8 ตุลาคม 2548 16:40 น.

แ สง - เง า

แดดเช้า

เสาะแสวงแสงชโลมโถมชีวิต
หมายรู้ทิศทาบทองส่องไสว
กระจ่างพบทบทวนกระบวนใจ
แจ่มแจ้งนัยไขขานกาลเวลา

แสงสาดแล้วแก้วระยิบพริบกระจ่าง
ยังหลงทางคว้าแสงแรงหนุนค่า
ลืมก้มน้อมยอมนับรับเงาตรา
หลังแสงจ้ามืดสงัดชัดคมเงา

เงายังตรึงตอกตามทุกท่ามทิศ
ยังแสงปิดให้มองส่องใจเขลา
จึงยากรู้รอบด้านผ่านมัวเมา
จิตหลบเคล้าซ่อนไว้ ... ไม่เคยรู้

เราไขว่คว้าควานแสงเพื่อแจ้งจิต
แต่ไม่คิดค้นเงาขลาดเขลาอยู่
ซ่อนเบื้องลึกตรึกซ้ำไม่จำดู
หลงแสงครู่สาดทอดล้างบอดมัว

ฉัน ... อีกคนค้นหากระจ่างชีวิต
เบิกดวงจิตรับแสงแจ้งทิศทั่ว
มิก้มมองเงาหลังยังพันพัว
เมาเกลือกกลั้วหลงใหล ... ไม่รู้เลย

ฉันหลงแสงแห่งฝันตะวันพุ่ง
ฉันจึงมุ่งเดินหน้าอย่างผ่าเผย
ฉันหลงใหลดอกไม้ไหวรำเพย
ฉันจึงเอ่ยบอกรักทักโลกนี้

ฉันลืมตนค้นเงาไม่เคยพบ
จึงซ่อนหลบมุมนิ่งอิงแสงสี
แล้วปลาบปลื้มดื่มด่ำล้ำความดี
ไม่รู้จักเลวมีที่ทั่วไป

แง่มุมโลกโศกสุขในทุกด้าน
ฉันยังหวานซ่านซึ้งตรึงใจไหว
หลงโลกลวงทะลวงซ้ำกระหน่ำใจ
หลงหลับใหลไฟแสงแห่งชีวิต

เงาทาบมัวสลัวลางยามห่างแสง
ย่อมแจ่มแจ้งคมลึกมิติปิด
คมแห่งแสงแทงทะลุปรุแจ่มคิด
ทะลุจิตลึกเร้นเห็นสิ่งจริง

โลกใช่เพียงมีแสงแจ้งสว่าง
ณ เบื้องล่างห่างไกลในทุกสิ่ง
มีเงามืดยืดยาวราวซ่อนอิง
อาจแนบนิ่งไหวเคลื่อนเหมือนเล่นกล

หากหลงแสงแรงจ้ามากระทบ
แสงย่อมกลบทุกสิ่งยิ่งสับสน
โลกจึงยุ่งมุ่งหมายทำลายวน
เปลือกปลอมปนหม่นหมางสิ้นทางไป

จึงรู้จักแสงเงาทั้งเว้าลึก
จึงรู้สึกรอบด้านอันพล่านไหว
จึงสำนึกผลึกประสาน หวาน-ขมใน
จึงล่วงชัดในใจได้เที่ยงแท้

เสาะแสวงแสงแจ้งแห่งชีวิต
เงายังติดตามตนบนบาดแผล
ลืมคมเงาแง่คมคิดถูกปิดแปร
หลงแสงแผ่หลงตัวตนหลงวนใจ.				
7 ตุลาคม 2548 00:08 น.

นิทานแห่งน้ำ

แดดเช้า

น้ำหยาดหนึ่งซึ้งใจในขวดแก้ว
ใสงามแวว ... อยากถูกกัก - รักสักหน
ช่วยหน่อยเถิดเปิดขวดใส ให้รินปน
อยากคว้าค้นภายในขวดลวดลายงาม

ร่ำไรร้องปองจะอยู่ ... เรียนรู้โลก
แสวงโชคภายในขวดใสหวาม
หยาดหนึ่งจึงหยดหยาดสะอาดคราม
ลงกลางท่ามขวดใส ... ดั่งใจปอง

จากลำน้ำฉ่ำกว้างทางลื่นไหล
ถูกกักในขวดแก้วแล้วหม่นหมอง
นิ่งภายในไม่ไหวเคลื่อนเหมือนจับจอง
เกิดคับข้องร้องร่ำ ... หาเสรี

"ช่วยปล่อยฉันพลันส่งลงลำน้ำ
เคยเย็นฉ่ำไหลหลากจากทุกที่
ค้นหาโลกโศกสุขทุกที่มี
ไม่อยากหนีอยู่ในแก้ว ... อีกแล้วคุณ"

ตราบเท่าที่เสรีมีที่ใจคิด
สายน้ำฉ่ำหลงผิด ติดข้องขุ่น
แม้นิ่งแนบในแก้ว ... แต่ใจพรุน
เหมือนโลกวุ่นตลอดมา น่าเห็นใจ

โอ้ ... ความอยากยากปรับตนบนหนทาง
หากอ้างว้างหว่างคว้างระหว่างไหว
แม้ลงห้วยระรวยรินดิ้นรนไป
หากยังไม่หยุดโหยย่อมโรยรา

เพียงหยาดน้ำแท้จริง ... นิ่งได้ล้ำ
ไม่ได้ร่ำอย่างนิทานที่ขานว่า
จึงปรับตนบนโลกกว้างอย่างเรื่อยมา
ปรับเวลาบนโลกแคบ ... แบบชื่นใจ

น้ำในขวด น้ำในบ่อ น้ำในห้วย
ไหลระรวยระเรื่อยรินทุกถิ่นใส
น้ำในหนองคลองบึงซึ้งภายใน
ยังปรับได้ทุกเหตุการณ์ ... ขานทุกทัก

นิทานว่าวอนคำร่ำน้ำอ้อน
เป็นเพียงกลอนยกกล่าวเล่าผูกถัก
เพื่อตัวอย่างต่างเหตุสังเกตนัก
โลกชัง-รัก หากปรับใจ ใช่ยากเย็น

เพียงรู้รับ รู้ปรับ สดับฟัง
ใจยังสั่งให้รู้นิ่งสิ่งจริงเห็น
เพียงรู้โลกโบกไหวไกวกระเซ็น
สิ่งลึกเร้นย่อมรู้สู่ห้วงใน

เราเรียกร้องปองค่าอะไรนัก
ในเมื่อทักแห่งฝันนั้นงามใส
ไม่ว่าร่างระหว่างคิดอยู่ทิศใด
เพียงปรับใจ เท่านั้น ... ย่อมมั่นคง.				
6 ตุลาคม 2548 23:00 น.

อ้อมกอดดิน

แดดเช้า

เคยตะกายว่ายฟ้า ....................................เก็บดาว
หวังก่อเพริศแพรวพราว...........................ซาบซึ้ง
เป็นหนึ่งซึ่งห้วงหาว...................................เลอเลิศ
เกี่ยวกิ่งดาวแห่งบึ้ง...................................บ่อห้วงราตรี

หลง ... ตีค่าเลิศล้ำ.....................................ดาววาว
หลง ... เทิดฟ้าสูงพราว..............................เพริศไว้
หลง ... กอบเกียรติก่อกราว........................ก้องเกริก
หลง ... เก็บมายาไว้..................................เชิดแก้วกลอยใจ

เกี่ยวกิ่งไกวแห่งฟ้า...................................พึงหวัง
ขอมุ่งฟ้าอย่าชัง..........................................แห่งข้า
ว่ายเวิ้งเก็บพลัง........................................หนุนกอบ ดาวนา
เพียงเด่นเป็นดาวจ้า.................................แจ่มแจ้งเกินใคร

พลั้ง ... เพียงใจมุ่งคว้า..............................ร่วงกราว
พลั้ง ... สิ่งหมายร่วงราว.............................เปล่าว้าง
พลั้ง ... เก็บสะเก็ดดาว..............................เพียงวาด ฝันเอย
พลั้ง ... ไขว่มายาสร้าง...............................หลอกห้วงใจตน

หล่นบนดินรับพื้น......................................โอบกาย
ดินอบอุ่นยังราย........................................ร่างล้อม
ซับแผลเจ็บเจียนตาย...............................หมายซบ ดินนา
เพียง ณ แห่งห้อมอ้อม...............................อุ้มชีพเพียงดิน

ผินหน้าหาพร่างฟ้า....................................ดาวตะกาย
ยลแห่งคนหลากหลาย...............................ว่ายว้าง
ดินยังซับใจคลาย......................................แผลเจ็บ
ดั่งประโลมจิตคว้าง....................................อย่าได้คว้าลม

"หยุดตะกายข่มข้า.....................................แดนดิน
ตีนเหยียบหมู่ต้นติณ.................................รากหญ้า
เหตุใดจึ่งหมายบิน....................................ตะกายย่าง สรวงเอย
ระลึกคุณดินหล้า........................................ซับซึ้งแรงหวัง"

ดินยังเตือนจิตคล้อง..................................ความคิด
รองรับซับชีวิต...........................................โอบอุ้ม
เกิดก่อกับดินติด.......................................เดินวิ่ง
ตายมิดมอดคับคุ้ม.....................................หล้าล้อมกายฝัง

เลิกหวังว่ายคว้าว่าง..................................พราวดาว
แรงเก็บเพียงเรื่องราว..............................แห่งนี้
ณ สิ่งตรงหน้าคราว....................................ปัจจุ บันกาล
เพียงมุ่งหมายแจ่มชี้..................................จิตแจ้งจารจริง

นิ่ง ... เพียงหยุดไขว่คว้า...........................ทะยาน
นิ่ง ... ดั่งรู้เหตุการณ์.................................ซ่อนเร้น
นิ่ง ... เพียงซับตำนาน...............................ลึกล่วง
นิ่ง ... แนบสัมผัสเฟ้น...............................เลือกล้ำคำธรรม

ฉ่ำลิ้มรสหล้าล้ำ..........................................ปานสรวง
ย่อมยิ่งกว่าลมกลวง...................................ห้วงฟ้า
จรดรสแห่งดินรวง.....................................หวานนัก
จึ่งละเลิกเกริกคว้า.....................................เกียรติก้องมาครอง

หวนมองหาภาคพื้น...................................ดินดอน
ดินย่อมรับตะกอน.....................................ชีพได้
เพียงชีพมอดม้วยมรณ์..............................ดินโอบ คืนนา
แหล่งก่อเกิดปลอบไข้................................ดับสิ้นสลายหมอง

ครองคารวะแด่พื้น....................................ดินดาน
แม่แห่งกัปป์กัลป์กาล................................มากถ้วน
เกิดดับโลกเนิ่นนาน.................................ขานสดับ
ดินดุจผืนรองม้วน.....................................แมกไม้สรรพสรรค์.				
6 ตุลาคม 2548 12:45 น.

สายน้ำ ... ของฉัน

แดดเช้า

 เธอจะเย็นเร้นหวาน ณ ธารใส
หลั่งไหลไป ณ แห่งหนองลำคลองฝัน
ฤๅเธอรี่เชี่ยวกรากพรากคืนวัน
จะสร้างสรรค์ลำน้ำ ณ ลำใด

แรงแห่งโลกโศก-สุข ปลุกปลอบเธอ
ให้ไหลลงเสมอ ณ แดนไหน
ระหว่างทางห่างหวังสักอย่างไร
อีกกี่ไหลจึงถึงฝันอันมั่นรอ

เธออาจพบจุดจบระหว่างไหล
ขัง ณ ดินดอนใดได้เกิดก่อ
ระเหยหยาดสาดฝนหล่นปรายพอ
โปรยหยดทอชื่นใจให้ใจชม

กรองเป็นหยาดสะอาดใสใต้ผืนเมฆ
กลั่นหลอมเสกน้ำมนต์ปลดหม่นขม
กระหน่ำซ้ำช้ำชอกยามตรอกตรม
เพื่อสั่งสมร่มเย็น ... ตามเป็นมา

เธอร้ายร้อนอ่อนแรงกับแสงแสด
ยามดอกแดดขยายพยับ ระยับกล้า
เพื่อสะท้อนน้ำกระทบซบน้ำตา
ซึมซ่านค่าซับผืนดินเหมือนสิ้นแรง

เธอจะล้างคว้างไหวในใจคน
เธอเปื้อนปนหม่นหมองต้องเหือดแห้ง
เธอสละชะมลทินผินเปลี่ยนแปลง
แล้วคลายแล้ง ณ แห่งหน บนดินใด

เธอยังคงอ่อนโยน ... นะ สายน้ำ
อาจเพียงช้ำคราวครู่เธอรู้ได้
แล้วล้างตนล้างคราบหยาบจางไป
เหลือเพียงน้ำใสใสไร้เปลือกคลุม

เธอยังคงอ่อนไหว ... ไหลระเรื่อย
กระแสเฉื่อยทุกหนทางต่างไม้พุ่ม
พร่างน้ำค้างต่างหน้ามาเกาะกุม
ระยิบเพียงเปลือกหุ้ม ... แห่งแต่งเติม

สีสันเธอไม่มี ... เธอรู้ไหม
สะอาดใจสะอาดตาไม่แต่งเสริม
เพียงพร้อมปรับรับสิ่งดีที่ประเดิม
พร้อมเพียงเพิ่มหมองหม่นบนกายเธอ

แต่เธอยังคงเธอไว้ ... ในส่วนลึก
อันรู้สึกรู้ค่าสว่างเสมอ
สะอาดสุดดุจกระจกภาพพร่างเบลอ
กระเพื่อมได้หากพบเจอ ... สิ่งกระทบ

เธอยังเร้นเป็นความงาม ... น้ำที่รัก
เพียงรู้จักฉ่ำเย็นมิเร้นกลบ
หากสักคนค้นตามความงามครบ
พลันบรรจบสิ่งดีงาม ... แห่งความรัก

ขอเรียนรู้เท่าที่เธอ ... ยังเป็นเธอ
น้ำล้นเอ่อไหลหลั่งพร่างประจักษ์
สะท้อนปรับรับทุกการณ์ขานทุกทัก
จนยากนักใครจักรู้สู่สิ่งเป็น

ถึงน้ำใสไหลเรื่อย ... ระเรื่อยริน
อย่าได้สิ้นความงามตามที่เห็น
แม้เปลือกใดได้หุ้มคลุมใจเย็น
งามลึกเร้นรู้งามใส ... นั่นใจเธอ.				
5 ตุลาคม 2548 14:07 น.

นางฟ้า และ แม่มด

แดดเช้า

มีนิทานเปรียบเปรยเอ่ยปลอบขวัญ
ถึงนางฟ้านางนั้นน่าฝันใฝ่
สง่าขาวพราวเพริศเลิศกว่าใคร
คทาดาวเสกไว้เพื่อให้พร

มาเยื้องกรายหมายให้ใครเป็นสุข
ปลดเปลื้องทุกข์ทุกก้าวเธอกล่าวสอน
ทำความดีมีเธอพร่ำกำนัลวอน
เสกคำอ่อนหวานพร่างเป็นรางวัล

อีกนิทานขานเล่ากล่าวตำนาน
ถึงกาลผ่านหญิงแก่แม่มดนั่น
เธอชุดดำง้ำงอดมืดบอดตัน
ไม้เท้านั้นสาปแช่งทุกแห่งไป

ตราบปรากฏกดข่มอารมณ์พรั่น
ทำโทษทัณฑ์ทุกคนอยู่หนไหน
เมื่อทำผิดกรอบล้อมครอบวินัย
แม่มดไม่ปรานีเลย ... อย่าเอ่ยวอน

บทรางวัล บทโทษฑัณฑ์ สรรหาเล่า
เปรียบเทียบเท่าให้เข้าใจในคำสอน
เมื่อทำดีย่อมได้ดีที่เพริศพร
เมื่อทำชั่วชั่วย้อนต้อนเข้าตน

คำอวยพร ... ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์อำนาจ
คำสาปแช่ง ... ซัดสาดส่ายสับสน
อุทาหรณ์สอนใจให้ทุกคน
ต้องตั้งต้นรู้หวัง-กลัว สิ่งชั่ว-ดี

ผลกรรมดีมีบุคลาธิษฐาน
น้อมใส่พานวางไว้ได้สุขศรี
ผลกรรมชั่วกลั้วเกลือกเลือกอีกที
อเวจีแม่มดร้ายย่อมคล้ายกัน

นิทานเก่าเอาเปรียบเปรยเฉลยร่ำ
ทุกกระทำกรรมบันดาลศานติ์สุขสันต์
หรือวิบากลำบากรับอย่างฉับพลัน
และสิ่งนั้น ทั้งพร-สาป บุญ-บาปดล

ขอให้นางฟ้างามแห่งความดี
สถิตอยู่ที่นี่ที่ทุกหน
ขอให้แม่มดร้ายคล้ายตัวตน
ลงทัณฑ์คนไม่เกรงบาปปราบให้กลัว

เพื่อสังคมสมดุลอุ่นความรัก
เพื่อพิทักษ์ความดีงามทุกท่ามทั่ว
เพื่อโลกหม่นพ้นหมองครองรักตัว
เพื่อทุกคนหลุดเมามัวโดยทั่วกัน

นิทานสานตำนานเล่าเข้าบอกกล่าว
ให้เรื่องราวสถิตแนบจิตมั่น
หากทำดีย่อมได้ดีทุกที่พลัน
ทำชั่วนั้นย่อมได้ชั่ว ... ทุกตัวตน.				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแดดเช้า
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดดเช้า