บุญเดียว

เจ้าพานทอง

ร่างที่เหมือนไร้น้ำหนักลอยขึ้นแล้วตกลงมาอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บแปลบซ่านไปทั่วทั้งร่างและไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าได้หลุดออกมาจากซากรถได้อย่างไร 
สักครู่ใหญ่สำนึกของเขาก็เตือนให้ได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้งจวนเจียนจะเป็นลม เลือดใครกันความรู้สึกมึนพร่าและปวดศีรษะเริ่มรุมเร้า ประสาทสัมผัสที่เลือนลาง สายตาเลือนมัว แต่ก็เขายังรู้สึกได้อีกว่าตัวเองกำลังนอนเปรอะอยู่บนกองอะไรเหนียวๆเลือด! 
เสี้ยวหนึ่งของสติสัมปชัญญะอันน้อยนิด ส่งให้เขาเห็นลำแสงวูบเป็นทางยาวพุ่งตรงมาที่ตัวเขา 
คงเป็นชาวบ้านที่กำลังมาช่วยเรา เขาคิดเข้าข้างตนเอง ความเต็มตื้นเอ่อล้นขึ้นมาพร้อมกับการภาวนาของให้ความคิดของเขาไม่เป็นเท็จ 
คนไทยที่มีน้ำใจยังมีอีกเยอะ แต่ถ้าเป็นแค่พวกไทยมุงล่ะ? ใจเขาพลันวูบไหวไปตามความคิด 
แล้วถ้าเป็นยมทูตล่ะไม่ได้นะเรายังไม่อยากตาย เราไม่เคยทำชั่วช้าสามานย์ที่ไหน เราทำแต่ดีเหรอ?มันก็ไม่ใช่นี่นา เราก็เป็นเหมือนกับทุกๆ คนในโลกใบนี้นั่นแหละ ที่เลวไม่เคยมี แต่ความดีก็ไม่เคยแตะเหมือนกัน 
เพียงแต่ทำไมต้องเป็นเราแต่เมื่อเช้านี้ อาใช่สิ อย่างน้อยเมื่อเช้านี้ เราได้ทำความดีเป็นบุญเดียวของเรา 
ช่างนานเหลือเกิน นานเสียจนเขาคิดว่าคงหมดหวัง แสงไฟที่เห็นอาจเป็นเพียงรถที่ผ่านมาและก็ผ่านไป ตามแบบฉบับของคนที่ไม่สนใจเพราะมันไม่ใช่กงการอะไร จะเป็นได้หรือว่าเขาจะต้องจบชีวิตลงในไม่ช้านี้เสียแล้วความทรงจำเก่าๆ ทยอยไหลย้อนมาไม่ต่างกับสายน้ำที่ไหลคืน นี่คงเป็นลักษณะของคนจะสิ้นลมกระมังโอ เขาเคยทำความดีอะไรบ้างหนอ แน่นอนที่สุดอย่างน้อยก็เมื่อเช้านี้ แต่นั่นจะเป็นความดีครั้งสุดท้ายของเขาแล้วจริงๆ หรือ? 
********************************************************************************************
รถกลางเก่ากลางใหม่แล่นฉิวไปตามถนนที่ยาวจนเหมือนจะทอดยาวไปจรดกับเมฆดำทะมึนเบื้องหน้า อีกไม่นานท้องฟ้าครึ้มนี้คงจะโปรยละอองชุ่มฉ่ำลงมาจนกระทั่งไม่ลืมหูลืมตาเป็ฯแน่ 
สองข้างทางเป็นทุ่งโล่ง นานๆ จึงจะมีต้อนไม้ใหญ่ๆ สักต้นสวนผ่านเข้ามาในฉากข้างทางที่รถแล่นเลียบ ชายหนุ่มหมุนกระจกรถยนต์ขึ้นเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเบื้องบนคงไม่พลาดโอกาสที่จะพร่างพรมความชุ่มชื้นในครมนี้ แล้วจึงเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ แทนเสียงหวีดหวิวของลมที่พัดอู้กรูเข้ามาเมื่อครู่ สมาธิตั้งมั่นที่จะขับรถยุโรปปุโรทังคันนี้ให้รอดไปถึงสระแก้วให้ได้ ด้วยเรื่องงานแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องห้อตะบันบึ่งรถมาให้ทันการณ์ก่อนที่ปัญหาที่ดินแปลงงามซึ่งบริษัทหมายตาเอาไว้ว่าจะเนรมิตให้เป็นบ้านจัดสรรแสนสวย จะยุ่งเสียก่อนเพราะน้ำมือของแกนน้ำชาวบ้านที่ปลุกปั่นเรื่องไม่ให้โครงการดำเนินต่อไปได้อย่างสะดวกทั้งการก่อสร้างและทางใจ 
มันกระทันหันมากผู้จัดการเพิ่งบอกให้ไป จัดการ เรื่อง เมื่อตอนสายของวันนี้เอง เหมือนกับเป็นโชคดีที่มีงานให้ทำหลังจากนั่งแกร่วอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างซังกะตายมาหลายวัน คงเป็ฯเพราะผลตอบแทนที่เขาทำเมื่อตอนเช้ามันส่งให้เห็นทันตาเห็นเป็นแน่ 
ใช่สิเมื่อเช้านี้เขายังรู้สึกอิ่มเองเปรมใจอยู่เลย ที่เขาเลือกที่จะเป็น มนุษย์ ที่แท้จริง ยายคนนั้นทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นคน เปลี่ยนความรู้สึกเก่าๆ ความคิดเดิมๆ จนเขามิอาจจะเก็บกับความรู้สึกเอ่อล้นท้นใจนี้ได้ ระยะทางตั้งแต่กรุงเทพฯออกมายังไม่มมีเวลาใดที่เขาไม่หยุดคิดเรื่องนี้เลย เพราะมันแสนจะทำให้เขามีความสุข แม้ว่ามันเป็นเพียงบุญเดียว บุญแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม 
เขาจำได้ว่าเขากระหืดกระหอบออกมาจากลานจอดรถอย่างไร แต่โมโหกับเรื่องปัญหารถโลกแตกนี้มากมายกว่าขนาดไหน จนทำเอาไม่ได้สนใจ แถมเบื่อหน่ายยายแก่สกปรกกับเด็กชายตัวผอมโซสองคนเสียอีก ที่มานั่งขวางทางเข้าออฟฟิตของเจ้านายเขา 
เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างจากหลานชายตัวน้อยที่นั่งดูดนิ้วอยู่ข้างๆ ทำเขารู้สึกขยะแขยง 
พ่อหนุ่ม นึกว่าสงสารยายเถอะ ยายขอตังค์ค่ารถกลับปราจีนสักหน่อยเถอะนะพ่อคู้ณ แทนที่จะเป็นใจ เขากลับชักสีหน้าใส่อย่างรำคาญใจ เมื่อได้ยิน พลางนึกในใจว่าคงเป็นพวกมาหลอกขอเงินละสิ แหมอุตส่าห์ไปหาเด็กมาเล่นละครด้วย อย่าหวังเลย 
อะไรกันยาย ไม่มีเงินแล้วมากรุงเทพฯทำไม? ดูสิหอบลูกหลานมาลำบากด้วย พูดพลางมองดูอย่างพิจารณา ผมยายยาวระบ่าเป็นสีเทาแถมพันกันยุ่งเหยิงกันทั้งศีรษะ ส่วนเจ้าเด็กน้อยสภาพก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก เสื้อผ้าที่สวมอยู่สกปรกดำด่างแทบมองไม่เห็นเค้าเดิมเลย แต่ก็ยังสองจิตสองใจ 
ยายมาตามหาลูกสาว มันมาทำงานที่กรุงเทพฯ นังเรืองมันเคยส่งเงินไปให้ยายทุกเดือน แต่พักหลังนี้ไม่มีวี่แววมันเลยแม้แต่จดหมายสักฉบับพ่อคุณ แถมยังต้องเลี้ยงไอ้ตัวน้อยนี้สิ ที่บ้านไม่มีอะไรจะกินพ่อเอ๊ยข้าวสารสักเม็ดยังไม่มี ยายเลยกะว่าจะมาตามหามันนี่แหละ ที่อยู่ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน มันเคยเขียนบอก แต่ถามใครเขาก็บอกว่าไม่รู้จัก ยายว่าหมดหวังแวก็คิดว่าจะกลับบ้านดีกว่า หาผักหาหญ้ากินกันตามประสากันตาย เออนี่แหนะพ่อหนุ่ม ช่วยยายสักหน่อยเถอะนะ เผื่อจะรู้จักบ้าง นึกว่าสงสารเด็กมันก็ได้ นางทำหน้าเศร้า แล้วนึกขึ้นได้ ยืนซองจดหมายเก่าๆ ที่ดูท่าจะถูกเปิดดูนับครั้งไม่ถ้วน หรือไม่ก็ทรหดอดทนมากับการเดินทางของยายแก่ผู้นี้ จึงได้ยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าเดิมของซองจดหมายลายดอกไม้แสนสวยอยู่เลย 
นี่เผื่อพ่อหนุ่มจะรู้จักบ้าง 
โอ๊ยไม่ร้งไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ โธ่เอ๊ยไม่ส่งข่าวไปบ้านนานยั่งงั้นถูกฆ่าตายไปแล้วเหรอไม่รู้ซะแล้วว่ากรุงเทพฯ มันโหดร้ายขนาดไหน? เขาพูดด้วยความโมโหระคนรำคาญ 
คำพูดของเขาทำให้หญิงชราอึ้งไปทีเดียว ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นกลับค่อยๆ ระเรื่อแดงขึ้นเรื่อยๆ หากชายหนุ่มกลับไม่ใส่ใจนำพาเท่าไร ได้แต่หันหลังแล้วเดินเข้าออฟฟิตไป 
ทันทีที่เขาผลักประตูกระจกเข้าไป สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมองมาที่เขา แต่เขาไม่สนใจ เพราะเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้วที่จะมาสายช่วยไม่ได้ก็บ้านมันอยู่ไกลนี่นา แถมรถก็ยังติดมหาประลัยอีก 
อ้าวคุณชยุตม์มาสายตามเคยนะคะ เสียงแหลมใสซึ่งเป็นของพนักงานสาวช่างจำนรรจาประจำบริษัท ดังมาข้างๆ ยิ่งก่อกวนป่วนปั่นในหัวสมองของเขาทับทวี 
ทำไงได้ล่ะครับคุณดาวดึงส์ รถติดออกอย่างนั้น แหมมันช่างเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยใช่มั้ยครับ? 
หญิงสาวที่ชื่อดาวดึงส์ที่ชอบเด้งดึ๋งหน้าหลังคนนั้นได้แต่ยัดไหล่ แต่ชยุตม์รู้ ภายใต้ท่าทางที่ดูเหมือนว่าไม่ใส่ใจนั้นแฝงรอยไว้ด้วยความแข่งขัน พูดง่ายๆ คือหล่อนเป็นคู่แข่งของเขาในการช่วงชิงตำแหน่งผู้จัดการ หลังจากที่เจ้าของตำแหน่งนี้เอ่ยปากว่าออกจะเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ และจะปลดตัวเองเสียที ระหว่างหล่อนและเขาจึงมีอะไรมากกว่าถ้อยคำที่เคลือบน้ำหวานไว้เป็นอย่างดี 
ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คะ เพียงแค่บริษัทเสียผลประโยชน์ที่ควรจะได้ไปไม่เท่าไรหรอกค่ะ อย่างคิดมากไปเลยคุณชยุตม์ คำสุดท้ายที่เป็นการเรียกชื่อเขา ฟังดูแล้วน่าขนลุกมากกว่าท่าทีที่แสร้งทำเป็นอ่อนหวานของหล่อนหลายร้อยพันเท่า เห็นไหมล่ะไม่วายที่หล่อนจะทิ้งโอกาสเหน็บแนมเขา ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนักชายหนุ่มคิด 
เขาหันมาใส่ใจงานบนโต๊ะ แต่แทนที่จะมีกองแฟ้มเอกสารเหมือนเคยกลับว่างเปล่า แม้แต่เศษกระดาษสักแผ่นยังไม่มี อะไรกัน 
เมื่อมีเวลาว่างเขาจึงมองออกไปข้างนอกผ่านผนังกระจก บังเอิญสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปมองประตูทางเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาเห็นยายแก่กับหลานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ยาแก่ที่ทำให้เขาเข้าทำงานสาย และอดทำงานชิ้นแรกของวันที่จะช่วยส่งเสริมความน่สเชื่อถือในตำแหน่งผู้จักการคนใหม่ในอนาคตบ้าง หรือพอจะลบล้างความผิดที่มาสายเป็นประจำได้บ้าง แต่งานชิ้นนั้นคงถูกตัดหน้าไปโดยแม่สาวดาวดึงส์คนนั้นแล้วอย่างแน่นอนคิดแล้วเขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ 
ยายแก่คงนั่งพิงประตูทางเข้าบริษัทกับหลายชายตัวน้อยที่นอนแอบอิงอย่างไม่ทุกข์ร้อนอาทรต่อโชคชะตาของตนเองเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ยายที่เดือดร้อนหาทางจะกลับบ้านโดยการขอเงินจากผู้สัญจรไปมา รวมถึงคุณยุทธินท์ผู้จัดการที่เดินผ่านยายไปอย่างไม่สนใจเข้าบริษัทมาเป็นคนสุดท้ายจนแล้วจนรอดนางก็ยังไม่ได้เงิน 
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่มีใครสนใจยาย ไม่อินังขังขอบใดๆ ทั้งสิ้น ได้ยินเสียงยายร้องขอก็เมื่อเห็ฯว่าเป็นคนที่ดูจะนึกสงสารยายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลืออยู่ดี ชยุตม์คิดว่า คนเหล่านี้ก็เหมือนกับเขานั่นแหละ ใครจะเสี่ยงให้ตัวเองโดนหลอกล่ะ 
เมื่อเขาละสายตาจากยาย มองไปที่ผู้คนที่เริ่มขวักไขว่มากขึ้น เพราะเป็นเวลาที่บ่งบอกถึงชั่วโมงทำงานที่เงินเป็นตัวกำหนดชีวิต เขาก็รำพึงออกมาเบาๆ คล้ายจะกระซิบบอกเจ้าแห่งกาลเวลาว่าเขารู้สึกอย่างไร 
เฮ้อเบื่อจริงๆ เขาเบือนหน้ามองไปบนถนนที่เปรียบเสมือนแม่น้ำเน่าสายหนึ่งซึ่งมีขยะลอยตามติดกันเป็นแพยาว ก็คือรถเมล์นั่นเองที่บรรทุกคนจนเอียงล้น ผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่งเดินขึ้นรถเมล์ที่อัดแน่นราวปลากระป๋อง จะมีใครสักคนไหมหนอที่จะสละที่นั่งอันแสนสบายและเป็นที่หวงแหนให้เธอ ทุกคนมองเธอเหมือนสิ่งแปลกประหลาด สุดท้ายสตรีผู้นั้นก็ยังคงยืนเบียดผู้คนต่อไปจนเมื่อรถเมล์แล่นผ่านไปจากสายตา 
ทุกชีวิตเดินขวักไขว่คล้ายหุ่นยนต์ที่ดูเหมือนกับว่าถูกตั้งโปรแกรมกำหนดให้เดินไปตามวิถีทาง เป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เป็นมนุษย์ เขาคิดทบทวนว่ามันเป็นไปได้อย่างไร เขาก็เหมือนคนพวกนั้นน่ะสิ 
บังเอิญสายตาของเขาเหลือบแลไปเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังจูงหญิงชราพร้อมสัมภาระพรุงพรัง พาข้างถนนตรงทางม้าลายที่มีรถไหลเลื่อนเคลื่อนตัวไปช้าๆ โดยไม่หยุดยั้ง เขามองภาพนั้นอย่างทึ่งจัด ไม่น่าเชื่อเลยเขาหลงลืมไปได้อย่างไรว่าในเมืองกรุงแห่งนี้ก็ยังคงมีภาพดีๆ อย่างนี้อยู่เขาหลงลืมไปได้อย่างไรกัน? เหมือนมีแสงสว่างวาบขึ้นในใจ สมองพลันสว่างสดใสหายขุ่นมัว ดั่งจุดเทียนที่ถูกดับมาแสนนานให้สว่างไสวขึ้นอีกครา 
น้ำใจไงล่ะน้ำใจ ที่หล่อเลี้ยงให้มนุษย์เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่เพียงทำหน้าที่เหมือนมนุษย์และถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำเงิน 
