สำนึก,,,,,,ผิดพลาด

เงาแสง

แต่ละวัน แต่ละคืน  ชีวิตหมุนเวียนเหมือนนาฬิกาที่ไม่หยุดหมุน  หลายครั้ง
ที่ลุกขึ้นจากเตียง  และยังจำได้กับอดีตที่ผ่านพ้น  หลายคนบอกว่าการเวลาไม่เคยรอใคร  แต่สำหรับบางคนกาลเวลาได้หยุดอยู่กับที่   ตอกย้ำวันวานที่เหนื่อยล้า
และเจ็บปวด  จะทำอย่างไรถ้าความทรงจำบางเรื่องไม่เคยลบเลือน
และเราไม่อาจจะพูดออกมา
เป็นเวลายาวนานที่เดินเพียงลำพัง     เรียนรู้บทเรียนของชีวิตที่แสนทรมาน
ทำไมกับบางคนความผิดที่เคยทำกับผู้อื่นกับเป็นเรื่องเล็กน้อย  แต่กับอีกคน
กลับกลายเป็นบาดแผลแค่ความผิดเพียงครั้ง    สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากความเจ็บปวด  คือความอดทน 
     อดทนต่ออะไร เราทุกคนต้องเดินไปข้างหน้าเหมือนคนอื่น  โดยที่ต้องเปลียน
พื้นหลังของบุคลิกเพื่อมุ่งมั่นต่อจุดมุ่งหมายข้างหน้า  ถ้าเราไม่สามารถยืนหยัดต่อหลายสิ่งที่มากระทบ เราคงถูกทำลายจากอดีตและอนาคต สิ่งที่อยากจะพูดถึงนี้
คือสิ่งที่เราควรจดจำว่า"อดีตไม่เคยนำพาเราเดินไปข้างอย่างเข้มแข็ง    
แต่ความเข้าใจในอดีตจะนำพาสู่สิ่งที่มุ่งหวังอย่างกล้าหาญ"   
   ผมเป็นอีกคนที่ไม่สามารถจะลืมสิ่งที่ตนเองผิดพลาด หลายครั้งเรารู้ว่าการแบก
ความทุกข์ไว้ไม่ใช้หนทางที่เราจะมีความสุข  เหมือนเราเป็นคนบ้า    คนส่วนมากมักบอกว่าเราต้องรู้จักทำชีวิตให้มีความสุข โดยการอย่าไตร่ตรองความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้น  แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่มองสวนทาง   ชีวิตผมอาจจะไม่ได้มีความสุข
แต่ผมไม่อาจโกหกตัวเอง สิ่งที่ทำคือการอยู่กับความทุกข์ให้ได้  เพราะสำหรับผม
ความทุกข์หรือความสุขต่างกันที่ใด  ในเมื่อเราก็หัวเราะได้เวลาทุกข์   และบาง
ครั้งดีใจก็ร้องไห้   แปลกที่คนเรากับยึดติดกับคำเหล่านี้     สุขหรือทุกข์   
    ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเวลาหลายปีที่ผมไม่ได้เขียนบทความ
ผมได้ค้นพบหลายอย่างที่ขาดหาย  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า   ชีวิตไม่มีอะไรเลย
อดีตที่ทำผิดก็คือผิด  อย่างหลงลืมว่าเราผิดถึงจะเจ็บปวดเพราะนั้นคือชีวิต
ของเรา  รักษาและยืดหยัดในความเชื่อมั่นในตัวเอง     เชื่อว่าเราจะทำ
ความดีขึ้นมาใหม่  "หลายครั้งที่หลงทาง  ทุกด้านมืดสนิท  ลองหลับตาแล้วจะรู้ว่า
นี่แหละเรื่องธรรมดา   จงกล้าลืมตาและลุกจากเตียง"				
comments powered by Disqus
  • ออวารณี

    15 สิงหาคม 2551 16:45 น. - comment id 100838

    คุณเงาแสง
      ชื่นชมบทความดีมากค่ะ ได้ข้อคิดที่ดี
    เมื่อผิดพลาดเราควรรู้จัก ขอโทษ
    ไม่ทำผิดอีก และทำใหม่ให้ดีกว่าเดิมเสมอ
    สาธุค่ะ
  • ฅนไท

    21 สิงหาคม 2551 19:49 น. - comment id 101105

    ความคิดความเชื่อทางศาสนา    ทุกศาสนา ส่วนใหญ่มักจะสอน ให้ห้ามสงสัยในคำสอน (มีจริงหรือเปล่า?, ใช่หรือไม่?, เชื่อได้หรือเปล่า?, เป็นจริงอย่างที่สอนหรือไม่?, เพราะอะไร?, เป็นจริงอย่างที่ท่านศาสดาสอนไว้หรือเปล่า?)
    	ยกเว้นแต่ พุทธศาสนา สอนให้ต้องสงสัยในคำสอน สอนให้คิด สอนให้ใคร่ ครวญจนเข้าใจชัดเจนก่อนจึงค่อยเชื่อ ตามหลักแห่งความเชื่อใน กาลามสูตร ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึง คุณ โทษ หรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ
    ๑.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) 
    ๒.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    ๓.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) 
    ๔.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) 
    ๕.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    ๖.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    ๗.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    ๘.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว(มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    ๙.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    ๑๐.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา(มาสมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    ลักษณะความเป็นไทย  คือรักอิสระ  คนไทยจึงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นจากการครอบงำของ  พระผู้เป็นเจ้า  ความเชื่อที่ผิด  และเผด็จการ
  • มูฮัมมัดเมืองไท

    21 สิงหาคม 2551 19:50 น. - comment id 101106

    มูลเหตุแห่งความรุนแรงทางภาคใต้ของไทย  เพราะการมอมเมาชักจูงสาวกของนายมูฮัมมัด  ที่พยามยามยัดเยียดความคิดวิธีแก้ปํญหา  ด้วยความรุนแรงจากการทำสงครามทางศาสนา  โดยใช้อาวุธ  ประกอบกับมีคนในพื้นที่  พยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ให้การต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนเป็นการต่อสู้ทางศาสนา แล้วนายมูฮัมมัดคือใครกันแน่  นายมูฮัมมัดก็เป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง  ที่ใช้ความเป็นหนุ่มรูปงาม อายุน้อย ผูกมัดใจสาวใหญ่สูงอายุผู้มั่งคั่ง  เพื่อการดำรงชีพ   แล้วขอแต่งงานด้วย   เพื่อครอบครองทรัพย์นำไปเป็นประโยชน์แก่ตนเอง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า  เกาะเมียกิน  ก็ได้  จึงกลายมาเป็นลักษณะนิสัยของหนุ่มมุสลิมทั่วไปในปัจจุบัน
    เพราะการที่ท่านศาสดามูฮัมมัดมีเมียแก่ แต่ไม่ค่อยจะมีความสุขในครอบครัว ไม่พอใจในชีวิตการครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว  จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ชายมุสลิมมีเมียได้ ๔ คน
    แต่พอมีเมียคนใหม่เป็นเด็กอายุน้อย ๆ ตั้งแต่คนที่ ๒ ก็เกิดความหวงแหนกลัวเมียเด็กจะไปปันใจให้ชายอื่นที่หนุ่มกว่า จึงบังคับให้เมียเด็กคลุมหน้าคลุมตา ไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมองเห็นความงดงามของเมียน้อยตัวเอง และเพื่อมิให้เป็นข้อครหา จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้หญิงมุสลิมทุกคนต้องคลุมหัวปิดหน้า
    ท่านศาสดาเป็นคนที่มีอีโก้สูง อยากโดดเด่นเหนือคนอื่น  จึงคิดหาวิธีการตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยการจัดตั้งลัทธิความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ  อัลเลาะฮ์   และการที่ทุกคนจะติดต่อกับอัลเลาะฮ์ ได้ ก็จะต้องติดต่อผ่านท่านศาสดามูฮัมมัดเท่านั้น  คนอื่น ๆ ไม่เก่ง ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดีเลิศเท่าท่านศาสดา  ความคิดนี้ จึงไปขัดแย้งกับสาวกของพระเจ้าองค์อื่น ๆ  ที่พวกเขานับถือกันอยู่  ซึ่งถือเป็นเผด็จการทางความคิดนั่นเอง   จึงเกิดสงครามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในการครอบครอง  หินกาบะห์   สถานที่ศักด์สิทธิ์ของพระเจ้าหลายองค์ในขณะนั้น
    การต่อสู้ทางความคิด และสงครามทางอาวุธ ของท่านศาสดามูฮัมมัดในระยะแรก พ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถูกตามล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด  จึงหาวิธีปลุกระดมมวลชน สาวกกลุ่มใหม่ให้ยอมสละชีวิตร่างกายในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านมูฮัมมัดเอง แต่อ้างว่าเป็นโองการจากอัลเลาะห์ ให้การต่อสู้ในครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ทางศาสนา โดยกำหนดหลักการที่ว่า การเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ที่มีความเชื่อแตกต่างไปจากพวกของศาสดามูฮัมมัดไม่ผิด และจะได้บุญ ได้ไปพบกับอัลเลาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าผู้วิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ให้คุณให้โทษ สร้างและทำลาย  ให้พรและสาปแช่ง  ต่อมวลมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ที่มีในโลก และนอกโลก ( ทุกอย่างเป็นประสงค์ของอัลเลาะฮ์ )
    แท้จริงความหมายของ  อัลเลาะฮ์  ก็คือ   ความเป็นจริงของธรรมชาติ  ( ผลย่อมเกิดแต่เหตุปัจจัยที่เหมาะสม )   แต่ศาสดามูฮัมมัด ได้กำหนดความหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า  อัลเลาะฮ์   เป็นองค์เทวะผู้วิเศษที่จะบันดาลอะไรก็ได้ตามคำร้องขอของท่านศาสดามูฮัมมัด ผู้ติดต่อกับอัลเลาะฮ์ได้โดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น
    เมื่อศาสดามูฮัมมัดชนะสงครามทางความเชื่อ ตั้งตัวเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามแล้วจึงกำหนดกฎของอัลเลาะฮ์ขึ้นเป็นหลักความคิดความเชื่อของศาสนาอิสลาม  ซึ่งเป็นเผด็จการทางความคิด คล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลก  คือ........ 
    มุสลิมต้องเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ( อัลเลาะฮ์ ) โดยผ่านทางศาสดามูฮัมมัดคนเดียว  เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคโดยผ่านคนของพรรคเท่านั้น
    ทั้งมุสลิมและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ห้ามสงสัยในคำสอน ห้ามสงสัยในคำสั่งของพรรค ต้องอุทิศร่างกาย และชีวิตแด่ศาสดา หรือพรรค
    กฎของพรรคคอมมิวนิสต์ เปรียบเสมือนเป็นโองการของศาสดา ที่กำหนดเป็นคำภีร์         ( กุรอาน ) ที่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามหนทางเดียว
    นบีมูฮัมมัด เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์ความคิดความเชื่อ และหลักการทางศาสนา เช่นเดียวกับ มาร์ค  เลนิน เป็นเจ้าของแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกัน
    หลักการความเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์  ก็คือหลัก ความคิด ความเชื่อของอิสลาม
  • เงาแสง

    17 กันยายน 2551 19:58 น. - comment id 101139

    ที่ผมเขียนไม่ยักรู้ว่าเกี่ยวกะศาสนาด้วย อิอิ
  • topnino

    5 กันยายน 2551 21:56 น. - comment id 101434

    ชอบจัง 
    
    มีความคิดแบบเดียวกันเลย
    
    บางครั้งการที่เราเสียใจก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดยีียวว

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน