20 มกราคม 2549 21:05 น.

ไก่หยอกหมา

เจ้าพานทอง

ไอ้เสือคือหมาพันธุ์ไทยหลังอานตัวผู้ แถมมีลายพาดกลอนสีน้ำตาลบนลำตัวอันดำเมี่ยงของมันอีก ด้วยท่าทางอันสง่างามเหนือกว่าหมาตัวใดในละแวกนั้น มันจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแก๊งหมาประจำหมู่บ้าน หน้าที่หลักที่ทำเป็นประจำของมันก็คือ ไล่หมาจากถิ่นอื่นที่บังเอิญพลัดหลงเข้ามาให้กระเจิงเปิดเปิงไป

กิจกรรมยามว่างของไอ้เสือคือวิ่งเล่นตามคันนาไล่งับแมงปอ แต่ที่เห็นว่าเป็นกีฬาโปรดปรานที่สุดเลยก็คือ วิ่งไล่ไก่! ...ไก่ทั้งหมู่บ้านต่างขยาดกันเป็นแถวๆ เมื่อได้ยินชื่อ 'ไอ้เสือ' 

แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เจ้านายของมัน ได้นำไก่ตัวผู้พันธุ์อะไรก็ไม่รู้มาเลี้ยงไว้ ได้ยินเจ้านายพูด ๆ ว่าเป็นไก่ชน 

อะไรน้าไก่ชนเนี่ย? แต่ก็ช่างเถอะ มาให้ลองไล่หน่อยจะเป็นไรไป มาถึงเรือนมาเยือนถึงถิ่น มันต้องต้อนรับขับสู้กันสักหน่อย อีกอย่าง...จะไม่ให้ไล่ได้ไง ก็ในเมื่อเจ้าโต้ง(ชื่อเจ้าไก่น่าหมั่นไส้ตัวนั้น) เล่นมาเหยียบจมูก จิกกินข้าวในรางของไอ้เสืออย่างสบายใจเสียนี่ !!!

ไอ้เสือวางแผนจะเห่าขู่ก่อนเป็นอันดับแรก มันเดินอ้อมไปด้านหลังของเจ้าโต้งที่กำลังจิกกินอาหารสุดโปรดมื้อเช้าของมันอยู่อย่างเอร็ดอร่อย ได้เสือค่อยๆ เหยียบลงบนพื้นหญ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่เพิ่งหยุดตก หญ้าอย่างนี้วิ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลื่นไปนิด แต่ไม่เป็นไร ลื่นๆ อย่างนี้สิสนุกดีแท้ เมื่อไอ้เสือเดินมากึ่งกลางด้านหลังเจ้าโต้งพอดี ไอ้เสือสูดลมหลายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมสรรพกำลังจากกระบังลม แล้วเปล่งเสียงออกมาเต็มแรง 

โฮ่ง!! 

เจ้าโต้งสะดุ้งโหยง 

ฮะฮ่าใครมันจะไม่กลัวบ้างกับพลังเสียงอันดุดันของไอ้เสือ แต่เจ้าโต้งแค่สะดุ้ง แล้วก็หันมามอง สบตาวาวกับไอ้เสือแล้วหันไปจิกกินข้าวต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ไอ้เสือถึงกับเหลอหลา มึนเบลอในสมองไปเลยทีเดียว อะไรกันเนี่ย มันจะหมิ่นหยามกันมากไปแล้ว 

ว่าแล้วไอ้เสือก็กระโจนพรวดใส่ด้วยกำลังขาอันแข็งแรง เจ้าโต้งหายั่นไม่ มันวิ่งหนีไปรอบ ๆ บ้าน เอาล่ะเกมสนุกเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อเจ้าโต้งเจอทางตัน ไอ้เสือในเย็นลง ค่อยๆ ย่างสามขุมเข้าไปใกล้ๆ 

เสร็จแน่!ไอ้ไก่เอ๋ยไอ้เสือไม่รอช้าพุ่งพรวดเข้าไปหาเจ้าโต้งสุดตัว ทว่า ภาพที่มันเห็นทำให้มันถึงกับผงะ ตะลึงงันกับเจ้าโต้งที่กระพือปีกพลิ้วตัวขึ้นเหนือกำแพงตัน ไอ้เสือตัวแข็งทื่อราวกับต้องมนตร์สะกด 

