กาปากเหล็ก

ฤทธิ์ ศรีดวง

คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์ทอแสงไล่แสงดาวไปจนหมดฟ้า ริมทุ่งหนองจอก บ้านทรงโบราณ ๒ ชั้น ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังคงเปิดไฟสว่าง
เนื่องจาก ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม นักศึกษาชาย ๒ คน กำลังนั่งเลี้ยงฉลองวันเกิดในบ้าน คนหนึ่ง ชื่อ ต้น อีกคน ชื่อจัน กำลังเล่น กีต้าร์ ตีแก้ว เคาะขวด กันอย่างสนุกสนาน
จุ๊ ๆ เบาๆหน่อย ลุงแถมแกหลับอยู่ เดี๋ยวก็ได้ตื่นขึ้นมาด่า จันห้ามปรามเพื่อนในฐานะที่เป็นหลานของผู้ถูกกล่าวถึง ต้นหยุดเล่น แล้วหันมาถามจัน
เขาว่า ลุงแถม แกมีเชื้อสายเขมรใช่ไหมวะจัน
คงงั้นมั้ง จันตอบไม่ใส่ใจนัก พลางเอนหลัง
เขาว่าคนเขมรมีอาคม คุณไสย ลุงแถมแกเล่นหรือเปล่าวะ ต้นถามด้วยความสนใจ
ไม่รู้ แต่ไอ้คนที่เล่นของแบบนั้นน่าจะมีอยู่ไม่กี่คนมั้ง ไม่งั้นเขมรคงไม่แตก คนคงไม่ตายเป็นเบือ คนมีวิชาอาคมคงออกมาช่วยกันเต็มเมือง
ก็จริง แต่พอพูดถึงคนเขมร มันก็คิดถึงภาพน่ากลัวๆทุกที เออ แล้วบ้านหลังนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ต้นถามต่อ
ไม่รู้ว่ะ
เอ็งรู้ อะไรมั่งวะ จันเริ่มฉุน ต้นเห็นเพื่อนสนใจจริงๆ จึงพูดอย่างใช้ความคิดก่อนตอบ
อายุที่แน่นอนไม่แน่ใจ น่าจะสมัยรัชกาลที่ ๓
เฮ้ย บ้านเก่ามากนี่หว่า จันพูดอย่างไม่น่าเชื่อ
ดูไม่เหมือนแล้ว ปรับนู่น เปลี่ยนนี่ มาเรื่อย ถ้าจะดูความเก่าจริงๆต้องขึ้นไปดู ของที่เก็บไว้ข้างบนบ้าน...ทำไมวะ ! อีแค่เอ็งเรียนโบราณคดีแล้วทำเป็นอยากดูนั่นอยากดูนี่
เถอะน่า..ไปดูกันหน่อย ข้าอยากดูต้นขยั้นคะยอ
คงไม่ได้มั้ง อยู่ในห้องลุง เอาไว้ขอลุงแกก่อน ดูตอนเช้าก็ได้ จันผลัดอย่างขอไปที
ลุงแกนอน หัวค่ำทุกคืนหรือไง
ใช่...แต่คืนนี้ไม่แน่นะเห็นห้องแกยังเปิดไฟอยู่ อาจจะนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ได้
ก็ดีซิวะ จะได้ไปนั่งคุยกับแกเลย
คงเป็นเพราะฤทธิ์สุราอ่อนๆบวกกับความสนใจที่มี ทำให้ต้นอยากรู้นู้นนี่ไปหมด จันจำใจพาเพื่อนเดินไปที่ห้องลุงแถม   อันที่จริงแล้วจันเองก็ไม่ได้สนิทกับลุงแถมมากนัก จันนึกถึงคำที่พ่อเคยบอกลุงชอบทำตัวลึกลับ นานๆทีจันถึงจะแวะมาเยี่ยมแกเหมือนเช่นครั้งนี้  บรรยากาศที่สงบ เงียบ ลมเย็นสบาย กลิ่นอ่อนๆของไอดิน เสียงต้นไม้ลู่ลมดังไกลออกไป        ให้ความรู้สึกที่หาที่เปรียบไม่ได้ จากระเบียงบ้านที่ทั้งคู่นั่งดื่มกันถัดมาเป็นทางเดินเชื่อมกับเรือนนอน มองไปด้านนอกเป็นดงมะพร้าวมืดครึ้ม แม้จะมีแสงจันทร์ส่องบ้าง แต่ก็ยังดูน่ากลัว จันหยุดเดินและเคาะประตู ห้องลุงแถม  ไม่มีเสียงตอบ     ลุงแถมไม่อยู่ในห้อง ประตูห้องไม่ได้ล๊อคมันแง้มออกเมื่อถูกเคาะ แสงไฟจากเพดานทำให้มองเห็นภายในห้องได้ชัดเจนพอสมควร มันเป็นห้องขนาด ๔ คูณ ๔ ตารางเมตร ผนังห้องเป็นไม้ทาน้ำมันสีดำมืด มีที่นอนเป็นเตียงไม้เล็กๆอยู่ชิด     ผนังห้อง โต๊ะหมู่บูชาเล็กๆอยู่อีกมุมของห้อง มีพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก  ๖ นิ้วปางสมาธิอยู่องค์เดียว กระถางธูปเก่า     คร่ำคราอัดแน่นไปด้วยก้านธูป เพดานตรงนั้นถูกรมดำด้วยควันธูป มีเชิงเทียน ๒ อันเต็มไปด้วยน้ำตาเทียนสีดำ กับเทียน   สีดำครึ่งแท่ง ส่วนที่เหลือของห้องเป็นที่เก็บหนังสือกองซ้อนทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ จันกวาดตามองไปทั่ว และ    สะดุดตาที่ตู้ไม้สักใบย่อมๆอยู่ถัดจากโต๊ะพระ ตู้นั้นปิดสนิทมือจับเป็นไม้และมีไม้เสียบขัดอยู่แทนกลอน ต้นผลักจันเข้าไปในห้องอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้อง เขาตรงไปที่ตู้ไม้ใบนั้นเมื่อถอดสลักออก ภายในมีมีดสั้นเล่มหนึ่งดำสนิทเป็นมันปลาบ มีอักขระแปลกๆสลักอยู่บนมีด ด้ามไม้แกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลกมนุษย์ มีดหมอ ต้นอุทานเบาๆ ข้างๆมีดหมอ       เป็นสมุดเก่าๆเล่มหนึ่ง ปกสมุดยับย่นแข็งกระด้าง ดูเหมือนหนังสัตว์มีรอยสีดำฝังลึกอยู่ในแผ่นหนัง 
รอยสัก นี่มันหนังคนนี่หว่า ต้นอุทานอีกครั้งหายเมาเป็นปลิดทิ้งแต่ความอยากรู้ยังคงอยู่เขาเปิดสมุดออก
ภาษาเขมรต้นพึมพำเบาๆ
มันเขียนว่าไงวะจันอยากรู้ขึ้นมากบ้าง เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนรัก
ต้นเปิดสมุดหนังคนอย่างพินิจพิเคราะห์ เหงื่อเม็ดใหญ่เต็มหน้า
มันบอกเรื่อง...มิติซ้อนทับของ ๓โลก
เป็นยังไงจันซัก
คล้ายๆไตรภูมิพระร่วง ที่บอกเรื่องโลกต่างๆตั้งแต่เรื่องนิพพาน พรหม สวรรค์ โลกมนุษย์ เดรัจฉาน เปรต แล้วก็ นรก
แล้วมันต่างกันตรงไหนจันถาม 
ในนี้... เหมือนมันจะ...บอกวิธีเปิดมิติอื่นด้วย
เอ็งเชื่อเหรอวะ...งมงายจะตาย มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ ประเภทที่ว่าท่องคัมภีร์แล้วผีร้ายออกมา
ข้าก็ว่างั้นแหละ...แต่มันน่าสนใจตรงที่ว่าไอ้ตำราแบบนี้เขาเขียนไว้เพื่ออะไร
เอ็งมันนักโบราณคดี...น่าจะรู้ดี...มาถามข้าทำไมวะ
น่าจะใช้เพื่อความเชื่อในลัทธิอะไรสักอย่าง...ลองอ่านดูสักบทไหม... เอาอันนี้ดีกว่าสั้นดี มันว่าเรื่องเปิดประตูนรก ปลดปล่อยกาปากเหล็ก ท่าทางน่าสนุก
แล้วต้นก็เริ่มอ่านคาถาภาษาเขมรบทนั้นจนจบ
เห็นไหมหละไอ้ต้น เอ็งอ่านจบแล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย...ไปเถอะเก็บของไปนอนดีกว่า เดี๋ยวลุงแถมกลับมา   โดนด่ากันเปิง
ทั้งคู่เดินออกมานอกห้อง ผ่านระเบียง เมฆเริ่มครึ้มอยู่ขอบฟ้าฟากโน้น ลมเริ่มพัดแรงเหมือนฝนจะตก ทั้งสองรีบจ้ำเดินเข้าห้องนอน เสียงฟ้าร้องคำรามดังลั่น ฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่ว แล้วฟ้าก็ผ่าลงที่ยอดมะพร้าวข้างบ้าน เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว มองดูต้นมะพร้าวที่ถูกผ่าครึ่งไฟลุกท่วม แสงจันทร์กำลังจะถูกบดบังด้วยเมฆดำที่กำลังเคลื่อนตัวมาช้าๆตามแรงลม จันและเพื่อนเข้าไปในห้องเกือบจะพร้อมกัน ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา
สงสัยฝนจะตกวะ ท่าทางจะตกหนักด้วยจันพึมพำขณะที่อีกฝ่ายไม่แน่ใจนักว่าจะมีสาเหตุมาจากฝนจะตก เพราะไม่มีวี่แววมาก่อน
มีเสียงก๊อกๆดังขึ้นที่ประตู จันนึกว่าลุงแถมมาเคาะ กำลังจะเปิดประตูก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกันที่ฝาบ้าน...ที่หลังคา...ที่หน้าต่าง...ที่ใต้ถุนบ้าน... มันดังขึ้นเต็มไปหมดและดังแรงขึ้นเรื่อยๆ จันตกใจหันมามองหน้าต้นที่ตกอยู่ในอาการไม่ต่างกันนัก ฝาบ้านเริ่มทะลุ หน้าต่าง ประตูก็เช่นกัน ปากของสัตว์ปีกชนิดหนึ่งโผล่เข้ามาพร้อมกลิ่นสาบอย่างแรง
กาปากเหล็ก! ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน ใบหน้าซีดตกใจสุดขีด ในใจคิดได้อย่างเดียวคือ หนี! หนีให้พ้นจากสัตว์นรกพวกนี้ แล้วจะไปไหน ที่ห้องลุง ลุงอาจจะช่วยได้ แต่ลุงกลับมาหรือยัง ฝาบ้านทะลุ แล้วกาตัวแรกเข้ามา ตัวมันใหญ่กว่าอีกาสองเท่า ดวงตาแดงกล่ำ มันพุ่งเข้าหาจัน เขากระโดดหลบได้ทัน แต่หลบตัวที่สอง สาม ไม่ทัน มันจิกเข้าที่แผ่นหลัง...เสื้อขาด เขารู้สึกเหมือนโดนมีดคมๆบาด เจ็บร้าวไปทั่วหลัง ขณะที่เพื่อนก็กำลังปัดป้องฝูงกานรกที่รุมทึ้งเขาอย่างหิวกระหาย เสื้อผ้าขาดวิ่น บาดแผลเต็มตัว จันถีบประตูพัง แล้วออกวิ่งไปที่ห้องลุง ต้นวิ่งตามไปติดๆ เมื่อถึงประตูก็มีมือหนึ่งดึงจันเข้าไป    ในห้อง แล้วประตูห้องก็ปิดทันที ก่อนที่ต้นจะวิ่งมาถึง ปัง...ปัง...ปัง เสียงทุบประตูโครมใหญ่
ช่วยด้วยต้นร้องตะโกนอยู่นอกห้อง ประตูเปิดออกมือข้างเดิมกระชากเด็กหนุ่มเข้ามาในห้องมีกาปีศาจติดเข้าไปสามตัว ฉับ..ฉับ..ฉับ เสียงฟันร่างกาทั้งสามตัวด้วยมีดหมอที่อยู่ในตู้ไม้สัก กานรกร่างขาดลงพื้น เสียงกาปากเหล็กยังระดมจิกผนังห้องลุงแถมอย่างโกรธแค้น นับร้อยนับพันตัว
ฝีมือใครชายชราใบหน้าซูบตอบ แต่ยังดูแข็งแรงถามขึ้นด้วยเสียงเครียด ทั้งคู่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด เลือดยังไหนโทรมกาย
ลุงแถม ผมอ่านตำราเอง ผมชื่อต้นเป็นเพื่อนกับจัน
รู้ไหม ทำอะไรลงไปลุงแถมบ่นไปพลางตัดผ้าพันแผลให้คนทั้งคู่
มันเป็นคัมภีร์ต้องห้าม คนที่ใช้ต้องรู้จักเปิดและปิดให้ทันเวลาไม่เช่นนั้นมันจะเป็นแบบนี้นั่นแหละ
แล้วจะทำยังไงดี จันถามขึ้น
ลุงอ่านคาถาปิดประตูไปแล้ว ที่เหลือนี่แหละปัญหา ทำยังไงถึงจะกำจัดมันให้หมด
เห็นลุงใช้มีดหมอฆ่ามันได้...เออ แล้วมันจะเจาะผนังห้องนี้ได้ไหมลุง
อาคมลุงคุ้มครองห้องนี้ได้แค่ฟ้าสาง...ตอนนี้เรามีมีดหมอหนึ่งเล่มและก็ดาบอาคมอีกเล่มอยู่บนหิ้ง มันพอแค่สองคนเท่านั้น ลุงแถมเอื้อมมือหยิบดาบบนหิ้งหัวเตียงมาส่งให้จัน
อีกคนคงต้องเป็นคนเปิดประตูล่อมันให้เข้ามา
เราไม่ได้ฝันใช่ไหม ตันหลับตาถามขึ้นอย่างไม่หวังคำตอบ เดินไปที่ประตูกำมือจับประตูแน่น อีกมือหนึ่งปลดกลอนด้วยใจระทึก
เอาละนะ หนึ่ง... สอง... สาม ประตูเปิดออก นกผีพุ่งเข้ามานับสิบ ต้นดันประตูปิดดังปัง สองมีดกวัดแกว่งซากนกร่วงเป็นเบือ เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเช้า ทั้งสามเริ่มหมดแรง ฝาบ้านเริ่มทะลุอาคมนั้นเสื่อมแล้ว กาตัวแรกเข้ามา ตามด้วย ตัวที่สอง ที่สาม ที่สี่...และทั้งฝูง สุดแรงที่ทั้งสามจะต้านได้ จันและลุงแถมถูกจิกทึ้งร่างแหลกเละทั้งที่ยังหายใจอยู่ จันเห็นกาผีกำลังจิกกินไส้ของเขา เปรี๊ยะ! เสียงพื้นบ้านแตกทะลุ ร่างของต้นตกลงไปใต้ถุนบ้าน เขายังไม่ตาย ในขณะที่ฝูงกา  ยังรุมกินโต๊ะสองลุงหลานบนบ้าน เขากระเสือกกระสนไปที่รถซึ่งจอดไว้หน้าบ้าน เขานึกขึ้นได้ว่ามีน้ำมันสำรองติดไว้ท้ายรถ คิดได้ดังนั้นจึงเปิดท้ายรถออกหยิบถังน้ำมันออกมา ทำลาย! ใช่เขาต้องทำลายมันให้สิ้นซาก เขาลากร่างโชกเลือดไปราดน้ำมันที่โค่นเสาบ้านใต้ห้องลุงแถม ไฟแช็คถูกจุดขึ้น ไฟเริ่มลามเลียขึ้นไปตามเสาอาบน้ำมันบ้านไม้ที่ทาน้ำมันเพื่อกันปลวกนั้น ย่อมเป็นเชื้อไฟอย่างดี ไม่กี่นาทีบ้านนั้นก็ตกเป็นทะเลเพลิง 
ชายหนุ่มผู้รอดตายยืนพิงรถริมถนนแคบๆ มองดูไฟนรกที่กำลังเผาไหม้บ้านไม้หลังงามอย่างบ้าคลั่ง เขาฟังเสียงกรีดร้องของนกผีอย่างสะใจ นึกเศร้าใจในชะตากรรมของเพื่อนรักและลุงแถมที่มีจุดจบเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขาเอง    อีกไม่นานคงมีคนพบศพที่ถูกไฟไหม้ เขายังไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเรื่องโยงใยมาถึงเขา เขาจะตอบตำรวจว่าอย่างไร ถึงเขาเล่าเรื่องนี้ออกไปจะมีใครเชื่อ แต่ช่างเถอะตอนนี้เขารอดแล้ว มันเหมือนฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป เขาพาร่างที่เหนื่อยเพลียเต็มทีขับรถออกไป ฟ้าเริ่มสางแล้ว ดวงอาทิตย์ดวงกลมโต ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า ฟ้ายามนี้ใสสว่างสายลมยามเช้าพัดมาอ่อนๆ     ไกลข้างหน้าลิบๆมีกลุ่มควันลอยอยู่ห่างๆ เมื่อรถใกล้เข้าไปก็เห็นชัดว่าบ้านเรือนสองข้างทางถูกไฟไหม้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อรถเข้ามาในเมือง มันเงียบเหงา ดูรกร้างไปหมด สภาพเมืองดูยับเยิน เหมือนถูกถล่มมาอย่างหนัก ร้านรวงเสียหาย กระจกแตก ไฟไหม้หลายจุด ควันไฟยังกรุ่นไปทั่ว ชายหนุ่มจอดรถออกเดินสำรวจ เริ่มเห็นเศษซากชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่วเหมือนถูกอะไรบางอย่างรุมทึ้ง
พระเจ้า ฝีมือกาปากเหล็กแน่ เขาอุทานออกมา สายตามองหาผู้รอดชีวิต เมื่อไม่เห็นใครเขาจึงตะบึงรถไปข้างหน้า      หวังจะพบผู้คนบ้าง จากตรงนั้นไปราว 3 กิโลเมตร เขาก็พบชุมชนใหม่ที่กำลังคึกคักมีชีวิตชีวาต้อนรับเช้าวันใหม่อย่าง   สดชื่น เขาแวะเข้าไปทำแผลในคลินิกแห่งหนึ่ง บอกหมอว่าถูกสัตว์เลี้ยงทำร้าย เขารู้ว่าหมอไม่เชื่อเขาหรอก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมานั่งกินกาแฟที่ร้านหน้าคลินิก ดูชีวิตผู้คนที่มีความสุขรู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่นัก โชคดีที่พวกกาผีไปหมดแล้วพวกมันคงตายในกองไฟทั้งหมดหรือกลับไปโลกของมัน แล้วชายหนุ่มเดินปล่อยอารมณ์ เขาต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดมองไปยังขอบฟ้าเบื้องหน้า แสงแดดเริ่มถูกเบียดบังด้วยเมฆดำ ฝนคงจะตก เมฆดำนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกทีๆใกล้จนสังเกตเห็นได้ว่ามันไม่ใช่เมฆ มันเป็นฝูงกาปากเหล็กจำนวนนับแสน				
comments powered by Disqus
  • กีกี้

    18 พฤษภาคม 2550 08:29 น. - comment id 95643

    1.gif หลายวันก่อนได้ดูเรื่องคนเล่นของ ..
    
    อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่องนั้นเลย ..
    
    ชอบอ่านเรื่องแบบนี้นะคะ แต่เขียนไม่เป็น .. 
    
    นับถือๆๆ 29.gif
  • มัสลิน

    18 พฤษภาคม 2550 20:22 น. - comment id 96205

    อืมมม.........พรุ่งนี้พวกเราก็คงด๋อยกันหมด
    เพราะว่ากาปากเหล็กยังมีชีวิตอยู่ เฮ้อ........
    ว่าแต่จะรอดไปถึงพรุ่งนี้เหรอเนี่ย..............
    อ่านต่อเนื่องวางไม่ลงเลยค่ะ.......................
    เขียนได้ชวนติดตามมาก
    อย่างนี้สมควรมีทุกวัน
    จะได้ย่องเข้ามาอ่าน
    ทำให้คลายเครียด
    และมีความสุข
    กับอรรถรส
    ของงาน
    เขียน
    นะ57.gif
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    18 พฤษภาคม 2550 22:56 น. - comment id 96206

    กีกี้
    ขอบคุณที่แวะเข้ามาดู  มีงานเขียนอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด แล้วจะทะยอยลงให้อ่านเล่นครับ
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    18 พฤษภาคม 2550 23:03 น. - comment id 96207

    มัสลิน
    เอ...อ่านเรื่องสั้นด้วยเหรอ ขอบคุณที่อุตส่าห์ติดตามผลงานโดยตลอด เรื่องนี้เขียนไว้นานมากกกกกก.....ตั้งแต่สมัยหัดเขียนเรื่องสั้นใหม่ๆ สมัยที่สมองตัน เขียนกลอนไม่ออก
    แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้เขียน เพราะสมองส่วนเขียนกลอนมันทำงานอีกครั้ง สมองส่วนเรื่องสั้นมันก็เลยฝ่อไป....เฮ้อ
     แต่ยังมีใน stock อีกหลายเรื่องจะค่อยๆทะยอยลงให้ ลงมากเดี๋ยวหมดเร็ว
    ขอบคุณอีกครั้งครับ
  • ฉางน้อย

    19 พฤษภาคม 2550 21:00 น. - comment id 96220

    46.gif.........
    
    สวัสดีค่ะพี่ฤทธิ์ ศรีดวง
    
    เฮ้ออออ..ไม่อยากเขียนชื่อพี่เล๊ยยยย  อิอิ
    
    ...... แอบอ่านด้วยคนซิคะพี่มัส
    
    โห พี่มัสมาแอบอ่านคนเดียว
    
    ไม่ยอมชวนน้องนุ่งมาบ้างเลยน๊า
    
    ( ดีน๊า ที่น้องมังนุ่ง ถ้าน้องไม่นุ่ง พี่มังคงเป็นตากุ้งยิง อิอิ )46.gif
  • มัสลิน

    19 พฤษภาคม 2550 22:26 น. - comment id 96221

    อิอิ....เรื่องสั้นของคนเขียนเก่งๆอย่างนี้
       มีเหรอคะจะปล่อยให้ผ่านไปได้ แอบมาอ่าน
          ตอนนี้ติดงอมแงม......ถ้าจะให้เลิกอ่าน
    ต้องพาไปอดที่ถ้ำกระบอกจ๊ะ
           ฉางน้อย......อย่าลืมศึกษาวิชาเขียนเรื่องสั้นจากคุณฤทธิ์นะคะ
    แล้วเรามาเขียนแลกเปลี่ยนกัน
    เรื่องสั้นเรื่องแรกที่พวกเราจะเขียนคือ.....
      " ทำไมถึงต้องเป็น ฤทธิ์  ศรีดวง "
  • เรไร

    20 พฤษภาคม 2550 12:13 น. - comment id 96223

    
    รออ่านอยู่ครับ งานแนวๆนี้ผมชอบ คุณเขียนเรื่องสั้นได้น่าอ่านมากครับ
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    20 พฤษภาคม 2550 13:21 น. - comment id 96224

    ฉางน้อย
    ไอ้น้อง พี่มีเรื่องสั้นเก่าอยู่หนึ่งเรื่อง..เดี๋ยวลงให้เลย ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อตัวเอกเป็น "ฉางน้อยละกัน"
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    20 พฤษภาคม 2550 13:23 น. - comment id 96225

    มัสลิน
    อย่าลืมอ่านเรื่อง...ฉางน้อย...ด้วยนะคร้าบ
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    20 พฤษภาคม 2550 13:24 น. - comment id 96226

    คุณเรไร
    ขอบคุณมากครับที่ชอบอ่าน จะลงให้อ่านเรื่อยๆครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน