ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

nidhi

ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์	
หมื่นศักดิ์ศรีบัดนี้ไม่มีเหลือ
ใครจะเชื่อเยื่อใยไม่มีหลง
คิดจะปดอย่างเก่าก็ต้องปลง
ยังไปหลงเลอะเลือนเปื้อนไปทั่ว
***
ก่อนคิดเงินได้เงินเพลินกันทั่ว
จึงเมามัวหลงอบายขายศักดิ์ศรี
ยึดเพื่อนตัวพวกตัวมัวอัปรีย์
ทำบัดสี ณ วันนี้มิมีกลัว
***
อันศักดิ์ศรีของมนุษย์นั้นอยู่ที่
ทำความดีหนีชั่วกลัวเสียศักดิ์
ประพฤติตนดีเสมอให้คนรัก
เพียรให้หนักรักศักดิ์ศรีมีสติ
***
ศักดิ์ศรี  หมายถึง  เกียรติศักดิ์
เกียรติศักดิ์ หมายถึง  เกียรติ,เกียรติตามฐานะของแต่ละบุคคล
เกียรติ  หมายถึง  ชื่อเสียง, ความยกย่องนับถือ,ความมีหน้ามีตา  ,คำเล่าลือ,คำสรรเสริญ
ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์  จึงหมายถึงชื่อเสียง,ความยกย่องนับถือ,ความมีหน้ามีตา,คำเล่าลือ และคำสรรเสริญที่เพื่อนมนุษย์มีให้แก่กัน  โดยจำแนกตามฐานะของแต่ละบุคคลเป็นที่ตั้ง เป็นตัวกำหนดวัดนั่นเอง
การที่จะได้รับความยกย่องสรรเสริญนับถือนั้น  ต้องเป็นเพราะได้กระทำความดีจนเป็นที่เชิดชูเกียรติ  ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการกระทำของแต่ละคนว่าสมควรได้รับการยกย่องนับถือเพียงใด  
การมีเกียรติยศนั้น  เป็นส่วนดีของลาภ ยศ และสรรเสริญ  
ซึ่งตรงกันข้ามก็ยังมีเสื่อมลาภ  เสื่อมยศ  นินทา   
อันถือได้ว่าไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้  นั่นก็คือ เป็นอนิจจัง ซึ่งหมายความว่า  ไม่เที่ยง,ไม่แน่นอน,เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
นอกจากนี้ถ้อยคำดังกล่าวเจาะจงหมายถึงมนุษย์ ซึ่งก็คือผู้ที่มีใจสูง  (มนุษย์  มาจากคำสนธิระหว่างคำว่า
 มน สนธิกับ  อุษยะ)
ฉะนั้น  การมีเกียรติยศศักดิ์ศรีของมนุษย์หรือผู้ที่มีใจสูง  จึงมีมาตรฐานสูงกว่าคนธรรมดาทั่วๆไปเป็นธรรมดา
ซึ่งหมายความว่า
มนุษย์ต้องมีศักดิ์ศรีที่สูงส่ง  การจะมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งก็ต้องหมั่นกระทำความดี  ละเว้นการทำชั่ว
ศักดิ์ศรีของมนุษย์นั้นก็จะดำรงคงอยู่ได้ตลอดต่อๆไป  แต่เมื่อใดก็ตามมนุษย์ผู้นั้นริอ่านกระทำ
ความชั่ว ความผิด  ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้นั้นก็ย่อมต้องเสื่อมลงเป็นธรรมดา
อนิจจังนั้นไม่เที่ยง  ย่อมมีเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดานั่นเอง				
comments powered by Disqus
  • xx

    20 สิงหาคม 2551 13:14 น. - comment id 100973

    บริการรับทำเว็บไซต์
    เว็บไซต์ส่วนตัว เว็บบริษัท เว็บร้านค้า เว็บขายสินค้า
    โปรโมชั่นพิเศษราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท ก็มีเว็บไซต์ได้แล้ว
    หรือจะเลือกแบบพิเศษ ราคา 3,600 บาท
    ฟรีโดเมนเนม ฟรีเว็บโฮสติ้งตลอดอายุการใช้งาน
    ติดต่อที่ 108studio.com
    หรือที่เบอร์ 02-934-9081
  • ลัทธิก้าวร้าว

    21 สิงหาคม 2551 19:20 น. - comment id 101032

    ตื่นเถิดคนไทย....  ครั้งที่อาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองเมื่อ 1200 ปีก่อน  ศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เกาะสุมาตราประเทศอินโดนีเซีย  สังคมในแถบหมู่เกาะอินโดจีนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขด้วยเหตุและผล  เชื่อถือความเป็นจริง  ยอมรับในความเป็นธรรมชาติ  ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน  จนกระทั่งเมื่อมีลัทธิหมาล่าเนื้อนับถือในพระเจ้าที่พิสูจน์ตัวตนไม่ได้  เผยแพร่เข้ามาในพื้นที่แถบนี้  ผู้คนต่างงมงายศรัทธาในพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน  อธิบายเหตุผลไม่ได้  สังคมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแก่งแย่งชิงดี  รบราฆ่าฟันกันเพื่อสังเวยพระเจ้าของตนเอง  โดยอ้างว่าถ้าฆ่าฟันกันเพื่อความเชื่อทางลัทธิจะไม่บาป  เที่ยวเผยแพร่ลัทธิรุกรานเอาเปรียบคนอื่นเขาไปทั่ว  เป็นลัทธิที่โง่และเห็นแก่ตัวจริง ๆ  เจ้าลัทธิจะหลอกอย่างไรก็เชื่อไปหมด  เชื่อแม้กระทั่งให้ทำร้ายตัวเองเพื่อสังเวยพระเจ้าจะได้บุญก็เชื่อ  ปรัชญาหลักของลัทธิคือกดหัวผู้คนไม่ให้ฉลาด  ไม่ให้ใช้ความคิดเป็น  เผยแพร่ความโง่ไปเรื่อย ๆ  ก้าวร้าวฆ่าฟันกันไม่รู้หยุดรู้หย่อน  แม้ไม่มีศัตรูต่างลัทธิจะฆ่าฟัน  ก็ฆ่าฟันกันเองในลัทธิที่ต่างคนสอน  แผ่นดินหาความสงบสุขไม่ได้  สภาพสังคมภายใต้ลัทธิก็เอาเปรียบกดขี่กันเอง  มนุษย์ผู้ชายอ้างว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้าไม่ต้องทำมาหากิน  คิดแต่เรื่องรบราฆ่าฟันกันเพื่อสังเวยพระเจ้า  กดขี่สตรีเพศให้ทำงานเลี้ยงสามี  ผู้ชายสามารถหาผู้หญิงมาปรนเปรอทางเพศได้ถึง 4 คน  แต่ผู้หญิงทำไม่ได้  เป็นยุทธศาสตร์ของลัทธิก้าวร้าว  ที่ต้องการรุกรานต่อสังคมชาวโลก  ถ้าเป็นผู้ชายฝ่ายศัตรูฆ่าให้ตาย  แล้วยึดผู้หญิงมาทำเมียเพื่อกลืนลัทธิ   แผ่นดินแถบอินโดจีนที่เคยอยู่กันอย่างสงบสุขด้วยเหตุด้วยผล  ด้วยความจริงของธรรมชาติ  ก็ต้องมาหวาดผวากลัวการก่อการร้ายของลัทธิอุบาทว์ที่กำลังพยายามแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ของไทย  แล้วทำไมคนไทยไม่ช่วยกันขจัดลัทธิอุบาทว์ชาติชั่วออกไปจากแผ่นดินไทย
  • ฅนไท

    21 สิงหาคม 2551 19:43 น. - comment id 101091

    ความคิดความเชื่อทางศาสนา    ทุกศาสนา ส่วนใหญ่มักจะสอน ให้ห้ามสงสัยในคำสอน (มีจริงหรือเปล่า?, ใช่หรือไม่?, เชื่อได้หรือเปล่า?, เป็นจริงอย่างที่สอนหรือไม่?, เพราะอะไร?, เป็นจริงอย่างที่ท่านศาสดาสอนไว้หรือเปล่า?)
    	ยกเว้นแต่ พุทธศาสนา สอนให้ต้องสงสัยในคำสอน สอนให้คิด สอนให้ใคร่ ครวญจนเข้าใจชัดเจนก่อนจึงค่อยเชื่อ ตามหลักแห่งความเชื่อใน กาลามสูตร ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึง คุณ โทษ หรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ
    ๑.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) 
    ๒.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    ๓.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) 
    ๔.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) 
    ๕.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    ๖.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    ๗.	อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    ๘.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว(มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    ๙.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    ๑๐.	อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา(มาสมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    ลักษณะความเป็นไทย  คือรักอิสระ  คนไทยจึงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นจากการครอบงำของ  พระผู้เป็นเจ้า  ความเชื่อที่ผิด  และเผด็จการ
  • มูฮัมมัดเมืองไท

    21 สิงหาคม 2551 19:54 น. - comment id 101135

    มูลเหตุแห่งความรุนแรงทางภาคใต้ของไทย  เพราะการมอมเมาชักจูงสาวกของนายมูฮัมมัด  ที่พยามยามยัดเยียดความคิดวิธีแก้ปํญหา  ด้วยความรุนแรงจากการทำสงครามทางศาสนา  โดยใช้อาวุธ  ประกอบกับมีคนในพื้นที่  พยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ให้การต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนเป็นการต่อสู้ทางศาสนา แล้วนายมูฮัมมัดคือใครกันแน่  นายมูฮัมมัดก็เป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง  ที่ใช้ความเป็นหนุ่มรูปงาม อายุน้อย ผูกมัดใจสาวใหญ่สูงอายุผู้มั่งคั่ง  เพื่อการดำรงชีพ   แล้วขอแต่งงานด้วย   เพื่อครอบครองทรัพย์นำไปเป็นประโยชน์แก่ตนเอง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า  เกาะเมียกิน  ก็ได้  จึงกลายมาเป็นลักษณะนิสัยของหนุ่มมุสลิมทั่วไปในปัจจุบัน
    เพราะการที่ท่านศาสดามูฮัมมัดมีเมียแก่ แต่ไม่ค่อยจะมีความสุขในครอบครัว ไม่พอใจในชีวิตการครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว  จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ชายมุสลิมมีเมียได้ ๔ คน
    แต่พอมีเมียคนใหม่เป็นเด็กอายุน้อย ๆ ตั้งแต่คนที่ ๒ ก็เกิดความหวงแหนกลัวเมียเด็กจะไปปันใจให้ชายอื่นที่หนุ่มกว่า จึงบังคับให้เมียเด็กคลุมหน้าคลุมตา ไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมองเห็นความงดงามของเมียน้อยตัวเอง และเพื่อมิให้เป็นข้อครหา จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้หญิงมุสลิมทุกคนต้องคลุมหัวปิดหน้า
    ท่านศาสดาเป็นคนที่มีอีโก้สูง อยากโดดเด่นเหนือคนอื่น  จึงคิดหาวิธีการตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยการจัดตั้งลัทธิความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ  อัลเลาะฮ์   และการที่ทุกคนจะติดต่อกับอัลเลาะฮ์ ได้ ก็จะต้องติดต่อผ่านท่านศาสดามูฮัมมัดเท่านั้น  คนอื่น ๆ ไม่เก่ง ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดีเลิศเท่าท่านศาสดา  ความคิดนี้ จึงไปขัดแย้งกับสาวกของพระเจ้าองค์อื่น ๆ  ที่พวกเขานับถือกันอยู่  ซึ่งถือเป็นเผด็จการทางความคิดนั่นเอง   จึงเกิดสงครามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในการครอบครอง  หินกาบะห์   สถานที่ศักด์สิทธิ์ของพระเจ้าหลายองค์ในขณะนั้น
    การต่อสู้ทางความคิด และสงครามทางอาวุธ ของท่านศาสดามูฮัมมัดในระยะแรก พ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถูกตามล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด  จึงหาวิธีปลุกระดมมวลชน สาวกกลุ่มใหม่ให้ยอมสละชีวิตร่างกายในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านมูฮัมมัดเอง แต่อ้างว่าเป็นโองการจากอัลเลาะห์ ให้การต่อสู้ในครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ทางศาสนา โดยกำหนดหลักการที่ว่า การเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ที่มีความเชื่อแตกต่างไปจากพวกของศาสดามูฮัมมัดไม่ผิด และจะได้บุญ ได้ไปพบกับอัลเลาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าผู้วิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ให้คุณให้โทษ สร้างและทำลาย  ให้พรและสาปแช่ง  ต่อมวลมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ที่มีในโลก และนอกโลก ( ทุกอย่างเป็นประสงค์ของอัลเลาะฮ์ )
    แท้จริงความหมายของ  อัลเลาะฮ์  ก็คือ   ความเป็นจริงของธรรมชาติ  ( ผลย่อมเกิดแต่เหตุปัจจัยที่เหมาะสม )   แต่ศาสดามูฮัมมัด ได้กำหนดความหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า  อัลเลาะฮ์   เป็นองค์เทวะผู้วิเศษที่จะบันดาลอะไรก็ได้ตามคำร้องขอของท่านศาสดามูฮัมมัด ผู้ติดต่อกับอัลเลาะฮ์ได้โดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น
    เมื่อศาสดามูฮัมมัดชนะสงครามทางความเชื่อ ตั้งตัวเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามแล้วจึงกำหนดกฎของอัลเลาะฮ์ขึ้นเป็นหลักความคิดความเชื่อของศาสนาอิสลาม  ซึ่งเป็นเผด็จการทางความคิด คล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลก  คือ........ 
    มุสลิมต้องเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ( อัลเลาะฮ์ ) โดยผ่านทางศาสดามูฮัมมัดคนเดียว  เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคโดยผ่านคนของพรรคเท่านั้น
    ทั้งมุสลิมและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ห้ามสงสัยในคำสอน ห้ามสงสัยในคำสั่งของพรรค ต้องอุทิศร่างกาย และชีวิตแด่ศาสดา หรือพรรค
    กฎของพรรคคอมมิวนิสต์ เปรียบเสมือนเป็นโองการของศาสดา ที่กำหนดเป็นคำภีร์         ( กุรอาน ) ที่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามหนทางเดียว
    นบีมูฮัมมัด เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์ความคิดความเชื่อ และหลักการทางศาสนา เช่นเดียวกับ มาร์ค  เลนิน เป็นเจ้าของแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกัน
    หลักการความเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์  ก็คือหลัก ความคิด ความเชื่อของอิสลาม
  nidhi

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน