จากนั้นก็กดปุ่มเล่นเสียง  
	ไม่นานก็มีบทเพลงหนึ่งดังขึ้น มันมีแต่ทำนอง แต่ไม่มีคำร้อง เล่นด้วยเปียโน  เพลงนั้นเป็นเพลงช้า ให้ความรู้สึกถึงความตั้งใจของคนให้ อย่างบอกไม่ถูก 
	จากนั้นเธอก็เห็นว่าเพลงนี้ไม่มีคำร้องเธอจึงแต่งให้เข้ากับทำนองเพลงอันไพเราะ และอ่อนหวานนั้น เธอได้รับข้อความที่มาพร้อมกับกล่องของขวัญนั้นว่า
	อาจเป็นเพลงที่มีคนเดียวสนใจฟัง แต่หัวใจก็ยังตื้นตัน เพราะรู้ว่าคนนั้นคือเธอ
	เธออ่านข้อความข้างล่างมาอีก
	Fisrt Loveเธออ่านออกมาเบา ๆ พร้อมยิ้มออกมา
	ในใจอยากรู้ที่สุดว่าใครเป็นคนส่งมาให้ เขาคนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถึงได้มอบสิ่งที่มีค่านี้ให้กับเธอ
	เธอได้แต่เฝ้ารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ  
	และยิ่งรู้สึกอย่างนั้นมากขึ้น เพราะเพลงนี้ ทำให้เธอได้พบกับใครคนหนึ่ง ซึ่งก็คือคนที่เธอคิดว่าเป็นรักแรก และครั้งเดียวของเธอ  
	เขาคือกริชนั่นเอง 
	วันนั้นเธอจำได้ว่าต้องสอบวิชาดนตรีสากล เธอได้ร้องเพลงนี้ให้อาจารย์ได้รับฟัง เธอจำได้ว่าตั้งแต่อยู่มหาลัยเดียวกับชายหนุ่ม เขาไม่เคยพูดกับเธอสักคำ 
	เขาเป็นคนค่อนข้างเงียบขรึมในความคิดของเธอ 
	แต่เมื่อวันนั้น ทันทีที่เขาได้ฟังเธอร้องและเล่นเพลง First love
	เขาก็ได้เขามาพูดกับเธอด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป เธอรู้สึกได้ว่าเขาให้ความสำคัญและสนใจเธอมากขึ้น จนน่าประหลาดใจ
	เขาเริ่มไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยๆ เช่น นัดกินข้าว ไปดูหนังเมื่อวันหยุดมาถึง วันหนึ่งขณะที่เรากำลังเล่นเปียโนเพลง First love ซึ่งเป็นเพลงที่ทั้งเธอและเขาต่างชอบที่สุด
	เขาก็ร้องเพลงให้เธอที่แสดงความจริงใจ เพลงที่เต็มไปด้วยความหมาย และสุขใจนั้นจนไม่สามารถบรรยายได้ว่ามันวิเศษสุดแค่ไหน มันเป็นเพลงที่เธอแต่งคำร้อง ไปในเพลง
	ที่รัก โปรดอย่ารู้สึกว่าเพลงนั้นก็แค่เพลง  เพราะรักของเรามันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง  แม้มือฉันเองจะคว้าดวงดาวที่เธอปรารถนาไม่ได้   แต่มือเดียวนี้มีสิ่งมีค่ายิ่งกว่าดวงดาวนั่นคือบทเพลงแทนใจ   ที่รักเมื่อใดที่บทเพลงนี้บรรเลง ลองฟังสิ เธอจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่ร่ำร้อง โอ้ที่รัก ฉันไม่เคยรู้เลยว่าการที่ได้รักใครสักคน จะมีความสุขแค่ไหน จนเมื่อได้พบเธอ รักแรกของฉัน เขาร้องประโยคสุดท้ายขอเพลงพร้อมหยุดเล่น แล้วมองเธอด้วยสายตาที่มีความหมาย
	ฉันรักเธอกริชกล่าวพร้อมยิ้มให้ 
	จากนั้นเขาก็ค่อย ๆโน้มตัวเอาใบหน้าของเขาใกล้ใบหน้าของหญิงสาว ๆช้า
	เค้กเหมือนตกอยู่ในภวังค์  ชายหนุ่มค่อย ๆบรรจงจูบหญิงสาวอย่างนุ่มนวล  หญิงสาวยอมรับจูบแห่งรักนั้นโดยไม่ขัดขืนสักนิด
	หลังจากวันแห่งความหมายนั้น เค้กและกริชก็คบกันเรื่อยมา ทั้งสองรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
	หลังจากที่เค้กคิดถึงอดีต ก็พบว่าเธอมาถึงห้องประชุมห้องเดียวที่ หยีกำลังเล่นเปียโนอย่างเพลิดเพลิน 
	ที่ห้องประชุมหยีตั้งใจเล่นเปียโนโดยไม่สนใจเค้กที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ เค้กรู้สึกคุ้นกับเพลงนี้ เธอเข้าไปนั่งในห้องประชุมนั้น 
	หลังจากที่หยีเล่นจบ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น หยีหันไปตามเสียงนั้น เธอเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งยิ้มมาให้เธออย่างเป็นมิตร
	ขอโทษค่ะเค้กกล่าว พลางโค้งตัว เธอยิ้มแหย ๆ ก่อนพูดว่า
	คือฉันกับเพื่อน คือคนที่พี่กุ๊กชวนมาเพื่อช่วยละครของคณะน่ะค่ะเค้กกล่าว
	อ๋อ ค่ะ แต่ว่าตอนนี้พี่กุ๊กยังไม่มาหยียิ้มและกล่าวอย่างเป็นมิตร
แล้วเพื่อนคุณอยู่ไหนคะหยีถามต่ออย่างสงสัยทันที พลางมองหาเพื่อนเขา
	เรียกเราว่าเค้กก็ได้ เพื่อนเราลืมของ เขากำลังไปเอา เดี๋ยวจะตามมาเค้กอธิบายพลางยิ้มให้เช่นเคยจากนั้นเธอจึงชวนคุย
	เพลงเมื่อกี้ เธอแต่งหรือเค้กเอ่ยถาม พร้อมเดินมานั่งใกล้ ๆ หยี
	หยีนึกถึงคำพูดที่เคยพูดกับโดม ที่เคยสัญญากับโดมไว้ เธอจึงคิดก่อนตอบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจบอกไปว่า
	จ๊ะ ฉันแต่งเพลงนี้เองหยีกล่าวพลางหลบตาเค้ก เหมือนไม่อยากให้รู้ว่าโกหก เค้กไม่สนใจ เธอยิ้มแล้วถามว่า
	บังเอิญจังเลย ฉันเคยได้รับเทปที่อัดเสียงเพลงนี้ไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครส่งมา เป็นเธอใช่ไหม ขอโทษนะ เธอชื่ออะไรเค้กเอ่ยถามทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
	หยีจ๊ะหยีตอบแล้วยิ้ม
	ตกลงเธอส่งมาใช่ไหมเค้กถามต่อทันทีด้วยท่าทีที่อยากรู้
	ส่งอะไรหยีถามอย่างสงสัย
	ก็เทปเพลงไงเค้กตอบ พร้อมรอฟังคำตอบจากหยีบ้าง
	ฉันไม่เคยส่งไปนะหยีรีบตอบปฏิเสธทันควัน เค้กมีสีหน้าผิดหวัง เพราะเธออยากจะรู้มานานว่าใครกันที่ส่งเพลงไพเราะนี้ให้กับเธอ
	ก็เธอเป็นคนแต่งเพลงนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วใครส่งมาล่ะเค้กเอ่ยอย่างสงสัย
	ไม่รู้สิจ๊ะ อาจเป็นคนแถวบ้านฉันได้ยิน เลยอัดมา แล้วส่งไปให้เธอหรือเปล่าหยีหาข้ออ้างไปเรื่อย ในใจนึกรู้ว่าอาจเป็นโดมที่เป็นคนส่งไป คิดจะไปถามเพื่อนหลังจากเลิกเรียน
	เหรอเค้กเอ่ย เหมือนไร้ข้อสงสัย จากนั้นก็ชวนหยีเล่นเพลง First love ต่อ
	ถ้ายังไงเธอเล่นให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม เพราะดี แล้วเธอแต่งเนื้อร้องหรือยังเค้กเอ่ยถามพร้อมยิ้มออกมาเหมือนถูกชะตากับหยี
	หยีได้แต่ยิ้มแหย ๆ พร้อมตอบว่า
	ยังหยีตอบสั้น แต่เค้กยิ้มแล้วพูดออกมา
	ฉันแต่งเนื้อร้องเพลงนี้ได้แล้วนะ ถ้าเธอไม่รังเกียจ ใช้เนื้อร้องของฉันก็ได้นะเค้กเสนอความคิดเห็น
	อือ ถ้างั้นฉันเล่นดนตรี เธอร้องละกันหยีเสนอความคิดเห็น
จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มร้องและเล่นดนตรี เพลงFirst Love โดยหารู้ไม่ว่ากริชฟังอยู่ และกำลังฟังอยู่อย่างไม่พอใจ
	กริชเดินตรงไปที่เปียโนซึ่งมีหยีและเค้กอยู่ แล้วพูดว่า
	ใครอนุญาตให้เธอเล่นเพลงนี้กริชพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองด้วยความไม่พอใจ  พร้อมนัยน์ตาที่จับจ้องมายังหยีด้วยความโกรธ
	ไม่เอาน่า กริชเค้ก จับมือเขาไว้ เหมือนไม่อยากให้มีเรื่อง หากแต่แฟนหนุ่มก็ไม่สนใจ ยังคงจ้องเอาเรื่องกับหยีไม่เลิก
	เอ่อ..หยีไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่อ้ำอึ้งอย่างนั้น
	จำไว้นะ ถ้าฉันไม่อนุญาต ห้ามเล่นเพลงนี้กริชกล่าวจบก็เดินผละออกไป อย่างฉุนเฉียว เค้กได้แต่มองตามแล้วหันไปพูดกับหยีด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆว่า
	หยี เราขอโทษแทนกริช เขาก็เป็นอย่างนี้ โกรธง่ายหายเร็วจากนั้นเค้กก็วิ่งตามออกไป 
	หยีได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูก รู้สึกสงสัย น้อยใจปะปนกันที่มีคนมาว่าเธอ เพราะเพลงที่เธอรัก
	ทางด้านเค้กซึ่งวิ่งตามกริชออกมา ก็ตรงไปที่เขาพร้อมดึงมือเขา แล้วหันตัวเขามาเผชิญหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อยว่า
	กริช ทำไม่เธอต้องอารมณ์เสียขนาดนั้นด้วยเค้กตำหนิกริช พร้อมสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจ และไม่เข้าใจ
	เธออย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ฉันมีเหตุผลนะกริชกล่าวด้วยท่าทีที่อ่อนลง พร้อมมองเค้กด้วยสายตาที่มีความหมาย แต่เค้กยังคงไม่เข้าใจ
	เหตุผลอะไร เค้กเอ่ยอย่างสงสัย ท่าทีของเค้กทำให้กริชเปลี่ยนสายตาและน้ำเสียง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
	ฉันไม่ชอบให้ใครมาเล่นเพลงของเรา  ยัยนั่นเล่นไปเพื่อความสุขชั่วครู่เท่านั้น ฉันว่าเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงนั้นมีค่าและมีความหมายแค่ไหนกริชกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองในการกระทำของหยี
	ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาไม่รู้เค้กย้อนถามอย่างใจเย็น ตั้งใจจะบอกบางอย่างกับกริช
	พูดอย่างนี้หมายความว่าไงกริชสะดุดกับคำพูดของเค้ก พร้อมมองเค้กอย่างแปลกใจ
	หมายความว่า  เพลงนี้เขาเป็นคนแต่งนะสิเค้กกล่าวยิ้ม ๆ หากแต่ไม่นึกว่าคำตอบจะทำให้กริชตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ไม่น้อย  เพราะเขาคิดมาตลอดว่าเค้กเป็นคนแต่งเพลงFirst love
	อะไรนะ เธอไม่ได้แต่งเพลงนี้เองอย่างนั้นหรือกริชเสียงแข็งขึ้นอย่างมีอารมณ์
	ไม่ได้แต่งจ๊ะ คนที่แต่งเพลงนี้ คือหยีคนที่เธอพึ่งว่าไปเมื่อกี้เค้กตอบเสียงอ่อย  แต่กริชเริ่มโกรธขึ้นไปอีก
	แล้วทำไมไม่บอกฉันแต่แรกว่าเขาเป็นคนแต่งกริชเสียงดังขึ้น
	เธออย่าเสียงดังสิเค้กตำหนิขึ้น แต่กริชไม่ยอมลดลา 
	ตอบมาสิว่าทำไมไม่ยอมบอกกริชเสียงดังคาดคั้น
	ฉันพึ่งรู้ว่าเขาเป็นคนแต่ง..เค้กกล่าว กำลังจะพูดต่อแต่กริชขัดขึ้น
	อย่างน้อย เธอก็น่าจะพูดสักคำว่าเธอไม่ได้แต่งกริชเสียงดังแทรกมา
	ขอโทษ แต่เธอก็ไม่เคยถามฉันนะเค้กเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอก กริชได้แต่ถอนใจ ไม่อยากใช้อารมณ์ เขาพยายามสงบสติอารมณ์กับเรื่องทีได้รับรู้
	เขาพยายามข่มความโกรธอยู่นาน แล้วตัดสินใจพูดว่า
	เค้ก เค้กเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวเราตามเข้าไปกริชกล่าวเหมือนขอร้อง เค้กเห็นดังนั้นไม่กล่าวสิ่งใดเดินเข้าไปในห้องประชุม				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน