** ทัศยุราชันย์ (เภทภัยสัตว์ร้าย) **

แก้วประเสริฐ


                                         บทที่  ๑๕
                                     เภทภัยสัตว์ร้าย
              ก็จะเห็นแนวอาณาเขตของเมืองนาครินทนาครได้อย่างกระจ่าง 
โดยมิมีสิ่งกีดขวางแต่ประการใด  ฉะนั้นพ่อจึงอยากให้ลูกจัดทหาร
พอที่จะไว้ใจได้และประกอบด้วยฤทธาเพื่อความไม่ปรามาสเข้าตรวจสอบดู
            ภูมิประเทศเหล่านี้ก่อนก็จะดี ที่เราจะนำกำลังรี้พลลงไปเลยทีเดียว”
ท่านท้าวเธอหันมาตรัสกับราชบุตรของพระองค์
   “พระเจ้าข้าเสด็จพ่อ” วานนรินทร์ราชบุตรขานรับองค์ท้าวเธอ
 พลางเหาะผ่านเลยไปยังทางแม่ทัพหน้าอันคอยต้อนรับอยู่พลางกำชับสั่งว่า
     “นี่แน่ะท่านปักษาราช  ข้าขอให้ท่านจัดกำลังทหารลงไปตรวจสอบเหนือ
ยอดเขาติรังคะคีรีเฉพาะส่วนอันเป็นบริเวณกว้างและอาณาเขตรอบข้างเพื่อ
เสด็จพ่อเราจะใช้เป็นที่พักและวางกำลังรี้พลทั้งหลาย ให้ท่านทั้งหลายช่วย
ตรวจสอบดูแลทุกอย่างในบริเวณสิ่งต่างๆอย่างละเอียด  
ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลท่านจงคัดทหารที่ล้วนแล้วแต่ฝีมือและมีฤทธิ์เดช
เข้าทำการนี้โดยเฉพาะด้วย”  องค์พระยุพราชทรงสั่ง
       “อ้อๆๆ...แล้วรีบกลับมารายงานแก่เราด่วนด้วยนะท่าน”  ทรงกำชับอีก
       “พะย่ะค่ะ”  ขุนทหารแม่ทัพปักษาราช  รับพระบัญชาแล้วรีบจัดคัดเลือก
ทหารเหาะลงไปยังบริเวณเหล่านี้ทันที 
        พอเหล่าทหารกล้าเหาะลงมาถึงพื้นที่บริเวณอันเป็นที่ราบกว้างพอเท้า
เหยียบลงพื้นปรากฏเป็นหลุมลึกจำนวนมากมาย ก็พากันร้องโหยหวนบ้าง
ตกลงไปเกือบเอว บ้างก็แค่หัวเขา บ้างก็แค่ส้นเท้า แล้วรีบทะยานเหาะขึ้น
มาทันที ปรากฏฝูงสัตว์ปีกจำนวนมหาศาลต่างพวยพุ่งตามติดขึ้นมากับเป็น
พัลวันทั้งตัวต่อและตัวแตนขนาดเกือบเท่ากำปั้น เข้ารุมต่อยทหารกล้าเหล่านี้
พวกที่ตกไปยังหลุมลึกหน่อยไม่ทันทะยานขึ้นก็ถูกฉุดหายไปในใต้พื้นดิน
ส่วนที่น้อยหน่อยก็สามารถทะยานขึ้นมาได้แต่เท้าที่ล่วงลึกลงไปขาดหายไป
เป็นเลือดสีดำๆไหลนองไปทั่ว
          ส่วนจำนวนต่อและแตนที่พุ่งขึ้นมาในอากาศต่างก็กระจายกันเข้าทำร้าย
ทหารหาญที่ล่องลอยในอากาศจนฟ้ามืดมัวดินไปทั่วบริเวณนั้น  บรรดาทหาร
ที่ถูกต่อและแตนต่อยต่างก็ล่วงสู่พื้นดินสิ้นใจไปตามๆกัน ตามตัวสภาพศพ
ใบหน้าดำคล้ำ ดุจดั่งโดนไฟอันร้อนแรงจี้ ท่านปักษาราชที่เหาะดูเหตุการณ์
เห็นเข้าก็ตะลึงตกใจ รีบนำพัดประจำกายออกมาพัดไล่ตัวต่อแตนนั้นทันที
ปรากฏเป็นเปลวไฟกรดเข้าเผาผลาญตัวต่อแตนล่วงหล่นตายไปจำนวนมาก
         เหล่าตัวต่อแตนเหล่านี้ก็หาได้หวั่นเกรงกลัวแต่ใดไม่ ยังคงบินรายล้อม
เพื่อจะเข้าทำร้ายร่างของปักษาราชเป็นพัลวัน เหล่าทหารคู่ใจของปักษาราช
รีบนำแส่ออกมาสาดไล่ตีเป็นชุลมุนไปทั่ว เนื่องจากมีจำนวนมากมหาศาล
ก็ไม่สามารถจะกำจัดเหล่าสัตว์นี้ได้  จึงรีบเหาะหนีไปเพื่อรายงานต่อ
องค์ยุพราชทันที  ส่วนเหล่าทหารกล้าทั้งปลายก็พยายามหาทางป้องกันตน
เองจากสัตว์ร้ายเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายใดได้ จนถึงกับร้องโวยวาย
โหยหวนดังสนั่นไปทั่วนภาอากาศ   ส่วนที่มีฤทธาแก่กล้าคงทนต่อพิษร้ายได้
ก็พยายามใช้อาวุธเข้าต่อสู้เป็นพัลวัน ส่วนตัวต่อแตนก็ทิ่มต่อยไม่เลือกที่
จนต้องแตกกระเจิงไปตามๆกัน ส่วนพวกที่มีฤทธาด้อยก็ต้องตกตายไปทันที
          ครั้นปักษาราชกับทหารคู่ใจกลับมายังเบื้องพระพักตร์องค์ยุพราชก็รีบ
เข้าไปรายงานถึงผลร้ายต่างๆ ตลอดใบหน้าและร่างกายทุกคนต่างบวมปูด
ไปตามๆกัน   องค์ยุพราชวานนรินทร์เห็นเข้าก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก 
เมื่อรับทราบการรายงานครั้งนี้  จึงชักชวนทหารอกข้างพระวรกายรีบเสด็จ
ดำเนินไปทันทีตามติดด้วยปักษาราชพร้อมทหารคู่ใจ
          เมื่อพระองค์ไปถึงที่สถานเกิดเหตุก็แลเห็นฝูงต่อแตนกำลังไล่ต่อยเหล่า
ทหารหาญอยู่  จึงทรงพนมมือพร้อมร่ายเวทย์มนต์     บัดดลก็บังเกิดฟ้า
คำรามลั่นพายุหมุนเป็นวนกระหน่ำสู่ฝูงสัตว์ร้ายเหล่านี้เป็นเกลียวๆ
หมุนลอยเคว้งคว้างแต่หาได้ทำอันตรายแก่เหล่าทหาร
ชาวปักษินนครก็หาไม่ เพียงแค่พัดเหล่าตัวต่อแตนให้หลุดพ้น
ออกจากร่างกายเท่านั้น  เหล่าทหารทั้งหลายก็รีบหนีกลับคืนสู่ด้านหลัง
        เมื่อองค์พระยุพราชเห็นดังนี้ จึงทรงหยิบนำเอาคนโทแก้วหลากสี
ใบเล็กๆออกมา พร้อมทรงร่ายเวทย์กำกับแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ  
บัดดลแก้วคนโทน้อยก็ขยายตัวใหญ่โตมโหฬาร
ปรากฏกระแสน้ำพวยพุ่งออกมาจากคนโทแก้วทันที
สาดกระจายเป็นฝอยละอองเล็กๆเข้าสู่ยังตัวต่อแตน
         เมื่อหยาดน้ำเล็กกระทบเข้ากับตัวต่อแตนกลับเป็นน้ำกรดไฟ
เข้าเผาผลาญร่างของตัวต่อแตนเหล่านี้จนมอดไหม้เกรียม
พากันล่วงหล่นลงพื้นมิขาดสาย   หาได้หยุดเพียงแค่นั้นไม่หยาดน้ำเหล่านี้
กลับรินไหลลงสู่ยังบรรดาหลุมที่ตัวต่อแตนใช้อาศัยเป็นจำนวนมหาศาล
ก็บังเกิดควันพวยพุ่งขึ้นมามิขาดสาย  จนกระทั่งควันค่อยๆจางหายไป
ไม่ปรากฏฝูงตัวต่อแตนทั้งหลายจะออกมากจากหลุมเหล่านี้อีก
         คนโทแก้วใบนั้นก็กลับเป็นคนโทใบเล็กลอยเข้าหาองค์พระยุพราช
พระองค์ก็ทรงหยิบเข้าใส่ในพระอุระทันที พร้อมตรัสแก่ขุนทหารที่เฝ้า
ดูอยู่ ทรงตรัสว่า
     “อันที่จริงเราก็สังหรณ์ใจอยู่แล้ว เพียงมิคาดว่าจะอาศัยอยู่ในใต้พื้นดินนี้
บัดนี้ เหตุการณ์ก็สงบดีแล้วคงจะไม่มีเหตุร้ายอื่นใดแทรกเข้ามาอีก”
     ครั้นแล้วพระองค์ก็ให้เหล่าทหารหาญหลบไปข้างๆแล้ว ทรงพนมมือ
หลับพระเนตรพลางร่ายพระเวทย์  ฉับพลันพื้นดินที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
ทั้งหลายก็หายไปกลับเป็นพื้นศิลาแผ่ครอบคลุมไปทั่วๆบริเวณนั้นแทนที่
แล้วบังเกิดเป็นพลับพลาน้อยใหญ่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินสวยตระการตายิ่งนัก
เมื่อทุกประการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ก็ทรงหันไปสั่งยังขุนทหารปักษาราชทันที
    “นี่แน่ะ ท่านปักษาราช  ท่านจงไปทูลเสด็จพ่อเราว่าเหตุการณ์เรียบร้อยแล้ว
เชิญพระองค์เสด็จมาประทับยังพลับพลาแต่บัดนี้เถิด”  พระองค์ทรงตรัสขึ้น
     “พะย่ะค่ะ”  ปักษาราชรับสนองพระบัญชา แล้วรีบเหาะกลับไปทูลท่าน
ท้าววิหะคะยุราชทันที
       เมื่อท้าววิหะคะยุราชทราบเหตุทั้งปวงแล้วก็ทรงพระสรวลยินดี ทรงดำเนิน
ลงมายังพื้นดินที่เต็มไปด้วยหินอ่อนที่ปูราดไปตลอดแนวทาง  แล้วทรงตรัส
กับพระยุพราชทรงไต่ถามความเป็นไปทั้งหมด  เมื่อทรงได้ทราบข่าวต่างๆแล้ว
ก็ทรงดำเนินเข้าไปยังที่ประทับยังพลับพลาพร้อมให้จัดวางกำลังรี้พลกระจาย
ไปทั่วแนวบริเวณเหล่านั้น   เมื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ทรงพระดำเนินตรงไป
ยังพลับพลา พร้อมกับองค์พระยุพราชวานนรินทร์ พร้อมเหล่าขุนนางทั้งหลาย
พร้อมทั้งยังทรงปรึกษาข้อราชการเพื่อหาทางเข้าไป
ยังอาณาเขตเมืองนาครินทนาคร   ตลอดจนทรงวางกำลังรี้พล
แบ่งแยกการเข้าโจมตี และกำลังรี้พลเพื่อใช้ในการสนับสนุนต่างๆ 
และแผนการอื่นวางไว้ก่อนที่เราหากเข้ายังเมืองนาครินทนาครได้แล้วอีกด้วย
จัดส่งเวรยามทหารเพื่อรอคอยทางท่านท้าวนิลกาฬเพื่อแจ้งวันนัดประชุมต่อไป
      ส่วนทางด้านเมืองทันทะกะนคร ครั้นได้รับทราบข่าวจากพระราชสาสน์
ของท่านท้าวนิลกาฬ ก็เตรียมจัดกำลังรี้พลของเมืองทันทะกะยกพหลพลไกร
มาสมทบกับเมืองสิงหะนคร  องค์ยุพราชโกเมศกุมาร ก็ทรงเข้าร่วมปรึกษาหารือ
กับท่านท้าวสิงหะราช ถึงแนวทางต่างๆเพื่อคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากมี
การพลาดพลั้งเกิดขึ้น  และทรงเข้าเยี่ยมเยียนกับเจ้าหญิงอรุณรัศมี ซึ่งทั้งสองก็ให้
สัญญาว่าจะรอคอยและกลับมาหลังเสร็จศึกครั้งนี้ต่างพระองค์ก็ทรงอาลัยซึ่งกัน
และกัน  และมาคอยส่งเสด็จองค์พระยุพราชโกเมศกุมารด้วย 
        ครั้นได้เวลาอันสมควรแล้ว  องค์ยุพราชโกเมศก็ทูลลาท่านท้าวสิงหะราช
แล้วยกยกไพร่พลพหลพลพยุหะเสนาออกเดินทางผ่านนครใหญ่น้อยหลีกเลี่ยง
เหตุอันพึงจะมีเกิดขึ้นได้  บางครั้งก็นำเหล่าทัพเดินทางไปในในอากาศ  
     จวบจนถึงอาณาเขตเมืองนาครินทนาครทางด้านทิศใต้ 
 แล้วองค์ยุพราชก็สืบหาสถานที่เพื่อใช้ในการหยุดพักทัพไว้ 
ด้วยสถานที่เหล่านี้ล้วนเป็นหินผาและภูเขาป่าไม้ดงดิบนานาพันธุ์
ไม่เหมาะแก่การเหล่าทหารของพระองค์เพื่อจะทรงหยุดพักทัพ 
     เนื่องด้วยพระองค์และเหล่าทหารพลไกรต่างก็เป็นนาคราช
จำเป็นอย่างยิ่งต้องหาที่พักอาศัยเป็นแหล่งน้ำพักพิง     จึงมอบหมายให้
นายทัพนายกองตระเวนเสาะหาตามภูผาต่างๆเพื่อหาแหล่งน้ำ พักพิง
 ให้เพียงพอต่อเหล่าทหารของพระองค์   ดังนั้นพระองค์จึงสั่งให้ไพร่พล
ตลอดจนแม่ทัพนายกองทั้งปวงให้เที่ยวค้นหาชัยภูมิที่เหมาะสม
แก่เหล่าไพร่พลทหารทั้งหลายเพื่อใช้เป็นที่สำหรับหยุดพักทัพจัดค่ายคูประตูกล
วางกำลังรี้พลต่างๆมิให้เดือดร้อน  ครั้นได้รับรายงานจากแม่ทัพนายกองที่
เที่ยวตระเวนค้นหามาทูลรายงานว่า
      “ขอเดชะ  กระหม่อมเที่ยวค้นหาไปพบสถานที่แห่งหนึ่งเหมาะอย่างยิ่ง
ที่ใช้สำหรับหยุดการเดินทัพครั้งนี้ ด้วยประกอบด้วยหนองน้ำใหญ่
บนยอดภูผาของเขาใหญ่สินธุคีรีศรีล้อมรอบด้วยเขาน้อยใหญ่ประกอบด้วย
ไม้นานาพันธุ์ซึ่งเป็นแหล่งรวมน้ำไหลลงยังเบื้องล่างเป็นสายธารน้ำตก
มีถ้ำที่เป็นสายธารซึมซับน้ำจากภูผา อยู่ด้วยกันมากมาย พระเจ้าค่ะ” 
 สุระนาคินทร์แม่ทัพกล่าวถวายรายงาน
      “อีกทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่มเย็นยิ่งนักอีกด้วยพระเจ้าข้า”
แม่ทัพนาคราชทูลถวายเสริม
       “นั้นก็ดีแล้ว เมื่อท่านแม่ทัพเห็นว่าเหมาะสมดี ก็สมควรจะนำเราและเหล่าทัพ
เข้าไปพักยังสถานที่นั่นเถอะ”  ยุพราชโกเมศทรงตรัส
        “พระเจ้าค่ะ  ขอให้หม่อมฉันส่งทหารเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยเสียก่อน
อีกครั้งหนึ่งเพื่อความแน่นอนแล้วจัดสร้างพลับพลา  เพื่อพระองค์จะได้เสด็จ
เข้าพักผ่อนพระวรกายพระเจ้าข้า”  แม่ทัพกราบทูล
       “ดีแล้วล่ะท่านแม่ทัพ  ขอให้เป็นภาระหน้าที่ของท่านหากได้ผลประการใด
				
ภาพประกอบเป็นของคุณ เฌอมาลย์ขอรับท่าน...แก้วประเสริฐ.				
comments powered by Disqus
  • ยายแม่มดเจ้าค่ะ

    17 พฤศจิกายน 2549 10:17 น. - comment id 93695

    เมื่อปทุมวดีแอบท่องเที่ยวไปในป่า
    
    เหนื่อยมากๆนั่งทอดกายพิงต้นไม้ใหญ่
    
    หลับตาพลันได้กลิ่นหอมอ่อนๆลืมตา
    
    ขึ้น....ต้องพลึงเพลิศกับภาพเบื่องหน้า
    
    มีพลับพลาน้อยใหญ่งดงาม.....เบื้องหน้าพื้นหินอ่อนปูลาดไปถึงแนวธารใส
    
    เฮ้ย.....อาบน้ำดีกว่านะลุงแก้ว16.gif
  • ร้อยรัก

    17 พฤศจิกายน 2549 10:32 น. - comment id 93696

    36.gifคุณชาย...เขียนกลอนอีกนะคะ
    
    เรื่องสั้นเครียดมั้ยคะ คงไม่เพราะลุงแก้วรักมันใช่มะ.....64.gif
  • แพรว

    17 พฤศจิกายน 2549 13:26 น. - comment id 93699

    เวปไซน์นี้น่าสนใจดีนะค่ะ   http://enajosus.notlong.com
  • แก้วประเสริฐ

    18 พฤศจิกายน 2549 08:47 น. - comment id 93735

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ยายแม่มด
    
            ฮ่าๆๆๆอ่านไปอ่านมาเห็นทีจะได้นักเขียน
    เทพนิยายคนใหม่ซะแล้วซินะ   ดีใจด้วยจ้า
    
                     16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 พฤศจิกายน 2549 08:53 น. - comment id 93736

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ร้อยรัก
    
               เครียดนะเครียดแกมสนุกจ้า  ใช่แล้วตอนนี้
    เกิดรักกับงานนี้แล้วล่ะ สนุกจริงๆ พอเสร็จก็มาอ่าน
    ทบทวนเกิดอารมณ์จอยทันที 
              พอบอกให้เขียนกลอนก็รีบไปแต่งส่งให้แล้ว
    เอาเป็นทั้งกลอนแปดและโคลงสี่สุภาพซะเลย นึก
    ได้ว่าคงจะไม่บ้าๆบ๊องส์ๆอย่างผมแหละสลับกันไปเลย
    นะ   ขอบใจมากจ้า
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 พฤศจิกายน 2549 08:56 น. - comment id 93738

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แพรว
    
              ครับผมเปิดไปแล้วครับ เป็นเวปที่น่าสนใจ
    เพียงแต่ว่าผมเองหมดไฟทางนี้แล้วครับ ขอขอบคุณ
    
                  16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน