** ทัศยุราชันย์(อวสานจอมอสูร) **

แก้วประเสริฐ


                                                  บทที่  ๒๗
                                              อวสานจอมอสูร
บรรดาทหารเหล่าอสูรต่างๆก็ถึงกับมิมีอันทำการสู้รบมัวพะวงต่อสัตว์เหล่านี้บ้างก็วิ่งหนีจาระหวั่น
 บ้างก็ต้องสังเวยชีวิตไปกับพิษภัยอันร้ายกาจของเหล็กในของตัวต่อแตนยักษ์อีกพิษต่างๆ
ของบรรดาเหล่าอสรพิษและของเหล่าสัตว์ร้ายทั้งหลาย ภายในบริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยฝูงสัตว์ทั้งหลาย
ที่พากันเข้ารุมช่วยทางด้านทหารของเมืองนาครินทนาครต่อสู้กับเหล่ายักษ์ อสูรเป็นพัลวันมิย่อท้อ
บ้างก็ตกตายไป ส่วนที่อยู่ก็พุ่งเข้าหามิได้เกรงกลัวความตายกัน จนถึงกับทำให้เหล่าอสูร ยักษ์ทั้งหลาย
พากันแตกตื่นตกใจเสียขบวนทัพ ส่วนบนฟากฟ้าก็เต็มไปด้วยอาวุธวิเศษนานานัปการเข้าต่อสู้กันและกัน 
ทั้งเหล่าฝูงต่อแตนทั้งลายคาดเหลืองและตัวเหลืองดั่งทองและสัตว์มีปีกต่างๆก็พากันมาช่วยเข้ามา
ร่วมรบทั้งทาง ฟากฟ้าและบนดิน บรรดาท้องฟ้าเดี๋ยวก็มืดครึ้มเดี๋ยวก็สว่างบ้างก็ขมุกขมัวมืดฟ้ามัวดิน
สลับกันไปทั่ว   ระงมไปด้วยเสียงร้องก้องด้วยความเจ็บปวดจากอาวุธและพิษร้ายของสัตว์ร้ายเหล่านี้
          ท้าวเธอนิลกาฬเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ทรงกริ้วพิโรธยิ่งนักตวาดด้วยพระสุระเสียงดังกึกก้อง
 สองพระเนตรแดงกร่ำกระทืบพระบาทดังสนั่นได้ยินดังไปทั่ว   พระหัตถ์ขวากุมกระบองสีดำเหล็ก
ไหลละเลื่อมเป็นเงาประกาย   พระหัตถ์ซ้ายทรงสะบัดผ้าแพรไหมสีดำไปทางใดก็เกิดไฟประลัยกัลป์
เข้าเผาผลาญทหารทั้งหลายและบรรดาสัตว์ต่างๆล้มตายหล่นเกลื่อนทั่วบริเวณส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
       ท้าวทัศยุราชันย์เห็นดังนี้ก็ทรงร่ายพระเวทย์โยนจักรเพชร ตรีเพชร บ่วงบาศนาคราช  พระหัตถ์ทั้งสอง
ก็ทรงแกว่งไกวดาบและตรีเพชรเข้าฟาดฟันทหารแตกกระจาย รุกเข้าไปจนถึงหน้าพระราชรถขององค์
ท่านท้าวนิลกาฬ   ต่างก็เข้ารบพุ่งตีฟาดฟันรบพุ่ง  ท่านท้าวเธอก็ทรงหวดด้วยกระบองเหล็กไหล
เข้าใส่ดาบทันที เกิดประกายไฟแลบเสียงดังสนั่นกึกก้องปานแผ่นดินจะถล่มทลาย   ครั้นได้จังหวะ
ท่านท้าวองค์ทัศยุราชันย์ก็ฟันด้วยดาบไปยังพระอุระของท้าวนิลกาฬขาดเป็นสองท่อน แต่พอดาบผ่านพ้น
ไปร่างท่านท้าวนิลกาฬก็คืนกลับเข้าประสานสู่สภาพดังเดิม  ทรงพระสรวลดังลั่นพลันพระองค์ก็ทรงหวด
ท่านท้าวทัศยุราชันย์ด้วยกระบองเหล็กไหลสีดำไปยังร่างของท้าวทัศยุราชันย์บ้างทำให้ร่างท้าวทัศยุราชันย์
ปลิวกระเด็นลอยไปในอากาศทันที  เจ้าหญิงทั้งหลายต่างหวีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกพระหฤทัย
กันเซ็งแซ่ไปหมดต่างแหงนมองดูร่างขององค์ทัศยุราชันย์ลอยละลิ่วไปบนท้องฟ้า  เจ้าหญิงมณีกานต์
ก็ทรงพระพิโรธยิ่งนักพลางสลัดทิ้งราชพาหนะพระยาราชสีห์รีบทะยานเหาะขึ้นไปรับร่างองค์ทัศยุราชันย์ 
ที่ทรงสิ้นพระสติสมประดีไปไปทันที   ก่อนที่ร่างนั้นจะล่วงหล่นมายังพื้นดินก็ทรงไขว่คว้าไว้ได้รีบเหาะ
นำร่างขององค์ทัศยุราชันย์เข้าไปยังในเมืองนาครินทนาครทันที
         เจ้าหญิงดาริกาทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้นก็ทรงพระพิโรธจนลืมพระองค์พุ่งทะยานด้วยความโกรธ
พุ่งเข้าหาท้าวนิลกาฬ   พระองค์ทรงฟาดร่างของท้าวนิลกาฬที่กำลังทรงพระสรวลสำราญลั่นด้วยความดี
พระราชหฤทัยดังสนั่นไปทั่วโดยมิได้ทันคิดจะปกป้องร่างกายพระองค์ด้วยทรงเชื่อมั่นในฤทธิ์ที่มีอยู่นั้น
ก็เลยถูกเจ้าหญิงดาริกาทรงตีเข้าด้วยด้ามตรีศูลที่ได้รับพระราชทานจากพระแม่เจ้าอุมาเทวีแห่งจอมเขา
ไกรลาสไว้เป็นศาสตราอาวุธประจำพระองค์ซ้ำยังถูกแทงด้วยงาช้างขององค์พระพิฆเนศวรเจ้าที่ทรวงอุระ
ปักคามิอาจจะทรงถอนออกมาได้ติดแน่นพระวรกายเลือดไหลซึมตลอดเวลา  หงายหลังพลัดตกจาก
พระราชรถด้วยความเผลอของพระองค์ทันที  เมื่อพระองค์เห็นผู้ที่ลอบทำร้ายพระองค์นั้นเป็นอิสตรีเช่นนี้
 ทำให้พระองค์ทรงหวนรำลึกถึงคำตรัสขององค์พระศิวะมหาเทพแห่งเขาไกรลาสที่ประทานพรให้ไว้
แก่พระองค์ ก็ยิ่งทรงแตกตื่นตกพระทัยเป็นยิ่งนัก   รีบทะยานกายหมายคิดจะหลบหนีจากเจ้าหญิงดาริกา
       แต่ด้วยความแค้นเคืองอย่างที่หาที่สุดมิได้ของเจ้าหญิงดาริกาทรงรีบพุ่งพระคทาตรีศูลเข้ายังเบื้องหลัง
ของท้าวนิกาฬทันที   คมของตรีศูลก็เข้าเสียบทะลุออกยังเบื้องหน้าพระอุระ พระโลหิตท่านท้าวนิลกาฬ
ก็หลั่งสาดชโลมไปทั่วบริเวณพื้นแผ่นดินร่างพระองค์คว่ำพระพักตร์ถูกตรีศูลปักกับพื้นแผ่นดินทันที
    หากเป็นการก่อนมิใช่อิสตรีแล้วไซร้ร่างนั้นก็จะคงทนต่อศาสตราอาวุธทั้งปวงหากขาดออกจากกัน
หรือเป็นบาดแผลใดๆก็จะคืนกลับสู่สภาพดังเดิมทันทีเร็วพลัน   แต่บัดนี้ร่างของจอมอสูรหาได้เป็น
เช่นเก่าก่อนแต่ใดไม่ ร่างพระองค์จึงค่อยๆดึงพระวรกายทั้งๆที่คมของตรีศูลยังปักคาพระอุระรีบหันกลับ
มาทอดพระเนตรเจ้าหญิงดาริกาด้วยพระอาการเหม่อลอย    พระเนตรทั้งสองเบิ่งโปนเส้นพระโลหิต
บนพระพักตร์เขียวคล้ำแสดงความหวาดวิตกตระหนกยิ่ง  คล้ายคิดจะทรงตรัสแต่มิมีเสียงดังออกมา
   ร่างของพระองค์ค่อยๆทรุดลงกับพื้นสองพระเนตรค้างสิ้นพระทัยลงไปในทันที  ส่วนบรรดานายทัพ
นายกองทั้งหลายที่ต่างเฝ้าคุ้มครองต่างตื่นตระหนกพากันส่งเสียงร้องระงมไปทั่วบริเวณส่งเสียงดังว่า
องค์ท่านท้าวเธอนิลกาฬได้สิ้นพระชนม์ชีพแล้ว  เหล่าบรรดาทหารทั้งปวงที่ได้ยินเช่นนั้นหันมามองดูแล้ว
ต่างก็รีบหนีไปจากบริเวณสนามรบทันที  แต่ก็หาได้หลุดพ้นไปจากการตามไล่ล่าของบรรดาเหล่าฝูง
สัตว์ต่างๆที่เที่ยวไล่ตามทำร้ายแทบจะมิเหลือกลับคืนไป
           ทางด้านองค์พระยุพราชสิงหะฤทธาที่เข้าต่อสู้กับพระยุพราชอหิงสากุมารทั้งสองพระองค์ต่าง
เข้าโรมรันมิมีผู้ใดแพ้ชนะแก่กันด้วยมีฝีมือทัดเทียมกัน   ด้านองค์พระยุพราชโกเมศกุมารกับพระยุพราช
นิละกาสูรย์ก็ต่างต่อสู้ยากจะหาผู้ใดแพ้ชนะได้   บรรดาไพร่พลต่างก็ล้มตายกันไป  จนเหลือน้อยเต็มที
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นทางด้านเจ้าหญิงปทุมวดีและเจ้าหญิงเฌอมาลย์ต่างนำทหารเข้ามาช่วยรบกับ
พระยุพราชสิงหะฤทธาและพระยุพราชโกเมศกุมารอีกแรงหนึ่งโดยแยกกันเข้าไปช่วย
ทางองค์หญิงเฌอมาลย์เข้าไปช่วยรบทางด้านยุพราชสิงหะฤทธา   เจ้าหญิงปทุมวดีเข้าไปช่วยทางด้าน
พระยุพราชโกเมศกุมาร เมื่อเพิ่มขึ้นเป็นสองต่อหนึ่งต่างก็ประลองฤทธิ์ด้วยอาวุธวิเศษทั้งหลาย
ต่างมีฤทธิ์เดชแตกต่างกันเข้าหักล้างซึ่งกันและกัน ยังหาผู้ใดแพ้ชนะกันไม่ จนกระทั่งทางพระยุพราช
นิละกาสูรย์กับพระยุพราชอหิงสากุมารก็เสียที ล้มลงก็เลยถูกเจ้าหญิงทั้งสองจับกุมตัวได้ทั้งสองพระองค์
ด้วยกำไลแก้วของเจ้าหญิงปทุมวดีเข้ามัดร่างขององค์พระยุพราชนิละกาสูรย์และยุพราชอหิงสากุมารแน่น
มิอาจขยับตัวไปได้อาวุธของพระองค์ทั้งสองก็ล่วงหลุดจากพระหัตถ์ ถูกเจ้าหญิงเฌอมาลย์เข้าเก็บไว้ได้
       เมื่อเหล่าทหารทั้งหลายเห็นพระยุพราชทั้งสองถูกจับกุมในการต่อสู้ครั้งนี้และท่านท้าวนิลกาฬสิ้น
พระชนม์ไปแล้ว  เหล่าทหารทั้งหลายก็ต่างแตกกระเจิงพาหนีกันอลหม่าน บ้างถูกจับกุมตัวได้บ้างหนี
หายเข้าป่าทางภูเขาต่อไป   บ้างเหาะตะเริดเปิดเปิงหนีหายคนละทิศละทางเพื่อหาทางกลับไป
ยังพระนครของตน  พากันทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์เกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณรวมทั้งพาหนะตลอดจนเครื่อง
ใช้ในการศึกต่างๆนานาเป็นจำนวนมากมาย
           ครั้นเจ้าหญิงดาริกาครั้นเห็นองค์ท้าวนิลกาฬทรุดสิ้นพระชนม์ไปก็รีบไปตรวจสอบให้แน่พระทัย
เมื่อเห็นองค์ท่านท้าวนิลกาฬสิ้นพระชนม์   ก็ทรงเหาะทะยานไปหาองค์หญิงมณีกานต์ทันที  
ต่างช่วยกันรีบนำองค์ทัศยุราชันย์กลับเข้าสู่ยังนครนาครินทนาครเพื่อรักษาพระอาการ 
  ท่านมหาราชครูรีบเข้ามารับร่างขององค์ท้าวทัศยุราชันย์และรีบนำเอาน้ำอำมฤตศักดิ์สิทธิ์กรอกใส่
ทางพระโอษฐ์ ส่วนเจ้าหญิงทั้งสองก็ทรงนวดพระวรกาย  พอเวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่องค์ทัศยุราชันย์
ก็ทรงผายพระอัสสาสะและพระปัสสาสะจากช้าๆค่อยเร็วๆขึ้นตามลำดับ แล้วพระองค์ก็ทรงลืมพระเนตร
พร้อมกุมพระปรัศว์ครวญครางเบาๆ ทรงพยายามจะลุกขึ้น แต่เจ้าหญิงทั้งสองได้กดพระวรกายไว้
ให้พระองค์ทรงพักพระวรกายนิ่งๆ  เมื่อเป็นดั่งฉะนี้แล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า
        “ น้องหญิงพี่โดนกระบองท่านท้าวนิลกาฬฟาดนึกว่าพี่จะสิ้นพระชนม์เสียแล้ว”
  เจ้าหญิงทั้งสองทูลเกือบพร้อมกันว่า
         “ยังเพคะขอพระองค์ทรงพักพระวรกายก่อนเถิดแล้วจะทูลให้ฟังในภายหลัง”
  ครั้นพระองค์ทรงพักผ่อนพระวรกายจนหายดีแล้วจึงทรงลุกขึ้นพลางทรงพระดำรัสถาม
         “การศึกเป็นอย่างไรบ้างน้องหญิง พี่เองไม่ค่อยสบายใจนัก”
         “การศึกสิ้นสุดแล้วเพค่ะ  ท่านท้าวนิลกาฬทรงสิ้นพระชนม์แล้ว ส่วนองค์พระยุพราชทั้งสอง
ก็ถูกจับกุมไว้ด้วยแล้วเพค่ะ”  องค์หญิงดาริกาทูล
         “ถ้าเป็นอย่างนี้ขอเราพบหน่อยได้ไหมน้องหญิง”  องค์ทัศยุราชันย์ทรงตรัส
          “อย่าพึ่งเลยเพค่ะ ขอให้ฝ่าบาททรงดีกว่านี้สักหน่อย”  เจ้าหญิงตรัส
ครั้นเวลาผ่านเลยไปได้พอยาวนานเห็นว่าพระอาการดีขึ้นมากแล้วจึงทรงตรัสขึ้นว่า
          “ไม่หรอกน้องหญิงพี่หายดีแล้วเพียงแต่ยังขัดอยู่บ้างนะ” ทรงตัดด้วยความ
เป็นห่วงเป็นใยของเจ้าหญิง    ทรงพยายามทรงลุกยืนพระวรกายขึ้นสาวพระบาทไปๆมาๆ
ให้ทอดพระเนตรแก่เจ้าหญิงทั้งสองดูว่าทรงไม่เป็นอะไรมากแล้ว  
          พระองค์ก็ทรงเดินมาขึ้นนั่งประทับพลางกวาดพระเนตรไปทั่วบริเวณทันที
ก็ทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงดาริกา เจ้าหญิงมณีกานต์ถัดไปเป็นเจ้าหญิงปทุมวดี
และเจ้าหญิงเฌอมาลย์ตลอดจนพระยุพราชสิงหะฤทธาและพระยุพราชโกเมศกุมาร
ตลอดท่านพ่อปู่ราชครูกำลังทยอยเข้ามาแล้วเข้านั่งเฝ้าล้อมรอบพระองค์อยู่ ทรงเห็น
ทุกๆพระองค์ต่างมีสีหน้าซึ่งทรงแสดงเป็นห่วงเป็นใย  ก็ทรงพระสรวลเบาๆทรงไต่ถาม
ถึงเหตุการณ์ต่างๆในการศึกครั้งนี้   ซึ่งต่างก็รายงานทูลถวาย หลังจากที่พระองค์ถูกกระบองเหล็ก
ไหลสีดำตีเข้าข้างพระวรกายลอยกระเด็นไปยังบนฟากฟ้า เจ้าหญิงมณีกานต์ทรงขึ้นไปรับ
และเจ้าหญิงดาริกาทรงสังหารองค์ท้าวนิลกาฬจนสิ้นพระชนม์ชีพด้วยคทาตรีศูลและแทงด้วยงาช้าง
ของพระแม่เจ้าอุมาเทวีกับองค์พระพิฆเนศวรเจ้าจนถึงกับสิ้นพระชนม์ไปในกลางสนามรบครั้งนี้
ส่วนเจ้าหญิงปทุมวดีและเจ้าหญิงเฌอมาลย์ต่างเข้าช่วยพระยุพราชทั้งสองจนสามารถจับกุมพระยุพราช
แห่งอหิงสากะนครและนิลกาฬนครได้ และนำพระองค์มามอบให้มหาราชครูรักษาจนฟื้นพระองค์ 
 ส่วนเหล่าทหารทั้งหลายของเมืองต่างๆต่างก็ได้หลบหนีไปสิ้น ทั้งยังถูกพวกพยัคฆาลายพาดกลอน
และฝูงต่อแตนเหล่าอสรพิษต่างๆติดตามเข้ารุมทำร้ายไป หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ส่วนทหารหญิงชาย
ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีนั้นหาได้มีผู้ใดเสียชีวิตแต่ประการใดไม่ นอกจากเหล่าทหารที่ไม่ได้รับ
การฝึกฝนเท่านั้น แต่บัดนี้ได้กลับฟื้นคืนชีวิตได้ทั้งหมดแล้วด้วยอำนาจของน้ำอำมฤตศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่า
ทหารทั้งหลายได้ดื่มกินไว้ก่อน พอสิ้นชีวิตไปก็ไปบังเกิดขึ้นในธารอันศักดิ์สิทธิ์กลับเข้ามาทำการหมด
แล้ว บัดนี้นครนาครินทนาครได้กลับคืนเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ จะมีก็เหล่าทหารที่ยังคงเข้าไปเก็บกวาด
รักษาพื้นที่ให้ได้รับความสะอาดดุจดังเดิมเท่านั้น 
  เมื่อองค์ทัศยุราชันย์รับทราบแล้วก็ขอร้องให้ช่วยไปนำยุพราชทั้งสองที่จับกุมได้มาเฝ้าทันทียังแท่น
ที่ประทับรักษาพระองค์  เมื่อมีการทูลทัดทานแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะองค์ทัศยุราชันย์ไม่ทรงยินยอมด้วย
จึงต้องตามพระราชหฤทัย ใช้ทหารชายหญิงไปที่ยังควบคุมตัวพระยุพราชทั้งสองเพื่อนำเข้าเฝ้า
           ครั้นนำตัวพระยุพราชนิละกาสูรย์และอหิงสากุมารมาถึง องค์ท้าวทัศยุราชันย์ก็ทรงเข้าไป
แก้มัดแก่องค์ยุพราชทั้งสองทันทีด้วยพระองค์เอง   พร้อมพระองค์ทรงตรัสเชิญทั้งสองพระองค์
ให้เข้าประทับยังที่สมควร  แล้วทรงกล่าวขอโทษต่อองค์ยุพราชทั้งสองถึงเหตุการณ์ที่ไม่สมควรทำ
แก่องค์ยุพราชทั้งสอง ท่ามกลางความงุนงงสงสัยแก่ทั้งหลาย ตลอดจนสร้างความมึนงง
ต่อองค์ยุพราชทั้งสองเป็นยิ่งนักไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีนี้เกิดขึ้น เพราะพระองค์ทั้งสองก็เป็น
นักโทษไปแล้วย่อมจะทำการอย่างอื่นซึ่งไม่ใช่แบบนี้แก่พระองค์    แล้วองค์ทัศยุราชันย์ก็ทรงตรัสว่า
       “ท่านทั้งสองหาใช่เป็นความผิดแก่ท่านประการใดไม่  สาเหตุที่เป็นไปเช่นนี้ก็ด้วยเพราะความ
อยากเต็มไปด้วยตัณหาและความโลภหวังในสิ่งที่ไม่สมควรจะพึงมีซึ่งขัดต่อพระบัญชาสวรรค์เบื้องบน
 การที่เราอยู่ที่นี่ก็มิได้เคยคิดที่จะเป็นศัตรูแก่เหล่านครใดๆเลย  ทางเราเพียงแค่ถือปฏิบัติต่อบัญชาเบื้องบน
เท่านั้นเพื่อรักษาน้ำอำมฤตไว้ให้แก่เหล่ามหาเทพทั้งหลายใช้ในเมื่อเกิดความจำเป็นในกาลภาคหน้า
ที่พระองค์จะประสงค์นั้น   หากมิใช่พระบิดาของท่านยุพราชนิละกาสูรย์มิหลงผิดก็คงจะไม่มี
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เราเองก็เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องจำเป็นเข้าต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งนี้ไว้   
 ตลอดจนท่านท้าวสุพพัตสุระนั้นมีความเข้าใจผิดต่อกัน  หากต่างคนต่างที่จะอยู่อย่างสันติต่อไป
ไม่รุกรานซึ่งกันและกันและหวังในสิ่งที่ไม่สมควรจะได้เช่นนี้แล้วก็คงไม่ทำให้เหล่าประชาอาณาเขต
พากันเดือดร้อนไปตามๆกัน หวังว่าพระยุพราชทั้งสองเข้าใจ  ขอพระองค์คงจะไตร่ตรองถึงเหตุผลต่างๆ
อย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วย  เราเองนั้นมิได้คิดว่าทุกๆคนจะเป็นศัตรูแก่กันทั้งสิ้นเพียงแต่ต้องปฏิบัติอย่างมิมี
ทางที่จะหลีกเลี่ยงได้  จึงขอพระยุพราชทั้งสองพระองค์อย่าได้มีความขุ่นข้องหมองใจแก่เราและเหล่าประชา
ชาวนาครินทนาครแต่ประการใดเลย   การสูญเสียครั้งนี้เราเองก็รู้สึกเสียใจและต้องขอโทษท่านทั้งสองด้วย
				
ภาพประกอบเป็นของคุณ เฌอมาลย์ ขอรับท่าน....แก้วประเสริฐ.				
comments powered by Disqus
  • ยายแม่มดน้อยครับผม

    7 ธันวาคม 2549 10:33 น. - comment id 94144

    ปทุมวดี  กับเฌอมาลย์  น่าส่งมา...ภาคใต้นะเจ้าคะ.......รับรองอย่างว่าจะไม่..
    
    โลภะ จะใจเดียว  ...แหะ แหะ...
    
    หลายรัก  ....19.gif
  • อัลมิตรา

    7 ธันวาคม 2549 12:35 น. - comment id 94145

    ถูกแทงข้างหลัง .. ผู้ชนะ ชนะอย่างไม่สมเกียรติ เลยค่ะ
  • แก้วประเสริฐ

    7 ธันวาคม 2549 16:41 น. - comment id 94149

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ  ยายแม่มดน้อย
    
           เฮอะๆๆเอาอย่างงั้นเชียวหรือ อิอิ
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    7 ธันวาคม 2549 16:42 น. - comment id 94150

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ อัลมิตรา
    
             เห่อะๆๆๆช่างเถอะครับ ตายก็แล้วกัน อิอิ
    
                         16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เฌอมาลย์

    7 ธันวาคม 2549 18:47 น. - comment id 94156

    41.gif
    
    เย้ๆๆๆชนะแย้ววว คริ คริ46.gif
    
    เฌอ ให้มณีกานต์ กับปทุมวดีไปภาคใต้แทนค่ะ อิอิ เฌอกัวอ่ะ อิอิ65.gif
  • แก้วประเสริฐ

    7 ธันวาคม 2549 19:10 น. - comment id 94157

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เฌอมาลย์
    
            ผมว่าไปอยู่กันพร้อมหน้าที่นครนาครินทนาคร
    ดีกว่านะครับ หรือว่ามาอยู่ที่บ้านผม  อุ๊ย...ไปล่ะครับ
    
                      16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เพียงพลิ้ว

    12 ธันวาคม 2549 09:26 น. - comment id 94251

    เจ้าหญิงมณีกานต์มาแล้วค่ะ
    รบแต่ในสนามรบและสนามรักค่ะ อิอิ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • แก้วประเสริฐ

    12 ธันวาคม 2549 09:31 น. - comment id 94253

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เพียงพลิ้ว
    
             ไปไหนมาหรือจ๊ะเจ้าหญิงคิดถึงหายไปนาน
    
                        16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน