29 เมษายน 2551 22:31 น.

สาวลาดพร้าว

เฮาชาวดอย

สาวลาดพร้าว.
ฝนแล้งข้าวหมดอดอยาก
ทุกข์ยากลำเค็ญเข่นข้น
ทุ่งร้างแล้งไร้เหมือนไฟลน
หนีความอับจนเข้าเมืองกรุง
ลาบ้านนาข้นแค้นแดนอิสาน
ล้างจานข้นแค้นแดนตึกสุง
คิดถึงดุ้นไฟสุมไล่ยุง
คึดฮอดท้องทุ่งเคยนอนเฮือน
ผ่านวันผันปีพาเปลี่ยน
วนเวียนจันทราคราเลื่อน
ลูกชาวนาครานี้มิย้ำเตือน
กลับเลือนเลื่อนเช่นเป็นคนรวย
ลืมซิ่นผืนนี้ที่เคยนุ่ง
เครื่องแบบเมืองกรุงว่าสุงสวย
อยู่ลาดพร้าวคราวนี้สิยองยวย
ลืมควายเคยขี่คราวนี้นั้น
แต่งตัวสายเดี่ยวเกี่ยวรัดร่าง
กบย่างรังเกียจเดียดฉัน
ไม้ป่าลืมป่าไกลไพรวัลย์
บริภัณลืมธาราคราเปลี่ยนธาร
บ้านนอกบ้านนอกคอกควาย
วนว่ายวิถีทัศน์สัจสถาน
ถิ่นนี้สิแห้งกันดาร
ถิ่นนี้ไม่เคยรานลืมตีน				
29 เมษายน 2551 11:08 น.

แด่...วีรบุรุษวังผาเจ้า

เฮาชาวดอย

แด่วีรบุรุษผู้กล้าวังผาเจ้า


   คือวีรบุรุษผู้    ผดุงธรรม
คือเพชรฉายฉาบนำ   นับถ้วน
คราใดเมืองมืดดำ    ดื่นดก
ครานั้นโลกทั้งโลกล้วน   หลับใหล
    ยามใดไพรพฤกษ์หล้า   ล่มสลาย
หมากเมืองเปรื่องเรียงราย   รุดล้ำ
ชนบทหมดสูญหาย    ห่างถิ่น
ดอยสูงเมืองลึกกล้ำ    กว่าไฉน
    แปลงไปเปลี่ยนป่าโอ้   อาทวา
กว้างกว่าสุดสายตา   ทุ่งกว้าง
เคยทับทึบเหลือตอ กรา   กว่าต่าง
เพียงไร่แลเวิ้งว้าง    หว่างเดิม
    สูงเสริมตึกเสียดฟ้า   สรวงปูน
เศษซากเศษคนพูน     กว่าหล้า
ป่าเมืองเฟื่องจำรูญ    หลากสีสันแฮ
ผู้คนสับปลับหน้า   เปลี่ยนสี
     ไปดีเถิดผู้ปกป้อง   ผืนป่า
ป่าเมืองรุกพนา   เนิ่นแล้ว
คนผู้มีปัญญา  ยังหลับ  บ่อตื่น
ตื่นต่อสินบนแผ้ว   พร่องไป
     โฉมแต่งเพียงเห่าให้   หากประสา
แตกไปเห่าไปธรรมดา    ด่าสิ้น
เทียบเวียงเทียบพนา   พานึก
เทียบทีปส่องด่าวดิ้น   แดนไกล
				
26 เมษายน 2551 23:26 น.

ลอยกระทง

เฮาชาวดอย

อุเปนเปษนาทฉันท์  ๑๖ 
                         นพมาศ
         กระทงลงลอย   ละค่อยค่อยก้าว
     กระทงทรงพราว   เพราะจันทร์ส่องแสง
       วะแว่วหวิวหวิว   ละลิ่วลมแรง
           ก็ใจไม่แคลง  มิเคลือบคำลวง
     ประทีปเทียนทอง   ละล่องเลยล่วง
                 จะกี่กี่ดวง   ก็อย่าหลงทาง
         กระดุมทองเอย   มิเคยไกลห่าง
            จะสิ้นฟ้าสาง   ก็อย่าลืมคำ
         ผะแผ่วคำเอ่ย   บ่เลยถลำ
          เพราะใจไม่จำ  มิจดใจจริง
           อย่าหลงคำพ้อ   พะนอใจหยิง
    พะเพราเพริศพริ้ง  ก็เพชรคุณธรรม
          ละเจ้าคือเพชร   เมล็ดงามล้ำ
             นราคลาคล่ำ   ฤเทียบเปรียบตาม
          แน่ะคุณความดี   มณีภพสาม
          คะคุณความงาม   สงวนเนื้อนา
				
26 เมษายน 2551 17:33 น.

สาปรัก นักการเมือง

เฮาชาวดอย

โอมนมัสไท้   เทวัญ
แสงสูรย์สุริยจันทร์   เจิดจ้า
ธรณินเทพคนธรรพ์     ทุกเหล่า  กอแฮ
นาคสุปันเทวราชข้า   ขอน้อมคำถวาย
การเมืองหลายเห่าล้วน    เสวยกินโกง   กินเมือง
ชาติจักเจริญลงโลง     ราษฏร์ม้วย
ผืนดินแผ่นจักตายโหง    หากท-รราชครอง
เสริมส่งอบายมุขด้วย    ดับดิ้นแดนไทย
คู่ตาใครเอ่อล้น     ไหลริน
ชาวนาคือสันหลังแผ่นดิน   แผ่นด้าว
ปุ๋ยแพงแทบกัดกิน   เกลือขม  ขื่นใจ
นายห้างสรวลสุขห้าว   เสพกร้าวเลือดหอม
เขียนขอมคำสาปให้   เป็นจริง
มะจ่งเป็นไฟ   กัลป์ยิ่ง  จ่งไหม้
อะทำลายสูญสิ่ง   ซึ่งเบญ  จขันธ์แฮ
อุสืบกว่าสูญโลกไซร้   สุดสิ้นโคตรวงศ์
				
25 เมษายน 2551 07:57 น.

ลารัก รติกาล

เฮาชาวดอย

ลารักรติกาล
สายลมพัดผ่านม่านฟ้า
ปานหยอกดาริกามาไหวๆ
เดือนดาวพราวแสงแห่งหทัย
หนาวเหน็บเจ็บในเนิ่นนาน
ลมพัดเป็นระลอกบอกให้รู้
ว่าเขามีคู่ใหม่รักสมัครสมาน
ใหลทวนหวนกลับแห่งสายธาร
พัดกลิ่นถิ่นวานสราญรมณ์
เอื้อมฟ้าสูงไกลใครถึง
ใจจึงต่ำศักดิ์ด้วยรักขม
แลดาวพราวพรายได้แต่ชม
ได้ฝากสายลมว่าชมดาว
คิดถึงนวลปรางค์นางนั่น
มองจันทร์แล้วให้ถอนใจผ่าว
ร้อยลำนำจำนรรจามาก็ยาว
อวยพรกล่าวว่าลารติกาล
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเฮาชาวดอย
Lovings  เฮาชาวดอย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเฮาชาวดอย