
กรมอุตุฯท่านได้ทำนายว่า ช่วงเวลาพายุโถมโหมกระหน่ำ ทั่วท้องฟ้าโปรยปรายสายฝนพรำ ตั้งแต่ค่ำน้ำจะท่วมทั่วเมืองไทย ดีเปรสชั่นพายุร้ายถึงไต้ฝุ่น น้ำทะเลเนื่องหนุนพิรุณใหญ่ ประเดประดังเข้ามาวาตภัย สาเหตุให้ดินถล่มจมบาดาล แต่ก็เพียงพายุฤดูฝน จะล่วงพ้นเมื่อวันได้ผันผ่าน เพียงอดทนเอาไว้อีกไม่นาน ฤดูกาลอุทกภัยใกล้จะลา กรมอุตุฯท่านมิได้เคยทายทัก ให้ประจักษ์ลมใดที่ร้ายกว่า ลมอะไรพัดพินาศพิฆาตอุรา คือปุจฉาคาใจให้คะนึง ลมที่เปลี่ยนแปลงคนอยู่บนโลก ให้เศร้าโศกสติตรองต้องขาดผึง นำเกรี้ยวโกรธเพิ่มขึ้นจนมึนตึง ต้องลมหึงแน่แน่ของแม่หญิง

อยากจะเล่าเรื่องราวแต่คราวหลัง เมื่อฉันยังตัวเล็กเป็นเด็กอยู่ ทุกเช้าค่ำนั่งเหม่อชะเง้อดู และยินเสียงหนวกหูอยู่ทุกวัน คือเครื่องบินบินข้ามทุกค่ำเช้า ไอพ่นเป่าได้ฟังดังสนั่น จนคุ้นเคยที่พ่นออกเป็นหมอกควัน เมื่อก่อนนั้นเขาเรียกว่าทุ่งนาดอน จนเมื่อฉันเติบใหญ่เข้าวัยหนุ่ม เคยกลัดกลุ้มรักเร้าเฝ้าหลอกหลอน เพ้อรำพึงเด็ดดอกฟ้าแสนอาวรณ์ คอยเห่าหอนค่ำเช้าเห่าเครื่องบิน แต่ถ้าถึงพรุ่งนี้ไม่มีแล้ว เสียงเคยแว่วกลับหวนชวนถวิล เคยหนวกหูน่าเบื่อเมื่อได้ยิน ความคุ้นชินสิ้นหมดสลดใจ คงเหลือเพียงทุ่งร้างที่ว่างเปล่า หูคงเหงาตาเหม่อด้วยเผลอไผล ต้องเปลี่ยนตามความรุ่งเรืองของเมืองไทย เพียงเหลือไว้เป็นอนุสรณ์ที่ดอนเมือง เรียกได้ว่าผมเกิดที่นี่....ดอนเมือง( แม่ไม่ได้คลอดบนรันเวย์น่ะ) เห็นเครื่องบินมาตั้งแต่จำความได้ ได้ยินเสียงดังหนวกหู จนกลายเป็นความคุ้นชิน เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะสนามบินอยู่ที่นี่ สมัยเด็กๆเคยจำได้ว่า ให้พ่อพาไปสนามบินอยู่บ่อยๆ ไปดูเครื่องบินร่อนลงเวลาล้อมันแตะพื้น ...ไม่รู้ว่ามีใครเคยได้ไปเฝ้าดูบ้างอย่างผมบ้างหรือเปล่า มิตรสหายเคยค่อนแคะเมื่อตอนที่เป็นวัยรุ่น หากเผลอไปแอบหลงชอบใครเข้า จะแซวกันว่า ไม่เจ็บคอบ้างหรือไง เห่าเครื่องบินอยู่ทุกวัน ผมสงสัยว่าเพื่อนมันว่าผมเป็นแมวมั้ง แต่ว่า แมวมันก็ไม่เห่า คงเป็นหมามากกว่า (ออกตัวไว้ก่อน..อิอิอิอิ) ทุกวันนี้เวลาใช้เส้นทางผ่านฐานทัพอากาศ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่สามารถมองไปบนรันเวย์ได้ ผมก็จะมอง มองเครื่องบิน ขึ้นหรือลงเหมือนเมื่อตอนยังเด็ก....... ...แต่วันพรุ่งนี้สนามบินดอนเมือง หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าท่าอากาศยานกรุงเทพ จะสิ้นสุดการใช้งานอันยาวนานมาถึง 92 ปี หูคงเหงาเหมือนกัน และเวลาผ่านฐานทัพอากาศคงไม่มีเครื่องบินขึ้นหรือลงให้ดูบ่อยๆ หากบุญพาวาสนาส่งคงเห็นเครื่องบินเช่าเหมาลำ บินผ่านมาบ้าง หรือไม่เช่นนั้น นกสักฝูงบินผ่านไปก็ยังดี ........แต่ก็เถอะประเทศชาติต้องพัฒนา จากสนามบินที่คับแคบ ไปสู่สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ที่ยิ่งใหญ่กว่า ......และบทสุดท้ายนี้ผมแค่อยากเขียนถึงสนามบินดอนเมือง เขียนถึงเครื่องบินที่สองตาเคยมอง เขียนถึงเสียงที่สองหูเคยได้ยิน เขียนถึงชาวต่างประเทศหลายคนที่สอบถามเส้นทาง ถามรถเมล์ว่าสายไหน ไปไหน เขียนถึงเพื่อนผู้อยู่แดนไกล คราวที่ต้องไปรับ ส่งกันที่สนามบิน เขียนถึงแอร์โฮสเตทของเจแปนแอร์ไลน์ที่ผมลงความเห็นว่าดูดีที่สุด เขียนถึงภาพที่เคยมองผ่านช่องหน้าต่างเป็นครั้งแรกยามที่ได้เห็นสนามบินจากบนฟ้า .....ต่อไปนี้ไม่ต้องซื้อยาแก้เจ็บคออีกแล้ว .....ต่อไปนี้ดอนเมืองคงเงียบเหงากว่าที่เคยเป็น และ..ต่อไปนี้ชาวต่างชาติจะไม่หลงทางเพราะผมอีก ลาก่อน.....สนามบินดอนเมือง ลาก่อนท่าอากาศยานกรุงเทพ....

- ๑ -
มาเถิดเจ้าจอมขวัญ.........จะหวาดหวั่นสิ่งใดเล่า
เพียงอยากช่วยปัดเป่า......อยากให้เราได้แบ่งปัน
มาเถิดเจ้าจอมใจ.............จะกล่อมให้หายโศกศัลย์
ร้าวรานเมื่อวานวัน...........จงผ่านมันอย่าเสียใจ
มาสู่ ณ เส้นทาง................จงวาดวางหวังขึ้นใหม่
อนาคตยังโรจน์ไกล...........ยังกว้างใหญ่นักโลกนี้
- ๒ -
มาสัมผัสอรรถรส.............ซึ้งในบทอักษรศรี
ในวสันต์ตกวี...................วรรณศิลป์จินตนาการ
มาฟังเสียงกู่ร้อง...............ท่วงทำนองที่ขับขาน
เพลงรักดอกไม้บาน..........ณ เหมันต์กาลฤดู
มารับรู้ความหมาย............สุรีย์ฉายประกายสู่
หัวใจของนักสู้...................เปิดประตูสู่คิมหันต์
- ๓ -
ก่อนฟ้าจะหมองหม่น.........เพราะจักรกลได้พ่นควัน
บดบังแสงตะวัน................ให้โลกนี้ต้องมืดมน
ก่อนศรัทธาจะสูญสิ้น..........และห้วงจินต์จะสับสน
กลอนกานท์งานประพนธ์....จะสิ้นยลมนต์กวี
ก่อนบุบผากลิ่นฟุ้ง...............จะถูกปรุงด้วยเคมี
ดอกไม้หลากหลายสี............ดูสวยงามเพราะถูกย้อม
- ๔ -
ก้าวไปเพื่อวันพรุ่ง...............ฝันจรุงฟุ้งกลิ่นหอม
เตรียมหัวใจให้พร้อม..........ทางทอดยาวให้ก้าวเดิน
ก้าวไปอย่างนักสู้...................ความอดสูจงมองเมิน
อุปสรรคหากเผชิญ................หาใช่เกินพยายาม
ก้าวไปเถิดจอมขวัญ...........อย่าหวาดหวั่นคำคนยาม
อนาคตคงงดงาม................พบนิยามของตนเอง

ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า หากว่าเราลืมกันในวันนี้ อดีตคงเลอะเลือนเหมือนไม่มี ทุกนาทีผ่านมาไร้ค่าจำ ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า โอ้ความเศร้าคงโถมโหมกระหน่ำ เหมือนถูกตอกด้วยลิ่มคอยทิ่มตำ ตามมาย้ำช้ำชอกตอกหัวใจ ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า บทเพลงเหงาสดับพาน้ำตาไหล ท่วงทำนองโหยหาด้วยอาลัย ต้องเพ้อสั่นหวั่นไหวในอารมณ์ ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า ยากบรรเทาเกินรับทุกข์ทับถม กอดเพียงความเดียวดายกับสายลม มีเพียงตรมห่มใจในค่ำคืน ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า ไร้ซึ่งเงาบางใครใจสุดฝืน พบกับความเจ็บช้ำทนกล้ำกลืน แม้นยามตื่นต้องละเมอเพ้อรำพึง ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า กวีบทเก่าวันวานเคยหวานซึ้ง ถึงวันนี้มิมีค่าให้ตราตรึง ความคิดถึงอาดูรคงสูญเปล่า

เหมือนไม่มีตัวตนบนโลกนี้ เหมือนไม่มีกายหยาบให้จับต้อง เหมือนไม่มีภาพใดให้คอยมอง เหมือนไม่มีเสียงร้องของหัวใจ ฉันจะเป็นนิยามความว่างเปล่า ฉันจะเป็นดังเงาเฝ้าถามไถ่ ฉันจะเป็นคนหวงคอยห่วงใย ฉันจะเป็นคนหวั่นไหวนอกสายตา ขอเพียงอยู่ห่างห่างอย่างเมื่อก่อน ขอเพียงอยู่ซุกซ่อนปรารถนา ขอเพียงอยู่ฝันบ้างบางเวลา ขอเพียงอยู่ในนิทรายามราตรี เป็นเพียงแค่ความเคลื่อนไหวในอากาศ เป็นเพียงแค่เศษธาตุดาษวิถี เป็นเพียงแค่คนยังคอยหวังดี เป็นเพียงแค่ผงธุลีที่รักเธอ