16 พฤษภาคม 2545 12:41 น.

ศรัทธาแห่งกวี : ถ้าเธอขอ...ฉันจะเป็น

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

ศรัทธาแห่งกวี : ถ้าเธอขอ...ฉันจะเป็น
    
      จะวาดเดือนวงงามไว้กลางฟ้า
โปรยดาราระยับงามเกลื่อนฟ้าใส
จะกอบกลีบบุหงาที่ล่วงไป
ร้อยเป็นสร้อยมาลัยคล้องใจเธอ
จะวักน้ำช่ำเย็นทุกแหล่งหล้า
แล้วพรมหน้างามตาคนพิเศษ
จะจูงมือถือแขนไปในไพนเวศน์
ให้งามเนตรเพลินอยู่ในพงไพรวัน
จะกล่อมเธอดูดาวบนภูสูง
ที่หอมฟุ้งอุ่นกลิ่นสร้อยพฤกษา
จะพาเธอล่องไปสุดไกลตา
ณ ที่ซึ่งผู้กล้าเคยฝ่าไป
จะพาเธอแผ้วถางหนทางฝัน
ซึ่งเธอหวังที่จะทำตามใจใฝ่
จะหล่อหลอมความรักทุกห้องใจ
ประดับไว้ให้เธอได้ศรัทธา
จะกรองทรายทุกเม็ดที่เธอย่ำ
ผนึกเป็นถ้อยคำปรารถนา
จะหยิบรุ้งคลุ้งฟ้าแสนโสภา
เป็นผืนผ้าเช็ดหน้าซับปรางเธอ
จะเสกลมเร้าร้อนจนหน่วงจิต
นฤมิตเป็นหมอกอันชุ่มเนื้อ
จะเอื้อนเอ่ยน้ำคำที่จุนเจือ
ให้เธอเชื่อค่าล้ำน้ำคำพร
จะประสิทธิ์ทุกอย่างในโลกหล้า
เป็นมนต์ตราอัคราศิลป์อักษร
จะแทรกร่างทุกอณูในบทกลอน
ยามเธอท่องจะได้อยู่เคียงคู่เธอ
จะเป็นในทุกสิ่งและทุกอย่าง
ทุกถิ่นที่เธอย่างเธอก้าวเหิน
ขอเพียงเธออย่าเหลียวแล้วทำเมิน
จงเผชิญเพลินฝันเคียงคู่กันฯ

     ถ้าเธอยังมีหวังคงพบกัน
สุขเพียงเรามีฝันเท่านั้นพอ
ถ้าเธอขอฉันจะเป็น...เช่นคำพร!				
15 พฤษภาคม 2545 12:58 น.

เติมไฟใส่ฝัน : ผู้สร้าง

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

เติมไฟใส่ฝัน :  ผู้สร้าง
     สองมือแห้งกร้านดำไหม้
หนึ่งใจหดหู่สิ้นหวัง
สองเท้าสิ้นแล้วพลัง
หมดหวัง  สูญสิ้นแผ่นดิน
จรจากบ้านนาที่อยู่
จากอู่เร่ขายทรัพย์สิน
ทรัพย์สินคือเหงื่อไหลริน
หยาดรินเพื่อถิ่นผู้ใด?!
เหยียดหยามประณามด้อยค่า
ตีตราต่ำต้อยเดียรฉันท์
ดูถูกกดขี่ชีวัน
ชนชั้นวิถีกรรมกร
แหงนหน้ามองฟ้ากว้างใหญ่
หัวใจเฝ้าแต่ถอดถอน
ดวงตาสือฟ้าอ้อนวอน
ออดอ้อนขอฝนคืนนา
แล้งแล้วน้ำใจคนกรุง
อยากมุ่งคืนถิ่นบ้านป่า
โปรดฟ้าโปรดคิดเมตตา
บ้านนารอข้ากลับคืน
คืนถิ่นพลิกผืนนาไร่
นาไทยใครเล่าจักสืบ
หาใช่ด้วยแรงสองมือ
สองมือของชาวนาไทย
ไอดินกลิ่นฟางยังหอม
ดอกหญ้ายังจะระริกไหว
ปลาน้อยยังเวียนว่ายไป
ภาพในสวรรค์บ้านนา
คือภาพคือความหนหลัง
คือฝันในหมอกเริ่มสลาย
คือชีพชาวนาใกล้ตาย
เร่ขายร่างกายในเมืองฯ				
14 พฤษภาคม 2545 13:01 น.

เติมไฟใส่ฝัน : วีถีนาวา

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

เติมไฟใส่ฝัน : วีถีนาวา
     เรื่อน้อยลอยคว้างกลางธาร
ใต้ฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล
เกลียวลมเห่กล่อมเบาบาง
นาวาลอยลำล่องไป
จุดหมายคือทางฝากฝั่ง
ใฝ่ฝันถึงวันสดใส
พื้นดินที่ซึ่งยาวไกล
ล่องไปด้วยใจศรัทธา 
เรืองรองดังแสงดาวจรัส
ลิบลับดังแสงของฟ้า
เสียงลมดังจะกระซิบว่า
จุดหมายนั้นยังไกลเกิน
ล่วงผ่านคืนวันเงียบสงบ
เริ่มพบทุกข์ยากต่อเพิ่ม
ลมคลื่นซาดซัดซ้ำเติม
ฟ้าเสริมด้วยแสงอสุนี
เวิ้งฟ้าดาวหลบลบหาย
เรื่อว่ายล่องธารตามวีถี
ใต้น้ำคลื่นลมมากมี
ปราณีเถิด...เจ้าเรื่อครวญ
ข่มใจกลั้นจิตคิดสู้
เรียนรู้มิยอมกลับหวน
ความหลังย้อนคิดทบทวน
ยอมสวนทางลมคลื่นแรง
ด้วยใจเต็มอวนมวลฝัน
กล่อมขวัญความหวังประจักษ์แจ้ง
ดวงใจคือทุนหนุนแรง
สำแดดแกร่งกล้าฝ่าไป
วันหนึ่งคงถึงจุดหมาย
ปลายทางคือทางสร้างฝัน
ด้วยใจมีศรัทธาเป็นพลัง
มุ่งมั่นฝ่าฟันประกาศชัยฯ				
13 พฤษภาคม 2545 12:40 น.

ถ้อยคำในกาลเวลา 4 (ดอกสร้อยที่ฉันคิดถึง)

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

10.
    หญิงสาว
หญิงเอ๋ยหญิงสาว
วัยเยาว์เธอพราวด้วยความฝัน
งามพิสุทธิ์ดังดอกบุษบัน
ใจเธอนั้นขาวดังปุยเมฆนวล
แต่ไฉนเติบใหญ่ใจเธอเปลี่ยน
วิถีเวียนชีวิตหักเหหวน
ด้วยตัญหาหรือสิ่งใดควรคิดครวญ
มิสงวนร่างดังผ่านมาเอยฯ
หญิงสาว : อ่านผ่านสื่อต่าง ๆ ได้ยิน ได้รู้ ได้เห็นเอง
แววตาที่ยั่วยวนและรอยยิ้มที่เชื้อเชิญของพวกเธอทำ
ให้คิดถึงวัยเยาว์ที่ผ่านมา...จะมีตุ๊กตาซักตัวไหมที่หลง
เหลืออยู่ในจิตนาการของเธอเหล่านั้น.....

             11.
     ลุกราน  ทำลาย
ต้นเอ๋ยต้นไม้
ใบแห้งไหม้ยืนต้นน่าสงสาร
บ้างหายจากพรากไปใครลุกราน
ด้วยอำนาจผู้ใดหนอกระทำ
เจ้านกเถื่อนคงไร้ซึ่งที่อยู่
เฝ้าร้องกู่โหยเสียงแสนชอกช้ำ
ผืนดินเศร้าไร้แม้ถ้อยจะเอ่ยคำ
อย่าลุกล้ำบ้านเรา...เจ้านกครวญเอยฯ
ลุกราน  ทำลาย : นั้งรถท่องไปตั่งแต่เชียงใหม่ จนสุดอีสาน
ตามรายทางป่าไม้หายไปมากเหลือแต่ตอที่ยืนแห้งตายกับผืน
ดิน แวะกินข้าวที่ตลาดเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีมุมหนึ่งขายสัตว์ป่า
มากมายอยู่ในกรง....แววตามันระโหยห้อยน่าสงสารมาก.....

       12.
   ดวงตา
ดวงเอ๋ยดวงตา
นอนเถิดหนาน้องยาจงหลับฝัน
พี่จะร้อยดวงดาวเป็นรางวัล
สวมมิ่งขวัญหลับฝันให้สบาย
พรุ่งนี้แล้วน้องแก้วต้องลาจาก
ต้องจากบ้าน จากไพรพี่ใจหาย
ยามนิทราน้องไม่มีพี่เคียงกาย
แต่ทุกสายลมดังพี่เคียงเอยฯ
ดวงตา : เคยรู้จักเด็กคนหนึ่งที่รักและผูกพันธ์กับน้องสาว
ของตัวเองมาก สุดท้ายมีเหตุต้องพรากจากกันมันเป็นเรื่อง
ของผู้ใหญ่ที่กระทำ แต่กระทบถึงเด็กทั้งสองให้ต้องร้าวลึก
 บ้านแตก .....				
11 พฤษภาคม 2545 15:50 น.

ถ้อยคำในกาลเวลา 3 (ดอกสร้อยที่ฉันคิดถึง)

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

7.
กลิ่นความหลัง
ฝนเอ๋ยฝนตก
เมฆดำปรกท้องฟ้านภามืด
ปลุกยอดหญ้าอ่อนหล้าให้ฟื้นตื่น
รินแผ่นพื้นผืนดินปรุงกลิ่นไอ
กลิ่นไม้ชื่นโรยบางจางแผ่วแผ่ว
เจือดอกแก้วแก้มกลิ่นหอมของท้องไร่
กลิ่นความหลังในวิถีซึ่งเป็นไป
ระริกไหวอยู่นะเจ้าความหลังเอยฯ

กลิ่นความหลัง : ตอกย่ำได้เป็นอย่างดีสำหรับสิ่งที่เราโหยหา
ยามจากมันมา เชื่อว่าหลายคนคงชอบกลิ่นของไอดิน ไอหญ้า
กลิ่นชื่น ๆ ของฝาบ้านยามเมื่อได้สัมผัสกับสายฝนที่เย็นใช่ไหม..

8.
วันใหม่
แสงเอ๋ยแสงตะวัน
สวยเฉิดฉันยามรับเช้าวันใหม่
สานแสงทองทาบทอทิวฟ้าไกล
งามสดใสหัวใจพลันชื่นบาน
ทุกเช้าดังทุกย่างก้าวทางชีวิต
มีถูกผิดเรียนรู้มุ่งสืบหา
ชีพชนย่อมพลาดบ้างธรรมดา
หากอ่อนล้าหยุดพักก่อนค่อยก้าวเอยฯ

วันใหม่ : บางครั้งเหนื่อยล้าต่อสิ่งที่ทำ อยากจะหยุดพักไว้ 
ณ นาทีนั้นเวลานั้น บ่อยครั้งที่ทำได้ และอีกหลายครั้งที่ทำ
ไม่ได้ การก้าวเข้าสู่วันใหม่ ปัญหาใหม่ ก็คือกานก้าวเรียน
รู้ชีวิต และรู้จักตัวเองมากขึ้น

9.
ลมหนาว - คนเล่าฝัน
ลมเอ่ยลมหนาว
ราตรีนี้ช่างยาวราวทางฝัน
ก่อนทิวาจะขับแสงไล่พระจันทร์
ขอกล่อมขวัญน้องเจ้าเคียงคู่กาย
จะขับพิณให้แววผ่านกลางใจป่า
เคล้าเสียงโหยใบไม้ลาพาใจหาย
เกี่ยวรัดร่างเจ้าล่องไปในจิตนิยาย
ก่อนแดดสายสลายหมอกต้องจากลาเอยฯ

ลมหนาว - คนเล่าฝัน : นอนเล่าความฝันต่าง ๆ แลกเปลี่ยน
กันฟัง รู้สึกสนุกแลดื่มด่ำกับฝันของคนอื้นและตัวเอง ทั้ง ๆ ที่
ใจก็ปวดร้าวกับวัยวานที่ผ่านมาก่อนจะเคลิ้มหลับไปกับภาพฝัน
ต่าง ๆ เหล่านั้น ท่ามกลางสายลมเย็นของเมืองสุโขทัย..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
Lovings  แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
Lovings  แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
Lovings  แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า