ไม่ยักรู้ว่าไก่บินได้? (ก็ไอ้ที่เคยไล่มันไม่เคยบินนี่หวา) ทว่าไม่ทันที่ไอ้เสือจะหายฉงนสนเท่ห์ใจ เจ้าโต้งบนกำแพงก็พุ่งถลาลงมาด้วยความเร็วปานติดเทอร์โบ จิ้มจวกเจ้าที่ปลายจมูกของไอ้เสือ แล้วเล่นงานมันต่อโดยจิกไปทั่วตัวของผู้รับเคราะห์ พร้อมกระพือปีกง้างกงเล็บข่วนเข้าตรงสันหน้าที่ยื่นออกมา จนไอ้เสือทนไม่ไหววิ่งกระเจิงไป แต่เจ้าโต้งก็ยิ่งวิ่งไล่จนเจ้าโต้งขี้เกียจไปเอง โอ้ยน่าขายหน้าที่สุด เรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้ จะให้หมาตัวไหนในหมู่บ้านรู้เรื่องไม่ได้เป็นอันขาด วันนี้สะบักสะบอมที่สุดในชีวิตของมันเลยทีเดียว ฮือแค้นนี้ต้องชำระ! 

แต่เอไก่มันบินได้ด้วยเหรอ?! อยากบินได้บ้างจริงๆ จะได้ไล่ตามจับเจ้าโต้งได้อย่างสบายๆ ดังนั้น คืนถัดมาทั้งคืนไอ้เสือจึงพยายามซ้อมบินให้ได้ โดยวิ่งๆๆๆ แล้วก็กระโดดๆๆๆ แต่ยิ่งกระโดดสูงก็ยิ่งตกลงมาเจ็บมากเท่านั้น 

เช้าต่อมา หลังจากได้ซุ่มฝึกวิทยายุทธ์ ไอ้เสือก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง บุกเจ้าโต้งก่อนเลย ขณะที่ทาร์เก็ทกำลังจิกกินอาหารในชามของไอ้เสืออย่างเคย ไล่ไปไล่มาจนมาสุดมุม ณ ที่เดิม เสร็จแน่ไก่เอ๋ย! มันย่างสามขุมเช่นเคยอีกแล้ว พอเจ้าโต้งกะจะบิน ไอ้เสือก็กระโดยตามหวังจะขย่ำหม่ำคอให้จงได้ แต่เจ้าไก่ตัวแสบมันไหวตัวเสียก่อน หันมาจิกจมูกไอ้เสือเข้าให้อีก โอ้ยรอยแผลเก่า 

ทีนี้ล่ะตาเจ้าโต้งบ้าง 

เสียหน้าจริงๆ เลยหัวหน้าแก็งหมาประจำหมู่บ้าที่ไม่เคยกลัวใครมาก่อนต้งมาพ่ายแพ้ไอ้ไก่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าพรรค์นี้ ไอ้เสือรีบวิ่งหนีอย่างเจ็บใจ วันนี้เจ้าโต้งคงรำคาญจึงไล่จิกตีอย่างไม่ลดละ 

ซวยล่ะสิทีนี้ไอ้เสือมาสุดที่ขอบบ่อปลาหลังบ้าน ไม่มีทางจะหนีไปไหนได้แล้วด้วยทำไงดี? ไอ้เสือเกลียดน้ำเป็นที่สุด ตานี้ เจ้าโต้งกลับย่างสามขุดเข้ามาบ้างล่ะ ตาแวววาวของมันต้องมาทางไอ้เสืออย่างอาฆาตมาตรร้าย แล้วมันก็พุ่งกระโจนเข้ามาที่ไอ้เสือที่กำลังเป็นหมาจนบ่อ(ตรอก)อยู่ตรงนั้น ไอ้เสือไม่มีทางเลือกนอกจากกลั้นใจกระโดดลงน้ำ จำใจว่ายจ๋อมๆ แจ๋มๆ ห่างออกไป เมื่อมันหันมาชำเลืองมองด้านหลัง หลังจากว่ายไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่เจ้าโต้งไม่ตามมา มันได้แต่ยืนมองด้วยสายตาเคียดแค้นแสนสาหัส แล้วก็เดินจากไปอย่างทำอะไรไอ้เสือไม่ได้ ไอ้เสือคิดได้ทันทีว่าเจ้าโต้งว่ายน้ำไม่เป็น ฮ่าฮ่าเอิก 

และวันต่อๆ มากิจวัตรวิ่งไล่เจ้าโต้ง ก็ยังคงดำเนินต่อไป พอมันวิ่งไล่ไปสุดกำแพง เจ้าโต้งก็วิ่งไล่แทน พอถึงบ่อน้ำมันก็กระโดดหนีเหมือนเดิม จนไอ้เสือรู้สึกว่ามันแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมากหลังจากได้ฝึกฝนกับเจ้าโต้ง และเจ้าโต้งก็เช่นกัน เดี๋ยวนี้มันได้เป็นแชมป์ไก่ชนประจำอำเภอแล้ว ส่วนไอ้เสือก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าหมาระดับตำบลเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับอำเภออย่างเจ้าโต้ง แต่สักวันเถอะไอ้เสือตั้งปณิธาน 

แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องขอบใจเจ้าโต้งมันนะเนี่ย				
12 มกราคม 2549 15:20 น.

บุญเดียว

เจ้าพานทอง

ร่างที่เหมือนไร้น้ำหนักลอยขึ้นแล้วตกลงมาอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บแปลบซ่านไปทั่วทั้งร่างและไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าได้หลุดออกมาจากซากรถได้อย่างไร 

สักครู่ใหญ่สำนึกของเขาก็เตือนให้ได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้งจวนเจียนจะเป็นลม เลือดใครกันความรู้สึกมึนพร่าและปวดศีรษะเริ่มรุมเร้า ประสาทสัมผัสที่เลือนลาง สายตาเลือนมัว แต่ก็เขายังรู้สึกได้อีกว่าตัวเองกำลังนอนเปรอะอยู่บนกองอะไรเหนียวๆเลือด! 

เสี้ยวหนึ่งของสติสัมปชัญญะอันน้อยนิด ส่งให้เขาเห็นลำแสงวูบเป็นทางยาวพุ่งตรงมาที่ตัวเขา 

คงเป็นชาวบ้านที่กำลังมาช่วยเรา เขาคิดเข้าข้างตนเอง ความเต็มตื้นเอ่อล้นขึ้นมาพร้อมกับการภาวนาของให้ความคิดของเขาไม่เป็นเท็จ 

คนไทยที่มีน้ำใจยังมีอีกเยอะ แต่ถ้าเป็นแค่พวกไทยมุงล่ะ? ใจเขาพลันวูบไหวไปตามความคิด 

แล้วถ้าเป็นยมทูตล่ะไม่ได้นะเรายังไม่อยากตาย เราไม่เคยทำชั่วช้าสามานย์ที่ไหน เราทำแต่ดีเหรอ?มันก็ไม่ใช่นี่นา เราก็เป็นเหมือนกับทุกๆ คนในโลกใบนี้นั่นแหละ ที่เลวไม่เคยมี แต่ความดีก็ไม่เคยแตะเหมือนกัน 
เพียงแต่ทำไมต้องเป็นเราแต่เมื่อเช้านี้ อาใช่สิ อย่างน้อยเมื่อเช้านี้ เราได้ทำความดีเป็นบุญเดียวของเรา 

ช่างนานเหลือเกิน นานเสียจนเขาคิดว่าคงหมดหวัง แสงไฟที่เห็นอาจเป็นเพียงรถที่ผ่านมาและก็ผ่านไป ตามแบบฉบับของคนที่ไม่สนใจเพราะมันไม่ใช่กงการอะไร จะเป็นได้หรือว่าเขาจะต้องจบชีวิตลงในไม่ช้านี้เสียแล้วความทรงจำเก่าๆ ทยอยไหลย้อนมาไม่ต่างกับสายน้ำที่ไหลคืน นี่คงเป็นลักษณะของคนจะสิ้นลมกระมังโอ เขาเคยทำความดีอะไรบ้างหนอ แน่นอนที่สุดอย่างน้อยก็เมื่อเช้านี้ แต่นั่นจะเป็นความดีครั้งสุดท้ายของเขาแล้วจริงๆ หรือ? 

********************************************************************************************
รถกลางเก่ากลางใหม่แล่นฉิวไปตามถนนที่ยาวจนเหมือนจะทอดยาวไปจรดกับเมฆดำทะมึนเบื้องหน้า อีกไม่นานท้องฟ้าครึ้มนี้คงจะโปรยละอองชุ่มฉ่ำลงมาจนกระทั่งไม่ลืมหูลืมตาเป็ฯแน่ 

สองข้างทางเป็นทุ่งโล่ง นานๆ จึงจะมีต้อนไม้ใหญ่ๆ สักต้นสวนผ่านเข้ามาในฉากข้างทางที่รถแล่นเลียบ ชายหนุ่มหมุนกระจกรถยนต์ขึ้นเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเบื้องบนคงไม่พลาดโอกาสที่จะพร่างพรมความชุ่มชื้นในครมนี้ แล้วจึงเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ แทนเสียงหวีดหวิวของลมที่พัดอู้กรูเข้ามาเมื่อครู่ สมาธิตั้งมั่นที่จะขับรถยุโรปปุโรทังคันนี้ให้รอดไปถึงสระแก้วให้ได้ ด้วยเรื่องงานแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องห้อตะบันบึ่งรถมาให้ทันการณ์ก่อนที่ปัญหาที่ดินแปลงงามซึ่งบริษัทหมายตาเอาไว้ว่าจะเนรมิตให้เป็นบ้านจัดสรรแสนสวย จะยุ่งเสียก่อนเพราะน้ำมือของแกนน้ำชาวบ้านที่ปลุกปั่นเรื่องไม่ให้โครงการดำเนินต่อไปได้อย่างสะดวกทั้งการก่อสร้างและทางใจ 

มันกระทันหันมากผู้จัดการเพิ่งบอกให้ไป จัดการ เรื่อง เมื่อตอนสายของวันนี้เอง เหมือนกับเป็นโชคดีที่มีงานให้ทำหลังจากนั่งแกร่วอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างซังกะตายมาหลายวัน คงเป็ฯเพราะผลตอบแทนที่เขาทำเมื่อตอนเช้ามันส่งให้เห็นทันตาเห็นเป็นแน่ 

ใช่สิเมื่อเช้านี้เขายังรู้สึกอิ่มเองเปรมใจอยู่เลย ที่เขาเลือกที่จะเป็น มนุษย์ ที่แท้จริง ยายคนนั้นทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นคน เปลี่ยนความรู้สึกเก่าๆ ความคิดเดิมๆ จนเขามิอาจจะเก็บกับความรู้สึกเอ่อล้นท้นใจนี้ได้ ระยะทางตั้งแต่กรุงเทพฯออกมายังไม่มมีเวลาใดที่เขาไม่หยุดคิดเรื่องนี้เลย เพราะมันแสนจะทำให้เขามีความสุข แม้ว่ามันเป็นเพียงบุญเดียว บุญแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม 

เขาจำได้ว่าเขากระหืดกระหอบออกมาจากลานจอดรถอย่างไร แต่โมโหกับเรื่องปัญหารถโลกแตกนี้มากมายกว่าขนาดไหน จนทำเอาไม่ได้สนใจ แถมเบื่อหน่ายยายแก่สกปรกกับเด็กชายตัวผอมโซสองคนเสียอีก ที่มานั่งขวางทางเข้าออฟฟิตของเจ้านายเขา 

เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างจากหลานชายตัวน้อยที่นั่งดูดนิ้วอยู่ข้างๆ ทำเขารู้สึกขยะแขยง 

พ่อหนุ่ม นึกว่าสงสารยายเถอะ ยายขอตังค์ค่ารถกลับปราจีนสักหน่อยเถอะนะพ่อคู้ณ แทนที่จะเป็นใจ เขากลับชักสีหน้าใส่อย่างรำคาญใจ เมื่อได้ยิน พลางนึกในใจว่าคงเป็นพวกมาหลอกขอเงินละสิ แหมอุตส่าห์ไปหาเด็กมาเล่นละครด้วย อย่าหวังเลย 

อะไรกันยาย ไม่มีเงินแล้วมากรุงเทพฯทำไม? ดูสิหอบลูกหลานมาลำบากด้วย พูดพลางมองดูอย่างพิจารณา ผมยายยาวระบ่าเป็นสีเทาแถมพันกันยุ่งเหยิงกันทั้งศีรษะ ส่วนเจ้าเด็กน้อยสภาพก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก เสื้อผ้าที่สวมอยู่สกปรกดำด่างแทบมองไม่เห็นเค้าเดิมเลย แต่ก็ยังสองจิตสองใจ 

ยายมาตามหาลูกสาว มันมาทำงานที่กรุงเทพฯ นังเรืองมันเคยส่งเงินไปให้ยายทุกเดือน แต่พักหลังนี้ไม่มีวี่แววมันเลยแม้แต่จดหมายสักฉบับพ่อคุณ แถมยังต้องเลี้ยงไอ้ตัวน้อยนี้สิ ที่บ้านไม่มีอะไรจะกินพ่อเอ๊ยข้าวสารสักเม็ดยังไม่มี ยายเลยกะว่าจะมาตามหามันนี่แหละ ที่อยู่ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน มันเคยเขียนบอก แต่ถามใครเขาก็บอกว่าไม่รู้จัก ยายว่าหมดหวังแวก็คิดว่าจะกลับบ้านดีกว่า หาผักหาหญ้ากินกันตามประสากันตาย เออนี่แหนะพ่อหนุ่ม ช่วยยายสักหน่อยเถอะนะ เผื่อจะรู้จักบ้าง นึกว่าสงสารเด็กมันก็ได้ นางทำหน้าเศร้า แล้วนึกขึ้นได้ ยืนซองจดหมายเก่าๆ ที่ดูท่าจะถูกเปิดดูนับครั้งไม่ถ้วน หรือไม่ก็ทรหดอดทนมากับการเดินทางของยายแก่ผู้นี้ จึงได้ยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าเดิมของซองจดหมายลายดอกไม้แสนสวยอยู่เลย 

นี่เผื่อพ่อหนุ่มจะรู้จักบ้าง 

โอ๊ยไม่ร้งไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ โธ่เอ๊ยไม่ส่งข่าวไปบ้านนานยั่งงั้นถูกฆ่าตายไปแล้วเหรอไม่รู้ซะแล้วว่ากรุงเทพฯ มันโหดร้ายขนาดไหน? เขาพูดด้วยความโมโหระคนรำคาญ 

คำพูดของเขาทำให้หญิงชราอึ้งไปทีเดียว ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นกลับค่อยๆ ระเรื่อแดงขึ้นเรื่อยๆ หากชายหนุ่มกลับไม่ใส่ใจนำพาเท่าไร ได้แต่หันหลังแล้วเดินเข้าออฟฟิตไป 

ทันทีที่เขาผลักประตูกระจกเข้าไป สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมองมาที่เขา แต่เขาไม่สนใจ เพราะเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้วที่จะมาสายช่วยไม่ได้ก็บ้านมันอยู่ไกลนี่นา แถมรถก็ยังติดมหาประลัยอีก 

อ้าวคุณชยุตม์มาสายตามเคยนะคะ เสียงแหลมใสซึ่งเป็นของพนักงานสาวช่างจำนรรจาประจำบริษัท ดังมาข้างๆ ยิ่งก่อกวนป่วนปั่นในหัวสมองของเขาทับทวี 

ทำไงได้ล่ะครับคุณดาวดึงส์ รถติดออกอย่างนั้น แหมมันช่างเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยใช่มั้ยครับ? 
หญิงสาวที่ชื่อดาวดึงส์ที่ชอบเด้งดึ๋งหน้าหลังคนนั้นได้แต่ยัดไหล่ แต่ชยุตม์รู้ ภายใต้ท่าทางที่ดูเหมือนว่าไม่ใส่ใจนั้นแฝงรอยไว้ด้วยความแข่งขัน พูดง่ายๆ คือหล่อนเป็นคู่แข่งของเขาในการช่วงชิงตำแหน่งผู้จัดการ หลังจากที่เจ้าของตำแหน่งนี้เอ่ยปากว่าออกจะเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ และจะปลดตัวเองเสียที ระหว่างหล่อนและเขาจึงมีอะไรมากกว่าถ้อยคำที่เคลือบน้ำหวานไว้เป็นอย่างดี 

ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คะ เพียงแค่บริษัทเสียผลประโยชน์ที่ควรจะได้ไปไม่เท่าไรหรอกค่ะ อย่างคิดมากไปเลยคุณชยุตม์ คำสุดท้ายที่เป็นการเรียกชื่อเขา ฟังดูแล้วน่าขนลุกมากกว่าท่าทีที่แสร้งทำเป็นอ่อนหวานของหล่อนหลายร้อยพันเท่า เห็นไหมล่ะไม่วายที่หล่อนจะทิ้งโอกาสเหน็บแนมเขา ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนักชายหนุ่มคิด 

เขาหันมาใส่ใจงานบนโต๊ะ แต่แทนที่จะมีกองแฟ้มเอกสารเหมือนเคยกลับว่างเปล่า แม้แต่เศษกระดาษสักแผ่นยังไม่มี อะไรกัน 

เมื่อมีเวลาว่างเขาจึงมองออกไปข้างนอกผ่านผนังกระจก บังเอิญสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปมองประตูทางเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาเห็นยายแก่กับหลานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ยาแก่ที่ทำให้เขาเข้าทำงานสาย และอดทำงานชิ้นแรกของวันที่จะช่วยส่งเสริมความน่สเชื่อถือในตำแหน่งผู้จักการคนใหม่ในอนาคตบ้าง หรือพอจะลบล้างความผิดที่มาสายเป็นประจำได้บ้าง แต่งานชิ้นนั้นคงถูกตัดหน้าไปโดยแม่สาวดาวดึงส์คนนั้นแล้วอย่างแน่นอนคิดแล้วเขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ 

ยายแก่คงนั่งพิงประตูทางเข้าบริษัทกับหลายชายตัวน้อยที่นอนแอบอิงอย่างไม่ทุกข์ร้อนอาทรต่อโชคชะตาของตนเองเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ยายที่เดือดร้อนหาทางจะกลับบ้านโดยการขอเงินจากผู้สัญจรไปมา รวมถึงคุณยุทธินท์ผู้จัดการที่เดินผ่านยายไปอย่างไม่สนใจเข้าบริษัทมาเป็นคนสุดท้ายจนแล้วจนรอดนางก็ยังไม่ได้เงิน 

ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่มีใครสนใจยาย ไม่อินังขังขอบใดๆ ทั้งสิ้น ได้ยินเสียงยายร้องขอก็เมื่อเห็ฯว่าเป็นคนที่ดูจะนึกสงสารยายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลืออยู่ดี ชยุตม์คิดว่า คนเหล่านี้ก็เหมือนกับเขานั่นแหละ ใครจะเสี่ยงให้ตัวเองโดนหลอกล่ะ 

เมื่อเขาละสายตาจากยาย มองไปที่ผู้คนที่เริ่มขวักไขว่มากขึ้น เพราะเป็นเวลาที่บ่งบอกถึงชั่วโมงทำงานที่เงินเป็นตัวกำหนดชีวิต เขาก็รำพึงออกมาเบาๆ คล้ายจะกระซิบบอกเจ้าแห่งกาลเวลาว่าเขารู้สึกอย่างไร 

เฮ้อเบื่อจริงๆ เขาเบือนหน้ามองไปบนถนนที่เปรียบเสมือนแม่น้ำเน่าสายหนึ่งซึ่งมีขยะลอยตามติดกันเป็นแพยาว ก็คือรถเมล์นั่นเองที่บรรทุกคนจนเอียงล้น ผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่งเดินขึ้นรถเมล์ที่อัดแน่นราวปลากระป๋อง จะมีใครสักคนไหมหนอที่จะสละที่นั่งอันแสนสบายและเป็นที่หวงแหนให้เธอ ทุกคนมองเธอเหมือนสิ่งแปลกประหลาด สุดท้ายสตรีผู้นั้นก็ยังคงยืนเบียดผู้คนต่อไปจนเมื่อรถเมล์แล่นผ่านไปจากสายตา 

ทุกชีวิตเดินขวักไขว่คล้ายหุ่นยนต์ที่ดูเหมือนกับว่าถูกตั้งโปรแกรมกำหนดให้เดินไปตามวิถีทาง เป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เป็นมนุษย์ เขาคิดทบทวนว่ามันเป็นไปได้อย่างไร เขาก็เหมือนคนพวกนั้นน่ะสิ 

บังเอิญสายตาของเขาเหลือบแลไปเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังจูงหญิงชราพร้อมสัมภาระพรุงพรัง พาข้างถนนตรงทางม้าลายที่มีรถไหลเลื่อนเคลื่อนตัวไปช้าๆ โดยไม่หยุดยั้ง เขามองภาพนั้นอย่างทึ่งจัด ไม่น่าเชื่อเลยเขาหลงลืมไปได้อย่างไรว่าในเมืองกรุงแห่งนี้ก็ยังคงมีภาพดีๆ อย่างนี้อยู่เขาหลงลืมไปได้อย่างไรกัน? เหมือนมีแสงสว่างวาบขึ้นในใจ สมองพลันสว่างสดใสหายขุ่นมัว ดั่งจุดเทียนที่ถูกดับมาแสนนานให้สว่างไสวขึ้นอีกครา 

น้ำใจไงล่ะน้ำใจ ที่หล่อเลี้ยงให้มนุษย์เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่เพียงทำหน้าที่เหมือนมนุษย์และถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำเงิน 

ชยุตม์ลุกพรวดเดินออกประตูไป ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองอย่างงุนงง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คงมีของดาวดึงส์รวมอยู่ด้วย เขาเดินแกมวิ่งตรงไปหายายแก่ที่กำลังเดินคล้อยหลังให้อย่างหมดหวัง 

ยายครับ เดี๋ยวก่อนครับยาย ชายหนุ่มมีอาการกระหืดกระหอบเล็กน้อย 

มีอะไรหรือพ่อหนุ่ม เสียงนั้นฟังดูแหบพร่าและปร่าเครือ 

เขาสังเกตเห็นร่องรอยคราบน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้าของนางได้ถนัด พร้อมกับความรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังก็พรูมาโธ่ น่าสงสารแท้ จริงๆ แล้วคนเราทุกคนก็มีความรู้สึกเมตตากันทุกคนนี่แหละ...แต่ไม่รู้ว่าความเมตตาของแต่ละคนนั้น มันจะซ่อนลึมล้ำมากน้อยเพียงใด หากสำหรับชยุตม์แล้ว เขาพบและไม่รีรอที่จะเปลี่ยนแปรความเมตตานั้นมาเป็นความปรานี พร้อมที่จะหยิบยืนให้สองคนผู้ถูกเทพแห่งโชคชะตากลั่นแกล้งอยู่ข้างหน้าเขานี่เอง

ผมขอโทษครับ ที่ว่าลูกสาวของยายไปอย่างนั้น เขาก้มศีรษะแสดงอาการขอโทษโดยไม่มีทีท่ารังเกียจอีกต่อไป 

นี่ครับเงินค่ารถกลับบ้านกับค่ากินอีกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพอรึเปล่า ผมเองมีเงินสดติดกระเป๋าอยู่เท่านี้ ยายอย่าเป็นห่วงไปเลยนะครับ เมื่อครู่ที่ผมพูดไปเพราะอารมณ์จริงๆ แล้วอย่างไม่ต้องกังวลเลยครับ ลูกสาวยายอาจกำลังขัดสนหมุนเงินไม่ทันก็ได้ ที่มีปัญหาจริงๆ ออกถมไปครับ แกอาจจะตกงานก็ได้ ก็เลยไม่ได้ส่งเงินไปให้ ยายอย่าเป็นห่วงไปเลยนะครับ คนสมัยนี้ตกงานกันง่ายจะตาย เผลอนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็โดนไล่ออกโดยไม่รู้สาเหตุ ยายครับยายกลับไปบ้านแล้วรอลูกสาวนะครับ ไม่นานถ้าแกไม่มีที่ไปจริงๆ แกก็คงจะกลับบ้านเองล่ะครับ 

ขอบใจนะจ๊ะ คนแบบหลานนี้ช่างดีจริงพ่อคุณ ขอบใจจริงๆ อีกครั้งนะลูก เอ้า! ไอ้จุกไหว้ขอบคุณน้าเข้าสิลูก นางหันไปบอกหลานชายที่ยังคงเหม่อลอยไม่รู้เรื่องอะไร แต่เจ้าเด็กน้อยก็หันมาพนมมือไว้อย่างน่าสงสาร มือผมแห้งและดำคร่ำทั้งสองข้างยกขึ้นเหนือหัวอย่างกลัวๆ กล้าๆ 

ขอให้พ่อคุณโชคดีเน้อ การงานเจริญรุ่งเรื่องกันอีกนะลูก พรคนแก่ดีนักแหละ ยายขอให้พ่อสมปรารถนาทุกอย่างนะลูก ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันอีก หลังจากพูดจบยายก็เดินจากไปโดยทิ้งความอิ่มอกอิ่มใจไว้ให้เขา 

เขาอยากจะบอกกับยายว่าเขาเลือกที่จะเป็น พ่อหนุ่ม ของสังคมที่มีน้ำใจมากกว่าคนหมู่มากในสังคมนี้ที่ไร้น้ำใจเสียเหลือเกิน เขาอยากเป็น มนุษย์ที่แท้จริง มากกว่าหุ่นยนต์ชีวิต 

*********************************************************

สายฝนสาดเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชยุตม์มีอาการตาปรือลงเรื่อยๆ เพราะเวลาล่วงเลยมามากกว่าเที่ยงคืนแล้ว เขารู้สึกเพลียกับการเดินทาง อีกทั้งยังเหงา เพราะนอกจากเสียงเพลงจากวิทยุแล้วเขาก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนอีกเลย คงมีแต่สายฝนโหดร้ายที่กรรโชกพัดอย่างไม่ปรานีนี่กระมังเป็นเพียงเพื่อนร่วมทาง ใจหนึ่งก็กระหวัดไปถึงยายเมื่อเช้านี้ป่านนี้แกจะกลับถึงปราจีนรึยังหนอ?  

เขารู้สึกว่ามือข้าซ้ายของเขาอ่อนแรงลงบ่อยๆ จากการหมุนพักพวกมาลัย ความรู้สึกวูบเหมือนจะเคลิ้มหลับเกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นกัน ฝนยังคงตกสาดกระหน่ำอย่างไม่หนำใจหรืออย่างไรกันถึงได้ไม่ซาเม็ดลงสักเม็ดลงสักทีชายหนุ่มคิด เสียงฟ้าคะนองแว่วๆ มาเข้าหู เขารู้สึกว่าการขับรถของเขาอ่อนสมรรถภาพลงอย่างเห็นได้ชัด อยากจะหยุดพังบ้างเหมือนกัน แต่ก็กลัวเกรงว่าจะไปไม่ทันการณ์และอีกประการคือถนนหนทางที่เปลี่ยวน่ากลัวก็ไม่ได้รับประกับให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้เลย เขาจึงเลือกวิธีที่จะห้อตะบึงรถไปให้ถึงโดยเร็วที่สุด หากแต่ก็ไม่ประมาท หลายครั้งที่รถเสียหลักถลาเข้าข้างทางจนเขาต้องคอยแตะเบรคบ่อยครั้ง 

ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น จากแสงไฟหน้ารถที่ส่องสลัวตัดผ่านม่านฝน เขามองเห็นเป็นรางๆ ว่าใครคนหนึ่งกำลังข้ามถนนด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อาจเพราะความหนาวเย็นหรือแรงต้านปะทะของสายลม เขาหักหลบอย่างสุดแรง 


****************************************

ลำแสงยังคงพุ่งตรงมาที่ร่างของชยุตม์ เมื่อไรหนอมันจะมาถึงตัวเขาสักทีนานเหลือเกิน นานจนเหมือนชั่วชีวิตทีเดียว ในช่วงเวลาที่เขารอคอยพลันสติของเขาก็ระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ เพื่อนร่วมงานใช่ เพื่อนร่วมงานที่คอยประหัตประหารกัน อยู่ต่อหน้าเสมือนมิตรแต่พอคล้อยหลัง พร้อมที่จะจู่โจมเราได้ตลอดเวลา เขาจึงต้องระงังตัวอย่างเขม็งเกรียวทีเดียว 

แม่เขาตั้งใจจะบวชให้แม่ได้เห็นผ้าเหลืองสักครา แต่ก็ยังไม่มีโอกาส หรือเขาจะไม่มีโอกาสเสียแล้วหรือนี่ความดีในชีวิตหนหลัง เขาได้กระทำความดีอะไรไว้บ้างหนอ ใช่แล้วยายกับหลาน เขาได้ช่วยยายกับหลานไว้สองคนด้วยเงินจำนวนหนึ่งที่น้อยนิดพร้อมที่จะละลายหายไปได้ทุกเมื่อสำหรับเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะมากมายเหลือเกินในสายตาของยายและหลายชายนั้นนั่นจะเป็นเพียงบุญเดียวของเขาเสียแล้วหรือ? 
แสงไฟใกล้เข้ามาทุกที ทุกที จนมาถึงเขาในที่สุด 

แวบหนึ่งของสัมปปะชัญญะที่มีอยู่น้อยนิด เขานึกถึงคำพูดของยายที่ว่า หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก อุปาทานหรือไรไม่รู้ ทำให้เขารู้สึกว่ายายแก่คนนั้นกำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยท่าทางที่เป็นกังวล

------------------------------- จบ -------------------------------------				
2 กุมภาพันธ์ 2548 04:39 น.

ฤากวีมิมีอารมณ์ .

เจ้าพานทอง

....ความเปลี่ยวเหงา มันเข้ามาตอนไหน
ก็ได้ เมื่ออยู่ในฝูงชน ก็มิใช่จะไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเดียวดายหากเขา
มิได้รู้จักใจเราอย่างแท้จริง

หรือสภาพแวดล้อมอันบีบคั้นมากมายให้เราจนมุม จนตรอก
ก็อาจทำให้ จอมยุทธ อาจต้องจิ้มปลายกระบี่ไปบนพื้นดินเพื่อจะทรง
ตัวบนด้ามไว้ก่อน ฉันใด...ก็ฉันนั้น...ก่อนจะทะลวงทางตัน
ซึ่งจะไปพบสภาพอะไรต่อไป...อาจเลิศสุดฟ้าจักรวาล
หรือทะลุไปตกนรกสามขุม ...ไม่มีใครบอกได้

ชอบบทกวีนี้คุณทิกิ
เลยนำมาโพสประกอบรูป ที่คุณเมสเสจให้มา อิอิ
เจ้าพาน มีสิทธิ์ จะเขียนว่า หายกันกะคุณทิกิ เอากลอนเธอมายำ
เลยตามคุณทิกิ ท่องยุทธจักรไปคว้าคำตอบมายำมั่ง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจ้าพานทอง
Lovings  เจ้าพานทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจ้าพานทอง
Lovings  เจ้าพานทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจ้าพานทอง
Lovings  เจ้าพานทอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจ้าพานทอง