ชยุตม์ลุกพรวดเดินออกประตูไป ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองอย่างงุนงง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คงมีของดาวดึงส์รวมอยู่ด้วย เขาเดินแกมวิ่งตรงไปหายายแก่ที่กำลังเดินคล้อยหลังให้อย่างหมดหวัง 
ยายครับ เดี๋ยวก่อนครับยาย ชายหนุ่มมีอาการกระหืดกระหอบเล็กน้อย 
มีอะไรหรือพ่อหนุ่ม เสียงนั้นฟังดูแหบพร่าและปร่าเครือ 
เขาสังเกตเห็นร่องรอยคราบน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้าของนางได้ถนัด พร้อมกับความรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังก็พรูมาโธ่ น่าสงสารแท้ จริงๆ แล้วคนเราทุกคนก็มีความรู้สึกเมตตากันทุกคนนี่แหละ...แต่ไม่รู้ว่าความเมตตาของแต่ละคนนั้น มันจะซ่อนลึมล้ำมากน้อยเพียงใด หากสำหรับชยุตม์แล้ว เขาพบและไม่รีรอที่จะเปลี่ยนแปรความเมตตานั้นมาเป็นความปรานี พร้อมที่จะหยิบยืนให้สองคนผู้ถูกเทพแห่งโชคชะตากลั่นแกล้งอยู่ข้างหน้าเขานี่เอง
ผมขอโทษครับ ที่ว่าลูกสาวของยายไปอย่างนั้น เขาก้มศีรษะแสดงอาการขอโทษโดยไม่มีทีท่ารังเกียจอีกต่อไป 
นี่ครับเงินค่ารถกลับบ้านกับค่ากินอีกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพอรึเปล่า ผมเองมีเงินสดติดกระเป๋าอยู่เท่านี้ ยายอย่าเป็นห่วงไปเลยนะครับ เมื่อครู่ที่ผมพูดไปเพราะอารมณ์จริงๆ แล้วอย่างไม่ต้องกังวลเลยครับ ลูกสาวยายอาจกำลังขัดสนหมุนเงินไม่ทันก็ได้ ที่มีปัญหาจริงๆ ออกถมไปครับ แกอาจจะตกงานก็ได้ ก็เลยไม่ได้ส่งเงินไปให้ ยายอย่าเป็นห่วงไปเลยนะครับ คนสมัยนี้ตกงานกันง่ายจะตาย เผลอนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็โดนไล่ออกโดยไม่รู้สาเหตุ ยายครับยายกลับไปบ้านแล้วรอลูกสาวนะครับ ไม่นานถ้าแกไม่มีที่ไปจริงๆ แกก็คงจะกลับบ้านเองล่ะครับ 
ขอบใจนะจ๊ะ คนแบบหลานนี้ช่างดีจริงพ่อคุณ ขอบใจจริงๆ อีกครั้งนะลูก เอ้า! ไอ้จุกไหว้ขอบคุณน้าเข้าสิลูก นางหันไปบอกหลานชายที่ยังคงเหม่อลอยไม่รู้เรื่องอะไร แต่เจ้าเด็กน้อยก็หันมาพนมมือไว้อย่างน่าสงสาร มือผมแห้งและดำคร่ำทั้งสองข้างยกขึ้นเหนือหัวอย่างกลัวๆ กล้าๆ 
ขอให้พ่อคุณโชคดีเน้อ การงานเจริญรุ่งเรื่องกันอีกนะลูก พรคนแก่ดีนักแหละ ยายขอให้พ่อสมปรารถนาทุกอย่างนะลูก ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันอีก หลังจากพูดจบยายก็เดินจากไปโดยทิ้งความอิ่มอกอิ่มใจไว้ให้เขา 
เขาอยากจะบอกกับยายว่าเขาเลือกที่จะเป็น พ่อหนุ่ม ของสังคมที่มีน้ำใจมากกว่าคนหมู่มากในสังคมนี้ที่ไร้น้ำใจเสียเหลือเกิน เขาอยากเป็น มนุษย์ที่แท้จริง มากกว่าหุ่นยนต์ชีวิต 
*********************************************************
สายฝนสาดเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชยุตม์มีอาการตาปรือลงเรื่อยๆ เพราะเวลาล่วงเลยมามากกว่าเที่ยงคืนแล้ว เขารู้สึกเพลียกับการเดินทาง อีกทั้งยังเหงา เพราะนอกจากเสียงเพลงจากวิทยุแล้วเขาก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนอีกเลย คงมีแต่สายฝนโหดร้ายที่กรรโชกพัดอย่างไม่ปรานีนี่กระมังเป็นเพียงเพื่อนร่วมทาง ใจหนึ่งก็กระหวัดไปถึงยายเมื่อเช้านี้ป่านนี้แกจะกลับถึงปราจีนรึยังหนอ?  
เขารู้สึกว่ามือข้าซ้ายของเขาอ่อนแรงลงบ่อยๆ จากการหมุนพักพวกมาลัย ความรู้สึกวูบเหมือนจะเคลิ้มหลับเกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นกัน ฝนยังคงตกสาดกระหน่ำอย่างไม่หนำใจหรืออย่างไรกันถึงได้ไม่ซาเม็ดลงสักเม็ดลงสักทีชายหนุ่มคิด เสียงฟ้าคะนองแว่วๆ มาเข้าหู เขารู้สึกว่าการขับรถของเขาอ่อนสมรรถภาพลงอย่างเห็นได้ชัด อยากจะหยุดพังบ้างเหมือนกัน แต่ก็กลัวเกรงว่าจะไปไม่ทันการณ์และอีกประการคือถนนหนทางที่เปลี่ยวน่ากลัวก็ไม่ได้รับประกับให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้เลย เขาจึงเลือกวิธีที่จะห้อตะบึงรถไปให้ถึงโดยเร็วที่สุด หากแต่ก็ไม่ประมาท หลายครั้งที่รถเสียหลักถลาเข้าข้างทางจนเขาต้องคอยแตะเบรคบ่อยครั้ง 
ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น จากแสงไฟหน้ารถที่ส่องสลัวตัดผ่านม่านฝน เขามองเห็นเป็นรางๆ ว่าใครคนหนึ่งกำลังข้ามถนนด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อาจเพราะความหนาวเย็นหรือแรงต้านปะทะของสายลม เขาหักหลบอย่างสุดแรง 
****************************************
ลำแสงยังคงพุ่งตรงมาที่ร่างของชยุตม์ เมื่อไรหนอมันจะมาถึงตัวเขาสักทีนานเหลือเกิน นานจนเหมือนชั่วชีวิตทีเดียว ในช่วงเวลาที่เขารอคอยพลันสติของเขาก็ระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ เพื่อนร่วมงานใช่ เพื่อนร่วมงานที่คอยประหัตประหารกัน อยู่ต่อหน้าเสมือนมิตรแต่พอคล้อยหลัง พร้อมที่จะจู่โจมเราได้ตลอดเวลา เขาจึงต้องระงังตัวอย่างเขม็งเกรียวทีเดียว 
แม่เขาตั้งใจจะบวชให้แม่ได้เห็นผ้าเหลืองสักครา แต่ก็ยังไม่มีโอกาส หรือเขาจะไม่มีโอกาสเสียแล้วหรือนี่ความดีในชีวิตหนหลัง เขาได้กระทำความดีอะไรไว้บ้างหนอ ใช่แล้วยายกับหลาน เขาได้ช่วยยายกับหลานไว้สองคนด้วยเงินจำนวนหนึ่งที่น้อยนิดพร้อมที่จะละลายหายไปได้ทุกเมื่อสำหรับเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะมากมายเหลือเกินในสายตาของยายและหลายชายนั้นนั่นจะเป็นเพียงบุญเดียวของเขาเสียแล้วหรือ? 
แสงไฟใกล้เข้ามาทุกที ทุกที จนมาถึงเขาในที่สุด 
แวบหนึ่งของสัมปปะชัญญะที่มีอยู่น้อยนิด เขานึกถึงคำพูดของยายที่ว่า หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก อุปาทานหรือไรไม่รู้ ทำให้เขารู้สึกว่ายายแก่คนนั้นกำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยท่าทางที่เป็นกังวล
------------------------------- จบ -------------------------------------				
comments powered by Disqus
  • พุด

    12 มกราคม 2549 19:18 น. - comment id 88973

    10.gif16.gif29.gif
    พี่พุดค่ะน้องพานทอง(แท้)
    อ่านละเมียดแล้วก็รู้สึกว่า
    ราวกับกำลังสัมผัสผลงาน
    นักเขียนเรื่องสั้นระดับแถวหน้าแล้วค่ะ
    พี่พุดชื่นชมมากเลยค่ะ
    จะรอท่าอ่านงานแนวนี้อีกนะคะ
    สอนเตือนจิตดีค่ะ
    งามเหลือ..ล้ำ..
    16.gif36.gif
    
    พี่พุดอยากให้น้องเข้าไปหน้าส่วนตัวนะคะ
    แล้วช่องแรกที่มีเครื่องหมายถูกคลิ๊กเข้าไป
    แล้ว
    เริ่มอ่านใหม่ผลงานตัวเอง
    จากนั้นก็แก้ค่ะ
    คำที่สะกดผิดเล็กๆน้อย
    แล้วโพสต์กลับมาใหม่ค่ะ
    นะคะ
    เพราะบางทีเรารีบลง
    ยังไม่ได้ตรวจทาน
    พี่พุด
    บางทีกว่างานจะลงตัวแก้
    จนคนอ่านไปเกือบห้าสิบแย้วค่ะอิอิ
    
    รักล้นใจนะ
    อย่าลืมไปดูภาพในงานพี่พุด
    *สิ้นสไบ* นะคะ
    
    พี่พุดไพรค่ะ
    
    36.gif16.gif
  • กวีปกรณ์

    13 มกราคม 2549 02:14 น. - comment id 88976

    ใช่  ๆ พี่เจ้าพานทองแท้
    ผมว่าลองแก้ไขงานก่อนนะคับ
    
    ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจว่า อ่านมาคร่าว ๆ โครงเรื่องน่าสนใจ แต่ว่ามีที่พิมพ์ผิดไป ลองแก้นิดนึงนะ
    
    เด๋วจะแวะมาอ่านอีกรอบตอนนี้ง่วงมาก แปะไว้ก่อนนะคร้าบ
  • อัลมิตรา

    13 มกราคม 2549 10:05 น. - comment id 88980

    เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างจากหลานชายตัวน้อยที่นั่งดูดนิ้วอยู่ข้างๆ ทำเขารู้สึกขยะแขยง 
    
    
    นึกภาพตามแล้วปวดใจ เราเห็นบ่อย ๆ แต่ไม่รู้จะช่วยเหลือให้หมดได้อย่างไร
    
    เท่าที่มี .. แบ่งปันกัน เท่าที่ทำได้
    แต่เราก็ไม่อยากเห็นอีกเลย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน