บทที่ ๑๔
กำแพงแห่งสวรรค์
ระหว่างนั้นความปั่นป่วนวุ่นวายที่บังเกิดขึ้นเบื้องหน้าของกองทัพ
พร้อมเสียงร้องต่างๆนาๆของเหล่าทหารอสูรดังกึกก้องสนั่นไปทั่ว
ความทราบไปถึงท่านท้าวนิลกาฬ ด้วยความสงสัยในพระราชหฤทัย
ภายหลังจากได้ส่ง จันทะเสนอสูรเข้าไปตรวจตราสถานที่เพื่อพระองค์
จะได้ทรงจัดวางกำลังพลเพื่อรอเข้าบุกยังนครนาครินทนาคร
พระองค์จึงทรงหันไปตรัสใช้ อสุระฤทธาอสูรซึ่งคอยเฝ้าพระองค์อยู่
ให้รีบไปสืบความเป็นไปของเหตุการณ์นั้นแล้วมารายงานต่อพระองค์
อสุระฤทธาก็ถวายบังคมลา ออกไปยังแนวหน้าตรวจสอบความนัย
จนได้รับทราบรายละเอียด แล้วรีบกลับมารายงานโดยด่วน
“ ขอเดชะ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นระหว่างท่านจันทะเสน
นำกำลังไพร่พลเข้าไปยังพื้นบนเขาตะนาวศรีคีรีนั้น
ก็ปรากฏเป็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากใต้ดินเข้าทำลายล้างไพร่พลทหาร
ประกอบกับมีปักษีขนาดใหญ่พุ่งออกมาจิกตีทหารจนล้มตายมากมาย
พระเจ้าข้า” อสุระฤทธาอสูรทูลรายงาน
“แล้วเหตุการณ์เป็นอย่างไรรึ ท่านอสูรเห็นเสียงเงียบหายไปแล้ว”
จอมอสูรดำรัสถามความต่อไป
“ ขอเดชะเป็นด้วยท่านนิลพาหุกับท่านสหัสสะขันธ์และท่านจันทะเสน
เข้าต่อกรกับปักษีนั้นและปราบจนราบคาบทั้งเปลวไฟนั้นแล้วพระเจ้าค่ะ”
องครักษ์ด้านซ้ายกราบทูลรายงาน
“อะไรร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ จนถึงขั้นท่านแม่ทัพทั้งสอง
จำต้องลงมือด้วยตนเองเชียวล่ะ ไหนๆรายงานให้ละเอียดหน่อยซิ
ว่าท่านแม่ทัพกับองครักษ์เราจัดการอย่างไรรึ”ท่านจอมอสูรตรัสถาม
ด้วยความสงสัยยิ่งนัก
“หลังจากที่ท่านนิลพาหุเข้าต่อสู้กับหัวหน้าปักษีนั้น
จนได้รับบาดเจ็บไปทั่วกายแต่มิได้ย่อท้อกลับโรมรันพันตูอย่างชุลมุน
กระทั่งระหว่างติดพันได้ใช้มีดเล็กเข้าปักไปยังทรวงอกปักษีร้ายนั้น
ด้วยฤทธิ์เดชของมีดเล็กนั้นพลันได้ขยายใหญ่ทำลายล้างร่างกายปักษี
ขาดแตกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปจนวายปราณ ส่วนเหล่าพวกปักษี
ทั้งหลายก็พากันแตกตื่นตกใจจะหนีกลับเข้าไปยังเปลวไฟนั้น
แต่มิทันการณ์ ท่านจันทะเสนที่เฝ้าคอยหาจังหวะโอกาสอยู่ก็พ่น
ไฟประลัยกัลป์ออกจากปากเข้าทำลายล้างเหล่าปักษีจนมอดไหม้
ไปทั่วไม่สามารถหลบหนีไปได้สักตัวเดียว ส่วนท่านสหัสสะขันธ์
ก็ใช้น้ำเต้าวิเศษที่พกไว้ของท่านเข้าทำลายล้างไฟที่ลุกไหม้
จนมอดดับสิ้นไปแล้วพระเจ้าข้า”
“ตอนนี้เกล้ากระหม่อม ได้สั่งให้ทหารช่วยกันเร่งรัด
จัดทำความสะอาดพื้นที่ และได้เนรมิตพลับพลาไว้ เพื่อรอรับพระองค์
เสด็จเข้าสู่ยังพลับพลาแล้วพระเจ้าข้า” อสูรอสุระฤทธา
กล่าวถวายรายงานทั้งหมดให้จอมอสูรรับทราบความทั้งหมด
“โอ้โฮ...เจ้าปักษียักษ์นี้มันมีฤทธิ์เพียงนี้เชียวหรือ
ถึงสามารถทำลายทหารของข้าจนล้มตายได้ “
ท่านท้าวนิลกาฬทรงอุทานเบาๆ
“พะย่ะค่ะ ยากที่จะทำลายล้างได้ อีกประการหนึ่งปากที่แหลมคม
และเล็บมันมีพิษอย่างร้ายกาจ หากทำลายเนื้อเพียงแค่รอยข่วน
ก็สามารถตกตายไปได้เว้นแต่จะมีฤทธาเหนือกว่าเข้าคุ้มครองเท่านั้น
และอีกประการหนึ่งเปลวไฟที่ลุกจากบนยอดผานั้น
ก็ร้อนแรงประหนึ่งไฟกรด พระเจ้าข้า” อสุระฤทธากล่าวรายงานเสริม
“นั่นซิ.....มิฉะนั้นยากนักที่จะทำลายทหารของข้าจนล้มตายได้
นี่ขนาดเพียงแค่ย่างเหยียบยังมิทันถึงแผ่นดินในอาณาเขตนาครินทนาคร
ยังมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้ และแล้วพวกเหล่านครทั้งหลายที่ต้องไปยึดทำเล
จัดวางทัพล่ะจะเป็นฉันท์ใด”
พระองค์ทรงรำพึงเบาๆพอได้ยิน
“ข้าพระพุทธเจ้าได้รับรายงานมาแล้วว่า เหล่านครต่างๆทั้งหลายนั้น
ได้จัดวางกำลังรี้พลไว้ตามยอดบรรพตต่างๆไว้เรียบร้อยแล้วพระเจ้าข้า
ทุกๆนครล้วนแล้วแต่ประสพภัยพิบัติต่างๆกันด้วยทั้งสิ้น”
อสูรอสุระฤทธา กล่าวรายงานเสริม
“เราเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เหล่านครทั้งสี่ตลอดนครหัวเมือง
ทั้งหลายพบสิ่งใด ท่านอสุระฤทธาช่วยให้ทหารที่ไว้ใจได้ จัดแบ่งกำลัง
เข้าตรวจสอบความเป็นไปของนครเหล่านี้ แล้วรีบกลับมารายงานให้เราทราบ”
“รับด้วยเกล้าพระเจ้าข้า” อสุระฤทธารับสนองโองการแล้วรีบถอยมาเพื่อ
ออกมาจัดกำลังทหารองครักษ์ส่งออกไปตามพระบัญชาทันที
จะขอกล่าวถึงเหล่านครต่างๆตลอดจนนครหัวเมืองของท่านท้าวนิลกาฬ
เมื่อได้รับพระราชสาสน์จากท้าวเธอแล้ว ครั้นได้ครบกำหนดวันเวลา
ก็รีบนำทัพมายังชัยภูมิตามที่ตกลงกันไว้ แยกแยะตามภูมิประเทศเหมาะสม
เพื่อเข้าล้อมยังอาณาเขตเมืองนาครินทนาครทันที ซึ่งต่างก็พบภัยพิบัติต่างๆกัน
ท่านท้าวสุพพัตสุระแห่งนครอหิงสากะ ครั้นได้ฤกษ์งามยามดีก็เคลื่อน
พหลพลพยุหะยาตราทัพมาในทางอากาศ เข้าสู่อาณาเขตแห่งนาครินทนาคร
ทางด้านทิศตะวันตก หาทางพักยังยอดเขาต่างๆเป็นสถานที่เพื่อใช้ในการนี้
ก็เหลือบมองหาทำเลชัยภูมิที่จะวางกำลังรี้พลประสานงานกับนครกาฬคีรี
ครั้นเห็นชัยภูมิที่เหมาะสมบนยอดเขาคิฌชคีรีเหมาะแก่การวางกำลังรี้พลของตน
ก็ให้เหล่าทหารเข้าตรวจสอบทำเลเหล่านี้ ก็พบสิ่งต่อต้านจากเจ้าของสถานที่
ทันที เหล่าทหารทั้งหลายล้วนถูกเหล่าพยัคฆ์สมิงร้ายต่างๆเข้าพากันรุมล้อม
ดู วุ่นวายชุลมุนพากันเข้าขย้ำกัดกินเป็นอาหารจนต้องแตกพ่ายหนีกลับกองทัพ
และรีบเข้าไปรายงานท่านท้าวสุพพัตสุระ ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนทหาร
บางนายกำลังเข้าต่อสู้กับพยัคฆาเป็นพัลวัน จนส่งเสียงโวยวายไปทั่วบริเวณ
อันพยัคฆาจนกลายเป็นพยัคฆ์สมิงเหล่านี้มีอิทธิฤทธิ์ต่างอยู่ยงคงกะพัน
ยากที่อาวุธของเหล่าทหารจะเข้าทำลายได้ สามารถแปลงกายได้ ทุกๆตัว
ล้วนแล้วอุดมไปด้วยพิษนานา แม้แต่เขี้ยวเล็บก็มีพิษนานาประการ และต่าง
เห็นเหล่าทหารเป็นอหิงสาจึงพากันเข้ารุมล้อมกัดกินมิได้เกรงกลัวแต่
ประการใดก็หาไม่ ถึงแม้ว่าจะมีสภาพกึ่งร่างมนุษย์กึ่งอหิงสา แต่ด้วยกลิ่นที่มี
อยู่ประจำกายล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นของอหิงสาป่า ซึ่งล้วนเป็นอาหารอันโอชะ
ของเหล่าพยัคฆาทั้งสิ้น มาดแม้นว่าทหารเหล่านี้จะมีพละกำลังมหาศาลและ
ประกอบด้วยฤทธาต่างๆแต่ก็ยังตกเป็นอาหารของเหล่าเสือสมิงเหล่านี้อยู่ดี
เมื่อการต่อสู้ผ่านไปนานเข้าๆผลลัพธ์เหล่าทหารของอหิงสากะนครนี้
ก็ร่อยหรอเหลือน้อยทุกที จนกระทั่งแม่ทัพของอหิงสากะนครซึ่งควบคุม
ทัพหน้า มีนามว่าสุรินทร์อสูร ก็รีบเดินทางมาถึงร่วมกับทหารคู่ใจของตน
มองลงมายังเบื้องด้านล่าง เห็นความวุ่นวาย เอะอะไปทั่ว พบเหล่าทหารถูก
พยัคฆ์ร้ายกัดกินมิได้เกรงกลัวต่ออาวุธใดๆทั้งสิ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเหล่า
ทหารหาญเหล่านี้ก็คงจะถึงซึ่งกาลอวสานแน่นอน
สุรินทร์อสูรแม่ทัพ จึงหยิบเอาบ่วงบาศกับกระบองห้าเหลี่ยมออกมา
พลางร่ายเวทย์มนต์ แล้วขว้างลงมายังกลุ่มเหล่าพยัคฆาร้ายทั้งหลาย
บัดดลก็เกิดพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เชือกบ่วงบาศก็แยกตัวออกกระจาย
เป็นหลายๆบ่วง เข้ามัดยังร่างพยัคฆาทั้งหลาย ส่วนกระบองห้าเหลี่ยมก็แยกตัว
เป็นกระบองจำนวนมากมายเข้ารุมตีพยัคฆ์ร้ายเหล่านี้จนถึงกับสิ้นชีวิตทันที
เหล่าพยัคฆ์ร้ายซึ่งมีตัวหัวหน้าร่างกายสีขาวโพลนพาดเป็นลายพาดกลอน
เห็นท่ามิดีก็ส่งเสียงคำรามลั่นแล้วเผ่นทะยานหนีหายลงไปยังตีนเขา บรรดา
เหล่าพยัคฆ์ร้ายเมื่อเห็นตัวหัวหน้าส่งเสียงคำรามลั่นเสมือนบ่งบอกให้รีบหนี
จึงพากันละทิ้งเหล่าทหารต่างตัวก็รีบเผ่นหนีลงเขาไปจนหมดสิ้น
สุรินทร์อสูรพร้อมทหารคู่ใจก็สั่งให้บรรดาทหารเข้าช่วยเหลือทหารที่
บาดเจ็บยังไม่ได้ล้มตายไปทำการรักษาพยาบาล ส่วนที่เสียชีวิตแล้วก็ให้
จัดการนำออกไปฝังยังที่อื่น แล้วสั่งให้ทหารทำความสะอาดพื้นเพื่อใช้เป็น
ที่ประทับของท่านท้ายสุพพัตสุระจัดสร้างพลับพลาไว้คอยเสด็จเพื่อใช้เป็น
ประทับพักผ่อนเมื่อทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงเข้าไป
กราบทูลต่อท่านท้าวเธอ เพื่อเสด็จมาพักยังที่จัดสร้างต่อไป
ส่วนทางด้านปักษินนคร ท่านท้าววิหะคะยุราชกับยุพราชวานนรินทร์ครั้น
ได้รับพระราชสาสน์แล้ว ก็ทรงนำทัพเสด็จมาโดยพระองค์เป็นจอมทัพมอบให้
พระยุพราชวานนรินทร์เป็นแม่ทัพใหญ่นำรี้พลพหลพลไกรล่องลอยมาทางอากาศ
ผ่านมหาสมุทรสีทันดรเข้าสู่นครนาครินทนาครทางด้านทิศเหนือตามที่ตกลงไว้
กับท่านท้าวนิลกาฬ เที่ยวเสาะหาสถานที่เพื่อจัดตั้งกำลังรี้พลทั้งหลาย
เห็นสถานที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยเทือกเขาอุดมไปด้วยไม้ใหญ่นานาพันธุ์
ครั้นตรวจสอบแล้ว ก็ให้เห็นสมควรที่จะไปยังเทือกเขาใหญ่
ของภูเขาติรังคะคีรีด้านบนเป็นทำเลกว้างพอที่จะจัดวางกำลังกระจายรอบๆได้
จึงได้กล่าวกับยุพราชของพระองค์ว่า
“นี่แน่ะ...พ่อวานนรินทร์ พ่อเองมองหาทำเลแล้วเห็นว่าภูเขาติรังคะคีรี
นี้เหมาะควรแก่การจัดตั้งค่ายต่างๆ ลูกเห็นเป็นประการใดหรือไม่”
“เสด็จพ่อ ลูกก็เห็นด้วย เพียงแต่สังหรณ์สิ่งบางประการคือว่าสถานที่
นี้ทำไมถึงมีบริเวณกว้างใหญ่รายล้อมด้วยพฤกษ์ไม้ใหญ่แต่กลับไร้ซึ่งสัตว์ต่างๆ
เข้าใช้อาศัยอยู่เลย พระเจ้าค่ะ” องค์ยุพราชทูลพระบิดา
“ถึงอย่างไรพ่อมองผ่านภูเขามาก็หลายๆลูกแล้ว
หาได้มีที่ทำเลชัยภูมิดีไปกว่าภูเขาใหญ่นี้อีกก็หาไม่
ซึ่งความกริ่งเกรงของลูกก็ถูก แต่ไม่มีที่ใดที่จะเหมาะสมกว่านี้ได้
อนึ่งหากเราสามารถตั้งยังที่ทำเลนี้ได้ หากมองลงไปเบื้องล่าง
ภาพประกอบทั้งหมดนี้เป็นของ ท่านเจ้าหญิงเฌอมาลย์ ขอรับกระผม
แก้วประเสริฐ.
15 พฤศจิกายน 2549 14:56 น. - comment id 93670
คุณชาย....เมื่อไหร่ปทุมวดีจะได้ไปรบ ซะที่....อยู่แต่บ้านเบื่อแล้ว....... ฝึกวิชาซะจนแก่ชราแล้วค่ะ....... มณีกานต์ ก้อหายไป....คิดถึงจัง

16 พฤศจิกายน 2549 13:20 น. - comment id 93685
คุณ ยายแม่มด คงอีกไม่นานแหละจ๊ะ ส่วนมณีกานต์คงจะ เบื่อๆกระมังนะ ฝึกวิชาต่อไปเถอะได้ความรู้ดีด้วยนา
แก้วประเสริฐ.

16 พฤศจิกายน 2549 14:33 น. - comment id 93687
แวะมายิ้มให้คุณชายนะคะ
ใจเดิมเดิมค่ะ

16 พฤศจิกายน 2549 14:40 น. - comment id 93688
คุณ ร้อยรัก ขอบคุณมากครับที่มายิ้มให้กำลังใจผมครับ ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าจะเบลอๆเสียแล้วครับขอบคุณ
แก้วประเสริฐ.

17 พฤศจิกายน 2549 13:29 น. - comment id 93709
เวปไซน์นี้น่าสนใจดีนะค่ะ http://enajosus.notlong.com

17 พฤศจิกายน 2549 14:33 น. - comment id 93720
คุณ แพรว ผมเปิดอ่านแล้วครับน่าสนใจจริงๆครับขอบคุณ
แก้วประเสริฐ.

18 พฤศจิกายน 2549 08:53 น. - comment id 93737
สวัสดีค่ะ คุณแก้ว งิ้มเองค่ะ คุณแก้วเก่งจังกลอนก็ได้ เรื่องสั้นก็เขียนได้ตื่นเต้นซ้ำยังหาชื่อตัวละครยากๆ อีก ชื่นชมค่ะ

18 พฤศจิกายน 2549 09:02 น. - comment id 93739
คุณ งิ้ม ขอบคุณครับ เราไม่ได้คุยกันมานานแสนนาน แล้วนะครับเพราะผมเองไม่ค่อยได้เข้า msn เลยครับ เลยไม่ได้พบกัน แต่มาสนุกกับงานเขียนนี้ครับ แต่ก็ไม่เคยลืมเพื่อนเช่นคุณเลยครับ ขอบคุณที่ชม ครับ หวังว่าธุระกิจคงจะไปได้ด้วยดีนะครับ
แก้วประเสริฐ.
