15 ตุลาคม 2552 06:40 น.

ขอสุขสันต์วันเกิดเถิดมารดา

เฮาชาวดอย

กลอน
		กราบขอบคุณที่แม่ได้ให้กำเนิด
	สุดประเสริฐเหนือใครในใต้หล้า
	กราบขอบคุณน้ำนมต่อลมมา
	อุดมค่าชื่นชมอุดมปี
		กราบขอคุณความรักหนักกว่าหล้า
	กว้างกว่าฟ้ายาวไกลไปทุกที่
	กราบขอบคุณเมตตาที่ปรานี
	ให้ลูกมีชีวิตจิตวิญญาณ
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
อันใดในปฐพีฤเทียมพระชนนี	ชื่นในกระแสขี-
ระธาร
ปกป้องผองภยพิษมิเว้นสิบริบาล	ทุกยามทิวาวาร
รตี
โคลง๔
	     สุมใจไฟรักแท้	ทุกข์ทน
	ลำบากยากลำบน	บ่แค้น
	รักอันบริสุทธิ์ยล	พิสุทธิ์ยิ่ง
	ใดฤจักมาดแม้น	แม่ได้ใครมี
	     ชีวิตลูกเกิดด้วย	มารดา
	คุณแม่ยิ่งมหา-	สมุทรกว้าง
	เลิศแล้วยิ่งพรรณนา	เพียงนั่น
	มิอาจจักกล่าวอ้าง	ออกด้วยอักษร

ยานี๑๑
   น้อมจิตปูชิตถึง	ระลึกมั่นนิรันดร
มารดาผู้อาทร		ผู้อุ้มท้องและทุกข์ทน
    เก้าเดือนเหมือนเก้าปี	เป็นก้าวที่ชีวิตคน
อุ้มชีพให้เป็นชน	จนถือชาติกำเนิดมา
     แม้นมธุรถ้อย	มิเทียมเทียบจะพรรณนา
ลูกด้อยด้วยปัญญา	มาอวยเพรียกสถาพร
    มิ่งแก้ววันเกิดแม่	ลูกจักขอเป็นคำกลอน
ขอเพียงแม่อาทร	เป็นที่พึ่งนิรันดร์กาล

นายฉัตรสุมาลย์   ภูแต้มนิล  ประพันธ์				
5 เมษายน 2552 14:23 น.

หอมพะยอมแจ่มใจไม่เคยจาง

เฮาชาวดอย

	

                                            โอ้พะยอมยามนี้ที่ทุ่งรัก
	ห่วงแสนห่วงหน่วงหนักรักคิดถึง
	โอ้หอมเอยหอมประจำยังคำนึง
	ยังลึกซึ้งจึงกระจ่างอยู่กลางใจ
		คือดอกฟ้าจากฟ้ามาอยู่ทุ่ง
	มาจรุงทุ่งร้างอันกว้างใหญ่
	ทิพย์เอยทิพย์สวรรค์คันธาลัย
	ทิพย์พิรุฬห์หยาดหทัยผู้ทุกข์ทน
		เจ้าคือเพื่อนชาวนายามหน้าแล้ง
	คือเรี่ยวแรงแห่งรักถักทอผล
	ด้อยราคาไร้ราคีที่ปลอมปน
	ยืนหยัดต้นชูช่ออยู่ชิงชัย
		โอท้าวทวยนามแถน ณ แมนสรวง
	ขอฝนร่วงพรมพะยอมกล่อมสมัย
	ขอพะยอมหอมซึ้งตรึงหทัย
	หอมไม่ร้างกลางใจหอมไม่จาง
		หอมวันนั้นถึงวันนี้หลายปีนับ
	หอมประทับกลางใจหอมไม่สร่าง
	แม้นจากไกลหอมยังเร้าไม่เบาบาง
	วันแรมร้างเดือนยังห่วงเมื่อล่วงเลย
		โอ้พะยอมหอมไกลไปจากแก้ว
	ฤาลืมแล้วลืมเตือนเพื่อนข้าเอ๋ย
	ฤาลืมแล้วคารมคราชมเชย
	ที่เอื้อนเอ่ยทั้งปวงเป็นห่วงนัก
		เพลงพะยอมกล่อมร้างทุ่งว่างเปล่า
	ช่อดอกเฉาเริ่มร่วงร้อนหน่วงหนัก
	จากพะยอมหอมร้างห่างทุ่งรัก
	ไปรับใช้เครื่องจักรไร้หัวใจ
				
2 เมษายน 2552 21:54 น.

เสียงแคนค้ำคูน

เฮาชาวดอย

	

		ตาเป่าแคนแจ่นแจ้นแสนเสนาะ
	เพลงไพเราะพลิ้วลมผสมผสาน
	ถักสำเนียงเพียงฝันมาบันดาล
	ต่อวิญญาณกาลสมัยไม่สิ้นมนต์
		ไม่สิ้นมนต์เสียงแคนในแดนนี้
	ชูศักดิ์ศรีอีสานบานดอกผล
	ความคิดคนวุ่นวายว่ายเวียนวน
	จราจรจลาจลจึงจนใจ
		ตาเป่าแคนกล่อมเมืองอันมืดมิด
	กล่อมชีวิตกล่อมฝันอันยิ่งใหญ่
	ตีนของตาพเนจรจากแดนไกล
	ฝากชีวิตเอาไว้ในป่าเมือง
		สองมือที่เว้นว่างห่างงานนา
	ถือกะลาขอทานแลกเงินเฟื่อง
	มือเคยสร้างทุ่งทองให้รองเรือง
	กลับจมเบื้องก้นบึ้งซึ่งเศษคน
		เมืองยิ่งใหญ่ไพศาลโอฬารสร้าง
	คือเมืองร้างชุบทองอันหมองหม่น
	เมืองจำแลงหลอกลวงบ่วงจักรกล
	เมืองสับสนทนท้อรอความตาย
		น้ำใจคนเน่าเสียใต้ขยะ
	เพียงชนะยึดยื้อแย่งซื้อขาย
	เสียงแคนดังยังยินรอสิ้นลาย
	เสียงสุดท้ายลาลับพร้อมกับตา
				
1 เมษายน 2552 06:13 น.

หัดบ้า

เฮาชาวดอย

ดวงดาวจ๋า 
	เจ้าไม่เคยอ่อนล้าหรือไฉน
	ฤาเจ้ามีแต่ตัวไร้หัวใจ
	อุทิศตนรับใช้กาลเวลา
		เจ้าเป็นเพื่อนชาวโลก
	แม้ยามโศกมองหา
	มองเห็นดาริกา
	อันเด่นดวงอยู่เดียวดาย
		หลังคาบ้านข้าพัง
	จึงนอนนั่งดูดาวหาความหมาย
	ข้าร้องไห้แต่เจ้ายิ้มทักทาย
	ไม่เคยหน่ายที่จะจ้องมองดูดาว
		คืนเมฆมาฟ้าฝนเจ้าหม่นหมอง
	ข้าหอบของยืนสั่นหนาว
	คืนนี้หัวใจรวดร้าว
	ไร้เพื่อนไร้ผู้อวยพร
		วันนี้
	ดวงดาวเด่นราตรีแต่ก่อน
	ถูกม่านแสงสีนีออน
	ถูกความรุ่มร้อนบดบัง
		สิ้นสีสิ้นแสงแห่งดาว
	ข้าก็ร้อนผ่าวไร้หวัง
	วันนี้ข้าช้ำไร้กำลัง
	แต่ลมหายใจยังยืนยง				
20 มีนาคม 2552 22:07 น.

อีสานล้านแสน

เฮาชาวดอย

	อีสานล้านแสน

		ดอกคูณบานตระการตาราวป่าเหลือง
	ค้ำคูณเมืองเฮืองนารับฟ้าใหม่
	เสียงแคนดังวังเวงวิเวกใน
	พาหัวใจชื่นฉ่ำเมื่อยามแล้ง
		ดอกคัดเค้าคลี่บานโบกสะบัด
	หอมลมพัดโชยมากลางนาแห้ง
	เมื่อดอกจานบานคลี่เป็นสีแดง
	หัวใจแห่งลูกอีสานก็บานแล้ว
		ลมพัดพร้าวราวธรรพ์บรรเลงร้อง
	ลมพัดไผ่แซ่ซร้องทุกถิ่นแถว
	แมลงภู่ตอมดอกว่านมาหวานแวว
	ลายใหญ่แว่วอยู่ยั้งยังหยัดยืน
		เซิ้งบั้งไฟถวายแถน ณ แมนสรวง
	ขอฝนร่วงรินหลั่งนาทั้งผืน
	ให้พืชพันธุ์ผลผลิตชีวิตคืน
	ให้ม่วนซื่นเปรมปรีดิ์อีสานเอย
		หอมละอองท้องถิ่นแผ่นดินเกิด
	ลูกจึ่งกล้าชูเชิดอย่างเปิดเผย
	ใครหยามหยันย่ำเหยียบมาเปรียบเปรย
	เราจักเชยแผ่นดินเราให้เขาดู
	
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเฮาชาวดอย